Share

บทที่ 5

Author: คุณชายหกถังถัง
“คืนนี้คงต้องรบกวนหว่านเหยียนแล้ว!”

หลี่วั่นเหนียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังแบกรับภารกิจอันยิ่งใหญ่ เขาต้องเร่งความเร็วแล้ว เพราะต้นเดือนหน้าต้องไปรวมพลฝึกซ้อมที่อำเภอ

ตกค่ำ เขาจัดการทำความสะอาดร่างกายตัวเองเหมือนก่อนหน้านี้ จากนั้นไปนอนรอใต้ผ้าห่ม แต่หูคอยฟังเสียงความเคลื่อนไหวด้านนอกตลอดเวลา

แม้สายตาจะเริ่มพร่ามัว ทว่าหูก็ยังคงไวอยู่

“น้องรอง ถึงคราวเจ้าแล้ว!”

หลินหว่านเซียนเร่งเร้าอยู่ที่โถงรับแขก

“ท่านพี่ ไม่ต้องรีบเจ้าค่ะ! ข้าขอกวาดพื้นก่อน!”

หลินหว่านเหยียนตอบเช่นนั้น

เขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าหลินหว่านเหยียนกำลังเขินอายมาก และแน่นอนว่าอาจจะมีความไม่เต็มใจเจืออยู่ด้วยเช่นกัน เพราะในฐานะบุตรสาวตระกูลขุนนาง นางควรจะได้แต่งงานกับลูกหลานขุนนาง มีลูกหลานสืบสกุล แต่แล้วตอนนี้กลับต้องมาอยู่กับชายแก่แบบเขา และอายุของเขาก็รุ่นราวคราวเดียวกับิดาของนาง

“ช่วงกลางคืนไม่เหมาะแก่การกวาดพื้น ในเมื่อน้องหญิงไม่อยากทำ เช่นนั้นคืนนี้พี่จะทำเอง ส่วนวันนี้น้องเล็กก็กำลังมีรอบเดือน ไม่ค่อยสะดวก!”

หลินหว่านเซียนว่าจบก็จะไปที่ห้องของหลี่วั่นเหนียน

“ท่านพี่ ข้าทนให้ท่านทำแบบนั้นไม่ได้ ให้ข้าไปเองเถอะ!”

หลินหว่านเหยียนร้องห้ามเสียงเบา สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าไปที่ห้องของหลี่วั่นเหนียน

ภายในห้องมืดสนิทจนมองไม่เห็นอะไรเลย หลินหว่านเหยียนเข้ามาในห้องแล้วก็ปีนขึ้นไปบนเตียง แต่นางยังไม่ได้ถอดเสื้อผ้าออก เห็นชัดว่ากำลังอึดอัดใจ

แต่หลี่วั่นเหนียนไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เพราะเขาต้องสืบทอดทายาทให้ตระกูลหลี่ ต้องยืดอายุขัยของตัวเอง เขาจึงเริ่มลงมือทันที หลินหว่านเหยียนขัดขืนเล็กน้อย

แม้เขาจะอายุมากแล้ว แต่หลินหว่านเหยียนก็เป็นแค่สตรี เพียงไม่กี่อึดใจก็เข้าสู่ประเด็นหลัก ครั้นทุกอย่างเสร็จสิ้นเรียบร้อย หลินหว่านเหยียนก็ต้องยอมรับความจริง เพียงแต่มีน้ำตาสองสายไหลออกจากหางตา

นางแตกต่างกับพี่หญิงและน้องหญิง นางมีคู่หมั้นอยู่ก่อนแล้ว แค่ยังไม่ได้แต่งงานก็เท่านั้น

คู่หมั้นของนางเป็นขุนนางในราชสำนัก ทั้งสองรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่โชคร้ายที่ท่านพ่อของนางไปล่วงเกินผู้มีอำนาจ ทั้งครอบครัวถูกจำคุกและเนรเทศ ถึงกระนั้น ภายในใจนางก็ยังคงคาดหวังว่าคู่หมั้นจะมาช่วยเหลือ และตัวนางเองก็อยากจะรักษาความบริสุทธิ์ของตัวเองไว้เพื่อเขา

