Share

บทที่ 3

last update Terakhir Diperbarui: 2025-11-10 11:55:20

บทที่

2

เจ้านายกับเรื่องราวของหม่าม๊าที่ถูกปิดเอาไว้

สองปีผ่านไป...

ท่ามกลางแสงแดดอ่อนในยามเช้าของวันใหม่ เจ้านายที่ถูกส่งให้มาเกิดในโลกของนิยายในสภาพของเด็กแรกเกิดยังไม่พอ แถมยังถูกส่งเข้ามาอยู่ในโลกของโอเมก้าเวิลด์โลกที่ผู้ชายสามารถท้องได้ พร้อมกับภารกิจสำคัญระดับชาติ ยังคงนอนหลับอุตุอยู่บนเตียงนุ่มๆ ไม่ขยับไปทางใด

เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ หนึ่งที แล้วพึมพำอยู่ในใจว่า ‘เอาล่ะเพื่อการมีชีวิตรอดของตัวเองถึงจะยาก แกก็ต้องปกป้องตัวละครตัวนี้ให้ได้ ถึงตอนนี้เราจะมีสภาพเป็นแค่เด็กสองขวบก็เถอะ...ลุย’ ว่าเพียงแค่นั้นเขาก็ลืมตาขึ้นมาทันใด ก่อนจะพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างยากลำบาก

ทว่าในขณะที่เขาลุกขึ้นมาอยู่นั้นกลับยากเย็นเสียนี่กระไร แล้วอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำออกมาอย่างไม่พอใจ “เป็นอย่างนี้ทำอะไยก็ไม่จะ...ดวกจิงๆ (เป็นอย่างนี้ทำอะไรไม่สะดวกจริงๆ)”

ส่งผลให้คนที่ได้ยินเสียงดังกล่าวอย่างเจ้านายอดไม่ได้ที่จะคิ้วกระตุกอยู่สองที ให้กับร่างกายเล็กๆ นี้ที่ขยับไม่ได้อย่างใจ แล้วอดไม่ได้ที่จะยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นมาดูอีกครั้งอย่างชอกช้ำระกำใจ

สิ่งที่เห็นตรงหน้าคือฝ่ามือป้อมๆ อ้วนๆ ของมือเด็กน้อยวัยสองขวบปี พอได้เห็นเช่นนั้นเจ้านายก็พ่นลมหายใจออกมาหนึ่งทีอย่างอ่อนอกอ่อนใจ

แล้วได้แต่หัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกอยู่พักใหญ่ ที่จู่ๆ ตัวเองต้องมาเกิดเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งที่อีกนานหลายปีกว่าจะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ อีกทั้งยังมีภารกิจที่ต้องปกป้องตัวละครตัวหนึ่งให้พ้นจากความตาย

คิดไปคิดมาเจ้านายก็รู้สึกหน้ามืดขึ้นมาทันใด แล้วได้แต่ร้องโวยวายออกมาแทบไม่เป็นคำว่า “ตาแจ่บ้า ส่ง เกิด ทั้ง ที ไม ไม่...ให้เกิดเป็นจาย จาจีล่า... (ตาแก่บ้าส่งให้มาเกิดทั้งที ทำไมไม่ให้เกิดเป็นชายชาตรีล่ะ)” โวยวายได้เพียงแค่นั้น คำพูดของเขาก็ต้องสะดุดเมื่อมีเสียงท้องร้องดังโครกครากขึ้นมา

เขาเลยยื่นมือไปคว้าเอาขวดนมที่นอนแอ้งแม้งอยู่ข้างกายของตัวเองมาใส่ปากอย่างลืมตัว แต่พอนึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองทำอะไรลงไป เขาก็รีบดึงขวดนมออกมาจากปากของตัวเองแทบจะทันที เพราะตัวเขานั้นได้ตั้งปฏิญาณเอาไว้ ว่าชายชาตรีอย่างเขาจะไม่ยอมแตะต้องของสิ่งนี้เป็นอันขาด

แต่เอาเข้าจริงเมื่อได้เห็นน้ำนมที่อยู่ในขวด ถึงแม้จะเหลือเพียงแค่ครึ่งเดียวก็ตาม ก็ทำให้ความกระหายอยากบังเกิดขึ้นมา และตัวเขาเองก็ไม่สามารถควบคุมความอยากที่มีได้อีกต่อไป

ต่อให้พยายามผลักไส แต่ความอยากก็อยู่เหนืออำนาจของจิตใจ จนสุดท้ายก็ต้องยัดขวดนมกลับเข้าปากอีกครั้งหนึ่งจนได้ แล้วได้แต่ดูดนมในขวดนั้นยังเจ็บใจ ที่ไม่สามารถต้านทานความรู้สึกนี้ได้อย่างใจต้องการ

