Share

บทที่ 7

Author: คุณชายหกถังถัง
หญิงสาวจ้องไปที่หลี่วั่นเหนียน ส่วนหลี่วั่นเหนียนก็ผงะไปชั่วขณะเช่นกัน

แผ่นหลังของหลี่วั่นเหนียนเย็นวาบขึ้นมาโดยพลัน!

“หากข้าบอกว่า เป็นเรื่องบังเอิญที่ข้ามือมาอยู่ตรงนี้ เจ้าจะโกรธหรือไม่?”

หลี่วั่นเหนียนพูดออกไปทั้งอย่างนี้ ไม่ว่าผู้ใดฟังก็คงไม่เชื่อทั้งนั้น แต่เขาแค่จะตรวจอาการของนางจริง ๆ

“ข้าจะฆ่าเจ้า!”

น้ำเสียงของหญิงสาวเย็นยะเยียบถึงขีดสุด แต่นางขยับเขยื้อนไม่ได้ เมื่อไม่นานมานี้ เส้นลมปราณ กระดูก และอวัยวะภายในของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส ส่งผลให้ตอนนี้ไม่มีกำลังที่จะปกป้องตัวเองได้เลย

ดังนั้น ต่อให้ตอนนี้นางจะเขินอายและโกรธแค้นเพียงใด นางก็ทำอะไรไม่ได้

หลี่วั่นเหนียนดึงมือกลับ “ที่จริงเจ้าไม่ต้องใส่ใจขนาดนั้น ชีวิตคนเรามีเรื่องที่ไม่เป็นดั่งใจมากกว่าที่คิด…”

“ไปให้พ้น!”

“ได้!”

หลี่วั่นเหนียนลุกเดินจากไปโดยไม่พูดอะไร เขาออกจากห้องในสภาพเหงื่อท่วมศีรษะ ความกลัวนี้มาจากก้นบึ้งของจิตใจ

“ท่านพี่ เหตุใดท่านจึงเหงื่อออกมากเช่นนี้?”

หลินหว่านเหยียนเป็นคนความรู้สึกไว เห็นหลี่วั่นเหนียนเข้าไปในห้องที่หญิงสาวคนนั้นอยู่ก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ ครั้นเห็นเขากลับออกมาด้วยท่าทีตื่นตระหนกก็เริ่มคาดเดาในทางไม่ดี

“ไม่ได้เป็นอะไร หญิงสาวนางนั้นเหมือนจะตื่นแล้ว!”

หลี่วั่นเหนียนชี้ไปทางห้อง

คำพูดนี้ทำให้หลี่วั่นเหยียนรู้สึกสงสัย จึงเดินเข้าดูเช่นกัน พบว่าหญิงสาวนางนั้นลืมตาแล้วจริง ๆ

“ท่านพี่ อาหารเสร็จแล้ว! ล้างมือก็กินได้แล้ว!”

หลินหว่านเหยียนพูด นี่ทำให้หลี่วั่นเหยียนสังเกตเห็นว่ามือตัวเองแปลก ๆ จึงไปตักน้ำในโอ่งมาล้าง แต่ล้างแค่สองนิ้วที่เปรอะเลอะเท่านั้น ไม่ได้ล้างนิ้วอื่นด้วย

หลินหว่านชิงยกน้ำแกงโสมที่ต้มเสร็จเข้ามา แต่เนื่องจากค่อนข้างร้อน จึงวางไว้ด้านข้างเพื่อพักให้เย็น

“ท่านพี่จะทำอย่างไรกับหญิงสาวนางนั้นเจ้าคะ?”

หลินหว่านเซียนถามเรื่องนี้ระหว่างทานอาหาร ถึงพวกนางสามพี่น้องต้องมีสามีคนเดียวกัน ทั้งยังเป็นชาวนา เท่านี้ก็ถือว่าเกินขีดจำกัดของพวกนางไปแล้ว หากต้องมีหญิงสาวเพิ่มเข้ามาอีกคน พวกนางสามพี่น้องย่อมไม่เห็นด้วย ต่อให้นางเห็นด้วย น้องรองกับน้องสามก็คงไม่ยอมอยู่ดี ในฐานะพี่คนโต นางต้องเป็นตัวแทนน้อง ๆ ในการถามเรื่องนี้

“เอาไว้ให้นางหายดีแล้ว ก็ให้นางไปที่อื่นเถอะ!”