ยามที่รู้ว่าพวกนางสามพี่น้องจะถูกยกให้ชาวนาเพื่อสืบทอดทายาท นางก็ค่อย ๆ ตระหนักได้ว่า ตัวเองไม่คู่ควรกับผู้ใดอีกต่อไปแล้ว บางทีเขาอาจจะแต่งงานมีภรรยาไปแล้วก็ได้

หลี่วั่นเหนียนอายุมากแล้ว ประกอบกับเมื่อคืนเพิ่งผ่านศึกมา วันนี้จึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว

วันต่อมา เขานอนตื่นสายอีกครั้ง เมื่อได้ยินเสียงเครื่องครัวกระทบกันก็ลุกจากเตียงทันที สวมเสื้อผ้าให้เรียบร้อย และในขณะนั้นเอง เขาก็ค้นพบว่าตัวเองไม่ต้องนั่งพักที่ขอบเตียงเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

ทันใดนั้น ทำเนียบวงศ์ตระกูลก็ปรากฏขึ้นในหัวเขาอีกครั้ง!

ผู้นำตระกูล : หลี่วั่นเหนียน

ค่ากำลังรบ : 2(เทียบเท่าพลังต่อสู้ของชายโตเต็มวัยสองคน)

คู่ครอง : หลินหว่านเซียน หลินหว่านเหยียน

พรสวรรค์ : ค้นหาความหมายในรัศมียี่สิบจั้ง

อายุขัยที่คาดการณ์ : ห้าสิบแปด

ทายาท : ไม่มี

“ร่างกายข้าแข็งแรงสุด ๆ!”

รัศมีในการค้นหาสมบัติไม่เพียงเพิ่มขึ้น แต่กำลังต่อสู้ก็ยังเพิ่มขึ้นด้วย!

เมื่อเดินออกจากห้อง เขาก็เห็นว่าข้าวหุงเสร็จแล้ว นอกจากนี้ยังเป็นข้าวสวย

“ท่านพี่ ท่านล้างหน้าก่อนเถอะ!”

หลินหว่านเซียนยื่นผ้าสำหรับล้างหน้าไปให้ หลี่วั่นเหนียนมองหลินหว่านเหยียนที่จัดเตรียมชามและตะเกียบอยู่ไกล ๆ พบว่านางไม่กล้าสบตากับเขา นอกจากนี้ท่าเดินยังดูแปลกไป

“สองวันนี้สีหน้าของท่านพี่ดูดีขึ้นเยอะเลยเจ้าค่ะ!”

เป็นอีกครั้งที่หลินหว่านเซียนสังเกตเห็นว่าหลี่วั่นเหนียนดูหนุ่มลง ตอนนี้เขาดูเหมือนคนอายุสี่สิบต้น ๆ รูปร่างสูงสง่า เส้นผมดกดำขึ้นมาก มีเพียงส่วนน้อยที่เป็นผมหงอก ทำให้ดูมีสง่าราศีมากขึ้น

เมื่อมองเช่นนี้ อย่างน้อยรูปลักษณ์ของเขาก็ไม่ดูขัดกับนางมากขนาดนั้นอีกต่อไปแล้ว!

“งั้นหรือ?”

หลี่วั่นเหนียนเดินไปที่กะละมัง เมื่อเห็นภาพสะท้อนของตัวเองในตอนนี้ก็รู้สึกว่าแตกต่างไปจากเดิมเยอะมาก หากได้ร่วมเตียงกับหลินหว่านชิงอีกคน ตัวเขาน่าจะดูเป็นชายอายุสามสิบกว่า ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นต่อไป คนในหมู่บ้านจะต้องสงสัยแน่

โชคดีที่ช่วงนี้หว่านชิงกำลังมีรอบเดือน เขาไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้น เรี่ยวแรงในตอนนี้เพียงพอให้ทำอะไรได้หลายอย่างแล้ว

“อาหารเสร็จแล้ว ท่านพี่มากินเถอะ!”

“อืม ได้สิ!”

