เข้าสู่ระบบวันนี้คนตรงหน้าไม่ได้มีความสำคัญใดต่อเธออีกแล้ว ในเมื่อเธอสามารถยืนด้วยสองขาของตัวเองอย่างมั่นคงเป็นหลักให้ลูกน้อยได้อย่างไม่อายใคร หรือจะพูดให้ถูกคือเธอเลยจุดที่อับอายจนกลายเป็นด้านชาเสียแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครโดยเฉพาะคนที่เคยทิ้งกันแบบไม่มีเยื่อใยอย่างเขา
วันนี้ชิษณุกรก็แค่คนแปลกหน้าสำหรับเธอเท่านั้น
“เอาล่ะ เห็นแก่ที่คุณเป็นน้องพี่สาธุพี่เขยฉัน พี่สาธุเขาเป็นคนดี แล้วเขาก็ดีกับครอบครัวฉันมาก ดังนั้นฉันจะลืมๆ เรื่องบัดซบในอดีตนั่นไปก็แล้วกัน ถือว่าฉันมันโง่เองที่หน้ามืดตามัวหลงผิด เชื่อใจคนง่ายๆ อยากได้ผัวดีๆ แบบพี่รจ คิดว่าคุณน่าจะใช่เพราะเป็นน้องชายพี่สาธุ ใครจะรู้ว่าพี่กับน้องต่างกันอย่างกับฟ้ากะเหวแบบนี้”
ชิษณุกรถึงกับสะอึก เถียงอะไรไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดเหน็บแนมของเธอ ในโพรงอกก็รู้สึกแสบร้อนปนวูบโหวง
“แต่เอาเถอะ ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว เลิกเคี้ยวเอื้องแล้ว และฉันก็มีงานดีๆ มีเงินเก็บมากพอสามารถเลี้ยงดูลูกได้สบายๆ ไม่ต้องหวังพึ่งใครหน้าไหนให้มาช่วยสงเคราะห์หรือเวทนา ส่วนที่ผ่านมาก็ถือว่าซื้อบทเรียนราคาแพง ต่อไปนี้เราก็ต่างคนต่างอยู่ ชีวิตก็ใครชีวิตมัน เหมือนที่คุณทำมาตลอดนั่นแล้วกัน จบนะ...”
พอได้ระบายสิ่งที่ค้างคาในใจตลอดหลายปีออกมาเสียบ้าง หญิงสาวก็รู้สึกโล่งขึ้น โดยไม่รู้เลยว่าสิ่งที่พูดกลับกระแทกจิตใจคนฟังจนหนักอึ้งแทน
ดวงตาเข้มๆ มองใบหน้าสวยพริ้มเพราของผู้หญิงตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่แปลกประหลาดอย่างหนึ่งที่บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร แต่มันกำลังบีบเค้นหัวใจเขาจนปวดหนึบ
“อ้อ! จริงสิ เกือบลืมไป”
จู่ๆ เธอก็ร้องขึ้น พลางล้วงหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากกระเป๋า แล้วยัดมันใส่ในมือของชายหนุ่ม
ชิษณุกรก้มลงมองในมือตัวเองก็พบว่ามันเป็นธนบัตรสีเทาหนึ่งใบ
“เอ้านี่ เอาของคุณคืนไป...” หญิงสาวเอ่ยพร้อมกับวางธนบัตรสีเขียวอีกใบในมือเขา “ส่วนนี่ทิป ฉันให้ ไม่ต้องทอนนะ”
“นี่มันอะไรกัน” คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันแน่น ตามองเงินในมืออย่างงุนงง
“อ้าว! ก็ค่าตัวคุณไง หนึ่งพันที่คุณให้มาตอนนั้น ฉันคืนให้ ส่วนยี่สิบนี่ ถือว่าฉันจ่ายเป็นค่าตัวคุณ ถึงจะแรงดี แต่ลีลาก็งั้นๆ บอกตามตรงว่าฉันไม่ค่อยประทับใจเท่าไหร่ ถ้าจะมัดใจสาว คุณคงต้องพยายามฝึกฝนให้มากกว่านี้หน่อยนะ”
เมรีกดยิ้มอย่างเลือดเย็น ดวงตาคู่งามมองหน้าอีกฝ่ายก่อนหลุบตามองต่ำลงไปหยุดที่กึ่งกลางลำตัวอย่างมีนัยยะ แล้วแกล้งเบะปากส่ายหน้าไปมา
“ไม่ไหว...ไม่ประทับใจอย่างแรง”
“เมรี!”
