หลังจากที่บ่าวสาวมานั่งเคียงคู่กันอยู่บนเตียงกว้างราวแปดฟุต ครอบครัวของทั้งสองฝ่ายต่างก็พากันเอ่ยคำมงคลที่ล้วนแต่มีความหมายว่าอยากให้อยู่ครองคู่กันไปนานๆ หรือความหมายว่าให้อดทนปรับเข้าหาซึ่งกันและกัน แม้ว่าทั้งสองจะพยายามหาทางที่จะเข้าหามากแค่ไหน ในตอนนี้กลับไม่สามารถหาทางญาติดีกันได้เลย ด้วยทิฐิและหลายๆอย่างทำให้หนทางของทั้งคู่ดูมืดบอดไปชั่วขณะ
“เข้าหอคืนแรกเขาบอกว่าห้ามออกจากห้องหอเด็ดขาดจนกว่าจะเช้า” กันยาผู้เป็นย่าของพายุเอ่ยขึ้น ทำเอาทั้งสองหันมองหน้ากันไปมาครู่หนึ่ง ก่อนที่พายุจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง เพราะไม่อยากให้บรรดาญาติผู้ใหญ่เห็นว่าเขามีสีหน้าอย่างไร
“เข้าใจไหมพายุ” กันยาเอ่ยถามหลานชายของตนย้ำอีกครั้ง พายุจึงจำใจต้องหันไปพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นหลานชายตอบรับทั้งครอบครัวก็ต่างพากันออกจากห้องนอนไป
กันยาหันกลับมาทางประตูก่อนจะมองประตูห้องนอนที่พึ่งปิดลงอย่างพินิจพิจารณา กันยารู้จักหลานชายตัวเองดีเธอจะสะเพร่าไม่ได้ และยังคงอยากให้เป็นไปตามที่โบราณเขาถือ
“นังภา แกไปเอาโซ่และกุญเจมาให้ฉันสิ” กันยาเอ่ยขึ้น เล่นเอาบคนอื่นๆยืนมองหน้ากันไปมาอย่างงงๆ
“ค่ะคุณหญิงใหญ่” ภาคนรับใช้เคียงกายของกันยาที่กันยาให้ย้ายมาดูแลพายุหรือพูดง่ายๆว่าจับตามองพายุหลานชายตนแล้วรายงานให้เธอรับรู้ การที่พายุยอมแต่งงานง่ายๆนั้นมันต้องมีอะไรสักอย่างไม่อย่างนั้นมันคงไม่ง่ายดายเกินไปขนาดนี้
โซ่และกุญเจถูกนำมาส่งถึงมือของกันยา คุณหญิงใหญ่ของครอบครัวฝ่ายชายเป็นคนล็อคมันเองกับมือก่อนจะยื่นกุญแจให้ภาคนรับใช้คนที่ไว้วางใจ
“เช้าๆค่อยปลดกุญแจนะ” กันยาสั่งเสียคนรับใช้คนสนิทก่อนจะพาทุกคนกลับไปยังงานเลี้ยงหลังพิธีแต่งงาน ยังมีแขกเหรื่อที่ต้องดูแลอยู่อีกและกันยายังอยากให้หลานชายอยู่กับภรรยาสาวสองต่อสองหวังว่าจะได้อุ้มเหลนในเร็ววัน
บรรยากาศภายในห้องเงียบสะงัดจนรู้สึกอึดอัด ทั้งสองคนยังนั่งที่เดิมตรงข้างเตียงใหญ่กว้าง ก่อนที่จะได้ยินเสียงล็อคหน้าห้องนอนของตัวเองพายุถึงกับขบกรามแน่นอย่างไม่พอใจเท่าไหร่นัก เขาลุกพรวดขึ้นพร้อมกับถอนหายใจแรง ยี่หวายังคงนั่งนิ่งลอบมองกิริบยาท่าทางของเขาอย่างหวั่นๆ
“อึดอัดชะมัด” ว่าแล้วเขาก็รูดเนกไทด์ที่รัดคออย่างเรียบร้อยออกลงพอหลวมๆ ก่อนจะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตด้านในสองเม็ด ยี่หวาเห็นอย่างนั้นก็เบือนหน้าหนีพร้อมกับขยับร่างกายตัวเองไปติดกับขาเตียงฝั่งตรงข้ามกับเขาที่เธออยู่ทันที พายุปรายสายตามองเธอเล็กน้อยก่อนจะแค่ยรอยยิ้มขึ้น
“หึ...กลัวอะไรกันล่ะครับคุณภรรยา ไหน ๆ เราก็แต่งงานกันแล้วไม่เห็นมีอะไรที่ต้องกลัวนี่” ไม่พูดเปล่าพายุค่อยๆย่างก้าวเข้าไปหายี่หวาที่นั่งอยู่มุมปลายเตียงพร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ๆ ยี่หวานรีบเอนทั้งตัวหนีแทบไม่ทัน
