“นีรามน” สุ้มเสียงนุ่มหวานทว่าทำให้ผู้คนที่ได้ยินรอบข้างบางส่วนพากันขนหัวลุกชัน
ราวกับสุ้มเสียงมัจจุราชในที...
ทว่าหาได้ทำให้เจ้าของนามกริ่งเกรง นีรามนคล้ายกับเตรียมพร้อมรับกับสถานการณ์นี้อยู่แล้ว
เธอคั่วคบอยู่กับคนอันตรายและยิ่งใหญ่อย่างศิรินภาแล้ว เรื่องแบบนี้ย่อมเกิดขึ้น
แน่นอนว่าศิรินภาก็เคยเตือนเธอเช่นกัน...
ทว่านีรามนกลับยังยืนหยัดอยู่เคียงข้างคุณภา...จนอาจดูเป็นเหมือนผู้หญิงไร้ยางอายในสายตาใครต่อใคร
โดยเฉพาะกับผู้หญิงตรงหน้าเธอกระมังที่อดรนทนไม่ไหวต้องมาบีบคั้นเธอต่อหน้าใครต่อใคร
คนที่ได้ชื่อว่าเจ้าเล่ห์ โหดร้าย และเอาแน่อานอนไม่ได้ ที่ฟันผ่าเรื่องสีเทามามากมายจนได้กลายเป็นนารยพยัคฆ์คนปัจจุบัน
พันทิวา...
หล่อนถือวิสาสะเข้ามา เดินยุตรยาตรเข้ามา ท่ามกลางการคำนับของพวกคนที่นี้ หล่อนเมินเฉยการสรรเสริญที่ชินชากับมันเสียแล้ว เพราะสายตาคมกริบทอดมองไปยังคนคนเดียว
แผ่นหลังเล็กทว่าดูอวดดีนั่นยังคงเชิด ยิ่งทระนงเสียจริง...
แขกที่ไม่ได้รับเชิญถือวิสาสะยิ่งนัก...นั่งลงตรงกันข้ามกับนีรามน
ทั้งที่ที่ตรงนั้นเป็นของศิรินภา เรามักจะมาที่ร้านนี้เสมอ เพราะเป็นร้านที่คุณภาชอบ ด้วยความเทิดทูน นีรามนจึงตามใจอีกคนเสมอ เช่นเดียวกันกับที่คุณภาก็ตามใจเธอเช่นกัน
“นีรามน แปลว่าไม่มีมลทิน” ริมฝีปากกอปรกับแววตานั้นช่างราวจะเยาะเย้ย “ฉันไม่เก่งภาษาไทยเท่าไหร่ แต่ก็น่าจะเดาถูกใช่มั้ย”
“…” นีรามนหน้านิ่ง ไม่ตอบคำ มิคิดจะร้องไห้หรือขอความช่วยเหลือกับผู้ติดตามของศิรินภาที่ส่งคนมาคอยคุ้มกันเธอสักนิด
“แต่ดูท่า” สายตาสีนิลคมกริบที่เคยสวยสะกดครานี้กลับดุดันจนแทบปลิดลมหายใจคนมองทิ้งเสีย พันทิวาไล่สายตามองนักศึกษาสาวอย่างจาบจ้วง...
ราวกับจะเปลื้องชุดนิสิตถูกระเบียบที่ช่างขัดหูขัดตานั่นออกให้หมด “เธอน่าจะตรงกันข้ามกับชื่อนะ”
นีรามนเพียงกดยิ้มเล็กน้อย จนแทบไม่สังเกตเห็นถ้าไม่มองเจาะจง
ผู้หญิงคนนี้มันใจเด็ด...ส่งให้พันทิวาคิดแบบนั้น ริมฝีปากยกยิ้มราวกับเจอเรื่องถูกใจ ลงมาจากทางเหนือครั้งนี้คงมีเรื่องสนุก ๆ ให้ทำโข...
แต่จะใจเด็ดได้อีกแค่ไหนกันหนอ...