หลี่วั่นเหนียนยังคิดไม่ออกว่าจัดแจงอย่างไร ด้วยเหตุนี้จึงพูดไปอย่างนั้น

“ชุดเกราะที่นางสวม คือชุดเกราะหมิงกวง [1] สำหรับสตรี จากที่ข้าเข้าใจ ต้องอยู่ระดับแม่ทัพเป็นอย่างน้อยจึงจะใส่ได้!”

หลินหว่านเหยียนเริ่มพูดเหมือนสารานุกรมเคลื่อนที่

“แม่ทัพหรือ? อะไรคือแม่ทัพ?”

หลี่วั่นเหนียนไม่เข้าใจ

“ในแคว้นต้าเหลียงของพวกเรา ห้าคนนับเป็นหนึ่งหมู่ย่อย หัวหน้าของหมู่ย่อยเรียกว่าหัวหน้าหมู่ย่อย ห้าหมู่ย่อยนับเป็นหนึ่งหมู่ และสองหมู่ก็จะนับเป็นหนึ่งหมวด โดยมีหัวหน้าหมวดเป็นหัวหน้าหมวด นี่เป็นตำแหน่งทหารระดับล่างสุด และเป็นตำแหน่งทหารที่ไม่ถือว่าเข้าขั้น ตำแหน่งหัวหน้าหมวดจึงเป็นตำแหน่งสูงสุดที่ทหารทั่วไปจะก้าวไปถึงได้เช่นกัน!”

หลินหว่านเหยียนอธิบาย หลี่วั่นเหนียนฟังแล้วรู้สึกสนใจ “เช่นนั้นถัดจากหัวหน้าหมวดขึ้นไปเล่า?”

“ทหารที่อยู่เหนือจากหัวหน้าหมวดขึ้นไปจะถือว่าเข้าขั้นแล้ว ยกตัวอย่างเช่น สองหมวดจะนับเป็นหนึ่งหน่วย โดยผู้นำจะถูกเรียกว่าหัวหน้าหน่วย ซึ่งตำแหน่งจะมีตั้งแต่ขั้นที่เก้าหรือชั้นยศเก้าขั้น แต่แน่นอนว่าอาจจะมีตำแหน่งที่ไม่ได้ระบุยศชัดเจนเช่นกัน แต่เพียงได้เป็นหัวหน้าหน่วยก็จะมีคุณสมบัติได้เลื่อนขั้นเป็นขุนนางฝ่ายบู๊แล้ว!”

คำบอกเล่าของหลินหว่านเหยียนทำให้โลกทัศน์ของหลี่วั่นเหนียนเปิดกว้างขึ้นมาก

“เช่นนั้นแม่ทัพน่าจะอยู่ระดับประมาณเท่าใด?”

หลี่วั่นเหนียนรู้ เมื่อตัวเองเข้าร่วมกองทัพ สิ่งที่ต้องทำหลังจากนั้นก็คือการสร้างผลงาน ไม่เช่นนั้นคงต้องตายในสนามรบหรือไม่ก็อดตาย คนส่วนใหญ่ในโลกนี้มาอายุอยู่รอดไม่ถึงอายุห้าสิบ อย่างเขาจึงถือว่าอายุยืนแล้ว

“ถัดจากหัวหน้าหน่วยขึ้นไปก็คือผู้บังคับการค่าย ทำหน้าที่ดูแลห้าหน่วย มีทหารรวมทั้งหมดห้าร้อยนาย โดยถือเป็นหน่วยรบขั้นพื้นฐานที่สุดของแคว้นต้าเหลียงเรา หัวหน้าอาจจะมีตำแหน่งขั้นเจ็ดหรือไม่ก็ขั้นแปด และห้าค่ายจะนับเป็นหนึ่งกองทัพ รวมเป็นสองพันห้าร้อยนาย โดยหัวหน้าจะถูกเรียกว่าแม่ทัพ หรือเรียกอีกอย่างว่า ผู้บัญชาการ! เทียบเท่าขุนนางฝ่ายบู๊ขั้นหกหรือเจ็ด”

เมื่อหลินหว่านเหยียนพูดจบ หลี่วั่นเหนียนก็ตกตะลึงไปเลย

“นี่ข้าช่วยขุนนางฝ่ายบู๊ขั้นที่หกกลับมาบ้านหรือ?”

