Share

ตอนที่ 7 : เอาตัวรอดในยุคโบราณ 1/2

last update Terakhir Diperbarui: 2025-08-05 11:01:00

ตอนที่

[4]

เอาตัวรอดในยุคโบราณ

“ไหว…เจ้าค่ะท่านยาย เพียงแค่ใช้พลังมากไปหน่อย ขอบคุณมากนะเจ้าคะ” ว่าแล้วก็หยิบเงินจ่ายให้หญิงชราเป็นค่าตะบันไฟ ทว่าเมื่อนางจ้าวเห็นเงินที่อีกฝ่ายมอบให้เป็นจำนวนเงินไม่น้อยจึงปฏิเสธที่จะรับ 

“ที่บ้านข้ามีสองอัน อันนี้เจ้าเอาไปใช้ก่อนเถิด คาดว่าน่าจะใช้ได้ไม่นานมาก หากหมดแล้วก็ค่อยไปซื้อใหม่นะ” 

“เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านยายอีกครั้งนะเจ้าคะ รบกวนท่านยายมาเสียเวลานานเลย…”

“มิเป็นไร เช่นนั้นข้าขอตัวกลับบ้านก่อน หากเจ้ามีอันใดอยากให้ข้าช่วยเหลือก็ไปที่บ้านได้เลยนะ” ว่าแล้วก็ชี้ไปยังบ้านที่อยู่ไม่ไกลออกไป

“ได้เลยเจ้าค่ะ ต้องรบกวนท่านยายหลายเรื่องเชียว” เพ่ยเพ่ยว่า

อย่างติดตลกจึงทำให้นางจ้าวหัวเราะออกมา แม้แต่อู้หลิงที่ไม่ค่อยเข้าใจอันใดมากก็หัวเราะเบา ๆ ด้วย บรรยากาศระหว่างพวกเขานั้นผ่อนคลายขึ้นมาก 

คล้อยหลังสองย่าหลานกลับบ้านไป เมื่อมองไปยังไฟที่ติดอยู่เพ่ยเพ่ยก็เร่งต้มยาเป็นอันดับแรก ยาห้ามครรภ์ที่ซื้อมานางจะไม่ลืมเด็ดขาด อย่างไรก็ต้องป้องกันไว้ก่อน จะให้เกิดเหตุไม่คาดฝันไม่ได้ หลังจากดื่มยาแล้วค่อยไปเร่งทำความสะอาดส่วนที่เหลือทั้งหมด พร้อมจัดเก็บของที่ซื้อมาเข้าไปในบ้านให้เป็นระเบียบ

แต่ที่นางออกจะกลุ้มใจก็คือห้องน้ำในยุคโบราณนี่แหละออกจะไม่สะดวกมาก ๆ แต่จะให้ทำอย่างไรได้ ดูจากบ้านชาวบ้านคนอื่นแล้ว บ้านท่านตาท่านยายน่าจะค่อนข้างดีกว่าผู้อื่นแล้ว แม้หมู่บ้านนี้จะทำการค้าเสียส่วนใหญ่แต่ก็ใช้ว่าทุกคนจะร่ำรวยกันเสียหมด 

ใช้เวลาจนเกือบเที่ยงเพ่ยเพ่ยก็ได้นั่งพักและเป็นเวลาที่จะได้ลองวิชาการจุดไฟทำอาหารอีกครั้งเพราะไฟก่อนหน้าดับสนิทไปแล้ว

ฟู่ว

เมื่อได้ลองหัดจนชำนาญแล้วก็พบว่ามันไม่ยากเช่นคราแรก แสงไฟในมือคือความสำเร็จที่เพ่ยเพ่ยแทบหลั่งน้ำตา ไม่น่าเชื่อว่านางจะดีใจมากกับแค่การจุดไฟติดเพียงเท่านี้ ว่าแล้วก็รีบนำไฟไปจุดกับเชื้อเพลิงที่อยู่ในเตาไฟ เที่ยงนี้นางจะทำบะหมี่กินแบบง่าย ๆ เพราะเมื่อวานซื้อเส้นแบบสำเร็จรูปมาแล้ว 