“ไม่ใช่...สักหน่อยค่ะ แค่ในนามเท่านั้น ยังไงก็ให้เกียรติกันหน่อยค่ะ” ยี่หวาเอ่ยเสียงเครือแต่ก็ยังพยายามพูดให้นิ่งและเป็นปกติที่สุดเท่าที่จะทำได้ พายุยกยิ้มมุมปากขึ้นอย่างร้ายกาจอยากจะแกล้งหญิงสาวที่ปากกล้าตรงหน้าเสียจริง
“ผมให้เกียรติคุณตลอดนะ เพราะงั้น...เรามาทำอย่างที่คนเป็นสามีภรรยาทำกันเถอะ” พายุเอ่ยพร้อมกับยื่นใบหน้าและปลายจมูกเข้าไปคลอเคลียข้างแก้มและใบหูเล็ก กลิ่นหอมอ่อนๆจากน้ำหอมแบรนด์หรูคละคลุ้มอยู่ใต้จมูกโด่งเป็นสัน ยิ่งได้กลิ่นก็ยิ่งอยากจะได้กลิ่นมากขึ้นกว่าเดิม
“หอมดี...ฉันชอบ”
“คะ?” ยี่หวาทำตาโตหันไปมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากเชื่อหูว่าเขาจะพูดในสิ่งที่เธอไม่คิดว่าเขาจะพูด คำพูดที่ชวนเข้าใจผิดนั้นทำให้ใจดวงน้อยเริ่มเต้นรัวไม่เป็นล่ำเป็นสัน
“ฉันหมายถึงกลิ่นน้ำหอม”
“อ๋อ...”
พายุพูดก่อนจะหยัดตัวตรงดังเดิม ยี่หวาถอนหายใจอย่างโล่งอกก่อนจะมองเขาที่กำลังถอดเสื้อเชิ้ตออกหลังจากปลดเปลื้องเสื้อสูทและเนกไทด์ออกสมใจแล้ว
“คะ..คุณจะทำอะไรน่ะ!!!” ยี่หวาถึงกับทักท้วงเสียงหลงรีบลุกพรวดจากเตียงยืนขึ้นเต็มความสูงเอามือปิดหน้าแล้วพูดขึ้นเสียงดัง พายหันไปขมวดคิ้วมองท่าทางของเธอก่อนจะแค่นหัวเราะ
“หึ...ก็อาบน้ำน่ะสิ ง่วงจะตายอยู่แล้ว จะให้ผมนั่งถ่างตารออะไรล่ะ พรุ่งนี้ทำงานเช้าอีก” พายุพูดไปพลางเดินผ่านหน้ายี่หวาไปคค้นผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้าใกล้ๆห้องน้ำ ก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปโดยไม่สนใจยี่หว่าที่ยังคงยืนปิดหน้าปิดตาอย่างเขินๆอยู่
เมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องน้ำและเสียงฝักบัวเธอก็ค่อยๆเอามือที่ปิดบังใบหน้าออก เม้มริมฝีปากแน่นชะเง้อคอมองหน้าประตูห้องน้ำก่อนจะหันกลับมาครุ่นคิดว่าเธอจะรอดคืนนี้ไปได้อย่างไร เขาจะทำอะไรห่ามๆเหมือนคืนนั้นไหมในคืนดูตัว
เดินทีนั่งทีนั่งแทบไม่ติดเกือบชั่วโมง กว่าที่ชายหนุ่มจะเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนพนูพันรอบสะโพกสอบ หยดน้ำไหลลงเป็นทางรอยร่องกล้าม ผมสีดำขลับเปียกเล็กน้อยผมที่เคยเซ็ตเสยขึ้นปกลงมาทำให้เขาดูเท่ไปอีกแบบจนเธอต้องมองค้าง เวลาที่ผมของเขาไม่ได้ถูกเซ็ตทำให้เขาดูเป็นคนอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
“จ้องขนาดนี้เดินมาดูใกล้ๆเลยไหม?” พายุที่มองเธออยู่นานถึงกับพูดขึ้น ยี่หวาสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะสะบัดหน้าไปมาก่อนจะรีบเดินเข้าไปคว้าผ้าขนหนูที่อยู่ในตู้ แต่พอหันมาพายุกลับยืนขวางทางไว้อยู่ เขาอยู่ใกล้จนได้กลิ่นสบู่อ่อนๆพลอยทำให้ใจเต้นไม่เป็นล่ำเป็นสัน พายุโน้มใบหน้าเข้าไปใกล้มือข้างหนึ่งพิงประตูตู้เสื้อผ้าเหนือศีรษะ
“อยากลอง...สัมผัสมันดูหน่อยไหมล่ะ?”
