ห้องทำงานบนชั้นแปดของตึกสำนักงานเป็นพื้นที่สำหรับผู้บริหาร ห้องมุมสุดทางเดินคือห้องทำงานของประธานบริษัทคนปัจจุบันอย่างเดชา ซึ่งตอนนี้ว่างเนื่องจากประธานคนปัจจุบันส่งไม้ต่อให้กับลูกชายคนโตในการดูแลกิจการ ส่วนตัวเองก็อยู่บ้าน ปลูกต้นไม้ หากิจกรรมทำแก้เบื่อขณะเคี่ยวเข็ญให้ลูกชายรีบหาเมียสร้างครอบครัว จะได้มีทายาทสืบสกุลสมใจ
ถัดมาอีกหน่อยเป็นห้องทำงานที่ใหญ่ไม่ต่างจากห้องแรก ด้านหลังประตูไม้สีน้ำตาลบานใหญ่เป็นห้องของรองประธานบริษัท ภายในอัดแน่นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เหมาะกับหนุ่มบ้างานเป็นที่สุด ทั้งตำแหน่งวางโต๊ะทำงานยังมุมที่ดีที่สุดของห้อง ตั้งริมหน้าต่างเพื่อที่จะได้มองวิวด้านนอก มีโต๊ะประชุมขนาดแปดคนนั่งตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม และยังมีห้องจัดเก็บเอกสารสำคัญภายในบริษัท
อีกฟากห้องเป็นโซนรับแขก โดยเจ้าของห้องเลือกโซฟาหนังอย่างดีสีเทาตัดกับโต๊ะกาแฟสีดำ มีต้นไม้ ภาพวาดประดับตกแต่งเพื่อให้มีจุดพักสายตายามต้องเคร่งเครียดกับสารพัดปัญหายิบย่อยภายใน ทั้งห้องตกแต่งในสไตล์โมเดิร์นออกสีเทาและดำเป็นหลัก ให้ความรู้สึกขึงขังหนักแน่นบ่งบอกถึงตัวตนเจ้าของห้องได้เป็นอย่างดี
BBK Engineering เป็นบริษัทผลิตเครื่องจักรตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่จะเป็นโรงงานขนาดกลางและขนาดใหญ่ ที่บางครั้งไม่สามารถสั่งซื้อเครื่องจักรให้ตรงตามความต้องการได้ก็จะมาจ้าง BBK Engineering นอกจากนั้นทางบริษัทยังช่วยคำนวณวางโครงสร้างเครื่องจักรภายในโรงงานให้ทุกอย่างสามารถรันงานต่อกันเป็นลำดับ
พนักงานที่อยู่ในสำนักงานจะเป็นทีมวิศวกรเป็นหลัก มีหน้าที่จะต้องออกแบบ คำนวณโครงสร้างเครื่องจักร ดูระบบไฟฟ้า แรงดัน ปริมาณตามที่ลูกค้าระบุมา หลังผ่านการทดสอบความถูกต้องเรียบร้อย ก็สั่งชิ้นส่วนต่างๆ จากโรงงานเล็กเพื่อมาประกอบยังโรงงานใหญ่ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรีเพื่อตรวจสอบการทำงานอีกครั้ง ก่อนจะขนย้ายไปติดตั้งยังบริษัทลูกค้า และยังดูแลซ่อมบำรุงเครื่องจักรหลังการขายด้วย ทำให้แม้ออร์เดอร์ต่อปีจะไม่มากนัก แต่ราคาต่อเครื่องนั้นมีมูลค่ามหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่ลูกค้าจะเป็นบริษัทเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์แปรรูปอาหารเป็นหลัก จึงมีแต่แบรนด์ดังขึ้นห้างมาเป็นลูกค้าประจำ
แผ่นดินเข้ามาศึกษางานตั้งแต่อายุยี่สิบห้าปี หลังจบปริญญาโทที่สหรัฐอเมริกา ก่อนจะขึ้นนั่งตำแหน่งรองประธานบริษัทเมื่อปีที่แล้ว และเริ่มทำการปฏิรูปองค์กรที่ยังติดภาพการบริหารแบบเดิมๆ อยู่กันเป็นครอบครัวตั้งแต่สมัยรุ่นเดชาบริหาร นั่นจึงค่อนข้างเป็นปัญหาใหญ่ หัวหน้างานอาวุโสมักไม่ค่อยผลักดันเด็กจบใหม่ศักยภาพดี ทำให้บริษัทไม่พัฒนาและมีปัญหามากมายให้ต้องจัดการอยู่เสมอ