หลังจากที่ท้องอิ่มแล้ว เพ่ยเพ่ยก็มานั่งคิดว่าชีวิตจากนี้จะทำยังไงต่อดี ดูเหมือนว่านางคงไม่สามารถนั่ง ๆ นอน ๆ ใช้เงินที่มีอยู่จนมันหมดไปได้ แม้ว่ามันจะมากก็ตาม คิดแล้วเมื่อนึกไปถึงว่ายามเจ้าของเงินเห็นว่าเงินเขาหายไปเขาจะว่าอย่างไร แต่ระดับเจิ้งกวนโหว ขนหน้าแข้งคงไม่ร่วงหรอก…กระมัง

เมื่อขบคิดจนได้ความคิดเห็นที่เข้าท่าแล้ว นางก็ตัดสินใจว่าจะทำการค้าขาย เพราะอย่างไรคนที่นี่ก็ทำการค้าอยู่แล้วจึงไม่ใช่เรื่องที่แปลกใหม่อันใด อยู่ที่นี่นางก็จะได้มีอะไรทำด้วย นอกจากนี้นางยังคิดที่จะปลูกผักอีก เพราะเท่าที่เดินดูรอบบ้านั้นยังมีคูแปลงผักเก่าของท่านตาท่านยายอยู่ หากพรวนดินและใส่ปุ๋ยสักหน่อยคงพร้อมในการปลูกผักรอบต่อไปได้ อย่างน้อยการมาอยู่ในยุคโบราณก็คงไม่แย่ขนาดนั้นแล้วกระมัง

ในช่วงบ่ายคล้อยสองย่าหลานที่กำลังช่วยกันในการเตรียมของสำหรับไปขายพรุ่งนี้ก็ชะงักเล็กน้อยแล้วพร้อมเงยหน้าขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่ดังอยู่หน้ารั้วบ้าน เมื่อออกไปก็พบใบหน้างดงามของเพ่ยเพ่ย

“อ้าว เพ่ยเพ่ย เจ้ามาทำอันใดหรือ หรือว่าที่บ้านเกิดปัญหาอันใดขึ้น”

“มิใช่เจ้าค่ะ พอดีว่าข้าอยากจะปลูกผัก เลยอยากจะได้เมล็ดพันธุ์ผัก ไม่ทราบว่าต้องไปซื้อหาจากที่ไหนหรือเจ้าคะ” 

“อ่า ถ้าเมล็ดพันธุ์ต่าง ๆ ต้องไปซื้อที่บ้านเฒ่าหวัง แต่…” แต่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าหากเพ่ยเพ่ยไปซื้อด้วยตนเองนั้นก็ไม่รู้ว่าเฒ่าหวังจะขายให้หรือไม่ ราวกับรู้เท่าทันความคิด เพ่ยเพ่ยคิดว่าก่อนที่นางจะเริ่มทำการอันใด อันดับแรกนางควรแก้ไขในสิ่งที่อันลู่เพ่ยคนก่อนเคยทำเอาไว้ก่อน

“ท่านยายเจ้าคะ พาข้าไปที่บ้านของชาวบ้านแต่ละคนในหมู่บ้านได้หรือไม่เจ้าคะ”

“หากเจ้ารู้ความขึ้นเช่นนี้พวกเราก็ไม่ถือโทษกับเรื่องเมื่อก่อนหรอก” นางฟ่านซื่อ หรือฟ่านจี๋ ภรรยาของผู้นำหมู่บ้านคนปัจจุบันเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นมิตร สายตาเต็มไปด้วยความเอื้อเอ็นดูต่อเพ่ยเพ่ยไม่น้อย หญิงสาวได้ยินเช่นนั้นก็รีบขอบคุณอีกฝ่ายพร้อมกับมอบขนมที่ซื้อมาเมื่อวานให้ไปส่วนหนึ่ง จากนั้นจึงได้ไล่เดินไปยังบ้านคนอื่น ๆ ดีที่เมื่อวานซื้อขนมมามาก จึงเพียงพอสำหรับทุกบ้านที่นางจะไปในวันนี้

