เมฆินทร์มองหน้าชนินทร์แต่เขาก็ก้มหน้าหลบสายตาตลอดเลยทำให้เขาเริ่มจะหงุดหงิด
“ตกลงมันเรื่องอะไร ถ้าไม่พูดผมจะทำงานต่อ”
“เอ่อ....คือ...ผมติดหนี้พนันครับคุณเมฆินทร์” ชนินทร์สารภาพเสียงเบาหวิว
“แล้วเกี่ยวกับผมยังไง” เมฆินทร์ไม่ต้องเดาให้เสียเวลาเลยว่าเขาคงมาขอเงินเพื่อใช้หนี้อย่างแน่นอน เขาเจอเรื่องแบบนี้มาบ่อยแล้วจากพนักงานคนอื่นๆ
“คือผมอยากขอยืมเงินคุณเมฆินทร์ไปใช้หนี้ครับ”
“แล้วคุณเป็นหนี้เขาอยู่เท่าไหร่ คงมากพอสมควรสินะถึงได้มาหาผมถึงที่นี่” เขาส่ายศีรษะอย่างเอือมระอาเพราะชนินทร์ไม่ใช่คนแรกที่มาของยืมเงินจากเขา
“เจ็ดแสนบาทครับ” ชนินทร์ติดหนี้บ่อนห้าแสนส่วนอีกสองแสนเป็นหนี้จากเงินกู้นอกระบบที่เขาไปยืมมาเล่นพนันที่บ่อน
“อะไรนะ ทำไมมันถึงมากขนาดนั้นล่ะ ผมคงช่วยไม่ได้หรอกนะ มันมากเกินไป ที่ผ่านมาก็มีคนมาขอยืมเงินผมนะ แต่ไม่มีใครมาขอยืมเยอะขนาดนี้”
“ตอนนี้คุณเจ้าหนี้ตามทวงหนักมาก”
“ที่มาบอกผมถึงที่นี่เพราะคิดว่าผมจะให้เงินคุณยืมมากขนาดนั้นเหรอ ตอนนี้คุณก็อายุมากแล้วถ้าหักหนี้จากเงินเดือนก็คงอีกนานกว่าจะหมดหนี้เผลอๆ คุณคงทำงานไม่ไหวก่อนหนี้จะหมด” เมฆินทร์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาเพราะมองไม่ออกเลยว่าจะได้เงินคืนหรือเปล่า
“ไม่ครับ ไม่ใช่แบบนั้น” ชนินทร์รีบปฏิเสธ
“ถ้าไม่ใช่แล้วมาบอกผมทำไมล่ะ”
“คือผมมีข้อเสนอ”
“ข้อเสนออะไร” เมฆินทร์นึกไม่ออกว่าจะมีข้อเสนออะไรเพราะที่ฟังมาเขาก็แค่ต้องการเงินถ้าไม่มาขอยืมแล้วจะมาทำไม
ชนินทร์เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะรวบรวมความกล้าพูดสิ่งที่เขาตั้งใจมาทั้งหมด
“ผมมีลูกสาวคนหนึ่งครับคุณเมฆินทร์ เธอเรียนอยู่ปีสามเธอสวย เรียบร้อยและไม่เคยคบผู้ชายคนไหนมาก่อนเลยครับ”
เมฆินทร์เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติในบทสนทนาของชนินทร์
“คุณกำลังจะพูดอะไรกันแน่” เมฆินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่แข็ง
“ผมขอเสนอเธอให้คุณเมฆินทร์ เพื่อแลกกับการช่วยใช้หนี้ให้ผม แล้วเธอจะเป็นของคุณเมฆินทร์ เธอจะยอมทำทุกอย่างที่คุณต้องการครับ”
เมฆินทร์ชะงักไปเล็กน้อย ดวงตาคมกริบจ้องมองชนินทร์อย่างพิจารณาแม้จะเคยได้ยินเรื่องราวแปลกๆ มามาก แต่การที่พ่อคนหนึ่งจะเสนอขายลูกสาวของตัวเองแบบนี้ มันก็เกินความคาดหมายของเขาไปมาก
“คุณกำลังจะขายลูกสาวตัวเองงั้นเหรอ” เมฆินทร์ถามด้วยน้ำเสียงที่แฝงด้วยความรังเกียจเล็กน้อย
“ผมไม่มีทางเลือกแล้วครับ เจ้าหนี้เขาโหดมาก เขาขู่จะเอาลูกสาวผมไปใช้หนี้ เอาไปเป็นนางบำเรอ” ชนินทร์เสียงสั่นเพราะกลัวว่าคนพวกนั้นจะมาพาตัวลูกสาวเขาไปจริง อีกแค่ปีเดียวชนัญชิดาก็จะเรียนจบแล้วถึงตอนนั้นเขาก็จะหมดห่วง