ชายหนุ่มคำรามลอดไรฟัน จ้องมองดวงหน้าใสๆ ที่ลอยหน้าอย่างอวดดีจนน่าตีที่สุด ในใจเดือดปุดๆ ไม่เคยมีใครหยามหน้าเขาแบบที่เธอทำ ค่าตัวบ้าอะไร ตอนนั้นเขาเสียแรงไปตั้งเท่าไหร่
สี่ยก! ตั้งสี่ยก ยัยนี่ตีราคาออกมาแค่ยี่สิบบาท ก็ตกยกละห้าบาทเนี่ยนะ
เดี๋ยวนะ! นี่มันไม่ใช่ประเด็นนี่หว่า...
“เรียกทำไม หรือว่ายี่สิบมันน้อยไป ช่วยไม่ได้นะ ก็ลีลาคุณมัน ห่วยแตกต้องพัฒนาจริงๆ จะมาโก่งค่าตัวเอาเปรียบผู้บริโภคมันก็ไม่ได้ไง อุ๊บ!”
คำพูดของเธอถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อถูกคนห่วยแตกปิดปากด้วยริมฝีปากอันร้อนผ่าวอย่างดุดัน
เมรีเบิกตาค้าง รู้สึกราวกับโลกหยุดหมุนไปชั่วขณะ เมื่อได้พบรสสัมผัสที่คุ้นเคยมาก่อกวนตะกอนที่เคยนอนสงบในใจให้ปั่นป่วนอีกครั้ง พลันภาพในวันวานก็ผุดขึ้นในสมองเป็นฉากๆ
จูบของเขาวันนี้ไม่มีรสของสาโทหรือน้ำเมาใดๆ เจือปน แต่กลับทำให้เธอมึนเมาเสียยิ่งกว่าวันนั้น และช่างดุดันเมื่อเจ้าตัวจงใจบดขยี้มันลงมาหมายสั่งสอนคนปากดีด้วยอารมณ์โกรธกรุ่นที่ถูกสบประมาทอย่างรุนแรง
ถึงจะตกใจในตอนแรก แต่เมรีก็รีบรวบรวมสติที่กระเจิงหาย รอจังหวะเหมาะที่อีกฝ่ายเผลอตัวตายใจคิดว่าเธอหลงเคลิ้มไปกับรสจูบแสนเร้าใจของเขา พอได้ทีก็ตอบโต้กลับ
“โอ๊ะ! โอ๊ย!”
ชิษณุกรถึงกับผงะหน้าหงาย เมื่อเจอปลายเล็บแหลมคมจิกหมับเข้าที่ยอดอกของเขาแล้วบิดอย่างแรงจนเนื้อแทบหลุดติดมือ ถึงเธอตัวเล็กกว่าแต่ใช่ว่าจะยอมให้ใครรังแกเอาง่ายๆ
ดวงตาเข้มดุตวัดมองสาวแสบที่ยกเท้ากระทืบลงมาที่ปลายเท้าเขาแบบเน้นๆ จนเขาเผลอสะดุ้งผงะ ก่อนที่จะโดนผลักอกอย่างสุดแรง เกือบกระเด็นหงายเงิบ
ยังไม่ทันตั้งตัวติดชายหนุ่มก็ต้องรีบเบี่ยงตัวหลบเมื่อเห็นฝ่ามือพิฆาตตวัดลงมาที่ใบหน้าอันหล่อเหลา ถึงหลบได้ฉิวเฉียดแต่ไม่วายโดนปลายเล็บคมเกี่ยวข้างแก้มจนรู้สึกแสบวูบ
“โอ๊ะ!”