ใช่แล้ว วันนี้นางจะไปไล่ขอโทษทุกคนในหมู่บ้านจิ้นเฉิงนี้ให้หมด หากพวกเขาได้เห็นถึงความจริงใจของนางจะต้องให้อภัยในความผิดที่เคยก่อไว้เป็นแน่ 

และสิ่งที่เพ่ยเพ่ยคิดเอาไว้ก็ถูกต้อง ชาวบ้านล้วนไม่มีผู้ใดติดใจอันใดแล้ว หนำซ้ำเมื่อรู้ว่าหญิงสาวพบเจอกับความลำบากบางประการจนต้องมาอาศัยอยู่ที่นี่ทุกคนก็พร้อมที่จะช่วยเหลือ 

เพ่ยเพ่ยมองเมล็ดพันธุ์ผักที่ทั้งซื้อและได้มาแบบเปล่า ๆ ก็รู้สึกตื้นตันใจเป็นอย่างมาก ชาวบ้านที่นี่นั้นนิสัยดีกันจริง ๆ 

ด้วยความใจร้อนทำให้เพ่ยเพ่ยเร่งเตรียมหน้าดินเอาไว้สำหรับการเพาะปลูกทันที เพราะกว่าจะลงปุ๋ยเพื่อหมักดินเอาไว้ ก็คงใช้เวลาราวเจ็ดวัน ผักที่นางจะปลูกชุดแรกนั้นมี ผักบุ้งที่สามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในยี่สิบถึงยี่สิบห้าวันหลังปลูก ผักกาดขาวเป็นผักที่ปลูกง่ายและมีอายุการเก็บเกี่ยวสั้น ประมาณสามสิบถึงสี่สิบห้าวัน ผักกวางตุ้งใช้เวลาปลูกสี่สิบห้าวัน และสุดท้ายคือ หัวไชเท้า เป็นผักที่ปลูกง่ายและโตเร็ว สามารถเก็บเกี่ยวได้ภายในสี่สิบห้าถึงหกสิบวัน  

ต่อไปนางก็จะมีผักเอาไว้กินและเอาไว้ขายด้วย

และพรุ่งนี้นางก็จะติดตามท่านยายจ้าวไปตลาดเช้าเพื่อสำรวจตลาดว่ามีอันใดที่น่าสนใจหรืออันใดที่ยังไม่มี นางจะได้เลือกขายสิ่งนั้น

ชีวิตในยุคโบราณของนางกำลังจะเริ่มต้นขึ้นแล้ว

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 3 : จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้ง 1/2

    ตอนพิเศษ[3]จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้งในช่วงค่ำ หลังจากที่จัดการธุระต่าง ๆ เสร็จ ซือจางจิ้งก็ไปอาบน้ำชำระร่างกายที่ลำธารที่อยู่ห่างจากบ้านไปไม่มาก เมื่ออาบเสร็จก็มาเตรียมอาหารง่าย ๆ ระหว่างรอมารดาที่ไปอาบน้ำเช่นกัน อนุฉีที่ไปอาบน้ำตามปกติอย่างไม่คิดสิ่งใด แต่ผู้ใดจะคิดว่าระหว่างที่จะกลับ กลับพบกับบุรุษที่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจยืนรออยู่ ความไม่ปลอดภัยเข้าเกาะกุมจิตใจ คิดได้ดังนั้นจึงเตรียมที่จะวิ่งหนี แต่อนิจจา ทว่าเพียงแค่หันหลังไม่ได้ทำสิ่งใด อนุฉีก็โดนของแข็งฟาดเข้าที่ศีรษะจนใบหน้าคว่ำลงไปทั้งอย่างนั้นสิ้นใจลงทันที ซือจางจิ้งที่เห็นว่ามารดาไปอาบน้ำนานเกินไปจึงเตรียมที่จะไปตาม แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกจากบ้านก็พบสตรีที่คุ้นหน้ามากับบุรุษอีกสามคน จางหง“เจ้าจะไปที่ใด จะไปตามหามารดาหรือ” เมื่อจางหงกล่าวเช่นนั้นซือจางจิ้งก็คิ้วกระตุกทันที “ข้าจะไปทำอันใดก็เรื่องของข้า” “ปากดีนักนะ” จางหงไม่พอใจทันที “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นสตรีจากในเมืองหลวงแล้วก็จะสามารถแต่งงานกับพี่จื่อได้หรือ”ที่แท้ก็มาด้วยเรื่องนี้ “ข้ามีใจให้พี่จื่อมานาน หากไม่มีเจ้าเขากับข้าจะต้องได้ลงเอยกันแน่”

