Home / รักโบราณ / เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น / ตอนที่ 5 : ความร้ายกาจช่างเดินทางไกลนัก 1/2

Share

ตอนที่ 5 : ความร้ายกาจช่างเดินทางไกลนัก 1/2

last update Last Updated: 2025-08-05 10:59:53

ตอนที่

[3]

ความร้ายกาจช่างเดินทางไกลนัก

เพราะไม่มีอุปกรณ์ช่วยใด ๆ ไม่มีไฟแช็กหรือเชื้อเพลิงอะไรเลย นางไม่รู้ว่าในยุคนี้จะต้องจุดไฟยังไง ถ้าเป็นในละครสมัยก่อนก็ต้องเอาหินมาเคาะใส่กันใช่หรือไม่ แล้วใครจะทำเป็นเล่า? 

เพ่ยเพ่ยครุ่นคิดอยู่นานทะเลาะกับตัวเองก็หลายที สุดท้ายนางจึงตัดสินใจว่าจะออกไปหาซื้อของกินแถว ๆ นี้ดู ดีว่ายามนี้ก็เป็นยามเช้า น่าจะมีตลาดเช้าในหมู่บ้านอยู่บ้างกระมัง คิดได้ดังนั้นจึงรีบล้างหน้าล้างตารวมถึงแต่งกายให้เรียบร้อย จากนั้นสองขาเรียวก็ออกจากบ้านเพื่อที่จะออกไปสำรวจด้านนอกทันที 

มือบางลูบไปที่ท้องของตนเอง ตอนนี้นางหิวมากจริง ๆ สายตาสอดส่ายหาสิ่งที่ต้องการระหว่างที่ก้าวเท้าเดินไป ทว่าเมื่อเดินออกไปนอกจากตัวบ้าน และเริ่มพบบ้านเรือนของชาวบ้าน นางก็ต้องพบกับสายตาของใครหลายคนที่มองมาด้วยสายตาแปลก ๆ บ้างก็เป็นความสงสัยใคร่รู้ บ้างก็มองมาอย่างไม่เป็นมิตร แต่นางก็พยายามที่จะไม่สนใจ

ตอนนี้นางมองหาแค่แหล่งอาหารเท่านั้น

จวบจนกระทั่งเดินออกจากบ้านไปเรื่อย ๆ จึงพบว่ามีสิ่งที่นางต้องการนั้นอยู่ไม่ไกลจากครรลองสายตา

มีตลาด 

มีตลาดจริง ๆ ด้วย!

ไม่น่าเชื่อว่าที่หน้าหมู่บ้านจะมีตลาดที่มีขนาดใหญ่ไม่น้อยคล้ายว่าไม่ใช่แค่เป็นการทำการค้าในหมู่บ้านเท่านั้นแต่เหมือนเป็นศูนย์รวมของการค้าหลาย ๆ หมู่บ้านเลยก็ว่าได้ 

และสิ่งที่เพ่ยเพ่ยคิดนั้นก็เป็นเรื่องจริง ที่หน้าหมู่บ้านจิ้นเฉิงนี้จะมีตลาดในทุก ๆ เช้าซึ่งจะมีชาวบ้านทั้งในหมู่บ้านและหมู่บ้านข้างเคียงนำสินค้ามาขายกันอย่างคับคั่ง เนื่องจากว่าเส้นทางหน้าหมู่บ้านนี้เป็นเส้นทางผ่านเพื่อที่สามารถเดินทางไปยังเมืองหลายเมืองได้ เมื่อมีคนเดินทางมากจึงทำให้ที่นี่คึกคักไม่น้อย เพ่ยเพ่ยค่อย ๆ ใช้สายตากวาดมองตลาดแห่งนี้ด้วยความสนใจ สายตาสอดส่องหาอาหารที่ตนอยากจะกินซึ่งมันก็ดูเหมือนจะละลานตาไปหมด สุดท้ายนางเลือกที่จะกินบะหมี่เพราะกลิ่นของน้ำแกงนั้นลอยเตะจมูกจนจมูกบานไปหมด 