“คุณก็เลยจะยกลูกสาวให้ผมแทนอย่างนั้นเหรอ มันไม่ต่างกันหรอกนะ เพราะไม่คิดจะแต่งงานหรือคบกับใครจริงจัง อย่างมากเธอก็เป็นได้แค่นางบำเรออย่างที่คุณพูดนั่นแหละ”
“ผมรู้ผมไม่ได้หวังว่าคุณเมฆินทร์จะยกย่องลูกสาวผมหรอกนะครับ คุณจะให้เธออยู่ในสถานะอะไรก็ได้ขอแค่ให้เธอยังได้เรียนจนจบแค่นั้นเอง ถ้าคุณเมฆินทร์ไม่ช่วย ผมก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วครับ” ชนินทร์ตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
แม้ที่ผ่านมาเมฆินทร์จะชอบเลี้ยงเด็กนักศึกษาไว้แต่จำนวนเงินก็ไม่มากขนาดนี้ อีกอย่างเด็กของเขาแต่ละคนก็ทั้งสวยและเซ็กซี่มากแต่เขาไม่รู้เลยว่าลูกสาวของชนินทร์หน้าตาเป็นยังไง
เมฆินทร์ถอนหายใจยาว เขารู้สึกรำคาญใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่ได้สนใจที่จะปฏิเสธในทันที เขาไม่ได้ต้องการเด็กมาปรนนิบัติอะไรมากมายนักเพราะตอนนี้ก็มีอยู่แล้วแต่เขาก็เห็นแก่ที่ชนินทร์เป็นพนักงานเก่าแก่คนหนึ่งที่ซื่อสัตย์พอสมควร
ชนินทร์เห็นเมฆินทร์นิ่งไปก็กลัวว่าเขาจะไม่สนใจข้อเสนอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเปิดรูปลูกสาวให้เขาดู
“นี่ลูกสาวผมครับเธอชื่อมะปราง”
ชายหนุ่มรับมาดูแล้วกระตุกยิ้มก่อนจะกลับมาทำหน้านิ่งเหมือนเดิม
“ก็ดูสวยดีนี่”
“ไม่ใช่แค่สวยนะครับ เธอเซ็กซี่มากด้วย มะปรางเคยทำงานพิเศษเป็นพริตตี้ด้วยนะครับคุณเมฆินทร์” ชนินทร์รีบอวดลูกสาวเพราะกลัวว่าชายหนุ่มจะไม่ช่วย
“แต่....”
“ผมขอร้องนะครับคุณเมฆินทร์ ถ้าคุณไม่ช่วยไอ้เสี่ยเจ้าหนี้ผมมันจะเอาลูกสาวผมไป ผมว่าให้มะปรางเป็นนางบำเรอของคุณคนเดียวดีกว่า เพราะไอ้เสี่นนั่นถ้ามันเบื่อใครแล้วมันก็จะยกเธอให้คนอื่นหรือไม่ก็เอาไปส่งให้แม่เหล้า” คุณชนินทร์ขอร้องทั้งน้ำตาเพราะตอนนี้เขาหมดหนทางแล้วจริงๆ
“ผมจะช่วยก็ได้ แต่ผมมีข้อแม้นะ”
“ข้อแม้อะไรผมยอมทุกอย่างเลยครับ” ชนินทร์เงยหน้าขึ้นมองเมฆินทร์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความดีใจ ไม่ว่าเมฆินทร์จะมีข้อแม้อะไรแต่ถ้าเขาช่วย ชนินทร์ก็จะยอมทุกอย่าง
“ลูกสาวคุณจะต้องมาอยู่ภายใต้การดูแลของผม และทำตามที่ผมสั่งทุกอย่าง” เมฆินทร์พูดเสียงเย็น
"ได้ครับ มะปรางจะต้องทำตามที่คุณเมฆินทร์สั่งทุกอย่างแน่นอนครับ” ชนินทร์ตอบรับอย่างรวดเร็ว
“พรุ่งนี้ให้เธอมาพบผมที่บริษัท” เมฆินทร์สั่ง
“ขอบคุณมากครับคุณเมฆินทร์ ขอบคุณจริงๆ ครับ”
เมฆินทร์พยักหน้าก่อนจะเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรออกหาเลขาฯ
“โอนเงินเจ็ดแสนบาทเข้าบัญชีชนินทร์ พนักงานสาขาภาคอีสานให้ผมด้วยนะ ลงบันทึกว่าผมเอาไปใช้ส่วนตัว”
“ผมจัดการเรื่องเงินให้แล้ว ผมหวังว่าพรุ่งนี้จะเจอลูกสาวคุณที่นี่ ถ้าไม่ทำตามสัญญาผมจะทำให้ทั้งคุณและลูกสาวได้รับผลกรรมอย่างแน่นอน”
“ผมไม่มีทางผิดสัญญาอย่างเด็ดขาดขอบคุณมากนะครับ” ชนินทร์ยกมือไว้ด้วยความขอบคุณและความทราบซึ้งใจที่เขาช่วยเหลือ