หลี่วั่นเหนียนเดินมาที่โต๊ะ แค่มองข้าวสวยก็รู้สึกอิ่มเอมใจแล้ว เพราะช่วงก่อนนี้เขาไม่เคยจะได้กินอิ่มด้วยซ้ำ

หลังจากกินข้าวฟ่างไปหนึ่งชามใหญ่ เขาก็ตัดสินใจว่าจะออกไปตามหาโอกาสข้างนอก เขาค้นหาที่สมรภูมิไปแล้ว คราวนี้จึงอยากไปสำรวจที่ภูเขาหลังหมู่บ้าน ค้นหาของจำพวกของป่า

ตอนนี้ที่บ้านมีภรรยาสามคนต้องเลี้ยงดู ต้องต่อสู้อย่างหนักทั้งวันทั้งคืน จึงจำเป็นต้องเสริมไขมันและกล้ามเนื้อ

“ข้าจะไปหาของป่าที่ภูเขาด้านหลัง น่าจะกลับมาตอนบ่าย หากตอนเที่ยงรู้สึกหิวก็ทำอาหารกินได้เลย!”

หลี่วั่นเหนียนกล่าวเช่นนี้

“ท่านพี่ ได้ยินว่าบนภูเขามีเสืออยู่ อันตรายมากนะเจ้าคะ!”

หลินหว่านเซียนเป็นคนสุขุมรอบคอบ นางเป็นกังวลที่หลี่วั่นเหนียนต้องไปเสี่ยงอันตราย

“ไม่เป็นไร ข้าจะไม่เข้าไปลึกมาก แล้วก็จะถือโอกาสขุดสมุนไพรมาด้วย จะได้นำไปขายแลกเงินที่ตัวอำเภอ!”

ไม่ว่าอย่างไร หลี่วั่นเหนียนก็จะไปให้ได้ โบราณว่าไว้ ต้องใช้ทรัพยากรรอบตัวให้เป็นประโยชน์ เขาจะปล่อยให้ทรัพยากรธรรมชาติพวนี้สูญเปล่าไปไม่ได้

จากนั้น เขาก็หยิบขวานตัดไม้ สะพายจอบกับตะกร้าเดินออกไปนอกหมู่บ้าน

แต่เพิ่งจะเดินถึงทางออกฝั่งตะวันตกก็ได้ยินหลี่จื้อหมิงตะโกนเรียก “เจ้าหลี่ เจ้าจะไปที่ใด?”

หลี่วั่นเหนียนหันกลับไปมอง “ข้าจะไปขุดสมุนไพรบนภูเขา!”

“เจ้าหลี่ นี่เจ้า…”

หลี่จื้อหมิงพบว่าสีหน้าของหลี่วั่นเหนียนดูดีขึ้นมาก ซึ่งตามหลักแล้วไม่ควรเป็นเช่นนี้เลย น่าประหลาดที่ตาแก่คนนี้ไม่ถูกหญิงสาวทั้งสามทรมานจนตาย อย่าว่าแต่หญิงสาวสามคนเลย แค่ภรรยาเฒ่าของเขาคนเดียวก็น่าจะทำให้ไม่ไหวแล้ว

“ข้าไปก่อนนะ!”

หลี่วั่นเหนียนรู้ตัวว่าตัวเองดูหนุ่มลง รีบเดินจากไป

หลี่จื้อหมิงมองตามหลังหลี่วั่นเหนียนพลางคิดในใจ “หรือว่าข้าจะมีภรรยาน้อยเกินไป?”

แต่เพิ่งจะคิดได้ดังนี้ เขาก็นึกถึงภรรยาจอมโหดของตัวเองขึ้นมา ความฮึกเหิมในใจถดถอยลงทันที

หลังจากที่หลี่วั่นเหนียนก้าวพ้นอาณาเขตหมู่บ้าน เขาก็เร่งฝีเท้าเดินไปทางภูเขา

ตอนนี้เขามีเรี่ยวแรงเทียบเท่าบุรุษโตเต็มวัยสองคน ฝีเท้าว่องไว เดินเพียงไม่นานก็มาถึงเชิงเขา

ตอนนี้เป็นช่วงเดือนสาม ภูเขาเริ่มเป็นสีเขียวชอุ่ม เมื่อเดินเข้าไปในป่า ดวงตาก็เห็นแสงสีน้ำเงินประหลาด ราวกับมองเห็นทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ในป่าทึบ แม้จะไม่ค่อยชัดเจนนัก แต่ก็ยังดีกว่ามองด้วยตาเปล่า

เมื่อเข้ามาในป่าได้ประมาณหนึ่งลี้กว่า เขาก็เห็นแสงสีเขียววูบไหวอยู่ไกล ๆ ครั้นเข้าไปดูใกล้ ๆ ก็พบว่าเป็นโสมต้นหนึ่ง

“น่าจะอายุเกินสามสิบปี!”