เมรีถอนหายใจฟึดฟัดอย่างเสียดายที่พลาดเป้าตบไม่โดนปากร้ายๆ หรือเบ้าตาคมเข้มกวนโอ๊ยคู่นั้นให้เสียโฉม เธอรีบถอยฉากไปตั้งหลัก พลางใช้หลังมือถูกลีบปากตัวเองรัวๆ
“อี๋...สกปรก” เจ้าของปากที่ใครๆ ต่างบอกว่าเซ็กซี่น่าจูบที่สุดถึงกับฉุนกึก เมื่อถูกสบประมาท
“มากไปหรือเปล่า”
เมรีเบ้ปากใส่ หน้าบึ้งด้วยความโกรธ
“ไม่มากหรอก คุณมันสกปรกทั้งตัวทั้งใจ อยู่ให้ไกลๆ ไว้ก่อนแหละดี ต้องไปฉีดยากันพิษสุนัขบ้าหรือเปล่าเนี่ย อี๋...”
ชายหนุ่มฟังแล้วรู้สึกมันเขี้ยว แต่สัมผัสที่ติดตรึงที่ริมฝีปากเขามันกลับร้อนผ่าวและหวานซาบซ่านยิ่งกว่าตอนที่เขาและเธอ...ในวันนั้น
“คิดอะไรของคุณ” เมรีหรี่ตามองดวงตาคมลึกคู่นั้นอย่างรู้ทัน “คิดหื่นอีกล่ะสิไอ้คนลามก”
“รู้ได้ไงว่าพี่กำลังคิดถึงวันที่เรา...”
“พอ! หยุดพูด! แล้วรีบไสหัวไปก่อนที่ฉันจะอ้วกแตก”
“เราพูดกันดีๆ ได้ไหม พูดกันให้รู้เรื่องแบบไม่ใช้อารมณ์” เขาเอาน้ำเย็นเข้าลูบ แม้ในใจร้อนรุ่มกับสิ่งที่อยากรู้จากอีกฝ่าย
“นี่ก็ยังไม่ได้ด่านี่ ฉันรู้เรื่องแล้ว คุณต่างหากเมื่อไหร่จะพูดรู้เรื่องสักที รีบออกไปหาคู่หมั้นตัวเองซะก่อนที่เธอจะสงสัย ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะเปิดโปงคุณ ถ้าคุณไม่ระรานฉันก่อน เรายังพออยู่ร่วมโลกกันได้ ไม่ต้องมายุ่งกับพวกเราแม่ลูกอีก มันน่ารำคาญ”
“แต่ลูก...”
“ลูก...ลูกอะไร ลูกทำไม ก็บอกแล้วว่าลูกฉันกับคนอื่น ไม่ใช่ลูกคุณสักหน่อย”
“งั้นกล้าพิสูจน์ไหม เราไปโรงพยาบาลตรวจดีเอ็นเอกันเดี๋ยวนี้เลยไหม...”
ยิ่งพูดก็ยิ่งปวดตับ เมรีแยกเขี้ยวใส่ เขาจะมาอะไรนักหนา เธออุตส่าห์หาทางจบสวยๆ ให้ ตัวเองก็จะแต่งงานกับคนอื่นแล้ว ยังจะมาตรวจหาความจริงให้มันได้อะไรขึ้นมา หรืออยากยั่วประสาทให้องค์แม่ลงประทับ
“ว่าไง เธอกล้าไหม”
วันนี้คนตรงหน้าไม่ได้มีความสำคัญใดต่อเธออีกแล้ว ในเมื่อเธอสามารถยืนด้วยสองขาของตัวเองอย่างมั่นคงเป็นหลักให้ลูกน้อยได้อย่างไม่อายใคร หรือจะพูดให้ถูกคือเธอเลยจุดที่อับอายจนกลายเป็นด้านชาเสียแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพึ่งพาใครโดยเฉพาะคนที่เคยทิ้งกันแบบไม่มีเยื่อใยอย่างเขาวันนี้ชิษณุกรก็แค่คนแปลกหน้าสำหรับเธอเท่านั้น “เอาล่ะ เห็นแก่ที่คุณเป็นน้องพี่สาธุพี่เขยฉัน พี่สาธุเขาเป็นคนดี แล้วเขาก็ดีกับครอบครัวฉันมาก