“เสร็จธุระแล้วคุณกลับไปได้ ผมมีงานต้องทำต่อ”
รถเอสยูวีสีดำแล่นไปตามถนนมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถอีกครั้งชนัญชิดาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทอดสายตาไปยังความมืดมิดของสองข้างทาง ภาพสายตาของคนในร้านขายของชำยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเธอพยายามจะลืมแต่มันก็ยากมากเมฆินทร์เหลือบมองหญิงสาวข้างกายเป็นพักๆ เขาสังเกตเห็นแววตาที่หม่นหมองและไหล่ที่ลู่ลงเหมือนคนสิ้นหวัง ชายหนุ่มรู้สึกเห็นใจที่เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะบิดาของเธอ“แวะกินข้าวกันก่อน เธอคงยังไม่ได้กินอะไร”“แต่หนูไม่หิวค่ะ”“แต่ฉันหิวนี่ ถ้าไม่กินคงขับรถไม่ถึงกรุงเทพแน่ๆ”“ก็ได้ค่ะ”ชนัญชิดาไม่ได้รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย แต่พอเขาบอกว่าหิวเธอก็ยอมทำตาม หญิงสาวเดินลงจากรถตามเมฆินทร์เข้าไปในร้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายเมฆินทร์สั่งอาหารให้เธอหลายอย่าง สปาเก็ตตี้ สเต๊กปลา สเต๊กเนื้อและสลัดผักเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เมฆินทร์ก็คะยั้นคะยอให้เธอกิน“กินเยอะๆ จะได้มีแรง”ชนัญชิดาหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารเข้าปากช้าๆ รสชาติอาหารไม่ได้ถูกปากเธอเท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เพิ่งเจอมาทำให้ทุกอย่างดูจืดชืดไปหมด“ทำไมกินน้อยจังไม่อร่อยเหรอ”“เปล่าค่ะ หนูไม่ค่อยหิว”“กินอีกนิดนะ ก
ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของวันชนัญชิดาใช้เวลาอยู่กับบิดา เธอเล่าเรื่องการเรียนให้ท่านฟัง โดยพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องของเมฆินทร์และชีวิตที่คอนโด ชนินทร์เองก็ดูเหมือนจะพยายามทำตัวเป็นพ่อ เขาชวนเธอคุยเรื่องต่างๆ พยายามสร้างบรรยากาศให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ชนัญชิดาก็ยังคงอดเป็นห่วงบิดาไม่ได้ เธอสังเกตเห็นแววตาที่ยังคงมีความกังวลแฝงอยู่ และมือของท่านที่บางครั้งก็เผลอไปลูบไล้กระเป๋าเงินโดยไม่รู้ตัว มันทำให้เธอรู้ว่าบางทีบิดาของเธออาจจะยังไม่ได้เลิกเล่นพนันอย่างเด็ดขาดในช่วงค่ำหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ชนัญชิดาก็ตัดสินใจที่จะคุยเรื่องนี้กับบิดาอย่างจริงจัง“พ่อคะ พ่อเลิกเล่นพนันแล้วใช่ไหมคะ”“พ่อ...พ่อก็พยายามอยู่นะลูก” ชนินทร์ตอบด้วยสีหน้าเครียด“พยายามหมายความว่ายังไงคะ พ่อยังไปเล่นอยู่ใช่ไหม” ชนัญชิดาตกใจกับคำตอบที่ได้รับจากบิดา“นิดๆ หน่อยๆ เองลูก ไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”ชนินทร์หลบสายตาของลูกสาว“พ่อคะ หนูไม่อยากให้พ่อต้องไปพัวพันกับเรื่องแบบนี้อีกแล้วนะคะ ครั้งนี้พ่อเอาหนูไปขายให้เจ้านายของพ่อแล้วครั้งต่อไปพ่อจะเอาอะไรไปขายอีกล่ะคะ” เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสี
“ตกลงค่ะ หนูจะรีบไปรีบกลับนะคะ” หญิงสาวดีใจที่เขาอนุญาตแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เธอก็ดีใจมาก“แล้วนั่นจะรีบไปไหน” เขาถามเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่าทางเศร้าเมื่อครู่มันหายไปแล้ว ชนัญชิดายิ้มอย่างสดใสจนเขาเผลอยิ้มตาม“ก็จะรีบกลับบ้านสิคะ”“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ”“ค่ะ”“แล้วจะกลับยังไง”“รถตู้ค่ะ ออกทุกชั่วโมง หนูขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวรับเข้าไปในห้องก่อนจะถือเป้ขนาดย่อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กออกมาจากห้องนอน“เก็บของไวจังหรือว่าเก็บรอไว้แล้ว”“ค่ะ หนูเก็บไว้แล้ว”“ถ้าฉันไม่ให้เธอไปล่ะ”ชนัญชิดาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือโกรธเคือง เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างน่ารัก“หนูรู้ว่าถึงคุณเมฆจะหน้าดุเหมือนยักษ์แต่คุณก็มีความใจดีซ่อนอยู่จริงไหมคะ” เธอพูดพลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างออดอ้อน“เธอกำลังว่าฉันเป็นยักษ์” เมฆินทร์ถามด้วยน้ำเสียงกึ่งขำกึ่งดุ“หนูขอโทษค่ะ หนูก็แค่เปรียบเทียบ คุณเมฆตัวโตแล้วก็ชอบทำหน้าดุ”“ฉันว่าเธอชักจะลามปามแล้วนะมะปราง แล้วนี่จะไปขึ้นรถตู้ยังไง” เมฆินทร์แกล้งทำเสียงเข้ม แต่ในใจกลับรู้สึกเอ็นดูความกล้าของเธอ“นั่งรถเมล์ไปค่
ในขณะที่ชนัญชิดากำลังนั่งคิดถึงแผนการที่จะเดินทางกลับบ้าน เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบลุกไปดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเมฆินทร์กำลังเดินเข้ามาในห้อง“คุณเมฆินทร์....” หัวใจของเธอเต้นแรงกับการเผชิญหน้าเขาหลังจากเขาพรากความบริสุทธิ์ของเธอไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า“ฉันบอกให้เรียกว่าอะไร” เขาพูดเสียงเรียบแล้วเดินไปนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขก“คุณเมฆคะ คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”“ฉันไม่มาก็บ่นน้อยใจพอฉันมาก็ยังจะถามตกลงเธอจะเอายังไงกันแน่มะปราง” เขาทำเป็นหงุดหงิดแต่ที่มาเพราะรู้สึกว่าอยากจะคุยกับเธอหลังจากที่เมื่อคืนคุยกับเธอไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่“หนูก็แค่แปลกใจ” เธอก้มหน้าซ่อนความดีใจเอาไว้“คุยกับฉันก็มองหน้าฉันสิมะปราง เงยหน้าขึ้น”เขาออกคำสั่งเสียงเข้มแต่พอชนัญชิดาเงยหน้าขึ้นมาเขาก็ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสังเกตเห็นความบวมช้ำใต้ดวงตาของเธอ เดาได้ไม่ยากว่าเธอคงเสียงใจกับเรื่องเมื่อคืน แต่คนอย่างเขาไม่เคยปลอบใจใคร ในเมื่อเขามีสิทธิ์ในตัวเธออย่างเต็มที่แต่ในใจก็แอบสงสารเธออยู่“แค่นอนกับฉันก็ร้องไห้หนักเลยนะ เด็กชะมัด” เขาสงสารอยากจะปลอบและขอโทษ แต่คำพูดกลับตรงกันความกับความรู้สึก“แล้วจะให