เขารีบนำจอบออกมาขุด ไม่นาน โสมอายุสามสิบปีซึ่งมีสภาพสมบูรณ์ก็ถูกเขาขุดออกมา หากนำโสมต้นนี้ไปขายในตัวอำเภอน่าจะได้ราคาอย่างน้อยสามสิบตำลึง นอกจากนี้ยังเป็นที่ต้องการของตลาด เพราะมีความเชื่อว่าโสมช่วยทำให้ร่างกายแข็งแรงและยืดอายุขัย

อ้างอิงจากที่ผู้เฒ่าผู้แก่ของในโลกนี้บอกไว้ อายุของโสมเป็นตัวกำหนดว่าจะยืดอายุขัยได้นานเท่าใด อย่างเช่นโสมตรงหน้านี้ ตามทฤษฎีแล้วสามารถเพิ่มอายุขัยได้สามสิบปี!

แต่แน่นอนว่านี่เป็นเพียงทฤษฎี!

ดังนั้นเขาจะไม่นำไปขาย เพราะเขารู้สึกว่าร่างกายตัวเองยังอ่อนแออยู่ ต้องได้รับการบำรุง

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงเดินลึกเข้าไปในป่ามากขึ้นอีก แต่เพิ่งจะเดินได้ไม่ถึงสามสิบจั้งก็พบของดีอีกครั้ง มันไม่ใช่อื่นใดเลย เป็นโสมอีกต้นนั่นเอง แต่มีอายุน้อยกว่าต้นแรก อายุประมาณสิบปีเท่านั้น กระนั้นเขายังคงขุดมันขึ้นมา ถึงแม้การปล่อยให้มันได้เติบโตต่อไปจะทำให้มูลค่าในอนาคตสูงขึ้น แต่เขาไม่อาจมั่นใจได้ว่าตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ จึงได้แต่ขุดไปตั้งแต่ตอนนี้

หลังจากขุดโสมไปสองต้น เขาก็ไม่พบโสมต้นอื่นอีก แต่พบร่องรอยของไก่ป่าอยู่ไกล ๆ

ทว่าเขาไม่มีธนู มีเพียงขวานตัดไม้ เขาจึงค่อย ๆ ย่องเข้าไปใกล้ จากนั้นขว้างขวานไปที่ไก่ป่า ได้ไก่ป่ามาหนึ่งตัว

จากนั้น เขายังพบเจอกระต่ายป่าและสัตว์อื่น ๆ โดยไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว ดวงอาทิตย์ก็เริ่มคล้อยดินแล้ว

เขาเงยหน้ามองดวงอาทิตย์ผ่านแมกไม้ของป่าทึบ จากนั้นมองของป่าที่อยู่ในตะกร้าก่อนจะตัดสินใจเดินทางกลับ แม้จะอยู่ในป่าลึก แต่เขาค่อนข้างคุ้นเคยกับพื้นที่ เริ่มเดินกลับตามเส้นทางเดิม

ในยามที่กำลังจะออกจากป่า มีวัตถุขนาดใหญ่ชิ้นหนึ่งร่วงตกลงมาจากฟ้า ทำกิ่งไม้หักโค่นเป็นจำนวนมากและร่วงลงเบื้องหน้าเขา

วัตถุที่ว่านี้คือมนุษย์ผู้หนึ่ง ทั้งยังสวมเกราะสีขาว เขามองขึ้นไปบนฟ้าอีกครั้งแต่ไม่เห็นอะไรเลย

“แค่ก ๆ !”

คนผู้นั้นส่งเสียงไอออกมา

“ยังไม่ตายหรือ?”

หลี่วั่นเหนียนรู้สึกเหลือเชื่อ หากเป็นเขาก็คงตายไปนานแล้ว

เขาเข้าไปดูใกล้ ๆ พบว่าหญิงสาวนางนี้มีโลหิตไหลออกจากมุมปาก ใบหน้าขาวซีด

“เจ้าคงไม่ใช่คนแซ่หลินอีกคนกระมัง!”

