“ไม่จำเป็นหรอกค่ะ หนูอยู่คนเดียวจนชินแล้ว”
“มะปรางถ้าฉันพูดว่าจะไปก็คือไป เธอไม่มีสิทธิ์มาห้ามฉันหรอกนะ”
“ขอโทษค่ะ หนูน่าจะรู้ว่าหนูไม่มีสิทธิ์จะพูดหรือทำอะไรตามใจตัวเองเพราะคุณจ่ายเงินซื้อหนูมาแล้ว”
“รู้ตัวก็ดี งั้นก็ตามฉันมา” เมฆินทร์เดินนำชนัญชิดามาที่รถสปอร์ตคันหรูของเขาที่จอดอยู่ด้านนอกและดันเธอเข้าไปในที่นั่งฝั่งผู้โดยสารก่อนที่ตัวเองจะอ้อมมานั่งในตำแหน่งคนขับ ชนัญชิดาเริ่มรู้สึกกลัวมากขึ้นเมื่อรถเคลื่อนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว
ตลอดทางกลับคอนโด มีเพียงความเงียบและเสียงเครื่องยนต์ที่คำรามก้องอยู่ในรถ ชนัญชิดารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักโทษที่กำลังถูกนำตัวไปลงทัณฑ์ เธอรู้ว่าเมฆินทร์โกรธมาก และเธอไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกับเธอ
เมื่อประตูห้องเปิดออก เมฆินทร์ก็เดินมาที่โซฟาและกระชากชนัญชิดาจนเธอเซล้มลงมานั่งข้างๆ หญิงสาวมองเมฆินทร์ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“คุณไม่มีสิทธิ์มาทำกับหนูแบบนี้นะ” หญิงสาวไม่พอใจที่เขาทำรุนแรงจึงพูดขึ้นอย่างไม่ทันคิด
“ไม่มีสิทธิ์เหรอ เธอคงลืมไปแล้วสินะว่าเธอมีสถานะอะไร”
ชนัญชิดาเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาแดงก่ำไปด้วยน้ำตาที่คลออยู่ เธอรู้ดีว่าเธอไม่มีทางสู้เขาได้เลยในตอนนี้ ด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ยังคงค้างอยู่ในร่างกายและความรู้สึกคับแค้นใจที่อัดอั้นมานาน ทำให้เธอตัดสินใจพูดสิ่งที่เธอไม่เคยคิดจะพูดออกมา
“อยากให้หนูเป็นนางบำเรอมากนักใช่ไหมล่ะคะ ก็ทำซะสิ หนู จะได้หมดหนี้เร็วๆ คุณจะได้ไม่ต้องมาหึงหวงอะไรไร้สาระแบบนี้” ชนัญชิดาตะโกนเสียงดัง ความกลัวและอับอายเปลี่ยนเป็นความบ้าบิ่นที่ไปท้าทายเขาแบบนั้น
“ปากดีนี่แล้วอย่างอื่นจะดีด้วยไหมนะ”
คำพูดของชนัญชิดาเหมือนเชื้อไฟที่ราดลงบนกองอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ในใจของเมฆินทร์ ความอดทนของเขาขาดสะบั้นลงในวินาทีนั้นเขาไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว ชายหนุ่มไม่สนใจเสียงร้องห้ามของอีกต่อไป
แรงอารมณ์เข้าครอบงำจนยากจะควบคุมเขาอุ้มหญิงสาวขึ้นมาพาดบ่าแล้วเดินตรงไปยังห้องนอน ชนัญชิดาพยายามดิ้นรนสุดชีวิตแต่ก็ไม่เป็นผล
“ปล่อยหนูนะคุณเมฆินทร์ ปล่อยหนู” เสียงร้องไห้ปะปนกับเสียงสะอื้นของชนัญชิดาดังก้องไปทั่วห้อง
เมฆินทร์โยนร่างเธอลงบนเตียงขนาดใหญ่ แล้วทาบทับลงมาบนตัวเธอ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธและอารมณ์ที่ไม่สามารถควบคุมได้ ชนัญชิดาพยายามขัดขืนอย่างเต็มที่ แต่เรี่ยวแรงของเธอก็สู้เขาไม่ได้เลย
“คุณอย่าทำอะไรหนูนะ หนูยังไม่พร้อม”
“เป็นเธอเองไม่ใช่เหรอที่ท้าทายฉันและบ่นว่าฉันไม่เคยมาหา”
“แต่หนูว่าผู้ชายอย่างคุณคงไม่ทำอะไรผู้หญิงที่เขาไม่เต็มใจหรอกใช่ไหม”
