로그인ตอนที่ 2 ผู้มีพระคุณ
“เปิดประตู! ไหนบอกว่าจะจ่ายค่าห้องแล้วขนของออกไปไง นึกว่าตายไปแล้ว ยังแอบมานอนสบายใจที่นี่อีกเหรอ ไม่มีปัญญาจ่ายค่าห้องก็ออกไปเลย เก็บของออกไปเลยก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน!”
“...” ฉันยืนนิ่งหันไปมองเจ้าของห้องแต่เขากลับไม่มีทีท่าตกใจอะไรเลยแล้วเสียงด้านนอกก็ดังขึ้นอีก
“ไม่มีเงินแล้วยังกล้าพาสาวมานอนกกในห้อง! ใครมันโง่เอามาเป็นแฟนกันหา! ถ้ามีเงินเลี้ยงผู้หญิงก็มาจ่ายค่าห้องด้วย #$@#&”
เสียงจากผู้หญิงมีอายุคนหนึ่งดังเล็ดลอดเข้ามาในห้องจนเข้าใจทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้น มนุษย์ป้าด้านนอกนี้ด่าหมด ด่ามาทุกคำที่คิดได้ แล้วแต่ละคำก็หยาบคายทั้งนั้น จนฉันนั้นเริ่มเข้าใจสถานการณ์ทั้งหมด
“นี่นาย อื้อ!”
“เงียบก่อนอย่าเสียงดังแล้วก็อย่าเพิ่งออกไป”
ฝ่ามือหนาเลื่อนมาจากด้านหลังปิดปากของฉันไว้แนบสนิทแถมยังถูกรั้งให้ไปชิดกับแผงอกของเขาที่เปลือยเปล่า ส่วนด้านล่างนั้นก็เป็นกางเกงขายาวใส่นอนแบบผู้ชายและข้างในนั้นก็คงไม่มีอะไรกั้นจนรู้สึกได้ว่ามันมีบางอย่างสัมผัสอยู่ที่สะโพกของฉัน เป็นความรู้สึกที่ทำให้ฉันหน้าร้อนวาบอย่างไม่มีสาเหตุ
ฉันยืนนิ่งตามคำขอร้องของเขา ซึ่งอาจจะมีสาเหตุมาจากวัตถุประหลาดด้านหลังนั้นด้วย ก็รู้อยู่หรอกว่ามันคือตัวอะไรแต่คนที่ไม่เคยสัมผัสกับของจริงอย่างฉันมันรู้สึกแปลกจนตัวแข็งทื่อไปหมด
“ไปแล้ว”
“เกิดอะไรขึ้น” ฉันขยับหนีออกมาหนึ่งก้าว กัดริมฝีปากมองผู้ชายที่ทำหน้าเรียบเฉยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เจ๋งทำท่าลังเลที่จะตอบเล็กน้อย เขาหันมามองหน้าฉันก่อนจะอธิบายสั้นๆ
“ก็อย่างที่ได้ยินนั่นแหละ”
“เขาด่านายไหมเมื่อกี้”
“ห้องข้างๆ มั้ง” เจ๋งตอบอย่างตัดรำคาญ
“ถ้ากวนประสาทแบบนี้ก็สมควรแล้วที่เขาจะไล่นาย ทำไมไม่ขอเขาดีๆ ล่ะ”
“ช่วงนี้ผมตกอับ ก็เลยไม่มีเงินจ่ายค่าหอมาหลายเดือน”
“นายก็เลยขอไปอยู่กับฉัน จะหนีออกไปเหรอ”
“อือฮึ ก็ผมช่วยพี่ นึกว่าพี่จะช่วยผมบ้าง”
ให้ตาย ผู้ชายคนนี้เป็นคนประเภทไหน ก็เข้าใจอยู่หรอกเรื่องที่เขาช่วยฉันไว้ แต่ตอบแทนด้วยการให้ไปอาศัยอยู่ด้วยกันมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ควรทำ ในเมื่อฉันเป็นผู้หญิง ส่วนเขาก็ผู้ชาย...ทั้งแท่ง!
