Share

บทที่ 6

Author: คุณชายหกถังถัง
“เจ้าเป็นผู้ใด! เหตุใดจึงรู้แซ่ของข้า?”

หญิงสาวในชุดเกราะขาวใช้กริชจ่อคอของหลี่วั่นเหนียน ตอนนี้หัวใจของหลี่วั่นเหนียนเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกจากอก เขารู้ว่าหญิงสาวเบื้องหน้าไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน และหน้าอกหน้าใจของนางก็ใหญ่มาก!

“ข้าแซ่หลี่ มีนามว่าหลี่วั่นเหนียน เป็นชาวนาในหมู่บ้านตระกูลหลี่ มาที่นี่เพื่อหาของป่า! พอดีว่าเมื่อสองวันก่อน ทางการได้จัดสรรภรรยาแซ่หลินสามคนให้กับข้า ด้วยเหตุนี้จึงถามเช่นนั้น!”

หลี่วั่นเหนียนรีบอธิบาย หญิงสาวเบื้องหน้าคิดว่าเป็นเพียงเรื่องบังเอิญเช่นกัน!

“แค่ก ๆ!”

ใบหน้าของหญิงสาวกลายเป็นสีแดงก่ำ จากนั้นล้มฟุบลงกับพื้น หมดสติไป

หลี่วั่นเหนียนเห็นหญิงสาวเป็นเช่นนี้ก็ไม่อยากสนใจแล้ว ลุกขึ้นเดินจากไป

แต่เดินออกมาได้ร้อยจั้ง อาจจะเพราะความรู้สึกผิด อาจจะเพราะรู้สึกว่ายังมีโอกาสอย่างอื่น เขาจึงเดินย้อนกลับมาอีกครั้ง

“เป็นโชคดีของเจ้านะที่มาเจอข้า!”

หลี่วั่นเหนียนถอดชุดเกราะของนางออก แล้วนำไปใส่ในตะกร้าหามของตัวเอง

แม้ว่าเขาจะมีแรงเท่าผู้ใหญ่สองคน แต่ก็ขึ้นเขามาทั้งวัน รวมน้ำหนักของสัตว์ป่ากับชุดเกราะแล้วก็ยังเหนื่อยมากอยู่ดี

เมื่อเดินมาถึงปากทางเข้าหมู่บ้าน ขาทั้งสองก็อ่อนระทวยแทบหมดแรง

“เจ้าหลี่ หญิงสาวนางนี้เป็นผู้ใด?”

หลี่จื้อหมิงเห็นเจ้าหลี่อุ้มหญิงสาวแปลกหน้ากลับมาก็ฉงนสงสัยมาก

“ไม่รู้ เก็บได้จากข้างทาง!”

หลี่วั่นเหนียนไม่อยากอธิบายมากนัก

“เจ้าคงไม่ได้จะพากลับบ้านอีกใช่หรือไม่?”

“แล้วจะให้ทำอย่างไรเล่า ข้าเป็นทายาทคนเดียวที่เหลืออยู่ อีกทั้งอายุก็มากแล้ว มีภรรยาหลายคนก็จะได้ยิ่งมีโอกาส!”

เมื่อหลี่วั่นเหนียนพูดแบบนี้ หลี่จื้อหมิงก็รู้สึกว่ามีเหตุผล จึงไม่ได้สนใจอะไรอีก แต่บรรดาหญิงสาวและป้า ๆ ในหมู่บ้านเห็นหลี่วั่นเหนียนอุ้มภรรยาคนใหม่กลับมา พวกนางก็พากันมองด้วยความสงสัย แต่ใบหน้าของหญิงสาวนางนี้ซบอยู่ในอ้อมอกของหลี่วั่นเหนียน ทำให้มองไม่เห็นหน้าตา

“ให้ตาย อายุปูนนี้แล้วจะไหวหรือ?”

“ข้าว่าไม่ไหวหรอก สามีที่บ้านข้าอายุน้อยกว่าลุงหลี่อีก แต่นอกจากการทำให้ตัวข้าเลอะน้ำลายแล้วก็ไม่ได้เรื่องอะไรเลย!”