หลี่วั่นเหนียนไม่เข้าใจเล็กน้อย เหตุใดขุนนางฝ่ายบู๊ขั้นหกจึงร่วงตกลงมาจากที่สูงในป่าได้? หรือว่าจะถูกศัตรูไล่ล่า? แต่แถวนี้ก็ไม่เห็นจะมีทัพศัตรูบุกตีเมืองหน้าด่านเลยนะ?

“ใช่เจ้าค่ะ การที่จะมาปรากฏตัวที่หมู่บ้านตระกูลหลี่จึงแทบเป็นไปไม่ได้และน่าสงสัยมาก แต่เกราะนี้ไม่ใช่ของแคว้นศัตรูอย่างแน่นอน!”

หลี่หว่านเหยียนจบการวิเคราะห์แต่เพียงเท่านี้

“กว่าหญิงสาวคนหนึ่งจะขึ้นไปถึงตำแหน่งขุนนางฝ่ายบู๊ขั้นหก คงไม่ง่ายเลยจริง ๆ? ครั้งนี้ต้องมีเรื่องใหญ่แน่นอน!”

หลี่วั่นเหนียนไม่ได้โง่ หากขุนนางขั้นที่หกต้องมาหลบซ่อนในป่าแบบนี้ จะต้องมีเรื่องใหญ่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน แต่เขาก็รู้สึกเศร้าสลดด้วยเช่นกัน บิดาของหญิงสาวตระกูลหลินทั้งสามคนเป็นถึงขุนนางขั้นห้า แต่ก็ยังถูกราชสำนักสั่งประหาร ฉะนั้น หากขุนนางบู๊ขั้นที่หกจะต้องมาหนีเอาชีวิตรอดในป่าจึงไม่ใช่เรื่องแปลกเลย

เรื่องนี้ชี้ให้เห็นว่า การต่อสู้แย่งชิงอำนาจของคนในระดับเบื้องบนดุเดือดมาก!

แต่ทั้งที่เป็นแบบนั้น คนเหล่านี้ก็ยังคงมุ่งมั่นที่จะก้าวหน้า

“ใช่เจ้าค่ะ ท่านพี่อายุเกินห้าสิบแล้ว ไม่ทราบว่ายังมีปณิธานที่จะสร้างผลงานอยู่หรือไม่?”

หลินหว่านเหยียนมองหลี่วั่นเหนียนด้วยแววตาเป็นประกาย

ในฐานะบุรุษ เขาย่อมมีปณิธานอันยิ่งใหญ่ “หัวหน้าหน่วย นี่เป็นเป้าหมายขั้นต่ำของข้า!”

หลี่วั่นเหนียนนึกถึงวันที่ทางการนำตัวเจ้าสาวมาส่ง ขนาดว่าเป็นแค่รองหัวหน้าหน่วยก็ยังทำให้หัวหน้าหมู่บ้านโค้งตัวนอบน้อมได้ หากเขาได้เป็นหัวหน้าหน่วย มันคงจะยิ่งใหญ่น่าดู

“ท่านพี่ไปที่สนามรบแล้วต้องเอาชีวิตรอดไว้ก่อน พวกคนที่มีตำแหน่งสูง ๆ ไม่ได้มาจากผลงานด้านการรบเสมอไป มีหลายคนที่ได้เป็นเพราะอายุยืน!”

หลินหว่านเซียนที่อยู่ด้านข้างพูดเสริม แม้จะเป็นคำพูดที่แสดงความห่วงใย แต่หลี่วั่นเหนียนก็รู้ว่านางพูดได้ถูกต้อง ตราบใดที่เขาเพิ่มโอกาสรอดชีวิตให้ตัวเอง เมื่อคนอื่นตายกันหมด มันก็จะถึงคราวที่เขาได้ขึ้นนั่งตำแหน่งเอง

“น้องหญิงทั้งสองพูดได้ถูกต้อง! แต่เหลือเวลาอีกเพียงครึ่งเดือน ข้าก็ต้องไปร่วมกองทัพแล้ว หลังจากนี้ก็หวังว่าพวกเจ้าจะช่วยเหลืออย่างเต็มที่ เมื่อตระกูลหลี่ของพวกเรามีทายาท ตัวข้าก็จะได้ระมัดระวังในสนามรบมากขึ้น!”