นักศึกษาสาวลุกขึ้นยืน สายตาจับจ้องไปที่คนคนเดียว...อย่างที่ไม่เคยมีใครกล้าที่จะจับจ้องหล่อนแบบนี้ได้นานนัก เพราะส่วนใหญ่หากไม่กลายเป็นเถ้าไปแล้วก็คงเลี้ยงไม่โตไปแล้ว ณ ตอนนี้
นีรามนหยิบแก้วน้ำทรงสวยที่บรรจุน้ำเปล่าไว้ ติดตัวไปด้วย
นีรามนเดินเข้าไปดุ่ม ๆ หาได้กลัวเกรงมัจจุราชสีเงินหลายกระบอกที่เรียงตัวกันเพื่อลั่นไกปลิดลมหายใจของเธอ
เพราะด้านหลังของเธอก็มีคนของศิรินภาคอยคุ้มกันอยู่ไม่ต่าง มันเลยทำให้เธอไม่กลัวสิ่งใด
หรืออันที่จริง เธอมันบ้าบิ่นแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร...
ดังนั้นในสายตาของบุคคลภายนอกที่พอจะชะโงกหน้าจากโต๊ะทานอาหารขึ้นมาสอดรู้สอดเห็น ยังดีที่ไม่มากมายเท่าไหร่นักต่อการยัดเงินปิดข่าว...
จึงเป็นภาพที่ทั้งสองฝั่งที่ต่างมีชายชุดดำยืนคุมด้านหลัง ต่างประจันหน้ากันและเล็งปืนใส่กันและกันไม่ลดละ
หนึ่งเป็นนักศึกษาสาวที่ไม่สะท้านต่อสิ่งรอบกาย ช่างผิดวิสัยความสดใสของเด็กสาววัยนี้ยิ่งนัก เป็นลูกเต้าเหล่าใคร?
และอีกหนึ่ง...เป็นบุคคลที่พวกเขาเหล่าชนชั้นสูงในแวดวงสังคมคุ้นหน้าคุ้นตา ทว่าไม่อยากคุ้นเคยนักหรอกหากไม่จำเป็น
ริมฝีปากเคลือบสีเบอร์กันดีคลี่ยิ้มพราย กอดอกมองเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม พันทิวายังคงนั่งไขว่ห้าง มองดูสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตนเองอย่างไม่ยี่หระสักกระผีก
มองสำรวจ ๆ ดู ก็ไม่แปลกที่น้องฉันมันจะหลงขนาดนี้... หล่อนคิดในใจอย่างพึงพอใจ
ผิวนวลผุดผาดราวกับลูกผู้ดีที่ไหน เรือนร่างซ่อนรูป เอวเป็นเอว อกเป็นอก สะโพกพอดีมือมากพอตัวกระมัง ทุกอย่างซ่อนอยู่ในชุดนิสิตถูกระเบียบ กระโปรงพลีตตัวยาวกรอมเข่านั่น
สายตานั้นช่างจาบจ้วง
จนเมื่อนีรามนกระทำสิ่งที่ไม่มีใครหาญกล้าทำในเสี้ยววินาทีนั้น
เธอลดแก้วที่ทำท่าจะสาดใส่หน้าของคนตรงหน้าลง เปลี่ยนมาเบี่ยงเทมันข้างกาย
เสียงสายน้ำที่รินไหลซึมลงพื้นพรม เย็นเยียบพอกันกับบรรยากาศ ณ ที่แห่งนั้นตอนนั้น
เป็นบรรยากาศที่มิอาจกล้ามีใครเข้ามาขัดแม้แต่เจ้าของสถานที่ตัวจริงที่ลูกน้องพากันส่งเรื่องไปเรียนให้ทราบ
เพราะพากันรู้ถึงกิตติศัพท์ของนารยพยัคฆ์ดี...รวมทั้งนราธิปกด้วยเช่นกัน
ก่อนแก้วน้ำนั้นจะว่างเปล่า นีรามนกำมันไว้แน่น อย่างที่มิเกรงกลัวว่ามันจะแหลกสลายคามือจนได้เลือด
หล่อนกอดอก จุดยิ้มประดับใบหน้าปราณีต “อวดดี”