หลี่วั่นเหนียนพลั้งปากถามออกไป
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 100

    กู้เฉวียนจวินสบถคำหยาบออกมาโดยตรง เขาส่งสายตาให้หลี่วั่นเหนียนเตรียมลงมือ แต่ตอนนี้เป็นกลางคืน มองเห็นไม่ชัด ส่วนหลี่วั่นเหนียนก็คิดว่าหมอนี่พูดรหัสลับจริงๆแต่ปรากฏว่ามันคือรหัสลับจริงๆ!“เข้าไปเถิด!”หลังจากคนตรวจสอบข้อมูลทั้งสามคุยกับคนที่อยู่หลังประตู ประตูใหญ่ก็เปิดออกทันที!กู้เฉวียนจวินอึ้งไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเดารหัสลับถูก แต่ขณะเดียวกัน แผ่นหลังของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วหลี่วั่นเหนียนพาทุกคนเดินเข้าประตูใหญ่ ขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง หลี่วั่นเหนียนฟันดาบออกไปฉับพลัน ศีรษะของหนึ่งในชาวชี่ตานที่กำลังปิดประตูถูกฟันจนขาด ทหารที่อยู่ข้างกายหลี่วั่นเหนียนพากันชักดาบออกมา ชาวชี่ตานไม่ทันตั้งตัว เพียงพริบตาเดี๋ยวก็ล้มลงไปอีกเจ็ดแปดคนเวลานี้เอง ชาวชี่ตาที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ของค่ายรู้ตัวแล้ว และกำลังจะตีฆ้อง ทว่าหลี่วั่นเหนียนขว้างมีดบินออกไป สังหารชาวชี่ตานที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ทันที และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนที่สูงของค่ายก็เจอกับมีดบินเช่นกันผ่านไปเพียงครู่เดียว ประตูใหญ่ถูกเปิดออก คนของหลี่วั่นเหนียนโบกคบเพลิงบนค่ายทหาร!ยามลับที่อยู่นอกค่ายสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 99

    อันที่จริงตอนแรกที่หลี่วั่นเหนียนกล่าว มีเพียงไม่กี่คนที่สนใจ แต่เมื่อพูดถึงเลื่อนยศหนึ่งขั้น ดวงตาของเหล่าเด็กหนุ่มจากหมู่บ้านตระกูลหลี่เบิกกว้างทันที!“ข้าไป!”“ข้าก็ไป!”……เพียงครู่เดียว ก็มีคนยกมือเกินสี่สิบคนแล้ว แต่มีเครื่องแบบแค่ยี่สิบชุด จึงต้องคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุด“เสียงเบาหน่อย! คนจากหมู่บ้านตระกูลหลี่เข้าร่วมทั้งหมด คนจากหมู่บ้านตระกูลหวังที่มีอายุระหว่างยี่สิบถึงสามสิบปีได้สิทธิ์ก่อน!”หลี่วั่นเหนียนก็รู้ เขาต้องเลือกผู้ที่มีประสบการณ์การรบ อีกทั้งยังแข็งแรงก่อนสุดท้ายมีสามสิบคนถูกคัดออก ส่วนคนที่เหลือมายืนข้างกายหลี่วั่นเหนียน“ใต้เท้าหลิว ข้าก็จะไป!”ทันใดนั้น กู้เฉวียนจวินยกมือขึ้น แต่หลี่วั่นเหนียนไม่เคยพิจารณาเขาเลย“เจ้าไปไม่ได้!”แม้เขามีความก้าวหน้า แต่พละกำลังและทักษะการต่อสู้ของเขายังสู้เด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหลี่ไม่ได้ และสู้เด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังไม่ได้เช่นกัน“พวกเจ้าพูดภาษาชี่ตานไม่ได้ แต่ข้าพูดได้!”เมื่อกู้เฉวียนจวินกล่าวเช่นนี้ หลี่วั่นเหนียนเลิกคิ้วทันที คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย“ท่านอย่าเข้าใจผิดเสียล่ะ โยว