.......

หลี่วั่นเหนียนไม่สนใจถ้อยคำร้ายกาจของผู้หญิงในหมู่บ้าน เดินตรงดิ่งกลับไปยังกระท่อมหลังน้อย

ไม่นาน เขาก็กลับถึงบ้าน

“ท่านพี่ นางเป็นผู้ใดหรือ?”

หลินหว่านเซียนเห็นหลี่วั่นเหนียนอุ้มหญิงสาวแปลกหน้ากลับมาก็สงสัยมาก ขณะเดียวกันก็ระแวงเล็กน้อย

“ไม่รู้เหมือนกัน เก็บได้จากข้างทาง!”

หลี่วั่นเหนียนวางนางลงบนพื้นห้องรับแขก ชั่วขณะนั้น ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรต่อ

“ท่านพี่จะทำอย่างไรต่อเจ้าคะ?”

หลินหว่านชิงถาม

“ให้พักที่บ้านก่อนแล้วกัน ถ้าหากไม่ตายก็เลี้ยงเอาไว้ แต่ถ้าหากตายก็นำไปโยนทิ้ง!”

หลี่วั่นเหนียนพูดได้เพียงเท่านี้ การแพทย์ที่โลกนี้ไม่ค่อยดีนัก เวลาเจ็บป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ ส่วนใหญ่ก็อาศัยแรงใจและภูมิคุ้มกันของตัวเอง

“วันนี้ท่านพี่ไปขุดสมุนไพร พอจะมีสมุนไพรที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บหรือไม่ จะลองต้มให้นางกินหรือไม่เจ้าคะ?”

หลินหว่านเซียนค่อนข้างคนใจดี เมื่อเห็นหญิงสาวตัวคนเดียวได้รับบาดเจ็บก็อยากช่วยเหลือ

“ได้ เช่นนั้นก็เริ่มทำอาหารไปด้วยเลย!”

หลี่วั่นเหนียนนั่งลง เขารู้สึกหิวแล้ว

“วันนี้พี่หญิงเย็บผ้าห่มจากหญ้ากก ข้านำมาห่มให้นางดีกว่า มิเช่นนั้นอาจจะป่วยไข้!”

น้องสามหลินหว่านชิงเห็นแบบนี้ก็รู้สึกสงสาร

“เช่นนั้นข้าจะเตรียมยา ข้ามีความรู้เรื่องสมุนไพร!”

หลินหว่านเหยียนยื่นมือเข้าช่วยเช่นกัน หลี่วั่นเหนียนรู้สึกประหลาดใจที่นางมีความรู้ด้านยา แต่ก็ถือว่าดีกว่าไม่มี

.......

ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ ลาลับขอบฟ้า อาหารมื้อเย็นกับสมุนไพรต้มเสร็จเรียบร้อยแล้ว หลินหว่านชิงช่วยป้อนให้หญิงสาวแปลกหน้าด้วยตัวเอง สีหน้าที่ซีดเผือดของนางค่อย ๆ ดีขึ้น กระนั้นก็ยังคงหมดสติไม่ฟื้น

ตกเย็น หลี่วั่นเหนียนมองดูอาหารจากของป่าที่ทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว อาหารไม่ได้ใส่น้ำมัน มีแค่น้ำมันตามธรรมชาติของสัตว์ป่า ใส่เกลือเพียงเล็กน้อย เท่านี้ก็เป็นอาหารรสเลิศแล้ว

เนื่องจากเย็นนี้มีเนื้อสัตว์ ด้วยเหตุนี้จึงไม่ได้หุงข้าวสวย แต่ดื่มเป็นโจ๊กแทน พร้อมทั้งแบ่งโจ๊กหนึ่งชามไว้ให้หญิงสาวที่หมดสติด้วย หลังจากทานอาหารเสร็จ หลินหว่านชิงก็นำไปป้อนให้หญิงสาวแปลกหน้า

เวลานี้ ทุกคนต้องคิดแล้วว่าจะแบ่งที่นอนอย่างไรดี หลี่วั่นเหนียนเองก็รู้สึกง่วงนอน เขาเหนื่อยมากจริง ๆ

“ท่านพี่ หากปล่อยให้นางนอนบนพื้นคงไม่ดีนัก เกรงว่าจะป่วยไข้ ให้นอนบนเตียงดีหรือไม่?”