“คุณพายุ...ถอยด้วยค่ะ ฉันจะเข้าไปอาบน้ำ” เธอพูดตะกุกตะกักอีกทั้งยังไม่กล้าที่จะมองหน้าเขาโดยตรง ยี่หวาเบือนหน้าหนีไปทางอื่นเพื่อเลี่ยงที่จะจดจ้องมองเรือนร่างของชายหนุ่มตรงหน้า
“หึ...รู้อย่างนี้ฉันน่าจะรอไปอาบน้ำกับเธอให้มันจบๆ จะได้เห็นทุกสัดส่วนโดยไม่ต้องแอบมอง” พายุเอ่ย
“ใครแอบมองคุณกัน”
“อ๋อ ไม่ได้แอบแต่จ้องเลยต่อหน้าต่อตา” พายุยังคงไม่ยอมเลิกกวนประสาทคนตรงหน้า เขาพูดพร้อมยกยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ยี่หวาเห็นอย่างนั้นก็ใช้สองมือที่ถือผ้าขนหนูอยู่ผลักเขาออกแล้วรีบวิ่งเข้าไปในห้องน้ำทันที
พายุมองตามหลังหญิงสาวอย่างยิ้มๆ เขาส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะดึงสติตัวเองชะงักความคิดที่คิดว่าเธอน่านั้นไป พายุพยายามหาความคิดมาหักล้างห้ามใจตัวเอง คนหลอกลวงอย่างเธอจะดูน่ารักน่าเอ็นดูได้ยังไงกัน
ยี่หวาที่อาบน้ำอาบท่าเรียบร้อยเธอก็พันผ้าขนหนูชะโงกหน้าออกมามองหาพายุ เนื่องจากเธอลืมเอาชุดนอนเข้าไปเปลี่ยนในห้องน้ำเพราะรีบหนีจากเขา แต่ก็เห็นว่าพายุนอนเปลือยท่อนบนหลับไปแล้วบนเตียง เธอถอนหายใจก่อนจะค่อยๆย่องออกไปหยิบเสื้อผ้าในตู้อย่างเบามือที่สุด
“นี่มันอะไรกันเนี่ย” ยี่หวาถึงกับตกใจเมื่อเห็นชุดนอนในตู้ล้วนแต่เป็นชุดนอนวาบหวิว คงไม่พ้นฝีมือของพวกผู้ใหญ่แน่ ๆ พายุขยับพลิกตัวเล็กน้อยทำเอายี่หวาถึงกับเอามือปิดปากตัวเองอย่างไวพร้อมกับหันไปมองว่าเขาตื่นหรือเปล่า เธอถอนหายใจโล่งอกเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้ตื่นขึ้นมาก่อนจะยอมเอาชุดนอนที่ดูปกปิดอยู่บ้างเข้าห้องน้ำไป แต่หารู้ไม่ว่า...พายุกำลังนอนหลับตาอมยิ้มอยู่...เพราะเขาเห็นชุดพวกนั้นก่อนแล้วตอนหาชุดนอนใส่...