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้รองประธานหนุ่มมาดขรึมละสายตาจากเอกสารตรงหน้า เขาคานรับเบาๆ ไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกพร้อมร่างกลมๆ ของเลขาส่วนตัววัยกลางคน
"ครับ?" เขาเอ่ยถามอดีตเลขาของบิดา ค่อนข้างให้ความเคารพอีกฝ่ายไม่น้อย เนื่องจากอุษาถือว่าเป็นคนเก่าแก่ของบริษัท และคอยสอนงานตอนที่แผ่นดินเข้ามาศึกษางานในช่วงแรก ก่อนที่เธอจะย้ายตำแหน่งมาเป็นเลขาให้เขาแทน
"ดิฉันเตรียมเอกสารเก่าที่คุณแผ่นดินขอเอาไว้แล้วนะคะ ไม่ทราบว่าให้ยกไปไว้ที่ไหนคะ"
"เอาวางไว้ที่โต๊ะคุณอุษาเลยครับ แล้วโทรเรียกเด็กยกไปไว้ที่ห้องทำงานเก่าของผม ไม่ต้องหอบไปเองนะครับ"
แผ่นดินหลุบมองหน้าท้องนูนของเลขาที่ย่างเข้าสู่ช่วงห้าเดือนด้วยความเห็นใจ ซึ่งอีกฝ่ายก็ส่งยิ้มให้ ตอบรับ แล้วค้อมศีรษะทำความเคารพก่อนจะหมุนกายตุ้ยนุ้ยจากไป
"เข้าใจแล้วค่ะ"
แม้จะไม่ค่อยเข้าใจเหตุผลก็ตาม แต่เธอก็เลือกที่จะไม่ถามว่าเจ้านายว่าจะเอาเอกสารเก่ามากมายไปทำอะไร แถมยังให้ไปวางที่ห้องเก่าอีก เชื่อว่าคนฉลาดเฉลียวอย่างแผ่นดินคงมีแผนการในใจแน่นอน
ชายหนุ่มร่างสูงก้มหน้าขมวดคิ้ว กลับไปจดจ่อการงานตรงหน้าอีกครั้ง จริงอย่างที่อุษาคิดเอาไว้ เขามีแผนการใหญ่ที่ต้องแอบลงมือเงียบๆ รออยู่ และนั่นเป็นความลับสุดยอดที่แม้แต่เลขาประจำตัวเขาก็จะไม่ปริปากบอกเช่นกัน
อีกด้าน
เด็กฝึกงานทั้งสามสวมชุดนักศึกษาต่างมหาลัยพร้อมป้ายห้อยคอ เดินจับกลุ่มออกมาจากห้องอาหารโอ่อ่ากว้างขวางของบริษัทบริเวณชั้นสองของอาคารในช่วงพักเที่ยงหลังรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว
ช่วงแรกงานที่ใยไหมได้รับมอบหมายก็เป็นงานจิปาถะหรือจะเรียกว่าเบ๊สารพัดประโยชน์ก็ได้ ทั้งพวกงานเดินเอกสาร ถ่ายเอกสาร ซื้อน้ำให้พี่ๆ ในแผนก และเธอเองก็ได้มีโอกาสคุยกับสองสาวนักศึกษาฝึกงานร่วมแผนกอย่างหยกและวิว
ทั้งสามแนะนำตัวกันตามมารยาท พวกเธอยังจะต้องเจอหน้ากันไปอีกสี่เดือนเต็มหลังจากนี้
วิวเป็นสาวหน้าตาดีคนหนึ่งเลยทีเดียว ผมลอนสีน้ำตาลอ่อนยาวจรดกลางหลัง เพียงแค่วันแรกหญิงสาวก็จัดกระโปรงสั้นเต่อและเสื้อนักศึกษารัดรูปอวดสัดส่วนภายใน แถมยังแต่งหน้าจัดเต็มพร้อมขนตาปลอมยาวเฟื้อย
ส่วนหยกเป็นสาวท่าทางเงียบๆ ติ๋มๆ ไม่แต่งตัว เธอสวมชุดนักศึกษาตัวหลวมพร้อมกระโปรงพลีตยาวคลุมเข่า ดูเป็นคนไม่กล้ามีปากมีเสียงกับใครนัก
เพียงแค่ใช้เวลาในช่วงพักกลางวันด้วยกัน ทำให้ใยไหมสังเกตว่าวิวมักจะชอบออกคำสั่งใช้งานหยกเสมอ ซึ่งสาวขี้อายไม่สู้คนก็พร้อมทำตาม แม้จะรู้สึกขัดใจอยู่บ้าง แต่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องที่ใยไหมจะพูดเช่นกัน ถือคติไม่ใช่เรื่องของตัวเองก็ไม่อยากเอาตัวเข้าไปยุ่ง
