Share

ตอนที่ 8 : สังหรณ์ใจแปลก ๆ

last update Last Updated: 2025-08-05 11:01:37

ตอนที่

[5]

สังหรณ์ใจแปลก ๆ

 

“เจ้าว่าจะขายอะไรนะ”

“ขายน้ำเต้าหู้เจ้าค่ะ” นางไปเดินดูจนทั่วตลาดก็พบว่าไม่มีน้ำเต้าหู้ขายเลย ตลาดเช้าไม่มีน้ำเต้าหู้ได้อย่างไร นอกจากนั้นยังพบอีกว่าถั่วเหลืองมีราคาที่ถูกมาก สามารถเอาเงินไปลงทุนกับอย่างอื่นเช่น น้ำตาลได้ เช่นนั้นทุกอย่างจึงเข้าเค้า ได้ข้อสรุปว่านางจะขายน้ำเต้าหู้ ซึ่งน้ำเต้าหู้ก็ต้องกินคู่กับปาท่องโก๋ แต่ว่านางจะไม่ขายปาท่องโก๋เพราะท่านยายจ้าวนั้นขายแป้งย่าง ซึ่งนางคิดว่าน่าจะกินเข้ากันกับน้ำเต้าหู้เช่นกัน จึงคิดอยากจะขายควบคู่ไปกับท่านยายมากกว่า จะได้ไม่เป็นการแย่งลูกค้ากันอีกทั้งทำให้ทุกคนเห็นว่าหากซื้อคู่กันก็จะยิ่งอร่อย นางลองชิมแป้งย่างท่านยายแล้วก็พบว่าอร่อยไม่น้อย แบบนี้ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ 

“ข้าจะขายน้ำเต้าหู้เจ้าค่ะ แต่ว่าขอเวลาทดลองทำสักสามวันก่อน หากได้แบบสมบูรณ์แล้วจะเอาไปให้ท่านยายแล้วก็หลิงเออร์ลองชิมนะ

เจ้าคะ” 

“ได้ ๆ ข้าเป็นกำลังใจให้เจ้านะเพ่ยเพ่ย”

“ข้า ข้าด้วยขอรับ” อู้หลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแต่เพ่ยเพ่ยก็ยังได้ยิน จึงได้ฉีกยิ้มสดใสให้กับเด็กน้อย

การทำน้ำเต้าหู้นั้นไม่ยากมากนักแต่จะเสียเวลาตรงที่ต้องบดถั่วเหลืองที่แช่น้ำให้ละเอียดก็เท่านั้น แต่โชคดีที่บ้านท่านตาท่านยายมีเครื่องโม่แป้งอยู่ จึงสามารถใช้แทนกันได้ นางเพิ่งไปเจอมันตอนที่ทำความสะอาดบ้านนี่จึงเป็นหนึ่งในสิ่งที่ทำให้นางมีความคิดที่จะทำน้ำเต้าหู้ขาย

น้ำเต้าหู้ร้อน ๆ หอม ๆ ถูกยกใส่ถังขนาดกลางนำไปส่งให้กับท่านยายจ้าวและอู้หลิงในช่วงเย็นของวันที่สามที่ได้ทดลองทำ ทั้งสองเมื่อได้กินก็ได้แต่เบิกตากว้างขึ้น

“หอมมาก!”

“อร่อยมาก!” 