หลี่วั่นเหนียนโค้งตัวให้หญิงสาวทั้งสามแบบผู้มีการศึกษา นี่ทำให้ใบหน้าของพวกนางกลายเป็นสีชาด โชคดีที่การมองเห็นตอนกลางคืนไม่ค่อยดี มิเช่นนั้นคงเป็นภาพที่ต่างออกไปอีกแบบ

“เอาล่ะ ท่านพี่รีบกินข้าวเถอะเจ้าค่ะ!”

หลินหว่านเซียนเปลี่ยนเรื่องคุย

จากนั้น หลี่วั่นเหนียนก็กินอาหารเสร็จจากรวดเร็ว ตามด้วยถามว่า “ผู้ใดจะเป็นคนไปนอนที่บ้านหลังใหม่?”

“ให้พี่ใหญ่ไปก็แล้ว!”

น้องสามหลินหว่านชิงพูดขึ้นมา หลินหว่านเหยียนพยักหน้าเช่นกัน หลินหว่านเซียนไม่ปฏิเสธ นำเตียงไปปูที่นั่น

หลี่วั่นเหนียนเห็นว่าแกงโสมเย็นแล้วก็ยกดื่มในคำเดียว

หลังจากดื่มเสร็จก็ไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษ แต่หลังจากล้างหน้าบ้วนปาก ปฏิกิริยากลับรุนแรงจนเขางอตัวตามปกติไม่ได้

ขณะเดียวกัน ข้อมูลของทำเนียบวงศ์ตระกูลภายในหัวก็เปลี่ยนไป

ผู้นำตระกูล : หลี่วั่นเหนียน

ค่ากำลังรบ: 3(เทียบเท่าพลังต่อสู้ของผู้ใหญ่สามคน)

คู่ครอง : หลินหว่านเซียน หลินหว่านเหยียน

พรสวรรค์ : ค้นหาสมบัติในระยะยี่สิบจั้ง

อายุขัยที่คาดการณ์ : ห้าสิบเก้า

ทายาท : ไม่มี

เมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ เขาก็รู้ว่าเป็นผลลัพธ์จากโสม แต่โสมอายุสิบปีช่วยเพิ่มอายุขัยได้เพียงหนึ่งปี และเพิ่มพลังต่อสู้ได้เทียบเท่าหนึ่งคนเท่านั้น!

ครั้นเห็นหญิงสาวทั้งสามยังคงชักช้า เขาก็อดเร่งเร้าไม่ได้ “รีบพักผ่อนเถอะ เรื่องวันนี้ก็ควรจบวันนี้ ส่วนเรื่องของพรุ่งนี้ก็เอาไว้ค่อยทำพรุ่งนี้!”

หูของน้องสามหลินหว่านชิงแดงก่ำเมื่อได้ยินเช่นนี้ นางอิดออดอยู่ในห้องรับแขกเนิ่นนาน ไม่ยอมเข้าไปเพราะเขินอาย แต่แล้วเมื่อตอนนี้ได้ยินคำเร่งเร้าของหลี่วั่นเหนียน นางก็จำใจต้องเข้าไป

ตอนนี้ภายในห้องมืดสนิท มีเพียงเสียงลมหายใจที่ชวนให้คิดไปไกลของทั้งสองคน!

__________________________

[1] เกราะหมิงกวง หรือ เกราะประกายแสง คือชุดเกราะของจีนโบราณที่มีลักษณะเด่นคือ แผ่นโลหะทรงกลมมันวาวติดที่หน้าอกและด้านหลัง ซึ่งจะสะท้อนแสงแดดคล้ายกระจก ทำให้เกิดประกายระยิบระยับ และใช้เป็นเครื่องหมายแสดงความแข็งแกร่ง
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 100