หอมมากจริง ๆ

แม้ว่าจะมีคนมองมาที่นางด้วยความสงสัยบ้างซุบซิบกันแต่สุดท้ายก็ไม่มีผู้ใดเข้ามาพูดคุยหรือสอบถามอะไรกับนาง นางจึงนั่งลงกินบะหมี่ด้วยความสบายใจ ในตอนที่กินบะหมี่จนใกล้จะแล้วเสร็จนั้น สายตาของเพ่ยเพ่ยก็หันไปเห็นร้านที่อยู่ไม่ไกลกัน นางไม่ได้สนใจร้านนั้นแต่สนใจสายตาที่มองจากร้านนั้นต่างหาก เป็นเด็กชายผู้หนึ่งที่มีหน้าตาน่ารักทว่าเต็มไปด้วยความหวาดกลัวยามที่มองมาที่นาง ยิ่งยามที่สายตาของเราสบประสานกันเขายิ่งถดกายราวกับกลัวหนักหนา 

เราไม่ได้รู้จักกันเสียหน่อย ทำไมต้องทำท่าทางหวาดกลัวกันเช่นนั้นด้วยเล่า เพ่ยเพ่ยคิดอย่างสงสัย หญิงสาวได้แต่ส่งรอยยิ้มให้กับเด็กน้อยผู้นั้นไปเพื่อบอกเขาว่านางเป็นมิตรนะ ทว่าเขากลับรีบหลบไปอยู่ที่ด้านหลังของสตรี

ผู้หนึ่งซึ่งเดาว่าน่าจะเป็นท่านย่าหรือท่านยายของเขากระมังทันที 

เพ่ยเพ่ยส่ายศีรษะด้วยความเอ็นดู สายตาเลื่อนจากเด็กน้อยขึ้นมองที่สตรีชรา ทว่าเมื่อนางได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน ในตอนนั้นเองในความทรงจำก็ปรากฏภาพภาพหนึ่งขึ้นมาทันที 

นี่คือท่านยายจ้าว นามจ้าวชุนที่เป็นสหายของท่านยายอันลู่เพ่ยนี่นา 

เพ่ยเพ่ยค่อย ๆ แย้มรอยยิ้มขึ้นอย่างมีความหวัง หญิงสาวรอจนกระทั่งตลาดวาย ในตอนที่ทุกคนเก็บของเพื่อเตรียมจะกลับบ้าน เป้าหมายของเพ่ยเพ่ยก็คือท่านยายจ้าวสหายของท่านยายผู้นั้น 

“ท่านยายเจ้าคะ” เพ่ยเพ่ยไม่รอช้ารีบเรียกหญิงชราในระหว่างที่ทั้งสองย่าหลานจับจูงกันเพื่อที่จะเดินกลับบ้าน จ้าวชุนหันมองหญิงสาวแปลกหน้าด้วยใบหน้าฉงน ก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นได้จึงค่อย ๆ ถอยกายออกมา 

ในตอนนั้นเองเพ่ยเพ่ยก็นึกออกแล้วว่าเป็นเพราะอันใดทุกคนในหมู่บ้านจึงดูไม่ค่อยอยากเข้าใกล้นางนัก นั่นก็เพราะเมื่อเจ็ดแปดปีที่แล้ว…. 

อันลู่เพ่ยได้มาบ้านของท่านตาท่านยายเป็นครั้งแรก เนื่องจากท่านตาท่านยายได้เขียนไปหาท่านพ่อว่าครบรอบอายุหกสิบปีของทั้งสองจึงอยากให้พาหลานสาวเพียงคนเดียวมาเที่ยวหาพวกท่านบ้าง ท่านพ่อจึงได้พานางมาด้วย แต่ปรากฏว่าอันลู่เพ่ยนั้นรังเกียจหมู่บ้านที่อยู่ห่างไกลเช่นนี้มาก ในวันหนึ่งหญิงสาวก็แสดงอิทธิฤทธิ์ด่ากราดชาวบ้านที่มาร่วมงานว่าเป็นชาวบ้านไร้การศึกษา และอีกมากมายที่แสดงถึงความร้ายกาจ ชาวบ้านหลายคนที่ไม่ทันได้ตั้งรับกับเรื่องราวเหล่านี้ก็ได้แต่ผงะ 