หลินหว่านเซียนเป็นคนดี นางเห็นหญิงสาวแปลกหน้านอนบนพื้นเย็นเฉียบก็รู้สึกสงสาร

“แต่ที่บ้านเรามีเตียงแค่สองหลัง หากให้นางนอนกับพวกเจ้า มันจะไม่เบียดเกินไปหรือ?”

หลี่วั่นเหนียนพูด

“เอาแบบนี้ดีหรือไม่ ให้น้องสามนอนกับหญิงสาวนางนี้ ส่วนข้ากับหว่านเหยียนไปนอนกับท่านพี่ด้วยกัน?”

ข้อเสนอแนะของหลินหว่านเซียนทำให้หลี่วั่นเหนียนตาตื่นทันที

“ข้อเสนอแนะของน้องหญิงไม่เลวเลย ตกลงตามนี้!”

หลี่วั่นเหนียนรู้สึกว่าน้องหญิงใหญ่รู้ใจเขามาก

เพียงแต่ หลินหว่านเหยียนเขินอายเล็กน้อย

แต่มันช่วยไม่ได้จริง ๆ บ้านหลังนี้เล็กเกินไป จะจัดแจงเช่นนี้ก็สมเหตุสมผลแล้ว กระนั้นเขาก็รู้สึกว่าควรต่อเติมกระท่อมเพิ่มได้แล้ว เพราะสภาพตอนนี้ไม่เพียงพอสำหรับอยู่หลายคนจริง ๆ

แต่คงจะต่อเติมเป็นบ้านอิฐไม่ได้ เพราะราคาของอิฐไม่ใช่ถูก ๆ เลย ตอนนี้ในบ้านมีสมาชิกหลายคน เงินส่วนใหญ่ควรใช้จ่ายไปกับอาหาร ดังนั้น จึงสร้างได้เพียงกระท่อมฟางเท่านั้น

ตอนนี้เป็นช่วงที่เสบียงอาหารขาดแคลน เขาตั้งใจว่าจะจ้างแรงงานสองคนในหมู่บ้านมาช่วยสร้างบ้าน และจะจ่ายค่าจ้างเป็นอาหาร

........

ภายในห้องของหลี่วั่นเหนียน ภรรยาสาวสวยสองคนเข้ามาอยู่ใต้ผ้าห่ม เนื่องจากมีประสบการณ์ ทุกคนจึงไม่เขินอายนัก

“ท่านพี่ มือของท่านโดนข้าแล้วเจ้าค่ะ!”

หลินหว่านเหยียนพูดเช่นนี้

“ได้ ข้าผิดเอง!”

......

หลินหว่านชิงที่อยู่ห้องด้านข้างคอยดูอาการของหญิงสาวแปลกหน้าไปด้วย ฟังเสียงความเคลื่อนไหวจากห้องด้านข้างไปด้วย รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั่วทั้งตัว

......

เช้าวันรุ่งขึ้น

“ท่านพี่ ท่านรีบไปตามคนเถิด พวกข้าจะทำอาหาร หลังจากกินเสร็จแล้วจะช่วยต่อเติมบ้าน!”

หลินหว่านเซียนเร่งเร้า

หลี่วั่นเหนียนลุกจากเตียงอย่างไม่เต็มใจนัก เพราะช่วงเวลาอันแสนสุขช่างสั้นเหลือเกิน

“ได้!”