ในขณะที่ตัวเองดูดนมไป ภายในหัวก็ยังสบถด่าไม่หยุดว่า ‘ตาแก่บ้าเอ๊ย บอกให้มาปกป้องตัวละคร แล้วเด็กอายุไม่ถึงห้าขวบแบบนี้ มันจะปกป้องใครได้ยังไง นี่ขนาดแค่ลงจากเตียงสูงๆ ยังยากเลย’ ดีหน่อยสองปีที่ผ่านมาคลื่นลมสงบไม่มีใครคุกคามเข้ามา

เพราะผู้เป็นมารดาของเขาหรือจะเรียกให้ถูกก็คือตัวละครที่เขาต้องปกป้องไม่ได้ออกไปไหนมากมาย รวมไปถึงมีคนคอยช่วยเหลือหางานและที่อยู่ให้ อีกทั้งยังเก็บตัวเงียบประหนึ่งเป็นบุคคลสาบสูญจึงทำให้สองปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลยแม้แต่อย่างเดียว

เจ้านายนอนดูดนมในขวดจนหมด เขาก็หยัดกายลุกขึ้นนั่งอย่างลำบาก นัยน์ตาสีเข้มกวาดตาไปมามองรอบๆ กายของตัวเองอีกที ก็เห็นว่าในเวลานี้ตัวเขานั้นยังนอนอยู่บนที่นอน โดยที่ข้างๆ กายไร้คนที่เคยนอนกอด

เจ้านายจึงอดไม่ได้ที่จะบ่นพึมพำออกมาอยู่ในใจว่า ‘แล้วนี่แม่ไปไหนอีกแล้ว ไม่รู้หรือไงอยู่ห่างๆ จากเราแบบนี้ เกิดเป็นอะไรขึ้นมาจะช่วยทันได้ยังไงกัน’ คิดได้เพียงแค่นั้นเขาก็รีบปีนลงจากเตียงกว้างโดยที่มือข้างหนึ่งยังไม่ปล่อยขวดนมเสียด้วยซ้ำไป

แต่แล้วในขณะนั้นเองก็มีเสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังให้ได้ยินอยู่ไม่ไกลว่า “เดี๋ยวเถอะเจ้านาย ทำไมปีนลงจากเตียงมาเองแบบนี้ล่ะครับ ตกลงมาจะทำยังไง” ก่อนเจ้าของเสียงดังกล่าวจะเข้ามาอุ้มร่างของเจ้านายขึ้นไปไว้ในอ้อมแขน

จึงทำให้เจ้านายที่ได้เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายได้แบบเต็มสายตา ก็เห็นว่าใบหน้าของคนที่อุ้มตัวเองขึ้นมาไม่ใช่ใครที่ไหน นอกจากไอดินผู้เป็นมารดาและเป็นตัวละครที่เขาต้องปกป้องไม่ให้ถูกคนไม่ดีมาทำร้าย

เจ้านายจึงได้แต่อุทานอยู่ในใจ ‘จะให้เรามาปกป้องแม่ตัวเอง แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าใครกันที่จะเป็นคนมาทำร้ายแม่จนถึงปางตาย แม่ไปทำอะไรผิดมาทำไมต้องปกป้องไม่ให้โดนฆ่าตายกันนะ’

เนื่องจากว่าตั้งแต่ตัวเองถือกำเนิดขึ้นมา เขาก็ได้รับการดูแลและปกป้องจากคนคนนี้มาเป็นอย่างดี แม้จะไม่เคยเห็นหน้าผู้เป็นพ่อก็ตามที

แต่สำหรับเจ้านายที่ไม่เคยมีของแบบนี้มาตั้งแต่ชาติที่แล้ว จึงถือว่าเพียงแค่นี้ตัวเองก็ได้รับความอบอุ่นเพียงพอ เขาเลยไม่ได้สนใจว่าตัวเองจะมีพ่อหรือไม่

เจ้านายคิดได้เพียงแค่นั้น คำถามที่เกิดขึ้นเมื่อครู่นี้ เขาก็ได้คำตอบกลับมาเกือบจะทันที เพราะหลังจากที่เขานั้นกำลังคิดว่าเขาจะปกป้องผู้ชายคนนี้กับใคร

จู่ๆ บริเวณหน้าบ้านก็มีบุรุษไปรษณีย์มาส่งของ จึงทำให้ไอดินจำต้องสาวเท้าไปรับของ ทั้งๆ ที่ยังอุ้มลูกน้อยอยู่ในอ้อมกอดของตัวเอง

และด้วยเหตุนี้เองตอนแกะกล่องพัสดุ สิ่งที่ไอดินได้เห็นเจ้านายเองก็ได้เห็นทุกอย่างเต็มสองตาด้วยเช่นกัน

ทันทีที่แกะกล่องพัสดุออกมาได้ สิ่งที่เห็นก็ทำให้เจ้านายถึงกับเบิกตากว้างอย่างตกใจ เมื่อสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือข้าวของเครื่องใช้ที่อยู่ภายในบ้านซึ่งถูกทำลายจนแทบไม่มีชิ้นดี