“ถ้าไม่เต็มใจคงไม่ยอมมาเป็นนางบำเรอฉันแต่แรกหรอกนะ” เมฆินทร์พูดเหยียด
“แต่คุณก็รู้ว่าทำไมหนูถึงยอม”
“ฉันไม่สนใจเหตุผลของเธอหรอกนะ คนอย่างฉันถ้าอยากได้ก็ต้องได้”
“คุณมันใช่ลูกผู้ชาย ขืนใจผู้หญิง คุณมันชั่ว คุณมันเลว” หญิงสาวตะโกนใส่หน้าและหวังว่าเขาจะโกรธและกลับออกไป
แต่มันตรงกันข้าม คำพูดของชนัญชิดาไม่ได้ทำให้เมฆินทร์หยุดยั้ง แต่กลับยิ่งทำให้เขาโมโหมากยิ่งขึ้น เขาไม่เคยถูกผู้หญิงคนไหนต่อว่าอย่างรุนแรงแบบนี้มาก่อนยิ่งด่า ยิ่งขัดขืนเมฆินทร์ก็อยากเอาชนะ
“ฉันว่าเธอเก็บเสียงของเธอไว้ครางดีกว่านะเพราะคืนนี้ฉันจะใช้งานเธอให้คุ้มกับเงินที่จ่ายไป”
เมฆินทร์มองใบหน้าสวยที่แดงก่ำเพราะเจ้าตัวกำลังโมโหที่เขาดูถูก หญิงสาวหายใจเข้าออกอย่างแรงและนั้นก็ยิ่งทำให้หน้าอกที่โผล่พ้นชุดมันสะท้อนขึ้นลงตามไปด้วย
ท่าทางของเธอมันกระตุ้นความต้องการของเมฆินทร์ได้เป็นอย่างดี ดวงตาคมกริบมองเรือนร่างของหญิงสาวที่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอย่างพอใจ
เมฆินทร์เห็นแววตาที่หวาดกลัวแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้
“เมื่อกี้ปากดีแต่ทำไมตอนนี้เงียบแล้วล่ะ กลัวเหรอ”
เขารู้สึกว่าร่างกายของเธอกำลังสั่นและคิดว่าชนัญชิดากำลังเสแสร้ง ชายหนุ่มกดริมฝีปากลงบนริมฝีปากอิ่มที่เคลือบด้วยลิปสติกสีสวย ชนัญชิดารีบยกมือขึ้นยันอกเขาไว้ เธอเบี่ยงใบหน้าหนีริมฝีปากร้อนผ่าวที่ไล่ต้อนจูบลงมาราวกับเธอเป็นของหวาน
“อย่าทำเหมือนไม่เคยไปหน่อยเลย ถ้าคืนนี้เธอทำถูกใจฉัน บางทีฉันอาจจะปล่อยเธอไปจากฉันเร็วกว่าที่คิดไว้”
ชนัญชิดานิ่งเมื่อคิดถึงอิสรภาพที่เขาจะมอบให้ ถ้ามันเป็นแบบนั้นจริงเธอจะต้องทำให้เขาพอใจแต่ในเมื่อไม่มีประสบการณ์ คืนนี้คงต้องตามน้ำไปก่อน จากนั้นเธอจะเรียนรู้เรื่องนี้ให้มากขึ้น หญิงสาวคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องยากอะไรในเมื่อในโลกนี้มีอินเทอร์เน็ต
เมฆินทร์เบียดร่างแข็งแรงให้เสียดสีกับร่างเย้ายวนด้านล่าง ชนัญชิดาหน้าแดงระเรื่อ เนื้อตัวสั่นสะท้านกับสัมผัสที่ไม่เคยพบเจอ และเมื่อสบตากับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยไฟปรารถนาก็ทำให้เธอแทบจะไม่เป็นตัวของตัวเอง
“ถึงเวลาที่ฉันจะหาความสุขจากเงินที่ฉันจ่ายแล้วนะมะปราง เธอก็อย่าทำเป็นไม่เคยหน่อยเลย”
เสียงทุ้มกระซิบก่อนจะส่งปลายลิ้นเข้าไปตวัดหยอกล้อกับซอกคอและติ่งหู ขบเม้มเบาๆ ทำให้ชนัญชิดาปั่นป่วนไปทั้งท้องน้อย ชายหนุ่มประกบปากจูบอีกครั้งส่งปลายลิ้นร้อนสอดเข้าไปในโพรง ปากนุ่ม เกี่ยวพันกับเรียวลิ้นเล็กอย่างหิวกระหาย ความหวานที่ได้รับยิ่งทำให้เมฆินทร์รู้สึกหลงใหล ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนที่กระตุ้นอารมณ์ดิบเถื่อนของเขาให้ลุกโชนได้มากเท่านี้มาก่อน
ความรู้สึกต่อต้านในคราแรกเริ่มเปลี่ยนเป็นความแปลกใหม่ชนัญชิดากำลังจะหมดแรงเพราะฤทธิ์จูบจากเขา
“อ่า...”