“นี่ต้องขายดีแน่ ๆ” นางจ้าวเอ่ยขึ้นด้วยความตื่นเต้น 

และก็เป็นจริงเช่นนั้น 

เพราะเมื่อเพ่ยเพ่ยนำน้ำเต้าหู้ไปขายที่ตลาดเช้าในวันถัดมา ก็มีลูกค้าหลั่งไหลกันเข้ามาซื้อเป็นจำนวนมาก เพียงแค่ขายให้คนที่เป็นชาวบ้านในหมู่บ้านเดียวกันก็แทบจะไม่พอขายแล้ว เดิมทีพวกเขาเพียงอยากจะสนับสนุนหญิงสาว แต่ก็ไม่คาดคิดว่าเจ้าน้ำเต้าหู้ที่ว่าจะอร่อยถึงเพียงนี้ ดังนั้นเมื่อความต้องการมีมากจึงทำให้เกิดความชุลมุนเล็ก ๆ แต่ท้ายที่สุดเพ่ยเพ่ยก็สามารถจัดการได้ โดยการจำกัดการซื้อต่อคน จะได้ซื้อกันได้อย่างทั่วถึง ทว่าพรุ่งนี้นางจะทำมามากกว่าเดิมสามารถซื้อได้ไม่จำกัด เพียงเท่านั้นทุกคนก็

พยักหน้าเข้าใจ ต่างรอคอยที่จะได้ซื้อมากขึ้นในวันพรุ่งนี้ 

และที่นางจ้าวคาดไม่ถึงนั่นก็คือแป้งย่างของตนก็ขายดีไม่แพ้กัน เพราะเพ่ยเพ่ยนั้นทำเหมือนว่าร้านค้าทั้งของนางและของตนคือร้านเดียวกัน ทั้งยังเสนอให้ลูกค้าลองชิมแป้งย่างกับน้ำเต้าหู้คู่กัน เมื่อลูกค้าได้ชิมต่างก็ติดใจในความเข้ากันเป็นอย่างมากจึงได้ซื้อทั้งสองอย่างควบคู่กันไปจนของแทบไม่พอขาย หลังจากขายของเสร็จใบหน้าของนางจ้าวจึงเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เปี่ยมด้วยความสุขอย่างปิดไม่มิด แม้กระทั่งเด็กน้อยอู้หลิงที่ไม่รู้สึกหวาดกลัว

เพ่ยเพ่ยอีกต่อไปแล้วยังยิ้มกว้างมองเพ่ยเพ่ยตาเป็นประกาย พี่สาวผู้นี้ไม่ได้เป็นนางยักษ์นางมารเฉกเช่นอดีตแล้ว แต่กลับเป็นราวกับนางเซียนที่มาทำให้ท่านย่าของตนขายของได้ดีขึ้น

หลังจากกลับมาจากตลาดเพ่ยเพ่ยนับเงินที่ได้จากการค้าขายวันแรกด้วยความตื่นตะลึง ไม่น่าเชื่อว่าแม่ค้าหน้าใหม่จะสามารถหาเงินในวันแรกได้เยอะขนาดนี้ แม้จะต้องตื่นเช้าเพื่อมาเคี่ยวน้ำเต้าหู้ แต่หากได้เงินเยอะขนาดนี้นางก็ไม่คิดว่าเป็นปัญหาอันใด ตอนอยู่ที่โลกก่อนนางก็เอาแต่ทำงานเช่นนี้ กว่าจะเก็บเงินได้แต่ละทียากลำบากนัก พอเก็บเงินจนได้ไปเที่ยวในที่ที่ใฝ่ฝันก็มีเหตุให้เป็นเช่นนั้น เมื่อมีโอกาสมาหาเงินที่โลกนี้และหาได้มากขนาดนี้ 

เหตุใดนางจะปฏิเสธมันเล่า นางหาใช่คุณหนูอันลู่เพ่ยที่ไม่เคยต้องทำงานหนักเสียหน่อย แค่เรื่องตื่นเช้าไม่เป็นปัญหาอันใดแน่นอน

วันต่อมาเพ่ยเพ่ยต้มน้ำเต้าหู้ไปมากกว่าเดิม และแน่นอนว่าสามารถขายหมดได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว ขายหมดเร็วกว่าเมื่อวานเสียอีก ด้วย

