ชนินทร์เดินออกจากห้องของเมฆินทร์ด้วยหลากหลายความรู้สึกทั้งโล่งใจและดีใจหลุดพ้นจากเจ้าหนี้ แต่มันก็ตามด้วยความรู้สึกก็เจ็บปวดกับการตัดสินใจที่ต้องแลกด้วยอนาคตของลูกสาว เขายังไม่รู้ว่าจะบอกชนัญชิดาเรื่องนี้ได้อย่างไร แต่ก็คิดว่าชนัญชิดาจะต้องเข้าใจและยอมรับว่าเขาเองก็ไม่มีทางเลือก
เขานั่งแท็กซี่ออกจากบริษัทและมารอลูกสาวที่หอพักระหว่างนั้นก็พยายามคิดหาคำพูดและคำอธิบายเพื่อให้เธอยอมทำตาม
หลังจากเลิกเรียนและไปนั่งติวหนังสือกับเพื่อนๆ แล้วชนัญชิดากลับมาถึงห้องพัก วันนี้เธอรู้สึกเหนื่อยล้าจากการเรียนและการใช้ชีวิตที่วุ่นวาย เมื่อเปิดประตูห้องเข้าไป ก็ต้องตกใจเมื่อเห็นบิดานั่งรออยู่ในห้อง
“พ่อมาได้ไงคะ” ชนัญชิดาถามด้วยความตกใจ ปกติบิดาไม่ค่อยมาหาเธอที่หอพักบ่อยนักหรือถ้าจะมาก็โทรมาบอกก่อนทุกครั้ง
ชนินทร์หันมามองลูกสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด เขาพยายามยิ้มให้เธอ แต่รอยยิ้มนั้นกลับดูฝืนและเจ็บปวด
“หนูกินอะไรมาหรือยัง”ชนินทร์ถามอย่างเป็นห่วง
“หนูกินมาแล้วค่ะ พ่อล่ะคะ”
“พ่อก็กินมาแล้ว วันนี้เหนื่อยไหม”
“ก็เหนื่อยค่ะ แต่คงไม่เท่าพ่อหรอกค่ะ นี่พ่อตั้งใจมาหาหนูหรือมาทำงานคะ”
“พ่อมาติดต่องานที่สำนักงานใหญ่ก็เลยแวะมาหา”
“หนูไม่รู้ว่าพ่อจะมาเลิกเรียนแล้วก็เลยอยู่ติวกับเพื่อนค่ะ ถ้าพ่อบอกก่อนเราคงไปหาอะไรกินด้วยกัน พ่อจะค้างที่นี่ไหมเดี๋ยวหนูจัดที่นอนให้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร พ่อว่าจะคุยกับหนูแล้วก็รีบกลับ”
“นี่มันค่ำแล้วจะมีรถเหรอคะ”
“มีสิลูก”
“พ่อมีอะไรจะคุยกับหนูเหรอคะ หน้าเครียดเชียวหรือว่าช่วงนี้งานหนักค่ะ พ่อดูเหนื่อยๆ พ่ออดทนอีกนิดนะคะถ้าหนูเรียนจบแล้วหนูจะช่วยพ่อหาเงินเองค่ะ” ชนัญชิดาพูดไปยิ้มไปอย่างมีความหวังเพราะอีกไม่นานเธอก็จะเรียนจบแล้ว
“มะปรางหนูฟังพ่อนะ”
ชนัญชิดารู้สึกถึงความผิดปกติในน้ำเสียงของพ่อ เธอเดินเข้ามานั่งลงข้างๆ
“มีอะไรคะพ่อ ดูพ่อไม่ค่อยสบายใจเลย”
ชนินทร์ถอนหายใจลึกๆ ก่อนจะเล่าเรื่องที่เขาไปก่อหนี้พนัน และถูกคุณชายชาญทวงหนี้และขู่ว่าจะจับตัวเธอไปใช้หนี้ก่อนจะบอกว่าเขาไปขอความช่วยเหลือจากเจ้านายของเขาที่ชื่อเมฆินทร์ และเสนอตัวเธอให้กับเมฆินทร์แลกกับเงินเจ็ดแสนบาท
“พ่อ....พ่อทำแบบนี้ได้ยังไงคะ พ่อเอาชีวิตหนูไปแลกกับเงินได้ยังไง” ชนัญชิดาตะโกนเสียงสั่น
เมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมดชนัญชิดารู้สึกเหมือนโลกทั้งใบถล่มลงมาตรงหน้า หญิงสาวรู้สึกโกรธ เจ็บปวดและผิดหวังมากที่บิดาทำเหมือนกับเธอเป็นสิ่งของที่จะยกให้ใครก็ได้