ดังนั้นฉันจะลืมๆ เรื่องบัดซบในอดีตนั่นไปก็แล้วกัน ถือว่าฉันมันโง่เองที่หน้ามืดตามัวหลงผิด เชื่อใจคนง่ายๆ อยากได้ผัวดีๆ แบบพี่รจ คิดว่าคุณน่าจะใช่เพราะเป็นน้องชายพี่สาธุ ใครจะรู้ว่าพี่กับน้องต่างกันอย่างกับฟ้ากะเหวแบบนี้”ชิษณุกรถึงกับสะอึก เถียงอะไรไม่ออก เมื่อได้ยินคำพูดเหน็บแนมของเธอ ในโพรงอกก็รู้สึกแสบร้อนปนวูบโหวง“แต่เอาเถอะ ตอนนี้ฉันตาสว่างแล้ว เลิกเคี้ยวเอื้องแล้ว และฉันก็มีงานดีๆ มีเงินเก็บมากพอสามารถเลี้ยงดูลูกได้สบายๆ ไม่ต้องหวังพึ่งใครหน้าไหนให้มาช่วยสงเคราะห์หรือเวทนา ส่วนที่ผ่านมาก็ถือว่าซื้อบทเรียนราคาแพง ต่อไปนี้เราก็ต่างคนต่างอยู่ ชีวิตก็ใครชีวิตมัน เหมือนที่คุณทำมาตลอด
จนถึงเดี๋ยวนี้ เวลาผ่านล่วงเลยมาสี่ปีกว่า เมรีกลายเป็นซิงเกิลมัมเนื้อหอมประจำหมู่บ้าน แม้จะมีลูกหนึ่งแล้ว แต่ความสาวความสวยของเธอกลับยิ่งหอมฟุ้งเพิ่มมากขึ้นเป็นเท่าตัว ตอนนี้เธอเรียนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมเหรียญทอง เอาความสำเร็จตบปากคนที่เคยนินทาจนเงียบกริบส่วนรจนาพี่สาวก็เปิดไร่ของสาธุคุณให้คนมาเที่ยวแบบเชิงเกษตรแนวใหม่จนโด่งดังไปทั่ว กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดไปแล้ว พวกเขาสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในหมู่บ้านจนเป็นที่นับหน้าถือตาไปทั่ว พลอยให้คนในครอบครัวพลอยมีหน้ามีตารจนากับสามีลงทุนเปิดร้านกาแฟ กึ่งร้านอาหารที่ใช้พืชผักปลอดสารพิษ ผลผลิตจากในไร่มาทำ โดยให้เมรีเป็นผู้จัดการร้านคอยดูแล เพราะเธอจบมาทางด้านบริหารฯ โดยตรง ซึ่งเมรีก็ตั้งใจทำงานอย่างสุดความสามารถ เพราะไม่อยากทำให้ทุกคนที่เธอรักต้องผิดหวังอีกตอนนี้เธอไม่ใช่เด็กสาวช่างฝันคนเดิมอีกต่อไปแล้ว เธอเปลี่ยนไปเป็นผู้หญิงแกร่งที่ขยันเอาการเอางานจนพ่อแม่และพี่สาววางใจ ทุกอย่างก็เพื่อลูกสาวตัวน้อย ขณะเดียวกันชื่อของชิษณุกรค่อยๆ เลือนลางจางหายไปจากสมองและหัวใจจนกระทั่งเขาปรากฎตัวขึ้นอีกครั้งในวันนี้ พร้อมคู่หมั้นคนสวย“เฮ