น้ำเต้าหู้นั้นทั้งอร่อย มีประโยชน์ราคาไม่แพง สามารถกินจนอิ่มท้องได้ ภายในหนึ่งเดือนร้านน้ำเต้าหู้ของเพ่ยเพ่ยก็เป็นที่รู้จักกันไปทั่ว 

ในตอนเช้าหลายคนล้วนแต่มุ่งหน้ามากินน้ำเต้าหู้กัน บางคนกินแค่รองท้องกับแป้งย่างเพื่อไปกินอย่างอื่นต่อ บางคนก็กินเป็นอาหารเช้าให้เสร็จในคราเดียว นอกจากนั้นร้านบะหมี่ที่อยู่ใกล้กันยังใจดีให้ลูกค้าของเพ่ยเพ่ยและนางจ้าวสามารถมานั่งกินที่ร้านได้หากว่าโต๊ะว่าง ความสัมพันธ์อันดีนี้

เพ่ยเพ่ยจึงแนะนำลูกค้าให้ไปซื้อบะหมี่ไปกินเพิ่มอีกไม่น้อย

อดีตเด็กสาวที่ร้ายกาจบัดนี้มีแต่รอยยิ้มและมิตรไมตรีมอบให้กับทุกคนอย่างถ้วนทั่ว เฉกเช่นเดียวกันกับร้านค้าของนางที่เริ่มกระจายชื่อเสียงไปถ้วนทั่วเช่นกัน แต่เพ่ยเพ่ยอาจจะไม่รู้ว่าหนึ่งในสาเหตุที่นางขายดีนอกจากรสชาติและราคาแล้วนอกจากนั้นยังมีอย่างอื่นอีก มีหลายคนแอบตั้งฉายาให้กับร้านค้าของหญิงสาวว่าเป็น ร้านน้ำเต้าหู้คนงาม นอกจากจะได้กินน้ำเต้าหู้แสนอร่อยแล้ว ยังได้ยลโฉมแม่ค้าคนงามอีก จะมีอะไรน่าอภิรมย์ไปยิ่งกว่านี้เล่า ชื่อนี้ถูกเรียกไปอย่างต่อ ๆ กันเช่นกันโดยที่เจ้าตัวไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

สองเดือนผ่านไป

รู้ตัวอีกทีลูกค้าบุรุษก็แทบจะเบียดเสียดกับลูกค้าสตรีเพื่อยื้อแย่งต่อแถวซื้อน้ำเต้าหู้กันอย่างอุ่นหนาฝาคั่ง เพ่ยเพ่ยนั้นไม่คิดอันใดมาก ยิ่งมามากนางก็ได้นับเงินมากเท่านั้น ส่วนผู้ใดจะมาเกี้ยวนางล้วนยังไม่สนใจทั้งสิ้น คิดแล้วก็ฉีกยิ้มกว้างให้กับลูกค้าอย่างอารมณ์ดี 

 

ตำหนักฉือกง พระราชวังแคว้นอวี๋

ฝีเท้าหนักแน่นทว่าใบหน้าเรียบนิ่งกำลังเดินไปตามทางที่ทอดยาวไปจนเกือบสุดสายตา จนเมื่อมาถึงห้องที่มิใช่ว่าผู้ใดก็มาได้เจิ้งกวนโหวจึงได้ผ่อนฝีเท้าลง และเมื่อขันทีหน้าห้องประกาศก้องว่าผู้ใดมา ไม่นานเขาก็ถูกเชื้อเชิญเข้าไปด้านใน 

ห้องทรงพระอักษรของหานเจี่ยฮุ่ยฮ่องเต้

เจิ้งซวี่จื่อไม่ได้ตื่นเต้นอันใดเพราะเขามาที่นี่นับครั้งไม่ถ้วน ครั้งนี้ก็คงมีกิจราชการที่จะปรึกษาหารืออีก 

ทันทีที่ฮ่องเต้เห็นว่าคนที่ตนรอคอยมาถึงก็ได้แต่วางพู่กันในมือลง 

“เจิ้งกวนโหวเป็นอย่างไร สามเดือนผ่านไป ตามหาคนพรากพรหมจรรย์เจอหรือยังเล่า”