“เพื่อนไม่มีหรือไง”
“เพื่อนมีแต่มันพักกับแฟนหมดผมก็ไม่อยากไปขัดขวางความสุขใคร” เขาเดินกลับมานั่งปลายเตียงเมื่อเห็นว่าสถานการณ์มันเริ่มเปลี่ยน
ที่จริงจะไม่สนใจเลยก็ได้แต่การได้เจอเหตุการณ์เมื่อกี้ ได้ยินคำพูดคำด่าทุกคนแบบนั้นมันทำให้ฉันรู้สึกไม่ค่อยดีเอาเสียเลย ก็แอบสงสารเขาอยู่หรอก ฉันมันก็คนขี้สงสารอยู่ด้วย
“แล้วนายทำงานที่ร้านนั้นไม่ได้เงินจ่ายค่าหอเขาหรือไง ทำไมเขาถึงมาด่ากันขนาดนี้”
“ก็ได้ แต่ผมใช้หนี้ร้านยังไม่หมดเพราะเบิกเฮียเขาไปจ่ายค่าเทอมตัวเองกับน้อง ไหนจะค่าใช้จ่ายในแต่ละวันอีก” เขาตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบก่อนจะถอนหายใจยาวๆ
“พ่อแม่ล่ะ”
“...ตาย” เจ๋งเงียบแต่เขาก็ไม่ได้ลังเลที่จะตอบ สีหน้าและแววตาของเขาแน่วแน่กับคำตอบนั้นมากและเรื่องแบบนี้เขาคงไม่โกหก
โอเค ชีวิตผู้ชายคนนี้มันโคตรน่าสงสารจนคนอย่างฉันไม่สามารถมองผ่านเลยไปและทำเป็นไม่สนใจได้ ให้ทานมาหมดทั้งคนทั้งหมา การเห็นผู้ชายร่างกำยำแถมยังหล่อฉิบหายกำลังลำบากแบบนี้ฉันก็คงต้องช่วยด้วยความ ‘จำใจ’
“แล้วฉันจะไว้ใจนายได้ไหม”
“มั่นใจได้ว่าผมไม่ทำมิดีมิร้ายกับพี่หรอก พี่ก็ไม่ได้สวยอะไรขนาดนั้นอย่าหลงตัวเอง”
ไอ้บ้านี่
ฉันจิปากอย่างนึกรำคาญ ถ้าปากหมาแบบนี้ควรตกอับไปเถอะ คงมีคนอยากช่วยหรอก
“เอาบัตรประชาชนมา แล้วช่วยบอกเหตุผลหน่อยว่าทำไมนายต้องไปขออาศัยอยู่กับฉัน ทำไมต้องฉัน”
“อย่างแรกเลยพี่ไม่ได้ชอบผม ถ้าอยู่กับพี่ผมปลอดภัยแน่นอน พี่คงไม่อ่อยหรือปล้ำผมหรอก ดูไปพี่ก็ผู้หญิงเรียบร้อย สองคือผมมีพระคุณกับพี่และสามพี่ไม่มีแฟน”
“รู้ได้ยังไงว่าฉันไม่มี”
“ดูก็รู้ว่าไม่มี เพื่อนก็ไม่น่ามี”
“ฉันมีเพื่อน!” ฉันกระแทกเสียงใส่เขาอย่างรำคาญใจ
“เพื่อนแบบเมื่อคืนหรือเปล่า ไม่น่าคบเลยสักคน นั่นคือเหตุผลว่าพี่ควร มีผู้ชายตัวโตอย่างผมอยู่ใกล้ๆ เผื่อว่าไอ้บ้านั่นมันจะกลับมาข่มขืนพี่”
เจ๋งอธิบายเหตุผลของตัวเองสามข้อที่มันควรเป็นเหตุผลสำหรับการตัดสินใจของฉัน แต่ทำไมคำพูดของเขามันถึงไม่น่าฟังนักล่ะ มันชวนให้อยากปฏิเสธ
“ฉันช่วยก็ได้ แต่บอกก่อนว่าฉันมีข้อมูลของนายแล้ว ถ้าทำอะไรให้ฉันเดือดร้อนฉันแจ้งจับนายแน่ๆ”
เขาไหวไหล่แล้วเดินไปหยิบเสื้อผ้าในตู้เสื้อผ้าของตัวเองยัดใส่กระเป๋าใบใหญ่ พูดตอนนี้เขาก็เก็บมันตอนนี้เลย ไม่หยุดคิดอะไรสักนิด