    กู้เฉวียนจวินสบถคำหยาบออกมาโดยตรง เขาส่งสายตาให้หลี่วั่นเหนียนเตรียมลงมือ แต่ตอนนี้เป็นกลางคืน มองเห็นไม่ชัด ส่วนหลี่วั่นเหนียนก็คิดว่าหมอนี่พูดรหัสลับจริงๆแต่ปรากฏว่ามันคือรหัสลับจริงๆ!“เข้าไปเถิด!”หลังจากคนตรวจสอบข้อมูลทั้งสามคุยกับคนที่อยู่หลังประตู ประตูใหญ่ก็เปิดออกทันที!กู้เฉวียนจวินอึ้งไปแล้ว เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองจะเดารหัสลับถูก แต่ขณะเดียวกัน แผ่นหลังของเขาก็ชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วหลี่วั่นเหนียนพาทุกคนเดินเข้าประตูใหญ่ ขณะที่ประตูกำลังจะปิดลง หลี่วั่นเหนียนฟันดาบออกไปฉับพลัน ศีรษะของหนึ่งในชาวชี่ตานที่กำลังปิดประตูถูกฟันจนขาด ทหารที่อยู่ข้างกายหลี่วั่นเหนียนพากันชักดาบออกมา ชาวชี่ตานไม่ทันตั้งตัว เพียงพริบตาเดี๋ยวก็ล้มลงไปอีกเจ็ดแปดคนเวลานี้เอง ชาวชี่ตาที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ของค่ายรู้ตัวแล้ว และกำลังจะตีฆ้อง ทว่าหลี่วั่นเหนียนขว้างมีดบินออกไป สังหารชาวชี่ตานที่อยู่บนหอสังเกตการณ์ทันที และคนอื่นๆ ที่ยืนอยู่บนที่สูงของค่ายก็เจอกับมีดบินเช่นกันผ่านไปเพียงครู่เดียว ประตูใหญ่ถูกเปิดออก คนของหลี่วั่นเหนียนโบกคบเพลิงบนค่ายทหาร!ยามลับที่อยู่นอกค่ายสังเกตเห็นความผิดปกติแล้ว

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 99

    อันที่จริงตอนแรกที่หลี่วั่นเหนียนกล่าว มีเพียงไม่กี่คนที่สนใจ แต่เมื่อพูดถึงเลื่อนยศหนึ่งขั้น ดวงตาของเหล่าเด็กหนุ่มจากหมู่บ้านตระกูลหลี่เบิกกว้างทันที!“ข้าไป!”“ข้าก็ไป!”……เพียงครู่เดียว ก็มีคนยกมือเกินสี่สิบคนแล้ว แต่มีเครื่องแบบแค่ยี่สิบชุด จึงต้องคัดเลือกผู้ที่เหมาะสมที่สุด“เสียงเบาหน่อย! คนจากหมู่บ้านตระกูลหลี่เข้าร่วมทั้งหมด คนจากหมู่บ้านตระกูลหวังที่มีอายุระหว่างยี่สิบถึงสามสิบปีได้สิทธิ์ก่อน!”หลี่วั่นเหนียนก็รู้ เขาต้องเลือกผู้ที่มีประสบการณ์การรบ อีกทั้งยังแข็งแรงก่อนสุดท้ายมีสามสิบคนถูกคัดออก ส่วนคนที่เหลือมายืนข้างกายหลี่วั่นเหนียน“ใต้เท้าหลิว ข้าก็จะไป!”ทันใดนั้น กู้เฉวียนจวินยกมือขึ้น แต่หลี่วั่นเหนียนไม่เคยพิจารณาเขาเลย“เจ้าไปไม่ได้!”แม้เขามีความก้าวหน้า แต่พละกำลังและทักษะการต่อสู้ของเขายังสู้เด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหลี่ไม่ได้ และสู้เด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังไม่ได้เช่นกัน“พวกเจ้าพูดภาษาชี่ตานไม่ได้ แต่ข้าพูดได้!”เมื่อกู้เฉวียนจวินกล่าวเช่นนี้ หลี่วั่นเหนียนเลิกคิ้วทันที คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีความสามารถเช่นนี้ด้วย“ท่านอย่าเข้าใจผิดเสียล่ะ โยว