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 98

    ช่วงสองวันนี้ไม่มีแสงจันทร์เลย รอหลังจากฟ้ามืดแล้ว หลี่วั่นเหนียนใช้เชือกโรยตัวลงที่นอกกำแพงเมือง เหล่าเด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังกับหลี่ก็ตามมาด้วยพวกเขาสามารถออกจากประตูใหญ่ของกำแพงเมือง แต่การทำเช่นนั้นมันสะดุดตาเกินไปหลังออกจากกำแพงเมือง พวกเขามุ่งหน้าไปยังที่ต่ำของเทือกเขาหลังจากเดินออกมาสองสามลี้ พบว่ามีผู้คนหลายร้อยรวมตัวกันที่ด้านหน้า พวกเขาล้วนลงมาจากยอดเขาต่างๆ โดยไม่ได้เลือกออกมาจากประตูใหญ่ของกำแพงเมืองเซียวเจิ้งก็มาถึงแล้วเช่นกัน!แต่เวลานี้ยังไม่มีค่ายไหนที่มากันคบ ทุกคนยังคงรอต่อไปมีคำสั่งทหารหากใครมาไม่ถึงก่อนยามซวี จะถือว่าเป็นทหารหนีทัพทั้งหมด!เซียวเจิ้งจะไม่ลังเลในเวลานี้เช่นนี้ เพราะนี่ก็คือคำสั่งทหาร พวกเขาต้องออกเดินทางก่อนยามซวี ไปถึงจุดซุ่มโจมตีก่อนยามไฮ่และถอนกำลังหลังจากโจมตีหนึ่งชั่วยาม เพราะชาวชี่ตานต้องใช้เวลาส่งข่าวและส่งกำลังเสริมมาถึง ก็คือหนึ่งชั่วยามหัวหน้าล่วงเลยไปทีละนิด สุดท้ายกำลังพลของค่ายเซียวเจิ้งมากันครบแล้ว ค่ายอื่นก็เช่นกันหลังจากมาถึง ก็ออกเดินทางอย่างเต็มกำลังทันทีเพราะที่นี่อยู่ห่างจากกำแพงเมืองสามลี้ ยังต้องเดินหน้

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 97

    หวังโส่วอี้ออกคำสั่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมปฏิบัติตามอย่างไร้เงื่อนไข ไม่นานนัก ทหารส่งสารก็ส่งข่าวมาถึงมืออู๋ซานอู๋ซานอยู่ในค่ายใหญ่ตรงเชิงเขา เมื่อได้รับข่าวนี้ ก็รู้สึกปวดหัวมากเช่นกันต้องบอกก่อนว่า ค่ายแนวหน้าของชาวชี่ตานอยู่ห่างจากกองบัญชาการใหญ่ของพวกเขาเพียงสามสิบลี้ และชาวชี่ตานล้วนเป็นทหารม้า ระยะทางสามสิบลี้สำหรับทหารม้าไม่ถือว่าไกลเลย เมื่อไรที่ไม่สามารถจบการต่อสู้และถอนกำลังทัน ก็มีโอกาสถูกปิดล้อมสูงมากอู๋ซานรู้ดีว่าไม่สามารถขัดคำสั่งทหาร จึงเริ่มลงมือปฏิบัติทันที แต่เขาก็รู้ว่าเป้าหมายหลักในครั้งนี้คือการสั่งสอนชาวชี่ตาน การจะทำลายค่ายแนวหน้านั้นค่อนข้างยาก ดังนั้นย่อมไม่ส่งทหารชั้นยอดออกไป เพราะเขารู้ว่าการทำลายกองทัพศัตรูนั้นเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตนเองก็ต้องไม่เกิดความสูญเสียมากเกินไปหากมีผลงาน เพียงแต่เป็นภายใต้สถานการณ์ที่ผลงานไม่มากนัก ผู้ว่าการทหารก็คงไม่ลงโทษเขาจริงๆ หรอกด้วยเหตุนี้ เขาจึงเรียกจางเหลียงมา“ใต้เท้าอู๋ มีอะไรจะสั่ง?”จางเหลียงมาถึงแล้ว“แม่ทัพจาง ข้ามีภารกิจให้พวกเจ้าไปทำ พาคนของเจ้าไปทำลายค่ายแนวหน้าของชาวชี่ตานเสีย! ขณะเดียวกัน