“มะปราง พ่อขอโทษ พ่อไม่มีทางเลือกจริงๆ พ่อกลัวว่าจะถูกพวกมันทำร้าย” ชนินทร์น้ำตาคลอเบ้าน้ำเสียงเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
“แล้วชีวิตหนูล่ะคะพ่อ หนูจะต้องไปเป็นนางบำเรอของคนอื่น พ่อคิดถึงใจลูกบ้างไหม” ชนัญชิดาถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ
“พ่อรู้ว่าพ่อผิดต่อหนูมาก แต่พ่อไม่รู้จะทำยังไงแล้วจริงๆ พ่อจนมุมไปหมดแล้ว เสี่ยมันขู่ว่าจะมาเอาตัวหนูไปใช้หนี้” ชนินทร์สะอื้น
“พ่อก็เลยให้หนูไปเป็นนางบำเรอของเจ้านายพ่อ มันก็ไม่ต่างกันเลยนะ”
“ถ้าฟังแล้วมันอาจไม่ต่างกันแต่อย่างน้อยคุณเมฆินทร์เขาก็ไม่เหมือนเสี่ยชายชาญ เพราะเสี่ยนั่นคงเอาหนูไปขายต่อถ้าเบื่อแล้ว”
“ทุกคนทำเหมือนหนูเป็นสิ่งของเลยนะคะ” ชนัญชิดาพูดแล้วหัวเราะกับชีวิตของตนเอง ชนัญชิดาพยายามควบคุมอารมณ์ เธอรู้สึกผิดหวังในตัวพ่ออย่างที่สุด แต่ก็รู้ว่าการโวยวายไปก็ไม่มีอะไรดีขึ้น
“ไม่ใช่แบบนั้นนะมะปราง”
“พ่อคะ หนูว่าเราขอผ่อนผันเขาดีไหม อีกไม่ถึงสองปีหนูก็จะเรียนจบแล้วนะคะ ถ้าหนูเรียนจบมีงานทำเราก็จะมีเงินใช้หนี้”
“พ่อลองมาหมดแล้ว เขาผ่อนผันให้อีกไม่ได้แล้ว และวันนี้พ่อก็เอาเงินของคุณเมฆินทร์มาแล้วด้วย”
“พ่อ.....” หญิงสาวจุกจนไม่รู้จะพูดอะไรต่อ
“มะปราง พ่อรู้ว่าหนูลำบากใจและผิดหวังในตัวพ่อ แต่คุณเมฆินทร์เขารับปากว่าจะให้หนูเรียนจนจบ”
“แต่หนูไม่อยากเป็นเมียน้อยใคร”
“เขายังไม่มีเมีย”
“งั้นจะเรียกเด็กเสี่ย นางบำเรอดีล่ะ หรือว่าจะเรียกว่าโสเภณีดีล่ะพ่อ แต่หนูว่าทุกคำเรียกไม่ต่างกันเลยนะคะยังไงหนูก็ต้องขายศักดิ์ศรีเพื่อไปนอนกับเขา” ชนัญชิดาน้อยใจในชีวิตของตนเอง
ชนินทร์เงยหน้าขึ้นมองลูกสาวด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวังและรู้สึกผิด
“พ่อขอร้องนะมะปราง ถ้าหนูไม่ยอม พ่อคงไม่มีชีวิตอยู่แล้ว"
ชนินทร์หยิบมีดพกขนาดเล็กที่ซ่อนไว้ในกระเป๋าเสื้อขึ้นมาจ่อที่คอตัวเอง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความจริงจังและเจ็บปวด
“พ่ออย่าทำแบบนั้นนะคะ”
“พ่อไม่มีทางเลือกจริงๆ มะปรางพ่อขอโทษนะ”
ชนัญชิดาตกใจและนึกไม่ถึงว่าบิดาจะทำแบบ แม้จะโกรธและเสียใจแค่ไหน แต่เธอก็ไม่อาจปล่อยให้บิดาต้องตายต่อหน้าต่อตาได้
“พ่อ! อย่าทำอะไรบ้าๆ นะคะ” ชนัญชิดารีบเข้าไปคว้าแขนบิดาไว้อย่างรวดเร็ว
ความกลัวว่าบิดาจะทำร้ายตัวเองทำให้ชนัญชิดาต้องยอมจำนน เธอไม่มีทางเลือกอื่นแล้วจริงๆ
“พ่อหนูยอมแล้ว หนูยอมช่วยพ่อแล้ว” ชนัญชิดาพูดด้วยน้ำเสียงที่ยอมแพ้ หัวใจของเธอแตกสลาย
“ขอบใจนะลูก...ขอบใจจริงๆ” ชนินทร์ยิ้มออกมาทั้งน้ำตา
เย็นวันเสาร์ชนัญชิดาเลือกชุดเดรสสีครีมอ่อนเพื่อใส่ไปทานข้าวกับเมฆินทร์เขาบอกเธอว่าจะขอไปจัดการธุระก่อนและให้เธอแต่งตัวรอเมื่อถึงเวลานัดชายหนุ่มก็ขึ้นมารับเธอบนห้อง เขามองแล้วยิ้มอย่างพอใจที่คนรักของเขาสวยเสมอไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหน“หนูสวยมาก”“ขอบคุณค่ะ พี่เมฆก็หล่อมากเหมือนกันค่ะ” เธอยิ้มก่อนจะเดินไปควงแขนเขาออกมาจากห้องเมฆินทร์พาไปยังร้านอาหารฝรั่งเศสบนโรงแรมหรูใจกลางเมือง บรรยากาศภายในร้านเงียบสงบ เหมาะสำหรับการดินเนอร์ใต้แสงเทียนอย่างแท้จริง“อร่อยไหม”“อร่อยค่ะ” หญิงสาวทานอาหารอย่างมีความสุขค่ำนี้เมฆินทร์ดูแลเธออย่างดี เขาเล่าเรื่องการไปทำงานที่จีนให้เธอฟังและคิดว่าช่วงปิดเทอมจะพาเธอไปเที่ยวเพราะตอนนี้ชนัญิดาก็เริ่มเข้าใจภาษาจีนมากแล้วตอนนี้ความสัมพันธ์ของพวกเขาพัฒนาไปไกลเกินกว่าที่เธอเคยจินตนาการไว้มาก จากที่เคยคิดว่าตัวเองเป็นเพียงนางบำเรอที่คอยปรนนิบัติเขาเธอกลับได้รับความรักจากเขาทั้งที่เขาเคยบอกว่าจะไม่รักใครอีก“พี่เมฆจะพาหนูไปไหนคะ” หญิงสาวถามเมื่อเส้นทางไม่ใช่ทางกลับคอนโดเหมือนทุกครั้ง“พี่จะพาหนูไปคอนโดพี่”“จริงเหรอคะ” ชนัญชิดาดีใจเพราะเขาไม่เคยพาเธอมาเลยสักครั้งและก่
ชนัญชิดาเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาฉ่ำปรือ เธอไม่เข้าใจความหมายที่เขาพูดเท่าไหร่ แต่เมฆินทร์ไม่ต้องการให้เธอปรนเปรอเขาเพียงฝ่ายเดียวอีกต่อไป แต่ต้องการให้พวกเขาทั้งคู่ได้แบ่งปันความสุขไปพร้อมๆ กันขณะที่หญิงสาวยังงงอยู่เขาก็ยกเธอขึ้นหมุนตัวกลับให้ใบหน้างามจ่ออยู่ตรงแก่นกาย หญิงสาวเข้าใจแล้วว่าเขาหมายถึงอะไร มือเล็กและปากอิ่มก็ทำหน้าที่อีกครั้งหญิงสาวครางอยู่ในลำคอเมื่อกลีบกุหลาบของตนเองถูกปากร้อนของชายหนุ่มก้มลงดูดกินอย่างกระหาย ทั้งปากและลิ้นทำงานได้ดีจนเธอสั่นสะท้าน เมฆินทร์ส่งนิ้วร้อนเข้าไปในโพรงถ้ำกดย้ำจุดอ่อนไหวเป็นจังหวะอย่างกระตุ้นอารมณ์พร้อมกับลิ้นร้อนที่ตวัดเลียเกสรสีสวยอย่างไม่มีพัก“อื้อ...”เสียงหวานครางเล็ดลอดออกมาขณะที่ปากเล็กก็ดูดกินแท่งร้อนเข้าไปจนลึก มือรูดรั้งลิ้นตวัดเลียวน หญิงสาวปรนเปรอเขาอย่างเต็มที่ ช่วงที่เมฆินทร์ไม่อยู่หญิงสาวเปิดคลิปวิดีโอดูอยู่หลายครั้ง เธอจดจำและนำมาใช้กับผู้ชายที่เธอรักอย่างสุดหัวใจความเสียวซ่านจากนิ้วยาวและปลายลิ้นร้อนที่เขามอบให้กระตุ้นให้ชนัญชิดาทำหน้าที่ของตนเองได้เป็นอย่างดี“อื้อ......”ในที่สุดชนัญชิดาก็สุขสมไปอีกครั้ง ร่างเธอกระตุก ร่