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 98

    ช่วงสองวันนี้ไม่มีแสงจันทร์เลย รอหลังจากฟ้ามืดแล้ว หลี่วั่นเหนียนใช้เชือกโรยตัวลงที่นอกกำแพงเมือง เหล่าเด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังกับหลี่ก็ตามมาด้วยพวกเขาสามารถออกจากประตูใหญ่ของกำแพงเมือง แต่การทำเช่นนั้นมันสะดุดตาเกินไปหลังออกจากกำแพงเมือง พวกเขามุ่งหน้าไปยังที่ต่ำของเทือกเขาหลังจากเดินออกมาสองสามลี้ พบว่ามีผู้คนหลายร้อยรวมตัวกันที่ด้านหน้า พวกเขาล้วนลงมาจากยอดเขาต่างๆ โดยไม่ได้เลือกออกมาจากประตูใหญ่ของกำแพงเมืองเซียวเจิ้งก็มาถึงแล้วเช่นกัน!แต่เวลานี้ยังไม่มีค่ายไหนที่มากันคบ ทุกคนยังคงรอต่อไปมีคำสั่งทหารหากใครมาไม่ถึงก่อนยามซวี จะถือว่าเป็นทหารหนีทัพทั้งหมด!เซียวเจิ้งจะไม่ลังเลในเวลานี้เช่นนี้ เพราะนี่ก็คือคำสั่งทหาร พวกเขาต้องออกเดินทางก่อนยามซวี ไปถึงจุดซุ่มโจมตีก่อนยามไฮ่และถอนกำลังหลังจากโจมตีหนึ่งชั่วยาม เพราะชาวชี่ตานต้องใช้เวลาส่งข่าวและส่งกำลังเสริมมาถึง ก็คือหนึ่งชั่วยามหัวหน้าล่วงเลยไปทีละนิด สุดท้ายกำลังพลของค่ายเซียวเจิ้งมากันครบแล้ว ค่ายอื่นก็เช่นกันหลังจากมาถึง ก็ออกเดินทางอย่างเต็มกำลังทันทีเพราะที่นี่อยู่ห่างจากกำแพงเมืองสามลี้ ยังต้องเดินหน้

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 97

    หวังโส่วอี้ออกคำสั่ง ผู้ใต้บังคับบัญชาย่อมปฏิบัติตามอย่างไร้เงื่อนไข ไม่นานนัก ทหารส่งสารก็ส่งข่าวมาถึงมืออู๋ซานอู๋ซานอยู่ในค่ายใหญ่ตรงเชิงเขา เมื่อได้รับข่าวนี้ ก็รู้สึกปวดหัวมากเช่นกันต้องบอกก่อนว่า ค่ายแนวหน้าของชาวชี่ตานอยู่ห่างจากกองบัญชาการใหญ่ของพวกเขาเพียงสามสิบลี้ และชาวชี่ตานล้วนเป็นทหารม้า ระยะทางสามสิบลี้สำหรับทหารม้าไม่ถือว่าไกลเลย เมื่อไรที่ไม่สามารถจบการต่อสู้และถอนกำลังทัน ก็มีโอกาสถูกปิดล้อมสูงมากอู๋ซานรู้ดีว่าไม่สามารถขัดคำสั่งทหาร จึงเริ่มลงมือปฏิบัติทันที แต่เขาก็รู้ว่าเป้าหมายหลักในครั้งนี้คือการสั่งสอนชาวชี่ตาน การจะทำลายค่ายแนวหน้านั้นค่อนข้างยาก ดังนั้นย่อมไม่ส่งทหารชั้นยอดออกไป เพราะเขารู้ว่าการทำลายกองทัพศัตรูนั้นเป็นไปไม่ได้ ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ตนเองก็ต้องไม่เกิดความสูญเสียมากเกินไปหากมีผลงาน เพียงแต่เป็นภายใต้สถานการณ์ที่ผลงานไม่มากนัก ผู้ว่าการทหารก็คงไม่ลงโทษเขาจริงๆ หรอกด้วยเหตุนี้ เขาจึงเรียกจางเหลียงมา“ใต้เท้าอู๋ มีอะไรจะสั่ง?”จางเหลียงมาถึงแล้ว“แม่ทัพจาง ข้ามีภารกิจให้พวกเจ้าไปทำ พาคนของเจ้าไปทำลายค่ายแนวหน้าของชาวชี่ตานเสีย! ขณะเดียวกัน