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 3 : จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้ง 1/1

    ตอนพิเศษ[3]จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้งสตรีที่ผมเผ้าเว้าแหว่งบ้างสั้นบ้างยาว นั่งมองผู้คนผ่านไปมาที่หน้าจวนของตนอย่างเหม่อลอย บางครานางก็มีสติ บางคราก็เลอะเลือนจดจำสิ่งใดไม่ได้ แต่โดยส่วนมากก็ราวกับผู้ที่ผู้คนมองว่าสติไม่ดีผู้หนึ่ง เพราะบางวันนางก็ไปกรีดร้องโวยวายที่หน้าจวนตระกูลโจวที่ยามนี้ประตูหน้าต่างปิดสนิท เพราะถูกเนรเทศทั้งตระกูลเนื่องจากกระทำความผิดทุจริตเงินของทางการ ผู้คนต่างก็มีทั้งสงสาร ที่นางถูกกล้อนผมจนตกอยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคนจนถูกสามีปลดจากตระกูล บ้างก็สมเพชให้กับชะตากรรมของสตรีที่แย่งคู่หมายของสหายสนิท จนสุดท้ายก็พบจุดจบเช่นนี้ ก็สมควรแล้ว ยามที่นางมีสติ นางก็เอาแต่ถามว่าตนผิดอย่างไร เหตุใดจึงต้องพบพานกับเรื่องราวเหล่านี้ และเมื่อหวนนึงถึงอดีตสหายผู้นั้น....ที่ได้กลายเป็นถึงพระชายาผู้สูงส่งขององค์ชายสามแห่งแคว้นเสวี่ยที่ยิ่งใหญ่ ตนก็เริ่มคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้มันผิดพลาดตั้งแต่ที่ใด ซือเฟยฟา เหตุใดเจ้าถึงได้โชคดีนัก ยามสายของวันหนึ่งสือหนิงอ้ายไม่ได้มีสติครบถ้วนเท่าใดนัก นางเอาผ้าคลุมผมและเดินเท้าเปล่าไปตามถนน ในมือถือปิ่นปักผมอันหนึ่ง จิตสั่งการบอ