เมฆินทร์ครางอย่างพอใจกับการตอบสนองเงอะงะของ คนที่เขาคิดว่าเธอกำลังเสแสร้ง กายของเขารุ่มร้อนและจูบก็เริ่มร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ กว่าเขาจะเขายอมผละออกจากปากอวบอิ่ม ชนัญชิดาก็แทบจะขาดอากาศหายใจ
ชายหนุ่มสูดดมกลิ่นกายหอมกรุ่น เขาไล้ปากและจมูกลงไปยังซอกคอระหง ยอมรับเลยว่ากลิ่นกายของเธอช่างหอมและเย้ายวนอย่างที่ไม่เคยได้รับจากใครมาก่อน
“อื้อคุณเมฆินทร์”
“เรียกฉันว่าเมฆ”
เขากระซิบบอกชื่อเล่นตัวเองที่ข้างหู ก่อนจะลากลิ้นไปตามลำคออีกครั้ง เขาทำราวกับว่ากำลังลากปลายลิ้นลงบนไอศกรีมรสโปรด นั่นก็ทำให้หญิงสาวร้องครางออกมาอย่างไม่อาจจะอดกลั้นได้
ร่างกายเย้ายวนเริ่มดิ้นพล่านกับการจู่โจมของคนมากประสบการณ์ หญิงสาวครางกระเส่าใบหน้าหวานแดงก่ำด้วยพายุอารมณ์ที่กำลังก่อตัวขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่
ฝ่ามือร้อนกุมอกอิ่มที่ไม่เคยต้องมือชายใดมาก่อน ชนัญชิดาทั้งเขินทั้งเสียวซ่านจนครองสติแทบไม่อยู่
“อื้อ...คุณเมฆ”
หญิงสาวอยากจะร้องขอให้เขาหยุดแต่ก็ช้าไปเมื่อตอนนี้เขาดึงชุดเธออย่างแรงจนมันขาดออกจากกันเผยให้เห็นความอวบอิ่มที่สะดุดตา
ชนัญชิดาสะท้านไปทั้งร่างเมื่อริมฝีปากของเขาไล่ลงมาต่ำยังเนินอกอิ่ม มือหนึ่งอ้อมไปด้านหลัง เขาปลดตะขอบราเซียร์ของเธอออกด้วยความชำนาญ
“เธอน่าจะชื่อส้มโอมากกว่ามะปรางนะ”
เมฆินทร์กระซิบแหบพร่าเขามองความอวบอิ่มอย่างหื่นกระหาย
ชายหนุ่มก้มไล้ปลายลิ้นร้อนไปบนความนุ่มหยุ่นแผ่วเบา เพียงแค่สัมผัสรอบๆ เม็ดเชอร์รี่ลูกสวยก็แข็งชูชันต้อนรับอย่างท้าทาย
“อื้อ.....คุณเมฆ”
เสียงหวานครางสะท้านเมื่อเจอทั้งปลายลิ้นของเขาหยอกเย้าลงบนทรวงอกอิ่มอย่างหนักหน่วง ความเสียวซ่านที่พุ่งพรวดเข้ามาโจมตีจนสั่นไปทั้งตัว
ชายหนุ่มกำลังสับสนเพราะเธอทำเหมือนไม่เคยถูกใครสัมผัสมาก่อน เขาเงยหน้าขึ้นมามองเธอเล็กน้อยจากนั้นก้มหน้าลงดูดกลืนเม็ดเชอร์รี่สีสวยเข้าปากสลับเปลี่ยนข้างไปมา
รถเอสยูวีสีดำแล่นไปตามถนนมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ ความเงียบเข้าปกคลุมภายในรถอีกครั้งชนัญชิดาเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ทอดสายตาไปยังความมืดมิดของสองข้างทาง ภาพสายตาของคนในร้านขายของชำยังคงวนเวียนอยู่ในหัวเธอพยายามจะลืมแต่มันก็ยากมากเมฆินทร์เหลือบมองหญิงสาวข้างกายเป็นพักๆ เขาสังเกตเห็นแววตาที่หม่นหมองและไหล่ที่ลู่ลงเหมือนคนสิ้นหวัง