หลี่วั่นเหนียนไปเรียกแรงงานในหมู่บ้านมาจำนวนหนึ่ง ในหมู่บ้านมีไม้และดินเยอะมาก การสร้างกระท่อมจึงไม่ใช่ปัญหา

เขาเรียกเจ้าหนุ่มหลี่เฉิงหัวมาด้วยเช่นกัน แม้ว่าปกติแล้วเจ้าหนุ่มคนนี้จะไม่ให้ความเคารพต่อเขา แต่หลี่เฉิงหัวมีแรงเยอะ ประกอบกับตอนนี้เขาไม่กลัวคนหนุ่มพวกนี้อีกต่อไปแล้ว ด้วยเหตุนี้จึงกล้าเรียกมา

นอกจากนี้ ลูกชายทั้งสามคนของหัวหน้าหมู่บ้านหลี่จื้อหมิงก็มาด้วยเช่นกัน แม้ครอบครัวของหัวหน้าหมู่บ้านจะค่อนข้างมีฐานะ แต่ลูกชายสามคนก็กินเยอะ ทำให้ชีวิตลำบากอยู่ดี ฉะนั้นจึงตามมาสร้างบ้านด้วย

ชายหนุ่มทั้งสี่คนไม่ได้เข้ามาในบ้าน แต่เอามือซุกไว้ในแขนเสื้อและนั่งยอง ๆ รออยู่หน้าประตู อากาศช่วงเช้าตรู่ค่อนข้างหนาวมาก พร้อมกันนั้น พวกเขาก็ชะโงกมองเข้ามาในบ้านไม่หยุดเช่นกัน คงจะอยากเห็นอาสะใภ้สาวสวย

หลี่วั่นเหนียนเห็นแต่ไม่ได้พูดอะไร เพราะตอนหนุ่ม ๆ เขาก็เคยเป็นแบบนี้เหมือนกัน

หัวหน้าหมู่บ้านไม่ได้ให้ลูกชายตัวเองไปรับภรรยาจากทางการ นี่ก็เพื่อยืดเวลาชีวิตให้อีกสักสองสามปี มิเช่นนั้นหากต้องไปสู้ศึกในสนามรบ โอกาสรอดชีวิตคงน้อยเกินไป

“อาหารเสร็จแล้ว!”

หญิงสาวทั้งสามยกอาหารออกมา แม้พวกนางจะหน้าตาไม่เลว โดยเฉพาะหน้าอกอวบอิ่มของหลินหว่านเซียนที่ไม่อาจละสายตา

แต่เมื่อเห็นข้าวฟ่างหุงสุก ความสนใจของบรรดาชายหนุ่มก็ละไปจากหญิงสาวทันที

ดังคำโบราณว่าไว้ เมื่ออิ่มอุ่นแล้วค่อยคิดถึงราคะ หากยังไม่อิ่มท้อง ทุกคนก็จะไม่คิดเรื่องระหว่างชายหญิง

“ขอบคุณท่านอาสะใภ้!”

ทั้งสี่คนหยิบข้าวฟ่างหุงสุกไปคนละชาม กินกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่ก็กินได้แค่ชามเดียวเท่านั้น ขอเพิ่มไม่ได้ ถึงว่าคนหนุ่มจะยังกินไม่อิ่มก็ตาม

หลังจากทานอาหารกันเรียบร้อย หลี่วั่นเหนียนก็วาดวงกลมบนพื้น ตั้งใจจะสร้างบ้านแบบเรือนสี่ประสาน โดยจะสร้างบ้านอีกหลังไว้ข้างตัวเรือนหลัก รอไว้มีกำลังทรัพย์มากขึ้นก็ค่อยสร้างเพิ่มอีกหลัง

ทั้งสี่คนจัดเตรียมงานขั้นพื้นฐานโดยหลักคือการเตรียมวัสดุเช่นจัดเตรียมวัสดุจำพวกอิฐโคลน ไม้ และฟาง

ตลอดกระบวนการต้องใช้เวลาเจ็ดวัน เมื่อเตรียมวัสดุเสร็จสิ้นก็เริ่มสร้างได้เลย และขั้นตอนนี้ก็ใช้เวลาอีกเจ็ดแปดวัน รวมทั้งหมดก็ต้องใช้เวลาทั้งหมดครึ่งเดือนไปกับการสร้างบ้าน

การก่อสร้างเป็นไปอย่างเรียบง่าย ไม่จำเป็นต้องวางรากฐานอย่างจริงจัง ช่วยประหยัดเวลาไปได้มาก

ในช่วงครึ่งเดือนนี้ หญิงสาวแปลกหน้านางนั้นยังคงนอนไม่ได้สติอยู่ในห้อง

เมื่อเห็นบ้านใหม่สร้างเสร็จเรียบร้อย หลี่วั่นเหนียนก็ไปหาของป่าบนภูเขาอีกครั้ง ตั้งใจจะฉลองกับครอบครัวในคืนนี้!