เพียงเพราะพวกเขาเพียงแค่สนใจที่มีคุณหนูสูงศักดิ์มาที่หมู่บ้านจึงได้อยากผูกมิตรและฟังเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองหลวงว่าเป็นอย่างไร ทว่าการกระทำของอันลู่เพ่ยนี้ทำให้ความคิดพวกเขาเปลี่ยนไป และเรื่องนี้กลายเป็นที่กล่าวขานกันไปในหมู่ชาวบ้าน กล่าวถึงหลานสาวของผู้นำหมู่บ้านที่มีท่าทางรังเกียจผู้อื่น แม้กระทั่งท่านตาท่านยายของตนเองอันลู่เพ่ยก็ยังแสดงท่าทีรังเกียจและไม่ไว้หน้า นับว่าไม่น่าคบหานัก

ไกลถึงขนาดนี้ อันลู่เพ่ยก็ยังมาแสดงอิทธิฤทธิ์ได้ นี่มันเกินคนจริง ๆ เพ่ยเพ่ยคิดแล้วก็ได้แต่ส่ายศีรษะ 

ช่างทำให้คนอื่นลำบากจริง ๆ 

“ท่านยายเจ้าคะ ก่อนอื่นข้าต้องขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนที่เคยทำไม่ดีกับท่าน แต่ตอนนี้ข้าคงต้องขอความช่วยเหลือท่านแล้วเจ้าค่ะ” อันดับแรกต้องรีบขอโทษก่อน ท่านยายจ้าวก็คือหนึ่งในผู้ที่ถูก

อันลู่เพ่ยด่ากราด แม้แต่เด็กน้อยที่อยู่ข้างท่านยาย จำไม่ได้ว่าชื่อว่าอันใด ในตอนนั้นเขาน่าจะสามหนาวกระมัง ยังไม่รอดพ้นจากความร้ายกาจของ

อันลู่เพ่ย นี่คงจะฝังใจมาก ตอนนี้เขาน่าจะสิบหนาวแล้ว แต่ท่าทางหวาดกลัวนี้ยังไม่หายไปคงเพราะต้องจำได้เป็นแน่

นางจ้าวมองเห็นเด็กสาวที่ดูแตกต่างจากเมื่อหลายปีที่แล้วอย่างสิ้นเชิง ไม่ดูร้ายกาจเฉกเช่นในอดีตแล้ว นัยน์ตาของหญิงชราอ่อนลงไม่น้อย เวลาผ่านไปก็อาจจะทำให้คนเปลี่ยนแปลงได้ ไม่แน่ว่าเด็กสาวคนนี้อาจจะไม่ได้ร้ายกาจเฉกเช่นในอดีตแล้วก็เป็นได้ หญิงชราจึงวางของที่ถือเอาไว้ลง พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน 

“แม่หนูมีอันใดให้ข้าช่วยหรือ” 

สำเร็จแล้ว!

เพ่ยเพ่ยเผยรอยยิ้มขึ้น ก่อนจะถูมือไปมา

“คือว่า…ข้าจุดไฟไม่เป็นเจ้าค่ะ ท่านยายช่วยสอนข้าจุดได้หรือไม่เจ้าคะ”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 3 : จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้ง 1/2