ชายหนุ่มรู้สึกเห็นใจที่เธอต้องมาเจอเรื่องแบบนี้เพราะบิดาของเธอ“แวะกินข้าวกันก่อน เธอคงยังไม่ได้กินอะไร”“แต่หนูไม่หิวค่ะ”“แต่ฉันหิวนี่ ถ้าไม่กินคงขับรถไม่ถึงกรุงเทพแน่ๆ”“ก็ได้ค่ะ”ชนัญชิดาไม่ได้รู้สึกหิวเลยแม้แต่น้อย แต่พอเขาบอกว่าหิวเธอก็ยอมทำตาม หญิงสาวเดินลงจากรถตามเมฆินทร์เข้าไปในร้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายเมฆินทร์สั่งอาหารให้เธอหลายอย่าง สปาเก็ตตี้ สเต๊กปลา สเต๊กเนื้อและสลัดผักเมื่ออาหารมาเสิร์ฟ เมฆินทร์ก็คะยั้นคะยอให้เธอกิน“กินเยอะๆ จะได้มีแรง”ชนัญชิดาหยิบช้อนขึ้นมาตักอาหารเข้าปากช้าๆ รสชาติอาหารไม่ได้ถูกปากเธอเท่าไหร่ หรืออาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เพิ่งเจอมาทำให้ทุกอย่างดูจืดชืดไปหมด“ทำไมกินน้อยจังไม่อร่อยเหรอ”“เปล่าค่ะ หนูไม่ค่อยหิว”“กินอีกนิดนะ ก
ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของวันชนัญชิดาใช้เวลาอยู่กับบิดา เธอเล่าเรื่องการเรียนให้ท่านฟัง โดยพยายามเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องของเมฆินทร์และชีวิตที่คอนโด ชนินทร์เองก็ดูเหมือนจะพยายามทำตัวเป็นพ่อ เขาชวนเธอคุยเรื่องต่างๆ พยายามสร้างบรรยากาศให้กลับมาเป็นเหมือนเดิมมากที่สุดเท่าที่จะทำได้แต่ชนัญชิดาก็ยังคงอดเป็นห่วงบิดาไม่ได้ เธอสังเกตเห็นแววตาที่ยังคงมีความกังวลแฝงอยู่ และมือของท่านที่บางครั้งก็เผลอไปลูบไล้กระเป๋าเงินโดยไม่รู้ตัว มันทำให้เธอรู้ว่าบางทีบิดาของเธออาจจะยังไม่ได้เลิกเล่นพนันอย่างเด็ดขาดในช่วงค่ำหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ ชนัญชิดาก็ตัดสินใจที่จะคุยเรื่องนี้กับบิดาอย่างจริงจัง“พ่อคะ พ่อเลิกเล่นพนันแล้วใช่ไหมคะ”“พ่อ...พ่อก็พยายามอยู่นะลูก” ชนินทร์ตอบด้วยสีหน้าเครียด“พยายามหมายความว่ายังไงคะ พ่อยังไปเล่นอยู่ใช่ไหม” ชนัญชิดาตกใจกับคำตอบที่ได้รับจากบิดา“นิดๆ หน่อยๆ เองลูก ไม่ได้เยอะเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”ชนินทร์หลบสายตาของลูกสาว“พ่อคะ หนูไม่อยากให้พ่อต้องไปพัวพันกับเรื่องแบบนี้อีกแล้วนะคะ ครั้งนี้พ่อเอาหนูไปขายให้เจ้านายของพ่อแล้วครั้งต่อไปพ่อจะเอาอะไรไปขายอีกล่ะคะ” เธอพยายามพูดด้วยน้ำเสี