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 2 : หึงหวง....และยอมรับ

    ตอนพิเศษ[2]หึงหวง....และยอมรับจู่ ๆ ภายใต้ความสงบที่อยู่กับชาวแคว้นอี้มาเนิ่นนานก็ถูกรบกวนจากชาวนอกด่านที่ซ่องสุมกำลังบุกรุกชายแดนทางด้านตะวันออกของแคว้นอี้เพื่อปล้นเสบียงและทรัพย์สินของชาวบ้านรวมถึงมีการยึดพื้นที่ในบางจุดเอาไว้ คล้ายกับว่าพวกมันวางแผนมานานแล้วแน่นอนว่าบิดาของนางก็คือผู้นำทัพหลักที่จะจัดการปัญหาในครั้งนี้ คราแรกนางจะกลับแคว้นอี้เพื่อกลับไปเยี่ยมครอบครัว แต่เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้นางจึงชวนองค์ชายสามไปดูสถานการณ์เพราะเป็นห่วงบิดา องค์ชายสาม แม้ว่าจะเป็นห่วงนางแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยอมตามใจ การเดินทางอันแสนลำบากจึงเริ่มต้นขึ้นแต่เมื่อไปถึงก็ทำให้นางรู้สึกว่าตนตัดสินใจถูก เพราะเพียงแค่เห็นรอยยิ้มของบิดายามที่เห็นนาง นางก็รู้สึกว่าอบอุ่นอยู่ภายในใจ“พระชายา” ซือเว่ยโผเข้าสวมกอดบุตรสาวอย่างโหยหา หลายเดือนแล้วที่อีกฝ่ายไปอยู่ที่แคว้นเสวี่ย แม้ว่าจะมีจดหมายส่งมาตลอด แต่จะเหมือนการพบหน้าได้อย่างไร เมื่อผละอ้อมกอดแล้วก็กันไปทักทายบุตรเขย“องค์ชายสาม”“ท่านพ่อตาเป็นอย่างไรบ้าง” ทันใดนั้นแม่ทัพซือก็รับรู้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ เหตุใดองค์ชายสามกล่าวกับเขา แต่สายตากลับมองไปที่บุตรสาวแล

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 1 : เส้นทางสายใหม่ 1/2

    ตอนพิเศษ[1]เส้นทางสายใหม่เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงยังไม่อยากถือสาเอาความอันใดเพราะนางก็เพิ่งมาอยู่ที่นี่ จึงได้แต่คิดว่าจะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อหันหลัง หนึ่งในสามก็เอ่ยขึ้น“ตายจริง พี่สะใภ้ก็อยู่ที่นี่หรอกหรือนี่ เมื่อครู่ข้ามองไม่เห็นเลย”แหม เชื่อก็บ้าแล้วนางได้แต่ยิ้มกว้างแล้วกล่าวไปว่า “องค์หญิงห้าน่าจะต้องไปตรวจสายตาเสียหน่อย มิเช่นนั้นอาจจะต้องตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อยได้” “นี่เจ้าแช่งข้าหรือ” ลี่จูพยายามที่จะสูดหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ตนเอง ไม่นานก็ฉีกยิ้มออกมา “ข้าได้ข่าวว่าพี่สะใภ้นั้นเก่งด้านการเอาอกเอาใจผู้อื่น แม้แต่มามาของฮองเฮายังเอ่ยปากชม รองเท้าของพวกข้าเปื้อนนัก เช่นนั้นท่านเช็ดให้พวกข้าได้หรือไม่ พวกข้าคงประทับใจไม่น้อย” กล่าวแล้วก็ทิ้งผ้าลงที่พื้นผืนหนึ่งก่อนจะหันไปหัวเราะกันหนิงอันที่อยู่ด้านหลังเจ้านายได้แต่กำหมัดและก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว หากทั้งสามเหยียดหยามเจ้านายของตนอีกเพียงนิด นางจะไม่ยอมแม้แต่น้อย ตายเป็นตาย แต่ซือเฟยฟาที่รู้ทันจึงได้แต่ส่ายหน้าให้คนของตน“เรื่องที่ต้องให้บ่าวทำเช่นนั้นข้าไม่ถนัด อีกอย่าง...” นางก้าวเข้าไปหาพวกนางหนึ่งก้าว แต่ม