“ท่านพี่ โสมทั้งสองต้นถูกตากจนแห้งแล้ว! ท่านจะนำไปดองสุราหรือว่าจะต้มเป็นโอสถดื่มเจ้าคะ?”

หลินหว่านเซียนถามก่อนจะเริ่มทำอาหารเย็น

หลี่วั่นเหนียนรู้ว่าโสมเป็นของบำรุงชั้นดี ขนาดว่าค้นหาแทบจะทั่วทั้งภูเขาก็ยังเจอโสมแค่สองต้น หากกินเข้าไป ร่างกายของเขาน่าจะแข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และยังช่วยยืดอายุขัยได้อีกด้วย!

“นำโสมอายุสิบปีไปต้มโอสถ เก็บต้นที่อายุสามสิบปีเอาไว้ก่อน!”

หลี่วั่นเหนียนตัดสินใจว่าจะลองสรรพคุณของโสมอายุสิบปีก่อน หากเป็นจริงดังคำร่ำลือจริง ยืดอายุขัยได้สิบปีจริง เขาก็รู้สึกว่าคุ้มยิ่งกว่ามีภรรยาเสียอีก

“ได้เจ้าค่ะท่านพี่!”

หลินหว่านเซียนไม่เคยคิดที่จะกินโสมต้นนี้ เพราะในโลกนี้นั้น สามีเป็นเสาหลักแก่ภรรยา ความคิดของสามีก็คือความคิดของภรรยา หลินหว่านเซียนยึดมั่นในแนวคิดนี้มาโดยตลอด

หญิงสาวทั้งสามเริ่มวุ่นวายกับการทำงาน คนที่ต้มโอสถก็ต้มโอสถ คนที่ทำความสะอาดก็ทำความสะอาด คนที่ทำอาหารก็ทำอาหาร ในตอนที่อาหารใกล้จะเสร็จ หลี่วั่นเหนียนก็เดินเข้าไปยังอีกห้องหนึ่ง มองหญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง

ครึ่งเดือนมานี้ แม้จะหมดสติอยู่ตลอด แต่ลมหายใจก็คงที่ขึ้นมาก แต่หญิงสาวที่ต้องดูแลต่างลำบากกันพอสมควร โชคดีที่ไม่มีการถ่ายหนักหรือเบาเลย หลี่วั่นเหนียนประหลาดใจกับเรื่องนี้มาก เพราะหญิงสาวทั้งสามคอยป้อนโจ๊กให้กินอยู่ทุกวัน ตอนนี้ก็ผ่านมาครึ่งเดือนแล้ว ต่อให้ไม่ถ่ายหนักก็น่าจะถ่ายเบาบ้างสิ

เขาเริ่มคิดไปถึงขั้นว่านางมีปัญหาเรื่องทวารหนักปิดหรือปัสสาวะไม่ออก เพราะหากเกิดปัญหานี้ขึ้น คนเราก็จะเสียชีวิตได้ เช่นพวกขันทีในวังก็มักจะปัสสาวะไม่ออก ส่วนใหญ่ก็ตายเพราะสาเหตุนี้เอง

เขาเลิกผ้าห่มขึ้นด้วยความหวังดี สอดมือเข้าไปใต้ผ้าห่ม ตั้งใจจะใช้วิธีการทางกายภาพตรวจสอบดูว่าร่างกายนางมีปัญหาหรือไม่

ที่บังเอิญก็คือ ขณะที่เขารู้สึกว่าทุกอย่างปกติดี หญิงสาวนางนี้ก็ลืมตาขึ้น
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 100