กว่าจะรู้สึกตัวตื่นอีกที เมรีก็พบว่าตัวเองนอนแผ่สองสลึงอยู่ที่ห้างนาน้อยแห่งนั้นคนเดียวในสภาพที่ดูยังไงก็ไม่ปกติ แม้จะใส่เสื้อผ้าไม่ได้นอนเปลือยกายล่อนจ้อน แต่ร่องรอยต่างๆ บนเรือนร่างก็ทำให้รู้ว่าเธอเสียพรหมจรรย์น้อยๆ ที่แสนหวงแหนไปแล้ว แต่คนที่ร่วมก่อเหตุจนห้างนาน้อยสะเทือนเสาเรือนแทบทรุดนั่นกลับหายไปอย่างไร้ร่องรอยเขาทิ้งไว้แต่ร่องรอยรักและธนบัตรสีเทาที่ยัดใส่มือเธอไว้ให้ดูต่างหน้าหนึ่งใบ กับความแสบระบมที่จุดกึ่งกลางความสาว บอกให้รู้ว่าที่โดนไปนั่น ของแรงแค่ไหน แล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว เท่าที่สติอันน้อยนิดจะจำได้ เขาตอกเสาเข็มอัดใส่ตัวเธอไปตั้งสี่ยกแบบจุกๆ เน้นๆสี่ยกเลยเชียวนะ! เดินขาไม่ถ่างก็บุญหัวแล้วพอได้สติสาวน้อยก็รีบกัดฟันคว้ามอเตอร์ไซด์อีแก่ขี่ไปที่ไร่สาธุคุณ เพื่อตามหาชายหนุ่มผู้ฝากรอยรักสะท้านทุ่งนาเอาไว้ แต่ทว่าพี่สาวเธอกลับบอกว่าเขากลับกรุงเทพไปแล้วเมรีตกใจแทบช็อก และได้รู้ว่าตัวเองโดนฟันแล้วทิ้งเสียแล้วไอ้เสียใจมันก็มีอยู่หรอก นี่เป็นครั้งแรกของเธอ ในนิยายที่เคยอ่านมาเรื่องไหนเรื่องนั้น หากพระนางได้กัน มันต้องจบแบบแฮปปี้เอนดิ้งสิ แต่กลับไม่ใช่เรื่องนี้เธอมองโลกในแง่
สงครามเย็นยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ โดยที่ไม่มีใครสังเกต จนกระทั่งอาหารมื้อที่น่าอึดอัดที่สุดในชีวิตของเมรีจบสิ้นลง และแขกทั้งคณะย้ายตัวไปที่ห้องนั่งเล่นพร้อมเด็กๆ ทั้งสามส่วนเมรีนั้นขออาสาช่วยเก็บจานชามในครัวเพื่อหาเหตุหลบเลี่ยงสายตาใครบางคนที่ทำให้เธอหงุดหงิดมาตลอดเช้านี้เขาช่างไม่กลัวว่าหวานใจจะจับได้เอาเสียเลย แต่ก็นั่นแหละ ตั้งแต่พบกันมา เขาก็เป็นแบบนั้นเสมอ คนหล่อที่แสนเย็นชา เข้าถึงยาก แต่กลับทำให้สาวน้อยคนหนึ่งโดนตกเพราะลุคนั้นตั้งแต่แรกพบจนคิดเกินเลยเมรีวางผ้าเช็ดโต๊ะ ก่อนทิ้งตัวลงนั่ง ตามองเหม่อออกไปนอกหน้าต่าง ปล่อยใจให้คิดถึงภาพความหลังตั้งแต่วันแรกที่ได้พบกันเมื่อสี่ปีก่อน...‘นี่ชิษณุกร หรือ ชิษ น้องชายพี่เอง แล้วนี่ก็น้องเมรีน้องสาวพี่รจเขา สองคนรู้จักกันไว้สิ’เมรียังจำได้แม่นว่าตัวเองใจเต้นแรงแค่ไหนเมื่อได้พบหน้าน้องชายสุดหล่อของพี่เขยครั้งแรก สาวน้อยผู้มีพี่สาวอย่างรจนาเป็นไอดอลในการหาสามีที่แสนดีและเริ่ดสะแมนแตน โดนความหล่อออร่าพุ่งของหนุ่มเมืองกรุงตกเอาตั้งแต่แรกพบสบตา ในเมื่อชิษณุกรเป็นน้องชายแท้ๆ ของสาธุคุณพี่เขยเธอ เกิดจากพ่อแม่เดียวกัน เติบโตมาด้วยกัน เขาก็ค