“…..” เจิ้งซวี่จื่อมุมปากกระตุก ใบหน้าที่เคร่งขรึมก็เคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม หากว่าคนตรงหน้าเขามิใช่ฮ่องเต้แล้วละก็…

“อย่ามาคิดที่จะปองร้ายเรานะ!” หานเจี่ยฮุ่ยฮ่องเต้รู้เท่าทันจึงได้รีบดักทางขึ้น เป็นเพราะพวกเขาทั้งสองนั้นเป็นสหายกันมาตั้งแต่เด็ก เติบโตมาด้วยกันจนกระทั่งทำงานด้วยกัน แต่ทว่าความสนิทสนมนี้จึงออกจะมากเกินไปบ้าง 

“พระองค์คงไม่เรียกกระหม่อมมาเพื่อพูดคุยเรื่องไร้สาระเช่นนี้หรอกกระมัง” 

“แหม เจ้าก็ ใจร้อนจริงเชียว” จากนั้นหานเจี่ยฮุ่ยฮ่องเต้ก็รีบปรับ

สีหน้าให้จริงจังหลังจากที่กวนอารมณ์ของพระสหายสนิทได้แล้ว 

“สายของเรารายงานว่ามีความเคลื่อนไหวแปลก ๆ แถวเมื่อซานซี อย่างไรเจ้าลองส่งคนไปตรวจสอบดู หรือเจ้าจะไปด้วยตนเองก็ได้ ไม่แน่อาจจะเจอตอใหญ่” พระพักตร์หล่อเหลาของหานเจี่ยฮุ่ยฮ่องเต้ฉายแวว

เจ้าเล่ห์ทว่านัยน์ตากลับลึกล้ำ เจิ้งกวนโหวหรืออีกหน้าที่หนึ่งคือใต้เท้าสำนักตรวจการรับรู้ได้ทันทีว่าต้องมีเรื่องไม่ชอบมาพากลแน่ จึงได้ยกมือขึ้นประสานก่อนจะกล่าวถ้อยคำหนักแน่น

“กระหม่อมรับพระบัญชาพ่ะย่ะค่ะ” 

หลังออกมาจากห้องทรงพระอักษรเจิ้งซวี่จื่อจึงได้เอ่ยกับคนสนิท

“เตรียมตัวให้ดีอีกสามวันพวกเราจะได้เดินทางไปที่เมืองซานซี” 

“พระบัญชาของฝ่าบาทหรือขอรับ” หลี่จิ้นปิง ลูกน้องคนสนิทของเจิ้งซวี่จื่อเอ่ยถามขึ้น กระนั้นสีหน้าของเขาดูเหมือนจะมีความแปลกไปเมื่อได้ยินว่าจะต้องไปที่เมืองซานซี

“มีอันใด เหตุใดจึงทำหน้าเช่นนั้น” เจิ้งจวนโหวจับสีหน้าที่แปลกไปของคนสนิทได้จึงได้เอ่ยถามขึ้น

“เอ่อคือว่า…” น้ำเสียงของหลี่จิ้นปิงเต็มไปด้วยความอึกอัก 

“จะพูดดี ๆ หรือต้องรับโทษห้าสิบไม้ก่อนจะพูด”

“พูดแล้วขอรับ!! คือว่าเท่าที่ข้าน้อยจำได้ เมืองซานซีนั้นเป็นเมืองบ้านเกิดของมารดาของฮูหยินขอรับ!”