“พี่นั่งรอก่อน เดี๋ยวผมขอเก็บของครึ่งชั่วโมง”
“แล้วนายจะออกไปจากห้องยังไง ป้าเจ้าของหอไม่ดักตีหัวนายเหรอ ค่าหอก็ไม่จ่ายเขา”
“ก็หนีออกไป”
“ฉันให้ยืมจ่ายเอาไหม นายก็ไม่ต้องย้ายออก”
ทำงานมาสามปีฉันก็พอมีเงินเก็บอยู่หรอก หนี้สินก็มีแต่จ่ายไหว เพราะมีแค่หนี้ที่กู้มาซื้อคอนโดเท่านั้นส่วนรถนั้นมันมือสอง ฉันซื้อเงินสดที่เก็บมาตั้งแต่สมัยเรียน จากการทำงานถ่ายแบบสินค้า รับจ้างไลฟ์สดให้รานเสื้อผ้ากับเงินที่พ่อแม่ให้ไว้หลายโอกาส
พ่อกับแม่เลิกกันตั้งแต่ตอนที่ฉันยังเล็ก พ่อย้ายไปอยู่บ้านย่าทำธุรกิจที่พักและแหล่งท่องเที่ยว ส่วนแม่แต่งงานใหม่มีลูกชายกับสามีใหม่อีกคนก็คือธันวาน้องชายของฉัน พ่อเลี้ยงเป็นข้าราชการเพิ่งเกษียณไปเมื่อสองปีที่แล้ว แม่ก็เปิดร้านขายสังฆภัณฑ์
ฉันถึงไม่ต้องลำบากอะไรเพราะทั้งพ่อและแม่ให้เงินไว้ใช้ตลอด แต่ก็พอเข้าใจความลำบากของผู้ชายคนนี้อยู่บ้างเพราะพื้นฐานชีวิตครอบครัวคนเรามันไม่ได้เหมือนกันทุกคน ยิ่งพ่อแม่มาตายจากกันไปตอนที่ยังเรียนไม่จบ น้อยคนนักที่จะรอดอยู่เรียนจนจบแบบเขาได้
“ไม่ อีกเดือนผมก็เรียนจบ แล้วก็ไม่อยากทะเลาะกับป้านี่แล้ว เขาด่าผมเหมือนหมูเหมือนหมาพี่ไม่ได้ยินหรือไง”
“ก็เพราะว่านายไม่ยอมจ่ายเขา”
“ผมขอเขาแล้วว่าผมกำลังลำบาก ขอค้างสี่เดือนเพื่อที่จะจ่ายหนี้ให้ร้านครบถึงจะมาจ่ายค่าหอแต่แกไม่ยอมให้ แต่ก็เข้าใจแกนะ ไม่ใช่ลูกใช่หลานแก แกคงไม่ใจดีขนาดนั้น”
--------------
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจเจ๋งนะคะ บอกเลย
ตอนที่ 7 หวั่นไหวตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วที่ฉันไม่ชอบเสียงฟ้าร้องและไฟดับแบบนี้ ยิ่งเสียงฟ้าผ่ามันทำเอาฉันกลัวจนต้องวิ่งไปหาสิ่งที่พึ่งพิงได้ แล้วมันก็เป็นสิ่งเดียวที่มีอยู่ในห้องนี้“กลัวอะไรขนาดนั้น”สิบสี่ปีก่อนคุณตาของฉันถูกฟ้าผ่าจนเสียชีวิตเพราะยืนอยู่กลางทุ่งนา เป็นวันที่ฉันตามติดตาไปด้วยเพราะอยากไปเที่ยวเล่นช่วงปิดเทอม นานครั้งถึงจะไปที่นั่นไปอยู่กับตาและยาย ภาพนั้นมันยังจำไม่เคยลืมเลย สายฟ้าที่ฟาดลงมาสู่ร่างของตาวันนั้นจนท่านล้มลง อยู่ในระยะสายตาที่ฉันมองเห็น ความสว่างสไวนั้นทำให้เห็นความเจ็บปวดในเสี้ยววินาทีของคนที่ฉันรักมันกลายเป็นเหตุการณ์ที่ถูกฝังลงในจิตใจ ทำให้กลัวเสียงฟ้าร้อง เสียงฟ้าผ่า มาตั้งแต่ตอนนั้น หัวใจของฉันมันสั่นไหวทุกครั้งที่ได้ยินมันรู้ตัวอีกทีฉันก็นั่งอยู่บนตักเจ๋ง กอดคอซบหน้าลงกับบ่าแกร่งจนลืมทุกความอึดอัดที่เคยมีต่อเขา เวลานี้มันแทนที่ด้วยความกลัวไปแล้ว“กลัว”เจ๋งไม่ได้พูดอะไรอีก เขาใช้แขนแข็งแรงนั้นโอบกอดฉันเอาไว้ มือหนาลูบลงกลางหลังราวกับต้องการให้ฉันรู้สึกปลอดภัยขึ้น แล้วมันก็ได้ผล ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกดีขึ้นได้ขนาดนี้หรือเพราะอ้อมกอดของเขามันกว้างและอบ
บริษัทมีเวลาเลิกงานที่สี่โมงเย็น ฉันใช้รถส่วนตัวในการเดินทางไปกลับ ถึงแม้ว่าจะเจอรถติดบ้างแต่ก็สะดวกกว่า ไม่ต้องไปเบียดผู้คนมากมายระหว่างที่รอรถติดก็เพิ่งเห็นข้อความจากเจ๋งที่ส่งมาเมื่อกลางวัน เพราะไม่ได้เปิดดูเลย มีงานเข้าตั้งแต่ช่วงบ่าย ที่แจ้งเตือนมาก็คิดว่าเป็นครามนั่นแหละ จึงไม่ได้สนใจเปิดอ่าน เดี๋ยวเขาจะรู้กันว่าฉันแอบเล่นมือถือตลอดเจ๋ง : เลิกกี่โมง ผมรอที่ล็อบบี้นะตั้งแต่เมื่อคืนที่เกิดเรื่องฉันก็ไม่ได้คุยกับเจ๋งเลย คิดว่าเขาโกรธฉันเสียอีก เพราะปกติเขาจะส่งข้อความมาวอแวกวนประสาทกันไม่เลิกแม้กระทั่งเวลาทำงานมีนา : ใกล้ถึงแล้วฉันตอบแค่นั้นแล้วก็เคลื่อนรถไปข้างหน้า ใช้เวลาจากบริษัทกลับถึงคอนโดก็คงประมาณหนึ่งชั่วโมง ไม่รู้ว่าเขารออยู่ตรงนั้นตั้งแต่ตอนไหน อาจจะเป็นตอนที่ส่งข้อความาหากัน ถ้าเป็นอย่างนั้นคงเกือบสี่ชั่วโมงแล้วเจ๋งมันบ้าหรือเปล่านะ จะรีบกลับมาทำไมทั้งที่รู้ว่าขึ้นห้องไม่ได้“จะรีบกลับมาทำไม” พอเดินเข้ามาที่ล็อบบี้ก็เห็นเจ๋งนั่งรออยู่พร้อมกับโน้ตบุ๊คค่ใจของเขาที่น่าจะใช้ทำงานไปด้วยระหว่างรอฉันจะว่าไปอยู่ตรงนี้รอมันก็ไม่ได้แย่เสียทีเดียวเพราะมีห้องสำหรับให้นั่งเล่น
ตอนที่ 6 เว้นระยะห่างฉันออกมาทำงานตั้งแต่เจ็ดโมงกว่า ส่วนเจ๋งนั้นยังไม่ตื่น ไม่รู้ว่าเขาหลับอยู่จริงๆ หรือแกล้งหลับเพราะไม่อยากคุยกับฉันกันแน่ เพราะปกติถ้าฉันตื่นมาต้องเห็นเขาตื่นรอแล้ว เท่าที่เห็นเขามาเกือบครึ่งดือน เจ๋งไม่ใช่คนตื่นสายเลย“มีนา”เสียงของใครบางคนเรียกฉันไว้ พอหันไปมองก็ต้องแปลกใจที่เป็นคราม ผู้ชายเมื่อคืนนี้ ทั้งที่ปกติไม่เคยเห็นเขาอยู่ในบริษัทมาก่อน“คราม”“นึกว่าจะลาป่วย” เขาแซว