    กู้เฉวียนจวินสบถคำหยาบออกมาโดยตรง เขาส่งสายตาให้หลี่วั่นเหนียนเตรียมลงมือ แต่ตอนนี้เป็นกลางคืน มองเห็นไม่ชัด ส่วนหลี่วั่นเหนียนก็คิดว่าหมอนี่พูดรหัสลับจริงๆแต่ปรากฏว่ามันคือรหัสลับจริงๆ!“เข้าไปเถิด!”หลังจากคนตรวจสอบข้อมูลทั้งสามคุยกับคนที่อยู่หลังประตู ประตูใหญ่ก็เปิดออกทันที!กู้เฉวียนจวินอึ้งไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเดารหัสลับถูก แต่ขณะเดียวกัน แผ่นหลังของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วหลี่วั่นเหนียนพาทุกคนเดินเข้าประตูใหญ่ ขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง หลี่วั่นเหนียนฟันดาบออกไปฉับพลัน ศีรษะของหนึ่งในชาวชี่ตานที่กำลังปิดประตูถูกฟันจนขาด ทหารที่อยู่ข้างกายหลี่วั่นเหนียนพากันชักดาบออกมา ชาวชี่ตานไม่ทันตั้งตัว เพียงพริบตาเดี๋ยวก็ล้มลงไปอีกเจ็ดแปดคนเวลานี้เอง ชาวชี่ตาที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ของค่ายรู้ตัวแล้ว และกำลังจะตีฆ้อง ทว่าหลี่วั่นเหนียนขว้างมีดบินออกไป สังหารชาวชี่ตานที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ทันที และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนที่สูงของค่ายก็เจอกับมีดบินเช่นกันผ่านไปเพียงครู่เดียว ประตูใหญ่ถูกเปิดออก คนของหลี่วั่นเหนียนโบกคบเพลิงบนค่ายทหาร!ยามลับที่อยู่นอกค่ายสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 99

    อันที่จริงตอนแรกที่หลี่วั่นเหนียนกล่าว มีเพียงไม่กี่คนที่สนใจ แต่เมื่อพูดถึงเลื่อนยศหนึ่งขั้น ดวงตาของเหล่าเด็กหนุ่มจากหมู่บ้านตระกูลหลี่เบิกกว้างทันที!“ข้าไป!”“ข้าก็ไป!”……เพียงครู่เดียว ก็มีคนยกมือเกินสี่สิบคนแล้ว แต่มีเครื่องแบบแค่ยี่สิบชุด จึงต้องคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุด“เสียงเบาหน่อย! คนจากหมู่บ้านตระกูลหลี่เข้าร่วมทั้งหมด คนจากหมู่บ้านตระกูลหวังที่มีอายุระหว่างยี่สิบถึงสามสิบปีได้สิทธิ์ก่อน!”หลี่วั่นเหนียนก็รู้ เขาต้องเลือกผู้ที่มีประสบการณ์การรบ อีกทั้งยังแข็งแรงก่อนสุดท้ายมีสามสิบคนถูกคัดออก ส่วนคนที่เหลือมายืนข้างกายหลี่วั่นเหนียน“ใต้เท้าหลิว ข้าก็จะไป!”ทันใดนั้น กู้เฉวียนจวินยกมือขึ้น แต่หลี่วั่นเหนียนไม่เคยพิจารณาเขาเลย“เจ้าไปไม่ได้!”แม้เขามีความก้าวหน้า แต่พละกำลังและทักษะการต่อสู้ของเขายังสู้เด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหลี่ไม่ได้ และสู้เด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังไม่ได้เช่นกัน“พวกเจ้าพูดภาษาชี่ตานไม่ได้ แต่ข้าพูดได้!”เมื่อกู้เฉวียนจวินกล่าวเช่นนี้ หลี่วั่นเหนียนเลิกคิ้วทันที คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย“ท่านอย่าเข้าใจผิดเสียล่ะ โยว