“ผู้ใดคือฮูหยินกัน!!” เขาบอกเมื่อใดว่าสตรีผู้นั้นจะได้มาเป็นฮูหยิน

ของเขา ยามนี้สีหน้าของเจิ้งกวนโหวเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธ หลี่จิ้นปิงเห็นเช่นนั้นจึงได้รีบแก้ไขสถานการณ์ 

“เอ่อ คุณหนูใหญ่อันลู่เพ่ยน่ะขอรับ ข้าน้อยจำได้ว่าบ้านเดิมของมารดาของคุณหนูใหญ่อยู่ที่เมืองซานซี หมู่บ้านจิ้นเฉิง ไม่แน่ว่า…” หลี่จิ้นปิงกล่าวไม่จบเสียงค่อนขอดของผู้เป็นนายก็ดังขึ้นเสียก่อน

  “หึ เจ้าคิดว่านางจะไปหมู่บ้านห่างไกลเช่นนั้นหรือ” 

“เจ้าลืมแล้วหรือว่าอันลู่เพ่ยเกลียดที่นั่นอย่างกับอะไรดี นางไม่มีทางไปที่ที่นางเกลียดแน่นอน” เขาก็พอได้ยินเรื่องนี้มาไม่น้อย

ที่หมู่บ้านจิ้นเฉิง

“ฮัดเช้ย!!”

นี่นางจามหลายรอบแล้วนะ! เพ่ยเพ่ยยามนี้ถูจมูกตนเองจนแดงไปหมด เพราะจู่ ๆ ก็ดันจามจนผิดปกติ สายตาทอดมองไปยังท้องฟ้าที่ยามนี้สลัวมีแต่หมู่มวลนกที่บินแตกตื่นไปมาเต็มไปหมด

เอ๋ รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลยแฮะ

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 3 : จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้ง 1/2

    ตอนพิเศษ[3]จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้งในช่วงค่ำ หลังจากที่จัดการธุระต่าง ๆ เสร็จ ซือจางจิ้งก็ไปอาบน้ำชำระร่างกายที่ลำธารที่อยู่ห่างจากบ้านไปไม่มาก เมื่ออาบเสร็จก็มาเตรียมอาหารง่าย ๆ ระหว่างรอมารดาที่ไปอาบน้ำเช่นกัน อนุฉีที่ไปอาบน้ำตามปกติอย่างไม่คิดสิ่งใด แต่ผู้ใดจะคิดว่าระหว่างที่จะกลับ กลับพบกับบุรุษที่ท่าทางไม่น่าไว้วางใจยืนรออยู่ ความไม่ปลอดภัยเข้าเกาะกุมจิตใจ คิดได้ดังนั้นจึงเตรียมที่จะวิ่งหนี แต่อนิจจา ทว่าเพียงแค่หันหลังไม่ได้ทำสิ่งใด อนุฉีก็โดนของแข็งฟาดเข้าที่ศีรษะจนใบหน้าคว่ำลงไปทั้งอย่างนั้นสิ้นใจลงทันที ซือจางจิ้งที่เห็นว่ามารดาไปอาบน้ำนานเกินไปจึงเตรียมที่จะไปตาม แต่ไม่ทันจะได้ก้าวเท้าออกจากบ้านก็พบสตรีที่คุ้นหน้ามากับบุรุษอีกสามคน จางหง“เจ้าจะไปที่ใด จะไปตามหามารดาหรือ” เมื่อจางหงกล่าวเช่นนั้นซือจางจิ้งก็คิ้วกระตุกทันที “ข้าจะไปทำอันใดก็เรื่องของข้า” “ปากดีนักนะ” จางหงไม่พอใจทันที “เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นสตรีจากในเมืองหลวงแล้วก็จะสามารถแต่งงานกับพี่จื่อได้หรือ”ที่แท้ก็มาด้วยเรื่องนี้ “ข้ามีใจให้พี่จื่อมานาน หากไม่มีเจ้าเขากับข้าจะต้องได้ลงเอยกันแน่”

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 3 : จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้ง 1/1