นีรามนเพียงหลับตาฟัง เป็นผู้ฟังที่ดี ดู ๆ แล้วก็เหมือนลูกแมวตัวน้อยที่ถูกจับให้กึ่งนั่งนอนบนตัก แล้วฟังหล่อนระบายความทุกข์ภายใน “เขาโดดเด่นกว่าฉันเสมอ ทั้งที่มาทีหลัง แต่ฉันดันถูกเอาไปเปรียบเทียบกับเขา” น้ำเสียงของศิรินภารวมทั้งสายตาดำมืดลง “ทั้งที่เป็นคนที่ไม่มีใครต้องการแท้ ๆ” ฝ่ามือกำเข้าหากันแน่นจนสั่นเทา น้ำเสียงเจือความต่ำต้อยน้อยใจด้อยค่าตนเองอย่างน่าตกใจ ทว่าเมื่อมีมือหนึ่งของเด็กน้อยเข้ามาทาบทับ เมื่อนั้นความคิดน้อยใจและความคิดลบ ๆ ทุกอย่างก็มลายหายไป เมื่อหันไปมองเจ้าของมือข้างนั้น ศิรินภาจึงให้ชะงักงัน… เมื่อสายตาของเด็กที่คิดว่าเพียงฟังหล่อนแบบผ่าน ๆ เท่านั้นกลับลืมตาขึ้นเพื่อสบสายตากับหล่อน ราวกับตั้งใจฟังทุกคำพูดของหล่อน คำพูดที่มันแทบจะไม่มีผลได้ผลเสียอันใดเลยกับเด็กคนนี้ หรือทำไปเพื่อเอาใจหล่อน? อย่างไรก็ตาม…บอกเลยว่าเด็กคนนี้ทำสำเร็จ “ความพยายามของคุณมันมีค่า อย่าดูถูกความพยายามของตัวเองสิ” ท่ามกลางความสลัวราง สายตาของนีรามนมั่นคงจริงใจ เปล่งประกาย เหมือนดาวท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิด คอยส่องแสงสว่างนำทางใจที่หลงทาง “คุณพยายามเพื่อที่จะทำให้คนที่คุณรักภูมิใจ สำหรั
Thinkin Bout You สายตาเจ็บปวดของนีรามน...เด็กคนนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในห้วงคำนึงของหล่อน หล่อนกำลังรู้สึกผิด? ไม่มีทาง เด็กนั่นมันกำลังแสดง เสแสร้ง ที่ร้องไห้...เพราะอยากให้ฉันสงสาร หรือเพราะเจ็บจริงกันแน่? “เป็นแค่พนักงานเสิร์ฟเท่านั้นค่ะ ถึงจะน่ารักจิ้มลิ้มถูกใจแขก แต่เขาก็ยืนยันว่าไม่รับงานอื่นนอกจากงานครัว” ดิษยาเคยกล่าวกับพันทิวาว่าอย่างนั้น และหล่อนก็รับรู้ตั้งแต่แรกแล้ว ทว่าก็ยังเลือกที่จะรังแกเด็กนั่น ทำให้ตื่นกลัว... ก็แค่เด็กเสิร์ฟ...แค่เด็กเสิร์ฟ แต่ทำไมยังไม่ออกไปจากหัวสักที? “อีกอย่าง...ต่อจากนี้คงจะรับงานอื่นไม่ได้แล้วล่ะค่ะ เจ้าของดุขนาดนั้น” ดิษยาว่าอย่างมีนัย ซึ่งพันทิวาก็รับรู้ดีว่าเพราะอะไร กลับมายังปัจจุบัน ศิลาอยู่ ณ มุมห้อง พันทิวายกไวน์แดงขึ้นจิบ ภายในเพนท์เฮาส์ที่ถูกเปิดเพียงไฟจากด้านนอกดาดฟ้า แสงภายในจึงสลัวราง แสงไฟระยิบระยับจากเมืองหลวงเบื้องล่างสวยงามเหลือเกิน แต่ในอกกลับว่างเปล่าเหมือนเพนท์เฮาส์หลังนี้ที่ไม่มีใครเลย สายตาคมกริบจับจ้องยังทิวทัศน์มหานคร... คืนนี้ไม่มีใครที่จะได้อยู่กับหล่อนทั้งนั้น ไม่มีใคร . . . นีรามนยิ้มแย้ม ยกมือไหว้ตอบก