ชนัญชิดาครางหวานร่างกายกระตุกสุขสมอย่างรุนแรงอีกครั้งร่องรักรัดลึงอย่างแรง เมฆินทร์เร่งจังหวะหนักหน่วงติดกันไม่ยั้งก่อนจะทุกอย่างจะระเบิดออก“มะปราง...อ้า......”เขาครางลั่นห้องท่อนเอ็นพ่นน้ำรักออกมาจนหญิงสาวรู้สึกอุ่นในร่องรักที่ยังคงตอดรัดสิ่งแปลกปลอมอย่างรุนแรง ชายหนุ่มกดย้ำขยับเข้าออกจนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาจนหมด“อ่าห์...เธอเด็ดมากฉันชักติดใจแล้วสิ” เขากระซิบขณะที่ท่อนเอ็นยังแช่อยู่ในร่องรัก“คุณเมฆ....หนูว่า.....”“ว่าอะไร....” น้ำเสียงฟังดูอ่อนขึ้นเมื่อรู้ว่าตนเองได้เป็นคนแรกของเธอ“คือ.....”“ฉันรู้ว่าเธอมีความสุขและอยากจะให้ฉันเอาต่อ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ เธอต้องชดเชยให้ฉัน หนึ่งเดือนที่ฉันอดทนไม่มาหาเธอ”“แต่หนูก็ไม่ได้ห้าม คุณไม่มาหาหนูเอง” หญิงสาวรู้สึกน้อยใจที่เขาไม่เคยสนใจเธอเลยสักนิด แม่ได้เป็นอะไรกันแต่เขาพูดเองว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาแต่กลับไม่เคยติดต่อมาเลย“เพราะฉันอยากให้เธอสอบเสร็จก่อนยังไงล่ะ นี่อย่าบอกว่ากำลังน้อยใจ”“เปล่าค่ะ”“ก็ดีแล้วเพราะเธอก็แค่นางบำเรอ เธอไม่มีสิทธิ์คิดอะไรแบบนั้น”“หนูรู้ค่ะ”“งั้นก็ดีแล้วจากนี้ ฉันจะให้เธอทำหน้าที่ของเธอเริ่มจากคื
มือใหญ่บีบเคล้นอย่างหลงใหลในความอวบอิ่มและนุ่มแน่น เมื่อได้ยินเสียงหวานดังขึ้นมือที่ฟอนเฟ้นอกอวบก็เลื่อนลงต่ำลงมายังหน้าท้องแบนราบและดึงชั้นในตัวบางออกให้พ้นทาง“อ๊ะ!....”ชนัญชิดาครางสะดุ้งเมื่อนิ้วร้ายกำลังลากไล้ไปมาบนกลีบกุหลาบก่อนจะคลี่ให้แยกออกจากกันปลายนิ้วสะกิดบนยอดเกสรที่ไวต่อความรู้สึก จนร่างหญิงสาวสั่นสะท้าน ชนัญชิดาบิดตัวเกร็งเสียงร้องครางยังคงดังขึ้นเรื่อยๆเมฆินทร์ส่งปลายนิ้วที่ลูบไล้บนกลีบเกสรกุหลาบ ก่อนจะกดเข้าไปโพรงอุ่นร้อนอย่างช้าๆ“อ๊ะ!....”“อื้ม...แค่นิ้วก็ตอดแรงแล้วนะ”เสียงครางแหบพร่าเพราะความคับแน่นที่รัดนิ้วอยู่บนปลายนิ้ว ตอนนี้เมฆินทร์อยากจะเปลี่ยนจากนิ้วเป็นท่อนเอ็นของเขาแต่เมื่อคิดว่าเขามีเวลาสนุกกับเธออีกนานก็เลยอยากจะไปอย่างช้าๆเขาอยากให้ครั้งแรกของเธอกับเขาไปได้ด้วยดีเพราะนั่นหมายถึงครั้งต่อไปมันก็จะดีตามมาด้วยปากร้อนของเมฆินทร์ยังคงวนเวียนดูดดุนเม็ดเชอร์รี่เข้าปากอย่างไม่ยอมหยุด ปลายนิ้วร้ายควานลึกอยู่ในร่องรัก ชนัญชิดารู้สึกเหมือนใจจะขาด มือกดศีรษะเขาให้แนบชิดอกอิ่ม ส่วนปากก็ครวญครางอย่างน่าอาย“อ่ะ...อื้อ...คุณเมฆ....”ความเสียวซ่านพุ่งขึ้นสูงเกินกว