    ตอนพิเศษ[3]จุดจบที่แท้จริงของสือหนิงอ้ายและซือจางจิ้งสตรีที่ผมเผ้าเว้าแหว่งบ้างสั้นบ้างยาว นั่งมองผู้คนผ่านไปมาที่หน้าจวนของตนอย่างเหม่อลอย บางครานางก็มีสติ บางคราก็เลอะเลือนจดจำสิ่งใดไม่ได้ แต่โดยส่วนมากก็ราวกับผู้ที่ผู้คนมองว่าสติไม่ดีผู้หนึ่ง เพราะบางวันนางก็ไปกรีดร้องโวยวายที่หน้าจวนตระกูลโจวที่ยามนี้ประตูหน้าต่างปิดสนิท เพราะถูกเนรเทศทั้งตระกูลเนื่องจากกระทำความผิดทุจริตเงินของทางการ ผู้คนต่างก็มีทั้งสงสาร ที่นางถูกกล้อนผมจนตกอยู่ในสภาพครึ่งผีครึ่งคนจนถูกสามีปลดจากตระกูล บ้างก็สมเพชให้กับชะตากรรมของสตรีที่แย่งคู่หมายของสหายสนิท จนสุดท้ายก็พบจุดจบเช่นนี้ ก็สมควรแล้ว ยามที่นางมีสติ นางก็เอาแต่ถามว่าตนผิดอย่างไร เหตุใดจึงต้องพบพานกับเรื่องราวเหล่านี้ และเมื่อหวนนึงถึงอดีตสหายผู้นั้น....ที่ได้กลายเป็นถึงพระชายาผู้สูงส่งขององค์ชายสามแห่งแคว้นเสวี่ยที่ยิ่งใหญ่ ตนก็เริ่มคิดว่าเรื่องราวเหล่านี้มันผิดพลาดตั้งแต่ที่ใด ซือเฟยฟา เหตุใดเจ้าถึงได้โชคดีนัก ยามสายของวันหนึ่งสือหนิงอ้ายไม่ได้มีสติครบถ้วนเท่าใดนัก นางเอาผ้าคลุมผมและเดินเท้าเปล่าไปตามถนน ในมือถือปิ่นปักผมอันหนึ่ง จิตสั่งการบอ

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 2 : หึงหวง....และยอมรับ

    ตอนพิเศษ[2]หึงหวง....และยอมรับจู่ ๆ ภายใต้ความสงบที่อยู่กับชาวแคว้นอี้มาเนิ่นนานก็ถูกรบกวนจากชาวนอกด่านที่ซ่องสุมกำลังบุกรุกชายแดนทางด้านตะวันออกของแคว้นอี้เพื่อปล้นเสบียงและทรัพย์สินของชาวบ้านรวมถึงมีการยึดพื้นที่ในบางจุดเอาไว้ คล้ายกับว่าพวกมันวางแผนมานานแล้วแน่นอนว่าบิดาของนางก็คือผู้นำทัพหลักที่จะจัดการปัญหาในครั้งนี้ คราแรกนางจะกลับแคว้นอี้เพื่อกลับไปเยี่ยมครอบครัว แต่เมื่อได้ยินข่าวเช่นนี้นางจึงชวนองค์ชายสามไปดูสถานการณ์เพราะเป็นห่วงบิดา องค์ชายสาม แม้ว่าจะเป็นห่วงนางแต่ท้ายที่สุดแล้วก็ยอมตามใจ การเดินทางอันแสนลำบากจึงเริ่มต้นขึ้นแต่เมื่อไปถึงก็ทำให้นางรู้สึกว่าตนตัดสินใจถูก เพราะเพียงแค่เห็นรอยยิ้มของบิดายามที่เห็นนาง นางก็รู้สึกว่าอบอุ่นอยู่ภายในใจ“พระชายา” ซือเว่ยโผเข้าสวมกอดบุตรสาวอย่างโหยหา หลายเดือนแล้วที่อีกฝ่ายไปอยู่ที่แคว้นเสวี่ย แม้ว่าจะมีจดหมายส่งมาตลอด แต่จะเหมือนการพบหน้าได้อย่างไร เมื่อผละอ้อมกอดแล้วก็กันไปทักทายบุตรเขย“องค์ชายสาม”“ท่านพ่อตาเป็นอย่างไรบ้าง” ทันใดนั้นแม่ทัพซือก็รับรู้ถึงบรรยากาศแปลก ๆ เหตุใดองค์ชายสามกล่าวกับเขา แต่สายตากลับมองไปที่บุตรสาวแล