คงเป็นเพราะเห็นฉันกลับดึกเมื่อคืน“ไม่ขนาดนั้น คอเกรดเอ” ฉันตอบพลางขำ ทั้งที่เมื่อคืนก็เมาเอาเรื่องแต่ก็พอมีสติถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลาไปดื่มกับเพื่อนรับรองว่าถึงไหนถึงกันแน่นอน แต่มีผู้ชายอยู่ด้วยในห้องอีกคนฉันก็ไม่กล้าเมาขนาดนั้น ถึงแม้ว่าเจ๋งจะเอ่ยปากบอกว่าฉันมันไม่สวย ไม่ทำอะไรฉันก็เถอะ มันก็ไม่แน่หรอกนะ“สรุปเมื่อคืน เพื่อนหรือแฟน” ครามถามกันตรงๆ แต่ก็สื่อทางสายตาว่าเขาแค่แซว“น้องน่ะ”“ใช่เหรอ เขามองเราตาขวางขนาดนั้น แถมยังร้องเพลงให้อีก” ครามหัวเราะเบาๆ“จริงๆ ไม่ใช่แฟน” ฉันตอบแล้วยิ้ม เราทั้งคู่เดินเข้าลิฟต์มาด้วยกันเวลานี้มีคนทยอยเข้ามาเรื่อย จนคุยกันเหมือนเดิมไม่ได้ กระทั่งถึงชั้นสาม
เจ๋งพาซ้อนมอเตอร์ไซด์ออกจากร้านแล้วขับช้าๆ รับลมเย็นยามค่ำคืนบนท้องถนนที่เวลานี้รถราบางตากว่าตอนกลางวัน มีแสงไฟเรียงรายอยู่ด้านข้างเพราะมีร้านข้างทางมาเปิดเพื่อรับลูกค้าที่กลับมาจากการท่องราตรี บางร้านเปิดตั้งแต่ดึกถึงเช้ากันเลย“หิวข้าว ขอแวะซื้อแป๊บนึงได้ไหม”“ทานนี่ก็ได้ เดี๋ยวนั่งรอ”“พี่กินไหม”“ไม่ กินเข้าไปคงอ๊วกแตก”บอกตามตรงตอนนี้ฉันก็เมาแล้วเพียงแต่พยายามทำตัวเหมือนไม่เมามาก ให้เจ๋งต้องเยอะเย้ยกัน ถ้าไอ้เด็กนี่รู้เข้ามีหวังหัวเราะเยาะแน่ แต่จะทำยังไงไม่ให้เขารู้นี่สิ แค่จะก้าวขาลงจากรถก็คิดว่าคงได้ล้ม“ลงมาสิ” เจ๋งยืนมองฉันที่ไม่ยอมลงจากรถมอเตอร์ไซด์เสียที“นั่งรอ ตรงนี้แหละ”“พี่เป็นไร” เจ๋งไม่ยอมง่ายๆ เขาขยับเข้ามาใกล้แล้วขมวดคิ้วมองหน้ากันจนฉันต้องรีบหันหน้าหนีเพราะตอนนี้ตาปรือมาก เรียกสติกลับมาหลายรอบแล้วด้วย“เปล่า ไม่อยากลงไป จะนั่งรอตรงนี้แหละ” ว่าแล้วก็ขยับแขนขึ้นมากอดอก มองนั่นมองนี่เรื่อยเปื่อย แต่ไม่มองหน้าเจ๋งหรอก“เมา?”“บ้า!”“งั้นก็ลงมา ไปนั่งตรงนั้น”“บอกว่าจะนั่งตรงนี้”“ดื้อจังวะ” เจ๋งไม่พูดเปล่า เขาก้าวเท้าเข้ามาใกล้แล้วตวัดแขนรวบเอวฉันก่อนจะอุ้มลงไปยืนบน