“แม่เมจ๋า...”เสียงลูกน้อยช่วยดึงสติกลับมา เจ้าแก้มยุ้ยเอียงคอมองใบหน้าเธอด้วยดวงตาแป๋วแหววไร้เดียงสา นี่คือแก้วตาดวงใจที่ทำให้เมรีต้องอดทน และเปลี่ยนตัวเองให้แกร่งขึ้น ใครจะนินทาว่าร้ายเธอก็ช่าง แต่หากแตะต้องลูกรัก เธอเอาตาย “จ๋า...คนเก่งของแม่”“หนูหิวแล้ว” อารมณ์ที่พุ่งปรี๊ดถูกเสียงออดอ้อนทำให้ใจอ่อนยวบลืมโกรธไปชั่วขณะ เผลอยื่นปลายจมูกไปชนปลายจมูกเล็กๆ อย่างที่เคยทำเวลามันเขี้ยวเจ้าตัวน้อย“งั้นเรากลับบ้านไปกินข้าวกับตากับยายกันดีไหมลูก”“ดีจ้า” เจ้าตัวดียิ้มหวานประจบ ตบมือชอบใจ ก่อนจะยื่นปากเล็กๆ มาจูบแก้มราวกับรู้ว่าแม่กำลังต้องการกำลังใจ“งั้นเดี๋ยวเมรีกลับก่อนนะคะพี่แนน”“เดี๋ยวก่อนสิ! อย่าเพิ่งไป...” ชายหนุ่มเผลอเรียกเสียงดังอย่างลืมตัว หากพอเห็นสายตาวาวโรจน์เอาเรื่องคู่นั้น เขาก็รู้ว่ามีบางอย่างไม่เหมือนเดิม แน่ล่ะ คนตรงหน้าย่อมไม่เหมือนเดิม และเขาก็รู้ด้วยว่ามันคืออะไร“มีอะไรหรือคะพี่ชิษ”นันทิกาหันไปมองคู่หมั้นหนุ่มอย่างแปลกใจ“พอดีเรากำลังจะกินข้าวเช้า แล้วคุณแม่ก็อยากให้น้องเวียงพิงค์ไปกินข้าวด้วยกัน เธอก็ไปด้วยสิ”“นั่นสิคะ น้องเมรี ทานข้าวด้วยกันก่อนนะ” นันทิกาผู้ไม่
“เมรี!”ชิษณุกรถึงกับตกตะลึงจนตัวชา เมื่อได้พบหน้าสาวน้อย ไม่สิ! วันนี้คนตรงหน้าไม่ใช่สาวน้อยวัยใส แต่เธอโตเป็นสาวสะพรั่งและสวยจนเขาแทบจำไม่ได้แล้วต่างหาก แถมโตจนมีลูกอายุไล่เลี่ยกับหลานชายฝาแฝดของเขาเสียด้วย...ชายหนุ่มมองใบหน้าจิ้มลิ้มน่ารักน่าเอ็นดูของคนในอ้อมแขนหญิงสาวตรงหน้านิ่ง รู้สึกร้อนวูบวาบในอกแปลกๆ“อ้าว! นี่พี่ชิษรู้จักน้องอยู่แล้วหรือคะ” นันทิกาหันไปมองคู่หมั้นอย่างแปลกใจ“ไม่รู้จักหรอกค่ะ” เมรีชิงตอบเสียงเย็นชา แอบเห็นหรอกว่าอีกฝ่ายมีอาการอึ้งไป ใจหนึ่งก็อยากตอกหน้าให้สาแก่ใจ แต่อีกใจก็เห็นแก่หน้านันทิกา อีกฝ่ายดูเป็นคนดี ดูซื่อๆ และไม่ได้รู้เรื่องรู้ราวอะไรด้วยเมรีถือคติ ดีมาดีตอบ จึงไม่อยากทำร้ายใครโดยไม่จำเป็น“ก็แค่เคยเห็นผ่านๆ เห็นไกลๆ ตอนงานแต่งพี่รจกับพี่สาธุน่ะจ้ะ แต่ไม่ได้อยากรู้จัก เอ๊ย! หมายถึงไม่ได้รู้จักหรือสนิทกันน่ะค่ะ” แล้วนั่นจะจ้องอะไรกันนักหนา จ้องกันจนตาแทบถลนแล้วไหมทำไม! หรือกลัวเธอจะเปิดโปงความเลวให้ว่าที่เมียใหม่ฟังหรือไง ดูท่าคนนี้ยังไม่ทันโดนหลอกฟันสิท่า เลยหวงนัก ยิ่งคิดแล้วก็ชักจะเห็นใจผู้หญิงด้วยกัน นันทิกาเองก็ดูหวานๆ ใสๆ ไม่ทันเล่ห์คน ผู้