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 98

    ช่วงสองวันนี้ไม่มีแสงจันทร์เลย รอหลังจากฟ้ามืดแล้ว หลี่วั่นเหนียนใช้เชือกโรยตัวลงที่นอกกำแพงเมือง เหล่าเด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังกับหลี่ก็ตามมาด้วยพวกเขาสามารถออกจากประตูใหญ่ของกำแพงเมือง แต่การทำเช่นนั้นมันสะดุดตาเกินไปหลังออกจากกำแพงเมือง พวกเขามุ่งหน้าไปยังที่ต่ำของเทือกเขาหลังจากเดินออกมาสองสามลี้ พบว่ามีผู้คนหลายร้อยรวมตัวกันที่ด้านหน้า พวกเขาล้วนลงมาจากยอดเขาต่างๆ โดยไม่ได้เลือกออกมาจากประตูใหญ่ของกำแพงเมืองเซียวเจิ้งก็มาถึงแล้วเช่นกัน!แต่เวลานี้ยังไม่มีค่ายไหนที่มากันคบ ทุกคนยังคงรอต่อไปมีคำสั่งทหารหากใครมาไม่ถึงก่อนยามซวี จะถือว่าเป็นทหารหนีทัพทั้งหมด!เซียวเจิ้งจะไม่ลังเลในเวลานี้เช่นนี้ เพราะนี่ก็คือคำสั่งทหาร พวกเขาต้องออกเดินทางก่อนยามซวี ไปถึงจุดซุ่มโจมตีก่อนยามไฮ่และถอนกำลังหลังจากโจมตีหนึ่งชั่วยาม เพราะชาวชี่ตานต้องใช้เวลาส่งข่าวและส่งกำลังเสริมมาถึง ก็คือหนึ่งชั่วยามหัวหน้าล่วงเลยไปทีละนิด สุดท้ายกำลังพลของค่ายเซียวเจิ้งมากันครบแล้ว ค่ายอื่นก็เช่นกันหลังจากมาถึง ก็ออกเดินทางอย่างเต็มกำลังทันทีเพราะที่นี่อยู่ห่างจากกำแพงเมืองสามลี้ ยังต้องเดินหน้

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 97

    หวังโส่วอี้ออกคำสั่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมปฏิบัติตามอย่างไร้เงื่อนไข ไม่นานนัก ทหารส่งสารก็ส่งข่าวมาถึงมืออู๋ซานอู๋ซานอยู่ในค่ายใหญ่ตรงเชิงเขา เมื่อได้รับข่าวนี้ ก็รู้สึกปวดหัวมากเช่นกันต้องบอกก่อนว่า ค่ายแนวหน้าของชาวชี่ตานอยู่ห่างจากกองบัญชาการใหญ่ของพวกเขาเพียงสามสิบลี้ และชาวชี่ตานล้วนเป็นทหารม้า ระยะทางสามสิบลี้สำหรับทหารม้าไม่ถือว่าไกลเลย เมื่อไรที่ไม่สามารถจบการต่อสู้และถอนกำลังทัน ก็มีโอกาสถูกปิดล้อมสูงมากอู๋ซานรู้ดีว่าไม่สามารถขัดคำสั่งทหาร จึงเริ่มลงมือปฏิบัติทันที แต่เขาก็รู้ว่าเป้าหมายหลักในครั้งนี้คือการสั่งสอนชาวชี่ตาน การจะทำลายค่ายแนวหน้านั้นค่อนข้างยาก ดังนั้นย่อมไม่ส่งทหารชั้นยอดออกไป เพราะเขารู้ว่าการทำลายกองทัพศัตรูนั้นเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตนเองก็ต้องไม่เกิดความสูญเสียมากเกินไปหากมีผลงาน เพียงแต่เป็นภายใต้สถานการณ์ที่ผลงานไม่มากนัก ผู้ว่าการทหารก็คงไม่ลงโทษเขาจริงๆ หรอกด้วยเหตุนี้ เขาจึงเรียกจางเหลียงมา“ใต้เท้าอู๋ มีอะไรจะสั่ง?”จางเหลียงมาถึงแล้ว“แม่ทัพจาง ข้ามีภารกิจให้พวกเจ้าไปทำ พาคนของเจ้าไปทำลายค่ายแนวหน้าของชาวชี่ตานเสีย! ขณะเดียวกัน