    ตอนพิเศษ[3]จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้งในช่วงค่ำ หลังจากที่จัดการธุระต่าง ๆ เสร็จ ซือจางจิ้งก็ไปอาบน้ำชำระร่างกายที่ลำธารที่อยู่ห่างจากบ้านไปไม่มาก เมื่ออาบเสร็จก็มาเตรียมอาหารง่าย ๆ ระหว่างรอมารดาที่ไปอาบน้ำเช่นกัน อนุฉีที่ไปอาบน้ำตามปกติอย่างไม่คิดสิ่งใด แต่ผู้ใดจะคิดว่าระหว่างที่จะกลับ กลับพบกับบุรุษที่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจยืนรออยู่ ความไม่ปลอดภัยเข้าเกาะกุมจิตใจ คิดได้ดังนั้นจึงเตรียมที่จะวิ่งหนี แต่อนิจจา ทว่าเพียงแค่หันหลังไม่ได้ทำสิ่งใด อนุฉีก็โดนของแข็งฟาดเข้าที่ศีรษะจนใบหน้าคว่ำลงไปทั้งอย่างนั้นสิ้นใจลงทันที ซือจางจิ้งที่เห็นว่ามารดาไปอาบน้ำนานเกินไปจึงเตรียมที่จะไปตาม แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกจากบ้านก็พบสตรีที่คุ้นหน้ามากับบุรุษอีกสามคน จางหง“เจ้าจะไปที่ใด จะไปตามหามารดาหรือ” เมื่อจางหงกล่าวเช่นนั้นซือจางจิ้งก็คิ้วกระตุกทันที “ข้าจะไปทำอันใดก็เรื่องของข้า” “ปากดีนักนะ” จางหงไม่พอใจทันที “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นสตรีจากในเมืองหลวงแล้วก็จะสามารถแต่งงานกับพี่จื่อได้หรือ”ที่แท้ก็มาด้วยเรื่องนี้ “ข้ามีใจให้พี่จื่อมานาน หากไม่มีเจ้าเขากับข้าจะต้องได้ลงเอยกันแน่”

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 3 : จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้ง 1/1

    ตอนพิเศษ[3]จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้งสตรีที่ผมเผ้าเว้าแหว่งบ้างสั้นบ้างยาว นั่งมองผู้คนผ่านไปมาที่หน้าจวนของตนอย่างเหม่อลอย บางครานางก็มีสติ บางคราก็เลอะเลือนจดจำสิ่งใดไม่ได้ แต่โดยส่วนมากก็ราวกับผู้ที่ผู้คนมองว่าสติไม่ดีผู้หนึ่ง เพราะบางวันนางก็ไปกรีดร้องโวยวายที่หน้าจวนตระกูลโจวที่ยามนี้ประตูหน้าต่างปิดสนิท เพราะถูกเนรเทศทั้งตระกูลเนื่องจากกระทำความผิดทุจริตเงินของทางการ ผู้คนต่างก็มีทั้งสงสาร ที่นางถูกกล้อนผมจนตกอยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคนจนถูกสามีปลดจากตระกูล บ้างก็สมเพชให้กับชะตากรรมของสตรีที่แย่งคู่หมายของสหายสนิท จนสุดท้ายก็พบจุดจบเช่นนี้ ก็สมควรแล้ว ยามที่นางมีสติ นางก็เอาแต่ถามว่าตนผิดอย่างไร เหตุใดจึงต้องพบพานกับเรื่องราวเหล่านี้ และเมื่อหวนนึงถึงอดีตสหายผู้นั้น....ที่ได้กลายเป็นถึงพระชายาผู้สูงส่งขององค์ชายสามแห่งแคว้นเสวี่ยที่ยิ่งใหญ่ ตนก็เริ่มคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้มันผิดพลาดตั้งแต่ที่ใด ซือเฟยฟา เหตุใดเจ้าถึงได้โชคดีนัก ยามสายของวันหนึ่งสือหนิงอ้ายไม่ได้มีสติครบถ้วนเท่าใดนัก นางเอาผ้าคลุมผมและเดินเท้าเปล่าไปตามถนน ในมือถือปิ่นปักผมอันหนึ่ง จิตสั่งการบอ