“ไม่ได้ยัดเยียดแค่คิดว่าคุณพายุ...อาจจะชอบวาวามากกว่า” “หืม?” “วาวาก็ลูกสาวคุณพ่อเหมือนกัน ถ้าแต่งงานกับคุณพายุคงไม่มีปัญหาอะไร...” ยี่หวาพูดพลางกเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อหลบเลี่ยงใบหน้าหล่อของเขาที่เลื่อนเข้ามาใกล้เรื่อยๆ พายุชะงักกับคำพูดของเธอพลางขมวดคิ้ว เหลือบมองหญิงสาวตรงหน้าที่หลบเลี่ยงเขา “พูดแบบนี้หมายความว่าไง? ฉันแต่งงานกับเธอไปแล้ว จดทะเบียนสมรสแล้วด้วย...เธอจะให้ฉันหย่ากับคนพี่แล้วไปแต่งกับคนน้องอย่างนั้นเหรอ? ตลก...” เขาแสยะยิ้มอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ยันตัวออกห่างจากเธออย่างหัวเสียแล้วเดินนำไปยังล็อบบี้ ยี่หวามองท่าทีของเขาก่อนจะถอนหายใจ แต่ลึกๆก็เป็นห่วงควา
พายุได้แค่ปราดสายตามองยี่หวาครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้แย้งอะไรออกไป ทำยังไงได้ล่ะในเมื่อต้นเหตุมาจากเขาที่ไม่ยอมอยู่บ้านเป็นเดือนๆปล่อยให้เธออยู่คนเดียว ไม่แปลกที่ครอบครัวจะเป็นห่วงถึงแม้ว่าน้องเมียจะไม่ค่อยน่าไว้วางใจก็เถอะ “แล้วแต่เธอเลย...บ้านหลังนี้ก็เป็นของเธอเหมือนกัน” พายุเอ่ยเมื่อเห็นสายตาของยี่หวามองไปทางเขาอย่างเกรงใจ เพราะเขาตอบแบบนั้นเธอจึงทักท้วงไม่ได้ ด้านพายุเองก็คิดว่าเธอคงอยากให้น้องสาวมาอยู่ด้วย คงอยากพามากันเขาออกจากตัวเธอเองถึงได้เรียกให้น้องสาวมาอยู่ที่นี่ คนที่ดูจะดีใจจนออกนอกหน้าไม่พ้นวาวาที่กระโดดเข้าไปเกาะแขนของพายุอย่างดีใจ ยี่หวามองที่แขนของพายุแล้วเบือนหน้าไปทางอื่น ความคิดที่ว่าเขาคงอยากได้เมียตัวจริงของเขาคืน เมียที่เขาควรจะต้องแต่งงานด้วยที่ไม่ใช่เธอ “เอ่อ...งั้น ฉันขอต
“ไอ้เมษ มึงบอกกูมาเดี๋ยวนี้ว่าช่วงที่กูไม่อยู่ยี่หวาไปเห็นอะไรมา?” หลังจากที่กินข้าวกินปลากันเรียบร้อย ยี่หวาก็เอาจานไปเก็บและล้างจานอยู่หลังครัว ได้ทีพายุก็รีบหันไปเอ่ยถามเมษทันที เพราะจากเหตุการณ์ที่เธอร้องขอหย่า เขาคิดว่าเธอต้องได้เห็นอะไรมาแน่ๆ และที่เขาเลือกถามเมษก็เพราะเมษคอยดูแลยี่หวาช่วงที่เขาออกไปนอนข้างนอก “ครับ? ก็...ไม่นะครับ” “มึงลองคิดดีๆก่อนตอบกู” พายุยังคงเค้นถามเมษอีกครั้ง เมษก็ทำท่าครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็เหมือนคิดไม่ออกว่าเรื่องอะไร “เอาดีๆนะไอ้เมษ ถ้าไม่คอขาดบาดตายนายคงไม่ถาม” แฟนต้าพูดพลางหัวเราะในลำคอลอบมองพายุที่ยังคงทำหน้าเครียด เรื่องที่เป็นเรื่องคอขาดบาดตายสำหรับเจ้านายของเขาคงไม่พ้นเรื่องเมียแน่ๆ “ขนาดนั้นเลยเหรอวะ? เรื่องคอขาดบาดตายของนายเรื่องอะไรเหรอครับ?” เมษเอ่ยถามเชิงหยอกพายุ “นั่นสิ คุณยี่หวาทำไมเหรอครับนาย?” แฟนต้าพูดเปิดประเด็นทันที “ยี่หวา...ขอกูหย่า” พายุเอ่ยเสียงเรียบสีหน้าดูหงุดหงิดที่ต้องมาพูดเรื่องนี้ให้ลูกน้องทั้งสองคนได้รู้ แต่ถ้าไม่ยอมบอกลูก