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 96

    หลังจากตะโกน ก็ใช้ไฟจุดหญ้าแห้งโดยตรง หญ้าแห้งก็ลามไปติดมูลม้า แม้เป็นตอนกลางคืน อาจจะมองไม่เห็นควันไฟ แต่ภายในหอส่งสัญญาณมีแสงไฟ อยู่ห่างออกไปสิบกว่าลี้ก็สามารถมองเห็น“ลุย!”ชาวชี่ตานที่อยู่ห่างออกไปรู้ว่าตนเองถูกพบเห็นแล้ว จึงพุ่งออกไปโดยตรงหลี่วั่นเหนียนคิดไม่ถึงว่าพวกมันจะบุกตีหอส่งสัญญาณที่เขาอยู่ เพราะเส้นทางที่นี่ยากต่อการเดินทัพเหล่าเด็กหนุ่มของหมู่บ้านตระกูลหวังกับหลี่เลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมาทันทีคบเพลิงโดยรอบก็ถูกจุดสว่างเช่นกัน ที่ด้านล่างของพวกเขา มีชาวชี่ตานเนืองแน่นมากกว่าร้อยคนปรากฏตัวขึ้น นี่เป็นเพียงกำลังพลที่อยู่ใกล้หอส่งสัญญาณของพวกเขา ส่วนหอส่งสัญญาณจุดอื่นมีเท่าไรไม่รู้ แต่จำนวนรวมคงไม่มาก ไม่เช่นนั้นจะเสียงดังเกินไป ไม่มีทางเข้าใกล้ได้ในระยะยี่สิบจั้งแน่นอนชาวชี่ตานพุ่งเข้าหากำแพงเมือง วิธีการบุกโจมตีของพวกเขายังคงเหมือนก่อนหน้านี้ คือใช้ตะขอเหล็ก เชือก และบันไดแต่ครั้งนี้พวกเขาเป็นฝ่ายตั้งรับ แม้มีคนเพียงแค่เกือบหกสิบคน แต่มีชัยภูมิที่ได้เปรียบกว่า อีกฝ่ายต้องมีกำลังพลอย่างน้อยสามเท่าขึ้นไป จึงจะสามารถชนะอย่างแน่นอน ดังนั้นขอแค่ระมัดระวังไม่ให้เกิดข้อ

  • เป็นทหารแล้วได้เมีย? ข้าขอแต่งรวดเดียวสิบแปดคน!   บทที่ 95

    “ใต้เท้า เหตุใดพวกเราไม่เป็นฝ่ายบุกล่ะ?”หัวหน้าหน่วยของหลี่วั่นเหนียนกล่าวถาม เพราะกำลังพลในมือเขาเยอะ ตอนนี้เกือบสองร้อยคนแล้ว ดังนั้นเขาอยากสร้างผลงาน เพื่อเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้น“นี่เป็นการตัดสินใจของท่านผู้ว่าการทหาร แต่เท่าที่ข้ารู้จักท่านผู้ว่าการทหาร ความพ่ายแพ้ของครั้งก่อน ไม่อาจชดเชยได้เพียงเพราะยึดปาต๋าหลิงคืนมาได้ ทุกคนเตรียมตัวให้ดีเถิด!”“รับทราบ!”หลังจากการประชุมสิ้นสุดลง หลี่วั่นเหนียนกับหลิวเถียนกลับมาพร้อมกับเบี้ยทหารทหารที่ได้รับข่าวพากันมาเข้าแถวรอรับเบี้ยทหารแล้วทหารใหม่ที่เพิ่งเข้าร่วมไม่ถึงหนึ่งเดือนก็จ่ายเต็มจำนวนทั้งหมด ดังนั้นทุกคนจึงยิ้มกันถ้วนหน้าแต่อยู่ในค่ายทหาร อยากใช้เงินก็แทบไม่มีที่ใช้ เพราะทางกองทัพเป็นคนจัดหาอาหารให้ สิ่งเดียวที่ต้องเสียเงินก็คือนางบำเรอในสังกัดฝ่ายพลาธิการ หรือไม่ก็ตลาดที่เหล่าทหารตั้งขึ้นเอง สามารถซื้อของเล็กน้อยที่ตนเองต้องการหลี่วั่นเหนียนไม่มีอะไรจะซื้อ จึงเก็บเงินไว้ในกระโจมคืนนี้ผ่านไปอย่างสงบ หลังจากนั้นพวกเขาก็จะขึ้นเขาไปรับช่วงต่อแล้ว ในวันต่อมา พวกเขาต้องลาดตระเวนบนกำแพงเมือง ต้องทนแดดทนฝนอยู่บนนั้นทั้งวัน

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status