เมฆินทร์อยู่ทำงานต่อที่จีนอีกสองวันจากนั้นเขาก็จะว่างวันเสาร์และอาทิตย์เพราะมีบริษัทคู่ค้าบริษัทหนึ่งเลื่อนไปเจอเขาวันจันทร์ชายหนุ่มจึงตัดสินใจโทรไปคุยกับบริษัทคู่ค้า และแจ้งว่าในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ เขาจะให้วีรชัยผู้ช่วยของเขาเป็นคนไปเจรจาทุกอย่างแทน ส่วนตัวเขาจะอยู่ที่เมืองไทยและใช้การวิดีโอคอลเข้าร่วมประชุมแทน เนื่องจากเขามีธุระสำคัญที่ต้องมาจัดการที่เมืองไทย“นายจัดการเรื่องนี้ได้ใช่ไหมชัย”“ได้ครับ คุณเมฆินทร์ไม่ต้องเป็นห่วงผมจัดการได้สบายมาก ผมเลื่อนตั๋วเครื่องบินให้เรียบร้อยแล้วนะครับ ส่วนรายละเอียดส่งให้เข้าเมลแล้วนะครับ”“ขอบใจมากนะ ถ้านายทำงานเสร็จแล้วจะอยู่เที่ยวอีกสักหน่อยก็ได้ฉันไม่ว่าอะไรหรอก”“คงไม่ล่ะครับผมเองก็อยากกลับไปหาแฟนผมเหมือนกัน” เขาพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์เพราะเข้าใจว่าที่เมฆินทร์รีบกลับก็คงจะไปหาชนัญชิดาเมฆินทร์ไม่ตอบอะไร เพียงแต่ยิ้มมุมปาก เขารู้ว่าวีรชัยเข้าใจดีว่าเหตุผลที่แท้จริงที่เขารีบร้อนกลับเมืองไทยคืออะไรชายหนุ่มเก็บข้าวของใช้ส่วนตัวลงกระเป๋าเดินทางอย่างรวดเร็ว หัวใจของเขาเต้นรัวด้วยความตื่นเต้นและความคิดถึงหญิงสาวอย่างสุดหัวใจ การห่างกันแบบนี้มันไม
วางสายจากรัชนีกรแล้ววีรชัยก็เดินกลับมาหาเจ้านายที่บริเวณห้องรับแขกของห้องพักซึ่งตอนนี้เมฆินทร์กำลังนั่งดูเอกสารที่จะคุยกับลูกค้าในช่วงบ่ายอยู่“เรียบร้อยแล้วใช่ไหมชัย” เขาเงยหน้ามาถาม“ครับ คุณนิดส่งให้แล้วทุกอย่างโอเค คุณเมฆินทร์ครับพอจะมีเวลาว่างคุยอะไรกับผมแป๊บหนึ่งได้ไหม” วีรชัยนั่งลงตรงข้ามและถามอย่างจริงจัง“ว่ามาสิ วันนี้สบายๆ นะไม่ได้ยุ่งอะไรมาก มีอะไรเหรอ”“คือเรื่องที่ผมจะถามคุณเมฆินทร์มันไม่ใช่เรื่องงานนะครับ ผมต้องขอโทษถ้ามันจะเป็นการยุ่งเรื่องส่วนตัวของคุณมากไปหน่อย”“ทำไมพูดจากำกวมแบบนั้นล่ะชัย มีอะไรก็พูดมาเราทำงานด้วยกันมานานฉันก็เห็นว่านายเป็นเหมือนเพื่อนคนหนึ่งนั่นแหละ”“คุณเมฆินทร์ครับ วันก่อนที่เราไปทานอาหารแล้วบังเอิญเจอคุณปลายฟ้า”เมื่อได้ยินชื่อปลายฟ้าเมฆินทร์ก็เงยหน้าขึ้นมองและไม่เข้าใจว่าวีรชัยกำลังจะพูดอะไรกันแน่“ใช่ นายมีอะไรหรือเปล่า”“แล้วคุณเมฆินทร์ได้ส่งรูปไปให้คุณมะปรางใช่ไหม”“ฉันส่งรูปบรรยากาศวันนั้นไปให้แล้วก็เผลอส่งรูปปลายฟ้าไปด้วยแต่ฉันก็ลบแล้วนะ”“แต่คุณเมฆินทร์ลบหลังจากที่เธออ่านแล้วใช่ไหม”“ฉันก็ไม่แน่ใจเหมือนกันแต่ฉันว่าส่งไปแล้วก็รีบกดยกเลิกน