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 1 : เส้นทางสายใหม่ 1/1

    ตอนพิเศษ[1]เส้นทางสายใหม่การเดินทางไปแคว้นเสวี่ยล่าช้าไปถึงสิบวัน เพราะกว่าที่นางจะได้ผ่านช่วงเข้าหอก็ผ่านพ้นไปถึงเจ็ดวัน และจากนั้นกว่าจะเก็บของและเตรียมตัวก็อีกสามวัน นางไม่คิดว่าเขาจะคลั่งรักนางถึงเพียงนั้น เสวี่ยอี้หลินหาใช่มนุษย์ก้อนหินอีกแล้วสำหรับนาง แค่สำหรับนางน่ะนะ แต่สำหรับผู้อื่นก็ยังเป็นเช่นเคย แต่ยิ่งเป็นมากกว่าเดิมหากผู้ใดเข้าใกล้นางมากเกินไป เช่นนี้ยามนี้ที่องค์รัชทายาทชิงจื่อชวนกำลังจะกอดลานาง “อี้หลิน เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ นี่น้องสาวข้า เหตุใดข้าจะกอดไม่ได้”“นางเป็นชายาของข้า” ว่าแล้วก็ผลักสหายออกห่างจากภรรยาของตน ส่งผลให้ชิงจื่อชวนไม่พอใจทันที นางได้แต่ส่ายหัวให้กับการกระทำของทั้งคู่ ก่อนจะเบนสายตาไปมองที่ฮองเฮาและบิดามารดา ทุกคนต่างก็ตาแดงก่ำและเดินเข้ามาหานาง แม้การจะมีการร่ำลากันมาตลอดหลายวัน ก็อดที่จะใจหายไม่น้อย แต่อย่างไรแล้วนางไม่ได้จะจากแคว้นอี้ไปตลอดเสียหน่อย ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องกลับมา จึงได้แต่เข้าสวมกอดทุกคนเพื่อปลอบใจและได้แต่กล่าวว่าจะมาใหม่ กว่าจะร่ำลากันเสร็จก็ใช้เวลาไปมากโข หนิงอันก็เช่นกัน กว่าจะร่ำลาจากท่านยายของตนก็ต้องเสียน้ำตาไปมากเช่นกัน บร

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนที่ 54 : พระชายาคนงามของพี่ (ตอนจบ)

    ตอนที่[36]พระชายาคนงามของพี่ในที่สุดวันมงคลที่สุดยิ่งใหญ่ของแคว้นอี้ในปีนี้ก็มาถึง ทั้งในวังหลวงและในเมืองต่างก็ประดับผ้าแดง โดยเฉพาะในเมืองหลวง ยังมีการทำอาหารแจกชาวบ้านอยู่หลายจุด วันนี้จึงเป็นที่คึกคักและเต็มไปด้วยความสุขกันอย่างถ้วนหน้า คนสำคัญของตระกูลซือต่างก็ไปเตรียมตัวอยู่ในวังหลวงกันทั้งหมด ซือฮูหยินและแม่นมถังต่างก็น้ำตารื้นเมื่อเห็นสตรีงดงามตรงหน้า ที่อดีตเป็นเพียงเด็กตัวเล็กที่พวกนางต่างก็ช่วยกันเลี้ยงดู ในยามนี้กำลังจะแต่งงานทั้งจะกลายเป็นพระชายาเสียแล้ว ซือเฟยฟาเปลี่ยนไปมาก จนไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะมาอยู่จุดนี้ได้ เดิมทีหากเป็นในอดีต ต้องโทษพวกนางที่เลี้ยงซือเฟยฟาให้กลายเป็นคนที่ผู้ใดก็ไม่อยากเข้าใกล้เช่นนั้น แต่ยามนี้กลับไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว เห็นทีเบื้องบนยังคงเอ็นดูพวกนางคงจึงได้มีเรื่องที่ดีเช่นนี้เกิดขึ้น “พวกท่านทั้งเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ เหล่าช่างกลัวกันหมดแล้วเจ้าค่ะ” ซือเฟยฟาเอ่ยเย้าทั้งคู่ ส่งผลให้ทั้งคู่ต่างก็ส่งสายตาคาดโทษไปให้ทันที แม้จะเป็นเช่นนั้นก็มีความภูมิใจส่งผ่านสายตาของทั้งคู่ไปด้วย ‘นี่น่าจะเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดที่พวกนางเคยพบเจอมา’ที่จริง

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status