ตอนที่ 5 อย่ามายุ่งกับเมียชาวบ้านเจ๋งขึ้นร้องเพลงแล้ว เพิ่งรู้ว่าเวลาเขาร้องเพลงอยู่บนนั้นมันมีเสน่ห์มากมายขนาดนี้ ทั้งหน้าตา ทั้งเสียงร้อง ทำเอาสาวๆ หลงกันทั้งร้าน ไม่แปลกใจเลยที่เขาจะมีคนชอบมากมาย เดินไปทางไหนกับเขาฉันก็ต้องเจอกับแรงอาฆาตแค้นเจ๋งถนัดร้องเพลงช้า ส่วนมากจะเป็นเพลงเศร้าซึ้งๆ ซึ่งมันยิ่งสัมผัสได้ถึงน้ำเสียงที่ชวนให้หลงใหลของเขา ระดับเจ๋งไปเป็นดาราหรือนักร้องได้เลย จะไม่มีแมวมองมาเห็นบ้างเลยหรือ น่าแปลกแต่ความเป็นเจ๋งก็ทำให้ฉันคาดไม่ถึงมาหลายเรื่องแล้ว ตั้งแต่เรื่องเพื่อนที่เยอะมากมาย ไหนจะเรื่องผู้หญิงที่ฉันคิดมาตลอดว่าคนปากหมาแบบนี้คงไม่มีใครคบ สุดท้ายเป็นยังไงล่ะ นี่มันหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยชัดๆ“ขอโทษนะครับ”“คะ”ขณะที่นั่งมองคนหน้าเวทีกำลังร้องเพลงอยู่ จนลืมสนใจสิ่งรอบข้างเพราะเคลิ้มกับเพลงที่เจ๋งกำลังร้อง ปลายนิ้วของใครบางคนก็มาสะกิดที่ไหล่ซ้าย เล่นเอาฉันตกใจรีบหันไปมอง ก่อนจะพบว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่น่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกำลังโน้มหน้าลงมาแล้วส่งยิ้มให้“มาคนเดียวเหรอ”“คือ เปล่าค่ะ มากับเพื่อน”“ออ ขอชนแก้วได้ไหม”ฉันไม่รู้ว่าควรจะตอบอย่างไร ก็แค่ชนแก้ว จึงพย
“หมดธุระมึงยัง” เจ๋งถามต่อ“เออ ไปก็ได้วะ แล้วมึงไม่ไปร้องเพลงเหรอวันนี้” เพื่อนลุกออกไปนั่งโต๊ะข้างกันซึ่งมันก็ไม่ได้ต่างจากนั่งตรงนี้เลย โต๊ะติดกันจนกระซิบยังได้ยิน“กำลังจะไป”“โอ้ว พาสาวไปเฝ้า” เพื่อนอีกคนแซวอีกสองสามคนก็แซวกันจนฉันเขิน“เรื่องของกู”“เจ๋งมันไม่น่ารักเลยเนอะพี่”เพื่อนเขาคนหนึ่งยื่นหน้ามาคุยกับฉัน ที่เวลานี้แทบจะไม่กล้ากินก๋วยเตี๋ยวแล้ว ก็มาแซวกันขนาดนี้ใครมันจะไปกล้าคีบเส้นแล้วอ้าปากกินได้ ฉันก็อายเป็นเหมือนกัน เลยได้แต่ยิ้มแห้งเป็นคำตอบ รับบทแฟนเจ๋งคนปากหมาไปเลยยายมีนาดีนะที่ฉันกินลูกชิ้นไปแล้วไม่อย่างนั้นคงเสียดายแย่ นี่ไงล่ะคือเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องกินของที่อร่อยที่สุดก่อนเป็นอันดับแรก“กินไหม”เจ๋งไม่สนใจคำพูดเพื่อนเขาอีก คีบลูกชิ้นลูกใหญ่มาตรงหน้าก่อนจะวางมันในชามของฉันที่เหลือแต่เส้นเล็กขาวๆ อืดๆ กับผักใบเขียวที่ถูกเขี่ยไปด้านข้าง สร้างความแปลกใจให้ฉันไม่น้อยเลย“ไม่กินเหรอ”“แลกกัน” ว่าแล้วเจ๋งก็คีบเส้นฉันไปใส่ในจานตัวเอง แล้วคีบลูกชิ้นอีกสองลูกกลับมาให้กันอีก“คนอะไรไม่ชอบลูกชิ้น”เจ๋งไม่ตอบ เขาหัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วคีบเส้นเข้าปากอย่างไม่เกรงใจ แม้แต่ผั