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 1 : เส้นทางสายใหม่ 1/2

    ตอนพิเศษ[1]เส้นทางสายใหม่เมื่อคิดได้เช่นนั้น นางจึงยังไม่อยากถือสาเอาความอันใดเพราะนางก็เพิ่งมาอยู่ที่นี่ จึงได้แต่คิดว่าจะเดินจากไปอย่างเงียบ ๆ แต่เมื่อหันหลัง หนึ่งในสามก็เอ่ยขึ้น“ตายจริง พี่สะใภ้ก็อยู่ที่นี่หรอกหรือนี่ เมื่อครู่ข้ามองไม่เห็นเลย”แหม เชื่อก็บ้าแล้วนางได้แต่ยิ้มกว้างแล้วกล่าวไปว่า “องค์หญิงห้าน่าจะต้องไปตรวจสายตาเสียหน่อย มิเช่นนั้นอาจจะต้องตาบอดตั้งแต่อายุยังน้อยได้” “นี่เจ้าแช่งข้าหรือ” ลี่จูพยายามที่จะสูดหายใจเข้าเพื่อระงับอารมณ์ตนเอง ไม่นานก็ฉีกยิ้มออกมา “ข้าได้ข่าวว่าพี่สะใภ้นั้นเก่งด้านการเอาอกเอาใจผู้อื่น แม้แต่มามาของฮองเฮายังเอ่ยปากชม รองเท้าของพวกข้าเปื้อนนัก เช่นนั้นท่านเช็ดให้พวกข้าได้หรือไม่ พวกข้าคงประทับใจไม่น้อย” กล่าวแล้วก็ทิ้งผ้าลงที่พื้นผืนหนึ่งก่อนจะหันไปหัวเราะกันหนิงอันที่อยู่ด้านหลังเจ้านายได้แต่กำหมัดและก้าวขึ้นมาหนึ่งก้าว หากทั้งสามเหยียดหยามเจ้านายของตนอีกเพียงนิด นางจะไม่ยอมแม้แต่น้อย ตายเป็นตาย แต่ซือเฟยฟาที่รู้ทันจึงได้แต่ส่ายหน้าให้คนของตน“เรื่องที่ต้องให้บ่าวทำเช่นนั้นข้าไม่ถนัด อีกอย่าง...” นางก้าวเข้าไปหาพวกนางหนึ่งก้าว แต่ม

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนพิเศษที่ 1 : เส้นทางสายใหม่ 1/1