“ตกลงค่ะ หนูจะรีบไปรีบกลับนะคะ” หญิงสาวดีใจที่เขาอนุญาตแม้จะเป็นช่วงสั้นๆ แต่เธอก็ดีใจมาก“แล้วนั่นจะรีบไปไหน” เขาถามเมื่อหญิงสาวลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว ท่าทางเศร้าเมื่อครู่มันหายไปแล้ว ชนัญชิดายิ้มอย่างสดใสจนเขาเผลอยิ้มตาม“ก็จะรีบกลับบ้านสิคะ”“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ”“ค่ะ”“แล้วจะกลับยังไง”“รถตู้ค่ะ ออกทุกชั่วโมง หนูขอตัวก่อนนะคะ” หญิงสาวรับเข้าไปในห้องก่อนจะถือเป้ขนาดย่อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กออกมาจากห้องนอน“เก็บของไวจังหรือว่าเก็บรอไว้แล้ว”“ค่ะ หนูเก็บไว้แล้ว”“ถ้าฉันไม่ให้เธอไปล่ะ”ชนัญชิดาชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีตกใจหรือโกรธเคือง เธอจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเขาอย่างไม่เกรงกลัว ก่อนจะยิ้มออกมาอย่างน่ารัก“หนูรู้ว่าถึงคุณเมฆจะหน้าดุเหมือนยักษ์แต่คุณก็มีความใจดีซ่อนอยู่จริงไหมคะ” เธอพูดพลางเอียงคอเล็กน้อยอย่างออดอ้อน“เธอกำลังว่าฉันเป็นยักษ์” เมฆินทร์ถามด้วยน้ำเสียงกึ่งขำกึ่งดุ“หนูขอโทษค่ะ หนูก็แค่เปรียบเทียบ คุณเมฆตัวโตแล้วก็ชอบทำหน้าดุ”“ฉันว่าเธอชักจะลามปามแล้วนะมะปราง แล้วนี่จะไปขึ้นรถตู้ยังไง” เมฆินทร์แกล้งทำเสียงเข้ม แต่ในใจกลับรู้สึกเอ็นดูความกล้าของเธอ“นั่งรถเมล์ไปค่
ในขณะที่ชนัญชิดากำลังนั่งคิดถึงแผนการที่จะเดินทางกลับบ้าน เสียงเปิดประตูห้องก็ดังขึ้น หญิงสาวรีบลุกไปดูแล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าเมฆินทร์กำลังเดินเข้ามาในห้อง“คุณเมฆินทร์....” หัวใจของเธอเต้นแรงกับการเผชิญหน้าเขาหลังจากเขาพรากความบริสุทธิ์ของเธอไปไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า“ฉันบอกให้เรียกว่าอะไร” เขาพูดเสียงเรียบแล้วเดินไปนั่งบนโซฟากลางห้องรับแขก“คุณเมฆคะ คุณมาทำอะไรที่นี่คะ”“ฉันไม่มาก็บ่นน้อยใจพอฉันมาก็ยังจะถามตกลงเธอจะเอายังไงกันแน่มะปราง” เขาทำเป็นหงุดหงิดแต่ที่มาเพราะรู้สึกว่าอยากจะคุยกับเธอหลังจากที่เมื่อคืนคุยกับเธอไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่“หนูก็แค่แปลกใจ” เธอก้มหน้าซ่อนความดีใจเอาไว้“คุยกับฉันก็มองหน้าฉันสิมะปราง เงยหน้าขึ้น”เขาออกคำสั่งเสียงเข้มแต่พอชนัญชิดาเงยหน้าขึ้นมาเขาก็ตกใจไม่น้อยเมื่อเห็นสังเกตเห็นความบวมช้ำใต้ดวงตาของเธอ เดาได้ไม่ยากว่าเธอคงเสียงใจกับเรื่องเมื่อคืน แต่คนอย่างเขาไม่เคยปลอบใจใคร ในเมื่อเขามีสิทธิ์ในตัวเธออย่างเต็มที่แต่ในใจก็แอบสงสารเธออยู่“แค่นอนกับฉันก็ร้องไห้หนักเลยนะ เด็กชะมัด” เขาสงสารอยากจะปลอบและขอโทษ แต่คำพูดกลับตรงกันความกับความรู้สึก“แล้วจะให