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 2 : หึงหวง....และยอมรับ

    ตอนพิเศษ[2]หึงหวง....และยอมรับจู่ ๆ ภายใต้ความสงบที่อยู่กับชาวแคว้นอี้มาเนิ่นนานก็ถูกรบกวนจากชาวนอกด่านที่ซ่องสุมกำลังบุกรุกชายแดนทางด้านตะวันออกของแคว้นอี้เพื่อปล้นเสบียงและทรัพย์สินของชาวบ้านรวมถึงมีการยึดพื้นที่ในบางจุดเอาไว้ คล้ายกับว่าพวกมันวางแผนมานานแล้วแน่นอนว่าบิดาของนางก็คือผู้นำทัพหลักที่จะจัดการปัญหาในครั้งนี้ คราแรกนางจะกลับแคว้นอี้เพื่อกลับไปเยี่ยมครอบครัว แต่เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้นางจึงชวนองค์ชายสามไปดูสถานการณ์เพราะเป็นห่วงบิดา องค์ชายสาม แม้ว่าจะเป็นห่วงนางแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยอมตามใจ การเดินทางอันแสนลำบากจึงเริ่มต้นขึ้นแต่เมื่อไปถึงก็ทำให้นางรู้สึกว่าตนตัดสินใจถูก เพราะเพียงแค่เห็นรอยยิ้มของบิดายามที่เห็นนาง นางก็รู้สึกว่าอบอุ่นอยู่ภายในใจ“พระชายา” ซือเว่ยโผเข้าสวมกอดบุตรสาวอย่างโหยหา หลายเดือนแล้วที่อีกฝ่ายไปอยู่ที่แคว้นเสวี่ย แม้ว่าจะมีจดหมายส่งมาตลอด แต่จะเหมือนการพบหน้าได้อย่างไร เมื่อผละอ้อมกอดแล้วก็กันไปทักทายบุตรเขย“องค์ชายสาม”“ท่านพ่อตาเป็นอย่างไรบ้าง” ทันใดนั้นแม่ทัพซือก็รับรู้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ เหตุใดองค์ชายสามกล่าวกับเขา แต่สายตากลับมองไปที่บุตรสาวแล

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 1 : เส้นทางสายใหม่ 1/2

    ตอนพิเศษ[1]เส้นทางสายใหม่เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงยังไม่อยากถือสาเอาความอันใดเพราะนางก็เพิ่งมาอยู่ที่นี่ จึงได้แต่คิดว่าจะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อหันหลัง หนึ่งในสามก็เอ่ยขึ้น“ตายจริง พี่สะใภ้ก็อยู่ที่นี่หรอกหรือนี่ เมื่อครู่ข้ามองไม่เห็นเลย”แหม เชื่อก็บ้าแล้วนางได้แต่ยิ้มกว้างแล้วกล่าวไปว่า “องค์หญิงห้าน่าจะต้องไปตรวจสายตาเสียหน่อย มิเช่นนั้นอาจจะต้องตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อยได้” “นี่เจ้าแช่งข้าหรือ” ลี่จูพยายามที่จะสูดหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ตนเอง ไม่นานก็ฉีกยิ้มออกมา “ข้าได้ข่าวว่าพี่สะใภ้นั้นเก่งด้านการเอาอกเอาใจผู้อื่น แม้แต่มามาของฮองเฮายังเอ่ยปากชม รองเท้าของพวกข้าเปื้อนนัก เช่นนั้นท่านเช็ดให้พวกข้าได้หรือไม่ พวกข้าคงประทับใจไม่น้อย” กล่าวแล้วก็ทิ้งผ้าลงที่พื้นผืนหนึ่งก่อนจะหันไปหัวเราะกันหนิงอันที่อยู่ด้านหลังเจ้านายได้แต่กำหมัดและก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว หากทั้งสามเหยียดหยามเจ้านายของตนอีกเพียงนิด นางจะไม่ยอมแม้แต่น้อย ตายเป็นตาย แต่ซือเฟยฟาที่รู้ทันจึงได้แต่ส่ายหน้าให้คนของตน“เรื่องที่ต้องให้บ่าวทำเช่นนั้นข้าไม่ถนัด อีกอย่าง...” นางก้าวเข้าไปหาพวกนางหนึ่งก้าว แต่ม