สายตาของนีรามนเปิดมองยังคนมาใหม่ที่ยังคงยืนนิ่ง กอดอก ช่วยเธอหน่อย...นีรามนส่งสายตาเชิงขอร้อง ทว่าหญิงสาวคนนั้นกลับมองตอบตาเธอ แล้วยกยิ้ม นีรามนเกือบจะถอดใจ ทว่าสุดท้ายเธอคนนั้นกลับเข้าหาแขกกิตติมศักดิ์ ซึ่งนีรามนมั่นใจว่าหาใช่เพราะผู้หญิงคนนี้อยากช่วยเหลือเธอไม่ “ดูเหมือนคุณแพรจะเข้าใจผิดนะคะ วินอยู่นี่ค่ะ เด็กคนนั้นก็แค่เด็กเสิร์ฟ...” “เธอจะหาว่าฉันเลอะเลือนงั้นสิ” สุ้มเสียงที่พาให้นีรามนหนาวเยือกไปทั้งสันหลัง กอปรกับที่ได้มองสบสายตาคมสวยที่อยู่ชิดใกล้...ที่ยังคงไม่ห่างไปไหนแม้นีรามนจะพยายามขัดขืนเพียงใดก็ตาม พลันสายตาคมสวย เปลี่ยนเป็นดุดัน ห้ำหั่นคนที่เข้ามาขัดจังหวะไม่ดูตาม้าตาเรือ นีรามนรู้สึกถึงความอันตราย และรู้สึกอยากช่วยเหลือผู้หญิงคนนั้นขึ้นมา ทั้งที่ลำพังตนเองนี่แหละที่ยังเอาตัวไม่รอด ทว่า...หญิงสาวคนนั้นกลับทำให้นีรามนรู้สึกเหนือคาด “เปล่านะคะ วินแค่จะเสนอ... ว่าวินน่ะดีกว่าเป็นไหน ๆ” ว่าพร้อมเยื้องย่างเข้าใกล้ หย่อนก้นนั่งลงไม่ใกล้ไม่ไกลอีกฝั่งของโซฟายาวกว้าง “ระดับคุณแพรน่ะเหมาะสมกับสิ่งที่ดีที่สุด หรือไม่ใช่” ความเงียบคลี่คลุมทั้งห้องแอร์เย็นเฉียบ ก่อนน
มือบอบบางที่แข็งแรงกว่าที่คาด แยกเรียวขาของนีรามนออก กระโปรงตัวสั้นที่เมื่อนั่งก็ร่นขึ้นจนเห็นต้นขาอยู่แล้วก็ยิ่งเลิกขึ้นเมื่อมือร้อนแทรกเข้าไปสัมผัสกับกลีบกุหลาบที่ซ่อนตัวอยู่ภายใต้ชั้นในเนื้อบางนุ่ม เสียงครางอย่างพยายามกักกลั้น สีหน้าที่นิ่วนั้นช่างน่ามอง ลมหายใจที่ขาดห้วงราวกับจะขาดใจให้ได้นั่น เด็กน้อยพยายามดิ้นออกจากตักราวลูกแมวน้อยในอยู่ในกำมือหล่อน ทว่าเมื่อหาทางรอดให้ตนเองไม่ได้ จึงซุกหน้าเข้ากับไหล่ของเธออย่างต้องการหลบความสะเทิ้นอาย เนื้อตัวสั่นเทา ลมหายใจและเสียงครางแผ่วขาดห้วงเป็นระยะ พันทิวาทอดสายตามองผลงานที่ตนเองบรรจงทำ ริมฝีปากกดจูบที่หัวไหล่นวลของเด็กน้อย ปลายนิ้วเริ่มสัมผัสได้ถึงความชื้นฉ่ำที่คงหวานล้ำ มือจึงละออกจากส่วนนั้นให้เด็กน้อยหวิวเล่น เข้าไปเกี่ยวแก้วบรั่นดีขึ้นมาดื่มอีกหน ก่อนจะโน้มใบหน้าช้อนเข้าหา แล้วจูบเด็กบนตักที่บัดนี้ไม่ทันตั้งตัวกับจูบนี้ จึงเผลอกลืนบรั่นดีรสร้อนแรงเข้าไปเต็มกลืน บางส่วนหยาดหยดหกเลอะเทอะเสื้อยืดสีขาวตัวน้อย จูบยังคงดำเนินต่อไป นีรามนเริ่มต่อต้านน้อยลงเพราะความร้อนรุ่มที่แผดเผาตามลำคอและช่องท้อง ก่อนจะลามไปทั่วทั้งกาย ตัดกับอากา