ชนัญชิดาครางหวานร่างกายกระตุกสุขสมอย่างรุนแรงอีกครั้งร่องรักรัดลึงอย่างแรง เมฆินทร์เร่งจังหวะหนักหน่วงติดกันไม่ยั้งก่อนจะทุกอย่างจะระเบิดออก“มะปราง...อ้า......”เขาครางลั่นห้องท่อนเอ็นพ่นน้ำรักออกมาจนหญิงสาวรู้สึกอุ่นในร่องรักที่ยังคงตอดรัดสิ่งแปลกปลอมอย่างรุนแรง ชายหนุ่มกดย้ำขยับเข้าออกจนในที่สุดก็ปลดปล่อยออกมาจนหมด“อ่าห์...เธอเด็ดมากฉันชักติดใจแล้วสิ” เขากระซิบขณะที่ท่อนเอ็นยังแช่อยู่ในร่องรัก“คุณเมฆ....หนูว่า.....”“ว่าอะไร....” น้ำเสียงฟังดูอ่อนขึ้นเมื่อรู้ว่าตนเองได้เป็นคนแรกของเธอ“คือ.....”“ฉันรู้ว่าเธอมีความสุขและอยากจะให้ฉันเอาต่อ ฉันก็คิดอย่างนั้นเหมือนกันนะ เธอต้องชดเชยให้ฉัน หนึ่งเดือนที่ฉันอดทนไม่มาหาเธอ”“แต่หนูก็ไม่ได้ห้าม คุณไม่มาหาหนูเอง” หญิงสาวรู้สึกน้อยใจที่เขาไม่เคยสนใจเธอเลยสักนิด แม่ได้เป็นอะไรกันแต่เขาพูดเองว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขาแต่กลับไม่เคยติดต่อมาเลย“เพราะฉันอยากให้เธอสอบเสร็จก่อนยังไงล่ะ นี่อย่าบอกว่ากำลังน้อยใจ”“เปล่าค่ะ”“ก็ดีแล้วเพราะเธอก็แค่นางบำเรอ เธอไม่มีสิทธิ์คิดอะไรแบบนั้น”“หนูรู้ค่ะ”“งั้นก็ดีแล้วจากนี้ ฉันจะให้เธอทำหน้าที่ของเธอเริ่มจากคื
มือใหญ่บีบเคล้นอย่างหลงใหลในความอวบอิ่มและนุ่มแน่น เมื่อได้ยินเสียงหวานดังขึ้นมือที่ฟอนเฟ้นอกอวบก็เลื่อนลงต่ำลงมายังหน้าท้องแบนราบและดึงชั้นในตัวบางออกให้พ้นทาง“อ๊ะ!....”ชนัญชิดาครางสะดุ้งเมื่อนิ้วร้ายกำลังลากไล้ไปมาบนกลีบกุหลาบก่อนจะคลี่ให้แยกออกจากกันปลายนิ้วสะกิดบนยอดเกสรที่ไวต่อความรู้สึก จนร่างหญิงสาวสั่นสะท้าน ชนัญชิดาบิดตัวเกร็งเสียงร้องครางยังคงดังขึ้นเรื่อยๆเมฆินทร์ส่งปลายนิ้วที่ลูบไล้บนกลีบเกสรกุหลาบ ก่อนจะกดเข้าไปโพรงอุ่นร้อนอย่างช้าๆ“อ๊ะ!....”“อื้ม...แค่นิ้วก็ตอดแรงแล้วนะ”เสียงครางแหบพร่าเพราะความคับแน่นที่รัดนิ้วอยู่บนปลายนิ้ว ตอนนี้เมฆินทร์อยากจะเปลี่ยนจากนิ้วเป็นท่อนเอ็นของเขาแต่เมื่อคิดว่าเขามีเวลาสนุกกับเธออีกนานก็เลยอยากจะไปอย่างช้าๆเขาอยากให้ครั้งแรกของเธอกับเขาไปได้ด้วยดีเพราะนั่นหมายถึงครั้งต่อไปมันก็จะดีตามมาด้วยปากร้อนของเมฆินทร์ยังคงวนเวียนดูดดุนเม็ดเชอร์รี่เข้าปากอย่างไม่ยอมหยุด ปลายนิ้วร้ายควานลึกอยู่ในร่องรัก ชนัญชิดารู้สึกเหมือนใจจะขาด มือกดศีรษะเขาให้แนบชิดอกอิ่ม ส่วนปากก็ครวญครางอย่างน่าอาย“อ่ะ...อื้อ...คุณเมฆ....”ความเสียวซ่านพุ่งขึ้นสูงเกินกว