แม้วิวจะยิ้มแย้มชวนเธอคุยเป็นระยะ แต่สายตาท่าทางก็ทำให้เจ้าตัวรู้สึกว่าอีกฝ่ายดูไม่ชอบขี้หน้าตนนัก อาจจะเพราะเรื่องรูปร่างหน้าตาที่โดดเด่นกว่า ซึ่งเธอก็ชินชากับสถานการณ์เช่นนี้ไปแล้ว หากอีกฝ่ายไม่ตั้งตัวเป็นศัตรูชัดเจน ใยไหมก็ไม่คิดหาเรื่องกลับ
"เห็นว่าต้องแข่งกันเสนอไอเดียแต่ละทีมให้คุณพลเลือกด้วย เราล่ะเครียดจัง" วิวถอนหายใจทำท่าราวกับลำบากใจ แต่ใยไหมก็รู้สึกว่าอีกฝ่ายไม่ได้เครียดอย่างปากว่าแม้แต่น้อย
"ดูยากเนอะ เราก็ไม่มั่นใจเลยยิ่งเป็นคนหัวช้าๆ อยู่" หยกเสริม
"อื้ม ก็ต้องสู้ๆ แหละ ถือว่าได้ทดลองงานจริงด้วย แต่กว่าจะถึงตอนนั้นพวกเราคงคุ้นชินกับงานในบริษัทมากขึ้นแล้ว"
"ไหมก็พูดได้สิ ไหมสวยมั่นขนาดนี้ วิวว่าแค่นั่งเฉยๆ มีหวังคุณพลคงยอมเซ็นใบจบให้ง่ายด้วยซ้ำ"
คิ้วได้รูปกระตุกเล็กน้อยเมื่อวิวเหมือนพูดชมกึ่งประชดประชัน แม้จะขุ่นเคืองคำพูดจากระแหนะกระแหนนั้น แต่ใยไหมก็พยายามสูดลมหายใจเข้าออกหลายครั้ง และบอกกับตัวเองว่าเธอจะควบคุมอารมณ์ให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้มีเรื่องกับใครตั้งแต่วันแรกที่มาฝึกงาน แต่ก็อดตอบกลับไปไม่ได้
"หมายความว่าไง"
ไม่รู้ว่าเพราะใบหน้าสวยที่ดูเรียบนิ่งหรือน้ำเสียงของเธอที่แสดงออกถึงความไม่พอใจ ทำให้วิวรีบปั้นหน้าอธิบายด้วยรอยยิ้มสดใส
"หมายถึงไหมดูเก่ง ฉลาด เป็นสาวมั่นๆ แถมยังอยู่มหาลัยระดับหัวกะทิเลย เราเลยคิดว่าน่าจะเสนองานผ่านได้ง่ายๆ"
"เราก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอก มาที่นี่ก็เหมือนต้องเรียนรู้ใหม่ตั้งแต่ศูนย์เหมือนทุกคนอยู่ดี"
"นั่นสินะ แต่แหมอิจฉาจัง มาวันแรกในแผนกก็ฮือฮากันใหญ่ หนุ่มๆ นี่เอาแต่พูดถึงใยไหมตั้งแต่เช้า แบบนี้ถ้าติดปัญหาตรงไหนคงมีพี่ๆ พร้อมให้คำปรึกษาแน่นอน" วิวยังพูดชมเกินจริง แต่มันก็แฝงความจิกกัดไปในตัว ทำให้เธอยิ่งมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบขี้หน้าเธอแน่นอน
"เราก็คงปรึกษาแค่พี่แก้มพี่เลี้ยงเรานั่นแหละ" เธอตอบกลับปัดๆ เพื่อให้จบบทสนทนาน่ารำคาญนี้เสียที ระหว่างยืนต่อแถวรอลิฟต์กลับขึ้นไปบนแผนก
วิวใช้จังหวะที่เพื่อนร่วมงานคนสวยยืนหันหลัง เบะปากกลอกสายตา ก่อนจะหันกลับไปพูดคุยกับหยกเบ๊สาวหัวอ่อนคนใหม่ ซึ่งไม่ว่าวิวจะพูดอะไร หยกก็มักจะเออออตามตลอด
เมื่อกลับขึ้นมายังแผนกอีกครั้ง ใยไหมที่ไม่ชอบปั้นหน้าเสแสร้งเข้าสังคมจอมปลอมก็ขอแยกตัวกลับไปนั่งประจำที่ หยิบมือถือขึ้นมาไถเล่นรอระหว่างยังไม่ถึงเวลาเข้างานช่วงบ่าย พร้อมพิมพ์ข้อความคุยกับเพื่อนสาวคนสนิทไปด้วยถึงเหตุการณ์เริ่มงานวันแรกของอีกฝ่าย
Line
YaiMai : ไงแก ที่ฝึกงานเป็นไงบ้าง
Tangmo : ดีนะ พี่ๆ น่ารักมาก มีแต่สาวๆ เมาท์มอยกันสนุกเลย
YaiMai : เออดีแล้ว ของฉันนี่น่ะ...