หน้าห้องมีการ์ดถึงสี่คนด้วยกันที่คุมอยู่หน้าประตู ประจำหลักกันคนละทิศ ทว่านีรามนกลับไม่สนใจ เธอสนแค่หน้าที่ของเธอ เพียงแค่เดินเข้าใกล้ หนึ่งในนั้นที่ยืนอยู่ใกล้ประตูจึงถอยให้เธอและเปิดประตูบานหนาหนักให้เสร็จสรรพ นีรามนเดินเข้าไปพร้อมถาดเสิร์ฟผลไม้หลากหลายฉ่ำเย็นมีคุณภาพ แอร์เย็นเฉียบปะทะเข้าใบหน้าและผิวกายที่โผล่พ้นเสื้อสีขาวแขนกุดและกระโปรงสั้นอวดเรียวขา ทว่านีรามนกลับยังทำหน้าที่ของตนเอง ไม่สบสายตากับใครทั้งนั้น แม้จะนึกแปลกใจที่ในห้องนี้โล่ง ไม่มีหญิงสาวสวย ๆ เยอะแยะดังที่เธอคาดการณ์ไว้ก่อนหน้า ทว่ากลิ่นอายอันตรายที่คืบคลานและวนเวียนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนั้นคล้ายจะช่วงชิงลมหายใจของเธอไปได้ทุกเมื่อ เสียงแค่นหัวเราะหวานดังขึ้น “คำว่าศักดิ์ศรีคงใช้ไม่ได้สำหรับเธอหรอกมั้ง นีรามน” นีรามนที่กำลังวางถาดผลไม้ถึงกับนิ่งค้าง เมื่อเงยหน้าขึ้นมองจึงคล้ายร่างกายถูกสาปให้เย็นเฉียบ กอปรกับที่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันของอีกคนที่ส่งมาทางเธอ ช่างดูถูกเหยียดหยามเธอให้จมดินสิ้นดี นีรามนข่มกลั้นความรู้สึกที่เหมือนหัวใจคล้ายถูกบดบี้ ยิ้มไม่ออก ทั้งควรยิ้มอย่างมีมารยาทต่อแขกคนสำคัญของคลับ “น้องฉันมั
มองดูท่าทีของพันทิวา พบว่าเจ้าตัวแค่นยิ้ม...ยิ้มที่ไม่ถึงดวงตา เท่านั้นนีรามนจึงเบาใจ เธอตบตาอีกฝ่ายสำเร็จ ทั้งที่ในใจนั้นเจ็บปวดราวกับโดนน้ำกรดราดรด พันทิวาแค่นยิ้ม “ถ้างั้นก็ช่วยปอกลอกให้มันตลอดรอดฝั่งสิ ช่วยเป่าหูให้น้องฉันมันทำตามที่ฉันสั่งหน่อย ผลประโยชน์เข้าตัวเธอล้วน ๆ เลยนะ” “บอกให้มันทำตามที่ฉันต้องการ แค่นั้น...” พันทิวายกยิ้มหยัน อย่างดูแคลนอย่างถึงที่สุด “ส่วนจะไปกินกันลับหลังยังไง ฉันไม่ขัดอยู่แล้ว” นีรามนยกยิ้ม ไม่พูดอันใด เพราะหากพูดมากกว่านี้อีกฝ่ายคงจับสังเกตถึงเสียงสั่นเครือของเธอเป็นแน่ “ขอบคุณที่เลี้ยงอาหารค่ะ” นีรามนยกมือไหว้หล่อนตามประสาเด็กเคารพผู้ใหญ่ ก่อนจะกระชับกระเป๋าผ้าเดินจากอีกฝ่ายไป น้ำตาหยดหนึ่งรินไหลอาบแก้ม นีรามนใช้หลังมือเช็ดมันออกอย่างไม่ไยดี . . . “หยุด” เสียงเรียบเรื่อยดังจากที่นั่งด้านหลัง ชานนท์ทำตามทันที เขามองสังเกตสายตาของนายจากกระจกมองหลัง นายของเขากอดอก เมียงมองไปยังทางเข้าของห้างไม่ไกลจากถนนใหญ่นัก มองเห็นเด็กสาวในชุดนิสิตเรียบร้อยเดินออกมาจากตัวห้าง พร้อมกับเด็กนักเรียนหญิงวัยมัธยมปลายอีกสองคนที่ยกมือไหว้ติวเตอร์ของพว