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 96

    หลังจากตะโกน ก็ใช้ไฟจุดหญ้าแห้งโดยตรง หญ้าแห้งก็ลามไปติดมูลม้า แม้เป็นตอนกลางคืน อาจจะมองไม่เห็นควันไฟ แต่ภายในหอส่งสัญญาณมีแสงไฟ อยู่ห่างออกไปสิบกว่าลี้ก็สามารถมองเห็น“ลุย!”ชาวชี่ตานที่อยู่ห่างออกไปรู้ว่าตนเองถูกพบเห็นแล้ว จึงพุ่งออกไปโดยตรงหลี่วั่นเหนียนคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะบุกตีหอส่งสัญญาณที่เขาอยู่ เพราะเส้นทางที่นี่ยากต่อการเดินทัพเหล่าเด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังกับหลี่เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีคบเพลิงโดยรอบก็ถูกจุดสว่างเช่นกัน ที่ด้านล่างของพวกเขา มีชาวชี่ตานเนืองแน่นมากกว่าร้อยคนปรากฏตัวขึ้น นี่เป็นเพียงกำลังพลที่อยู่ใกล้หอส่งสัญญาณของพวกเขา ส่วนหอส่งสัญญาณจุดอื่นมีเท่าไรไม่รู้ แต่จำนวนรวมคงไม่มาก ไม่เช่นนั้นจะเสียงดังเกินไป ไม่มีทางเข้าใกล้ได้ในระยะยี่สิบจั้งแน่นอนชาวชี่ตานพุ่งเข้าหากำแพงเมือง วิธีการบุกโจมตีของพวกเขายังคงเหมือนก่อนหน้านี้ คือใช้ตะขอเหล็ก เชือก และบันไดแต่ครั้งนี้พวกเขาเป็นฝ่ายตั้งรับ แม้มีคนเพียงแค่เกือบหกสิบคน แต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่า อีกฝ่ายต้องมีกำลังพลอย่างน้อยสามเท่าขึ้นไป จึงจะสามารถชนะอย่างแน่นอน ดังนั้นขอแค่ระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อ

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 95

    “ใต้เท้า เหตุใดพวกเราไม่เป็นฝ่ายบุกล่ะ?”หัวหน้าหน่วยของหลี่วั่นเหนียนกล่าวถาม เพราะกำลังพลในมือเขาเยอะ ตอนนี้เกือบสองร้อยคนแล้ว ดังนั้นเขาอยากสร้างผลงาน เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น“นี่เป็นการตัดสินใจของท่านผู้ว่าการทหาร แต่เท่าที่ข้ารู้จักท่านผู้ว่าการทหาร ความพ่ายแพ้ของครั้งก่อน ไม่อาจชดเชยได้เพียงเพราะยึดปาต๋าหลิงคืนมาได้ ทุกคนเตรียมตัวให้ดีเถิด!”“รับทราบ!”หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง หลี่วั่นเหนียนกับหลิวเถียนกลับมาพร้อมกับเบี้ยทหารทหารที่ได้รับข่าวพากันมาเข้าแถวรอรับเบี้ยทหารแล้วทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จ่ายเต็มจำนวนทั้งหมด ดังนั้นทุกคนจึงยิ้มกันถ้วนหน้าแต่อยู่ในค่ายทหาร อยากใช้เงินก็แทบไม่มีที่ใช้ เพราะทางกองทัพเป็นคนจัดหาอาหารให้ สิ่งเดียวที่ต้องเสียเงินก็คือนางบำเรอในสังกัดฝ่ายพลาธิการ หรือไม่ก็ตลาดที่เหล่าทหารตั้งขึ้นเอง สามารถซื้อของเล็กน้อยที่ตนเองต้องการหลี่วั่นเหนียนไม่มีอะไรจะซื้อ จึงเก็บเงินไว้ในกระโจมคืนนี้ผ่านไปอย่างสงบ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะขึ้นเขาไปรับช่วงต่อแล้ว ในวันต่อมา พวกเขาต้องลาดตระเวนบนกำแพงเมือง ต้องทนแดดทนฝนอยู่บนนั้นทั้งวัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status