    ตอนพิเศษ[1]เส้นทางสายใหม่การเดินทางไปแคว้นเสวี่ยล่าช้าไปถึงสิบวัน เพราะกว่าที่นางจะได้ผ่านช่วงเข้าหอก็ผ่านพ้นไปถึงเจ็ดวัน และจากนั้นกว่าจะเก็บของและเตรียมตัวก็อีกสามวัน นางไม่คิดว่าเขาจะคลั่งรักนางถึงเพียงนั้น เสวี่ยอี้หลินหาใช่มนุษย์ก้อนหินอีกแล้วสำหรับนาง แค่สำหรับนางน่ะนะ แต่สำหรับผู้อื่นก็ยังเป็นเช่นเคย แต่ยิ่งเป็นมากกว่าเดิมหากผู้ใดเข้าใกล้นางมากเกินไป เช่นนี้ยามนี้ที่องค์รัชทายาทชิงจื่อชวนกำลังจะกอดลานาง “อี้หลิน เจ้าจะมากเกินไปแล้วนะ นี่น้องสาวข้า เหตุใดข้าจะกอดไม่ได้”“นางเป็นชายาของข้า” ว่าแล้วก็ผลักสหายออกห่างจากภรรยาของตน ส่งผลให้ชิงจื่อชวนไม่พอใจทันที นางได้แต่ส่ายหัวให้กับการกระทำของทั้งคู่ ก่อนจะเบนสายตาไปมองที่ฮองเฮาและบิดามารดา ทุกคนต่างก็ตาแดงก่ำและเดินเข้ามาหานาง แม้การจะมีการร่ำลากันมาตลอดหลายวัน ก็อดที่จะใจหายไม่น้อย แต่อย่างไรแล้วนางไม่ได้จะจากแคว้นอี้ไปตลอดเสียหน่อย ไม่ช้าไม่เร็วก็ต้องกลับมา จึงได้แต่เข้าสวมกอดทุกคนเพื่อปลอบใจและได้แต่กล่าวว่าจะมาใหม่ กว่าจะร่ำลากันเสร็จก็ใช้เวลาไปมากโข หนิงอันก็เช่นกัน กว่าจะร่ำลาจากท่านยายของตนก็ต้องเสียน้ำตาไปมากเช่นกัน บร

  • เป็นนางร้ายกลับใจไม่ได้ง่ายถึงเพียงนั้น   ตอนที่ 54 : พระชายาคนงามของพี่ (ตอนจบ)

    ตอนที่[36]พระชายาคนงามของพี่ในที่สุดวันมงคลที่สุดยิ่งใหญ่ของแคว้นอี้ในปีนี้ก็มาถึง ทั้งในวังหลวงและในเมืองต่างก็ประดับผ้าแดง โดยเฉพาะในเมืองหลวง ยังมีการทำอาหารแจกชาวบ้านอยู่หลายจุด วันนี้จึงเป็นที่คึกคักและเต็มไปด้วยความสุขกันอย่างถ้วนหน้า คนสำคัญของตระกูลซือต่างก็ไปเตรียมตัวอยู่ในวังหลวงกันทั้งหมด ซือฮูหยินและแม่นมถังต่างก็น้ำตารื้นเมื่อเห็นสตรีงดงามตรงหน้า ที่อดีตเป็นเพียงเด็กตัวเล็กที่พวกนางต่างก็ช่วยกันเลี้ยงดู ในยามนี้กำลังจะแต่งงานทั้งจะกลายเป็นพระชายาเสียแล้ว ซือเฟยฟาเปลี่ยนไปมาก จนไม่น่าเชื่อว่าทุกอย่างจะมาอยู่จุดนี้ได้ เดิมทีหากเป็นในอดีต ต้องโทษพวกนางที่เลี้ยงซือเฟยฟาให้กลายเป็นคนที่ผู้ใดก็ไม่อยากเข้าใกล้เช่นนั้น แต่ยามนี้กลับไม่ใช่เช่นนั้นแล้ว เห็นทีเบื้องบนยังคงเอ็นดูพวกนางคงจึงได้มีเรื่องที่ดีเช่นนี้เกิดขึ้น “พวกท่านทั้งเดี๋ยวยิ้ม เดี๋ยวร้องไห้ เหล่าช่างกลัวกันหมดแล้วเจ้าค่ะ” ซือเฟยฟาเอ่ยเย้าทั้งคู่ ส่งผลให้ทั้งคู่ต่างก็ส่งสายตาคาดโทษไปให้ทันที แม้จะเป็นเช่นนั้นก็มีความภูมิใจส่งผ่านสายตาของทั้งคู่ไปด้วย ‘นี่น่าจะเป็นเจ้าสาวที่งดงามที่สุดที่พวกนางเคยพบเจอมา’ที่จริง

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status