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 96

    หลังจากตะโกน ก็ใช้ไฟจุดหญ้าแห้งโดยตรง หญ้าแห้งก็ลามไปติดมูลม้า แม้เป็นตอนกลางคืน อาจจะมองไม่เห็นควันไฟ แต่ภายในหอส่งสัญญาณมีแสงไฟ อยู่ห่างออกไปสิบกว่าลี้ก็สามารถมองเห็น“ลุย!”ชาวชี่ตานที่อยู่ห่างออกไปรู้ว่าตนเองถูกพบเห็นแล้ว จึงพุ่งออกไปโดยตรงหลี่วั่นเหนียนคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะบุกตีหอส่งสัญญาณที่เขาอยู่ เพราะเส้นทางที่นี่ยากต่อการเดินทัพเหล่าเด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังกับหลี่เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีคบเพลิงโดยรอบก็ถูกจุดสว่างเช่นกัน ที่ด้านล่างของพวกเขา มีชาวชี่ตานเนืองแน่นมากกว่าร้อยคนปรากฏตัวขึ้น นี่เป็นเพียงกำลังพลที่อยู่ใกล้หอส่งสัญญาณของพวกเขา ส่วนหอส่งสัญญาณจุดอื่นมีเท่าไรไม่รู้ แต่จำนวนรวมคงไม่มาก ไม่เช่นนั้นจะเสียงดังเกินไป ไม่มีทางเข้าใกล้ได้ในระยะยี่สิบจั้งแน่นอนชาวชี่ตานพุ่งเข้าหากำแพงเมือง วิธีการบุกโจมตีของพวกเขายังคงเหมือนก่อนหน้านี้ คือใช้ตะขอเหล็ก เชือก และบันไดแต่ครั้งนี้พวกเขาเป็นฝ่ายตั้งรับ แม้มีคนเพียงแค่เกือบหกสิบคน แต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่า อีกฝ่ายต้องมีกำลังพลอย่างน้อยสามเท่าขึ้นไป จึงจะสามารถชนะอย่างแน่นอน ดังนั้นขอแค่ระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อ

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 95

    “ใต้เท้า เหตุใดพวกเราไม่เป็นฝ่ายบุกล่ะ?”หัวหน้าหน่วยของหลี่วั่นเหนียนกล่าวถาม เพราะกำลังพลในมือเขาเยอะ ตอนนี้เกือบสองร้อยคนแล้ว ดังนั้นเขาอยากสร้างผลงาน เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น“นี่เป็นการตัดสินใจของท่านผู้ว่าการทหาร แต่เท่าที่ข้ารู้จักท่านผู้ว่าการทหาร ความพ่ายแพ้ของครั้งก่อน ไม่อาจชดเชยได้เพียงเพราะยึดปาต๋าหลิงคืนมาได้ ทุกคนเตรียมตัวให้ดีเถิด!”“รับทราบ!”หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง หลี่วั่นเหนียนกับหลิวเถียนกลับมาพร้อมกับเบี้ยทหารทหารที่ได้รับข่าวพากันมาเข้าแถวรอรับเบี้ยทหารแล้วทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จ่ายเต็มจำนวนทั้งหมด ดังนั้นทุกคนจึงยิ้มกันถ้วนหน้าแต่อยู่ในค่ายทหาร อยากใช้เงินก็แทบไม่มีที่ใช้ เพราะทางกองทัพเป็นคนจัดหาอาหารให้ สิ่งเดียวที่ต้องเสียเงินก็คือนางบำเรอในสังกัดฝ่ายพลาธิการ หรือไม่ก็ตลาดที่เหล่าทหารตั้งขึ้นเอง สามารถซื้อของเล็กน้อยที่ตนเองต้องการหลี่วั่นเหนียนไม่มีอะไรจะซื้อ จึงเก็บเงินไว้ในกระโจมคืนนี้ผ่านไปอย่างสงบ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะขึ้นเขาไปรับช่วงต่อแล้ว ในวันต่อมา พวกเขาต้องลาดตระเวนบนกำแพงเมือง ต้องทนแดดทนฝนอยู่บนนั้นทั้งวัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status