เมฆินทร์ยังโทรศัพท์มาหาชนัญชิดาอย่างเคยหญิงสาวไม่ได้ถามเขาถึงเรื่องของผู้หญิงที่ชื่อปลายฟ้าเพราะเธอกลัวว่าการทะเลาะกันระหว่างที่อยู่ห่างแบบนี้จะทำให้ทั้งเธอและเขาเข้าใจผิดกันไปมากยิ่งขึ้น เธอจะรอให้เมฆินทร์กลับมาที่เมืองไทยแล้วถึงจะสอบถามเรื่องนี้กับเขาอีกครั้งหญิงสาวยังคงคุยกับเขาตามปกติบอกรักเขา บอกคิดถึงเขาเหมือนกับทุกครั้งที่เขาโทรมา“มะปรางมีอะไรไม่สบายใจหรือเปล่าทำไมฉันรู้สึกว่าน้ำเสียงเธอดูไม่ดีเลย” เมฆินทร์ถามอย่างเป็นห่วง“ไม่มีอะไรหรอกค่ะคุณเมฆ หนูก็คิดถึงคุณเมฆนั่นเลยค่ะ คุณเมฆไปตั้งสิบวันแล้วนะคะ”“ได้ยินแบบนี้ฉันอยากรีบบินกลับไปหาเธอตอนนี้เลยนะมะปราง”“คุณเมฆอย่าทำแบบนั้นนะคะ ถ้าคุณเมฆทำหนูต้องรู้สึกผิดมากๆ เลยค่ะ ที่ทำให้คุณเมฆเสียงาน อีกแค่สี่วันเองนะคะแล้วเราก็จะเจอกัน” เธอปลอบใจตัวเองว่ามันเหลือเวลาอีกไม่นาน“ฉันไม่แน่ใจน่ะสิ ว่าจะได้กลับตามกำหนดหรือเปล่า” เขารู้สึกผิดที่อาจกลับไปหาเธอไม่ตรงตามเวลาที่บอกไว้“งานมีปัญหาเหรอคะคุณเมฆ”“งานไม่มีปัญหาหรอก แต่ลูกค้าเลื่อนนัดออกไปฉันอาจจะกลับช้ากว่าเดิมสักสองวันได้ไหม ฉันรู้ว่าเธอต้องคิดถึงฉันมาก ฉันก็ไม่ต่างจากเธอหรอกนะมะป
เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์ชนัญชิดายังคงใช้ชีวิตในแต่ละวันด้วยการไปฝึกงานอย่างตั้งใจ เมฆินทร์โทรหาเธอทุกวันตามที่สัญญาไว้ แต่บางครั้งเวลาที่คุยกันก็สั้นลง เนื่องจากเขาต้องจัดการเรื่องงานมากมายที่ประเทศจีนแม้เขาจะโทรหาเธอทุกวันแต่ชนัญชิดากลับรู้สึกคิดถึงเขามากขึ้นทุกทีความเหงาเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะอย่างยิ่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ที่เธอต้องอยู่คนเดียวที่คอนโดวันนี้เป็นวันเสาร์ชนัญชิดาตื่นขึ้นมาด้วยความรู้สึกว่างเปล่า เมื่อไม่มีเมฆินทร์อยู่ข้างๆ เหมือนที่เคยเป็นมาตลอดเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูอย่างเหม่อลอยไม่นานนัก ข้อความไลน์จากเมฆินทร์ก็เด้งขึ้นมาหญิงสาวรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาทันทีเมฆินทร์: วันนี้ฉันออกไปทานข้าวกับลูกค้าที่นี่นะหลังข้อความนั้นเมฆินทร์ก็ส่งรูปถ่ายมาให้เธอหลายรูป รูปถ่ายส่วนใหญ่เป็นรูปที่เขานั่งอยู่กับลูกค้าชาวจีนในร้านอาหารหรูแห่งหนึ่ง รูปถัดมาเป็นรูปอาหารที่ดูน่าอร่อย และอีกรูปหนึ่งเป็นรูปที่เมฆินทร์กำลังยิ้มกว้างอยู่ข้างๆ ผู้หญิงคนหนึ่งที่สวยมากชนัญชิดาไล่ดูรูปทั้งหมดอย่างละเอียด เธอเซฟเก็บไว้ทุกรูป เพราะตั้งใจว่าจะเอาไว้ดูเวลาที่คิดถึงเขา เธอซูมดูรูปที่เมฆินทร์อยู่กับผู้หญิงคน