YaiMai : (สติกเกอร์มองบน)
Tangmo : ทำไม? ไหนเล่า!
ใยไหมจึงได้โอกาสพิมพ์ระบายเรื่องราววันนี้ให้อีกฝ่ายฟังโดยละเอียด ตั้งแต่เกือบมาทำงานสาย หัวหน้างานขี้หลีหัวงู เพื่อนร่วมงานที่ดูเสแสร้งตีสองหน้าเก่ง ซึ่งแตงโมก็ได้แต่ปลอบโยนให้เธอกัดฟันทนไปก่อน
Tangmo : เออจะว่าไป ไลน์กลุ่มเงียบไปหน่อยไหมแก
Tangmo : มีเรื่องอะไรกับธีร์ปะ ตั้งแต่กลับจากผับก็ไม่มีใครคุยกันในกลุ่มเลย
แตงโมถามขึ้นด้วยความสงสัย ข้อความนั้นทำร่างบางชะงักไปเล็กน้อย ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันเมื่อภาพความทรงจำไม่ดี พร้อมถ้อยคำร้ายกาจผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง ก่อนจะสะบัดหน้าลบภาพเหล่านั้นทิ้งไปรวดเร็ว แล้วเลือกโกหกกลับไปเพื่อให้เพื่อนสาวสบายใจ
YaiMai : ไม่มีอะไร คิดมาก ฉันก็ยุ่งๆ แกก็รู้ กับแกก็เพิ่งมาคุยวันนี้
Tangmo : อ๋อ ไม่มีอะไรก็ดีแล้วนะ ฉันยังไม่อยากให้กลุ่มแตกก่อนจบหรอกนะ
YaiMai : เวอร์ค่ะ ไม่มีอะไรหรอก
ระหว่างกำลังรัวนิ้วใส่แป้นตัวอักษรตอบโต้เพื่อนสาว พี่ผู้ชายในทีมอีกคนก็เดินเข้ามาขัดจังหวะเสียก่อน
"น้องไหมครับ ว่างอยู่ไหมเอ่ย พี่รบกวนช่วยเอาเอกสารนี้ไปพรินต์ให้สิบฉบับทีครับ เดี๋ยวช่วงบ่ายพี่ต้องเข้าประชุม"
"อ๋อ ได้ค่ะ"
หญิงสาวรับคำอย่างไม่มีทางเลือกกับงานที่ไม่ได้แสดงศักยภาพตัวเองเท่าไร แต่ก็ยอมเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าโดยดี แล้วลุกขึ้นไปจัดเตรียมเอกสารตามที่ถูกไหว้วานมา และงานในช่วงบ่ายของชีวิตเด็กฝึกงานก็เริ่มต้นขึ้น ต้องบอกว่ามันน่าเบื่อมาก แต่ก็ไม่ต่างจากที่พี่แก้มใสบอกเท่าไร ถือเป็นการปรับตัวให้คุ้นชินกับบริษัท ซึ่งใยไหมก็ไม่ได้สักแต่ทำส่ง เธอใช้เวลาระหว่างรอเอกสารครบลองเปิดอ่านข้อมูลด้านใน ถือเป็นการศึกษาความรู้เกี่ยวกับบริษัทไปในตัว
ส่วนอีกสองสาวก็ไม่ได้ต่างกันนัก หยกก็ต้องเดินชงกาแฟให้รุ่นพี่ในแผนก ส่วนวิวที่ดูประจบประแจงคนเก่งกว่าใครเพื่อนค่อนข้างสบายหน่อย มีหน้าที่คอยจดไอเดียระหว่างทีมของพวกเธอประชุมกันเท่านั้น
ใยไหมพ่นลมออกจมูกเฮือกใหญ่ ดูเหมือนว่าหากเธอยังทำตัวหงิมๆ ไม่เข้าหาคนอื่นอนาคตที่จะถูกทาบทามให้ทำงานต่อหลังฝึกงานจบคงริบหรี่แน่