ราวกับเจอศึกหนักก็ไม่ปาน เธออยู่กับเขาในห้องนอนยันเย็นกว่าจะได้ออกมาจากห้องเพราะสลบเมือดคาอกเขาอย่างน่าอาย คนใจร้ายไม่ยอมปล่อยให้เธอได้พักเลยซ้ำยังเอาแต่พูดว่าเพราะเธอบอกกับเขาว่าจะหย่า ยี่หวาคิดอยู่หลายตลบก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงดึงดันที่จะปฏิเสธการขอหย่าของเธอทั้งที่เขาเองก็ไม่ได้รักเธอ แถมยังทำทีเกลียดขี้หน้าเธอด้วยซ้ำ มือถือทัพพีมองเหม่อด้วยความที่คิดไม่ตก คิดถึงเรื่องเขาเพราะเธอคิดว่านั่นคือทางที่ดีที่สุดสำหรับเข้าแล้วแท้ๆ “ไหม้แล้วมังแกงน่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นจากด้านหลังเรียกให้หญิงสาวที่ยืนถือทัพพีอย่างเหม่อลอยถึงกับสะดุ้ง ยี่หวาดเหลียวกลับไปมองด้านหลังยังต้นเสียงก็เห็นพายุยืนกอดอกพิงขอบประตูจ้องมองเธอด้วยสีหน้า
คำพูดของเขาทำให้ยี่หวาหวั่นใจไม่น้อย แววตาที่จ้องมองสั่นไหวราวกับเข้าใจความหมายในสิ่งที่เขาต้องการ สายตาคมฉายแววโกรธจนรู้สึกขนลุก แค่เมื่อคืนที่เขาโกรธก็ทำให้ร่างกายเธออ่อนล้าไปหมด เธอยังเจ็บไม่ทันหายดีเลยด้วยซ้ำ “ฉันไม่รู้จักคุณหรอกค่ะ และฉันไม่รู้ด้วยว่าคุณต้องการอะไร” ยี่หว่าพยายามตอบเลี่ยงคำถามของเขาเพราะคิดว่าเธอจะหนีเขาพ้น พายุที่ได้ยินแบบนั้นก็ถึงกับยกยิ้มแล้วพยักหน้าราวกับประชดประชัน “เธอไม่เคยรู้จักฉันเลยสินะ ขนาดไม่รู้จักเมื่อคืนยังตอบรับฉันดีขนาดนั้น” “เลิกพูดเรื่องบ้าๆนี่สักทีเถอะค่ะ! ฉันไม่ต้องการรู้จักคุณอีกต่อไปแล้ว ฉันจะหย่า!” ยี่หวาเน้นย้ำคำพูดนั้นด้วยความรู้สึกโกรธและอับอาย เรื่องเมื่อคืนเธอไม่ได้สมยอมเขาเสียหน่อยแล้วทำไมเขาถึงได้มาพูดราวกับว่าเธอเต็มใจแบบนี้...นี่สินะที่เขาเรียกกันว่าของเล่น...ยี่หวาคิด “ฉันไม่หย่า!! ต่อให้เธออยากจะหย่าแค่ไหนก็อย่าหวังว่าจะได้ลายเซ็นของฉัน!!” “แล้วคุณเป็นบ้าอะไรถึงไม่ปล่อยฉันไป! ทั้งที่คุณเกลียดฉัน!” “ฉันเป็นผัวเธอไงยี่หวา!!” พาย
“คุณวาวามีธุระอะไรหรือเปล่าคะถึงได้มาหาฉันถึงที่นี่”ยี่หวาเอ่ยถามขึ้นเมื่อเห็นหญิงสาวที่ขึ้นชื่อว่าเจ้านายของครอบครัวเดิมที่เธอเคยรับใช้อยู่ได้มาเยี่ยมเยือนเธอถึงที่บ้านเรือนหอ วาวายังคงมองรอบๆบ้านด้วยความตื่นตาตื่นใจ ก่อนจะหันไปมองยี่หวาแล้วเอามือกอดอกเอนตัวพิงพนักโซฟาห้องรับแขกด้วยสีหน้าที่ไม่แยแสยี่หว่าเท่าไหร่นัก“ดูเธอคงจะโชคดีน่าดู ราวกับหนูตกถังข้าวสาร...ฉันแค่มาเยี่ยมน่ะ ไม่ได้เหรอ?”พูดพลางปั้นหน้าสร้างรอยยิ้มที่เสแสร้งอย่างจงใจให้ยี่หวารับรู้ ยี่หวาได้แต่นั่งเงียบไม่ได้ตอบโต้คำใดออกไป“ยี่หวา เห็นว่าเธออยู่บ้านนี้คนเดียวคงเหงาแย่ใช่ไหม? เพราะคุณพายุไม่กลับบ้านที่เรียกว่าเรือนหอเลยไม่ใช่เหรอ?”วาวายังคงจงใจพูดจี้ใจดำของยี่หวาอย่างไม่ลดละแม้ยี่หวาจะรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่มีความกล้าพอที่จะไล่ผู้หญิงตรงหน้าให้กลับไปได้ ด้วยความที่เธอคิดเสมอว่าวาวาคือน้องสาว เธอถึงได้ยอมแต่งงานแทนแบบนี้...ถึงแม้ว่าวาวาจะไม่เคยมองเธอเป็นพี่สาวเลยก็ตาม เพราะวาวาไม่อยากนับญาติกับคนใช้อย่างเธอ แต่ถึงอย่างนั้นวา