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 1 : เส้นทางสายใหม่ 1/1

    ตอนพิเศษ[1]เส้นทางสายใหม่การเดินทางไปแคว้นเสวี่ยล่าช้าไปถึงสิบวัน เพราะกว่าที่นางจะได้ผ่านช่วงเข้าหอก็ผ่านพ้นไปถึงเจ็ดวัน และจากนั้นกว่าจะเก็บของและเตรียมตัวก็อีกสามวัน นางไม่คิดว่าเขาจะคลั่งรักนางถึงเพียงนั้น เสวี่ยอี้หลินหาใช่มนุษย์ก้อนหินอีกแล้วสำหรับนาง แค่สำหรับนางน่ะนะ แต่สำหรับผู้อื่นก็ยังเป็นเช่นเคย แต่ยิ่งเป็นมากกว่าเดิมหากผู้ใดเข้าใกล้นางมากเกินไป เช่นนี้ยามนี้ที่องค์รัชทายาทชิงจื่อชวนกำลังจะกอดลานาง “อี้หลิน เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ นี่น้องสาวข้า เหตุใดข้าจะกอดไม่ได้”“นางเป็นชายาของข้า” ว่าแล้วก็ผลักสหายออกห่างจากภรรยาของตน ส่งผลให้ชิงจื่อชวนไม่พอใจทันที นางได้แต่ส่ายหัวให้กับการกระทำของทั้งคู่ ก่อนจะเบนสายตาไปมองที่ฮองเฮาและบิดามารดา ทุกคนต่างก็ตาแดงก่ำและเดินเข้ามาหานาง แม้การจะมีการร่ำลากันมาตลอดหลายวัน ก็อดที่จะใจหายไม่น้อย แต่อย่างไรแล้วนางไม่ได้จะจากแคว้นอี้ไปตลอดเสียหน่อย ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องกลับมา จึงได้แต่เข้าสวมกอดทุกคนเพื่อปลอบใจและได้แต่กล่าวว่าจะมาใหม่ กว่าจะร่ำลากันเสร็จก็ใช้เวลาไปมากโข หนิงอันก็เช่นกัน กว่าจะร่ำลาจากท่านยายของตนก็ต้องเสียน้ำตาไปมากเช่นกัน บร

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนที่ 54 : พระชายาคนงามของพี่ (ตอนจบ)

    ตอนที่[36]พระชายาคนงามของพี่ในที่สุดวันมงคลที่สุดยิ่งใหญ่ของแคว้นอี้ในปีนี้ก็มาถึง ทั้งในวังหลวงและในเมืองต่างก็ประดับผ้าแดง โดยเฉพาะในเมืองหลวง ยังมีการทำอาหารแจกชาวบ้านอยู่หลายจุด วันนี้จึงเป็นที่คึกคักและเต็มไปด้วยความสุขกันอย่างถ้วนหน้า คนสำคัญของตระกูลซือต่างก็ไปเตรียมตัวอยู่ในวังหลวงกันทั้งหมด ซือฮูหยินและแม่นมถังต่างก็น้ำตารื้นเมื่อเห็นสตรีงดงามตรงหน้า ที่อดีตเป็นเพียงเด็กตัวเล็กที่พวกนางต่างก็ช่วยกันเลี้ยงดู ในยามนี้กำลังจะแต่งงานทั้งจะกลายเป็นพระชายาเสียแล้ว ซือเฟยฟาเปลี่ยนไปมาก จนไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะมาอยู่จุดนี้ได้ เดิมทีหากเป็นในอดีต ต้องโทษพวกนางที่เลี้ยงซือเฟยฟาให้กลายเป็นคนที่ผู้ใดก็ไม่อยากเข้าใกล้เช่นนั้น แต่ยามนี้กลับไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว เห็นทีเบื้องบนยังคงเอ็นดูพวกนางคงจึงได้มีเรื่องที่ดีเช่นนี้เกิดขึ้น “พวกท่านทั้งเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ เหล่าช่างกลัวกันหมดแล้วเจ้าค่ะ” ซือเฟยฟาเอ่ยเย้าทั้งคู่ ส่งผลให้ทั้งคู่ต่างก็ส่งสายตาคาดโทษไปให้ทันที แม้จะเป็นเช่นนั้นก็มีความภูมิใจส่งผ่านสายตาของทั้งคู่ไปด้วย ‘นี่น่าจะเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดที่พวกนางเคยพบเจอมา’ที่จริง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status