พอได้เห็นเช่นนั้น ชายหนุ่มที่อุ้มเขาไว้ก็ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้อย่างอ่อนกำลัง แล้วกำหมัดแน่น ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า “อะไรกัน อุตส่าห์หนีมาอยู่ถึงที่นี่แล้ว ยังตามราวีอีกไม่เลิกอีกเหรอ”

ว่าจบไอดินก็จับจ้องมองข้าวของเหล่านั้นด้วยแววตาที่ไหวสั่น เพราะข้าวของเหล่านี้ล้วนเป็นของใช้ภายในบ้านของเขาเอง

โดยที่มีใครบางคนนั้นลอบเขามาหยิบฉวยไปตอนไหนก็ไม่อาจรู้ได้ อีกทั้งยังทำลายข้าวของที่หยิบฉวยไปแล้วส่งกลับมาให้อีกที

จึงทำให้เขารู้ว่าแม้จะพยายามหนีแทบตาย ถ้าหากคนคนนั้นไม่ยอมปล่อย เขาที่ไม่มีกำลังมากพอก็ไปไหนไม่ได้อยู่ดี

เจ้านายจ้องมองข้าวของตรงหน้า ภายในหัวก็ถูกกรอกข้อมูลบางอย่างเข้ามาอย่างช้าๆ ไม่ต่างจากภาพฉาย ซึ่งเป็นเรื่องราวของผู้เป็นมารดา ที่อีกฝ่ายหนึ่งต้องเผชิญนั้นเคยเผชิญ

โดยที่ตัวของมารดาของเขานั้นเป็นจากเมืองอื่นที่จับพลัดจับผลูได้มาเรียนหนังสือในเมืองใหญ่ แต่เป็นเพราะด้วยความที่ไม่เคยรู้จักกับใคร และไม่เคยออกไปไหนมาไหนเลยสักครั้ง เลยทำไม่ให้โอเมก้าอย่างไอดินไม่รู้เลยว่าโลกใบนี้เต็มไปด้วยภยันตรายมากเพียงใด จึงทำให้ตัวเองตกลงไปอยู่ในหลุมพรางของคนนิสัยไม่ดีเข้าจนได้

วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังเดินทางกลับที่พัก ก็ถูกนักเลงขาใหญ่ประจำถิ่นทำร้ายร่างกายเนื่องจากเป็นโอเมก้าเพศเดี่ยวที่หลงเหลืออยู่เพียงน้อยนิดในโลกใบนี้

แต่ดูเหมือนโชคชะตาจะไม่ได้ใจร้ายกับไอดินมากมายจนเกินไป เนื่องจากว่าในเวลานั้นได้มีพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยเขาเอาไว้

และในวันนั้นเองก็ทำให้ไอดินได้รู้จักกับ ‘เจ้าขุน’ ชายหนุ่มที่เป็นอัลฟ่าเพศเดี่ยวที่มีอายุแก่กว่าเขาประมาณสองปี โดยที่อีกฝ่ายไม่ได้มีท่าทีคุกคามเขาแต่อย่างใด

หลังจากวันนั้นไอดินก็ได้พูดคุยกับคนคนนี้เสมอมา โดยที่ฝ่ายคอยเทคแคร์และดูแลเป็นอย่างดี จนสุดท้ายหัวใจที่ไม่เคยมีความรักกับใครมาก่อนหน้านี้ก็เริ่มหวั่นไหว จนพลาดพลั้งมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกันกับอีกฝ่าย

ซึ่งปัญหาเหล่านี้ก็ถูกแก้ไขด้วยความรักของเจ้าขุนที่มอบให้ด้วยเช่นกัน จนทำให้ไอดินรู้สึกว่าตัวของเขานั้นช่างโชคดีที่ได้เจอกับคนคนนี้ และวางแผนเอาไว้ว่าในอนาคตไม่ไกลพวกเขาทั้งคู่จะแต่งงานกัน

แต่แล้วอยู่มาวันหนึ่งไอดินก็ได้รู้ว่า นักเลงที่เคยมาทำร้ายเขาในวันนั้น เป็นคนที่ลูกน้องคนสนิทของเจ้าขุนจ้างวานมา และที่ทำลงไปเช่นนั้นเพราะเป็นคำสั่งของผู้เป็นนาย

และเหมือนฟ้าผ่าลงมากลางใจ เมื่อเขาได้ยินคนรักของตัวเองพูดกับเพื่อสนิทของตัวเองในห้องห้องหนึ่งว่า “ไอดินมันก็แค่ของฆ่าเวลาของฉัน ฉันเบื่อเมื่อไหร่ก็เขี่ยทิ้งเมื่อนั้นนั่นแหละ”

หลังจากที่ได้ยินคำพูดจากปากของอีกฝ่าย เรี่ยวแรงที่เคยมีอยู่ก็พลันหายไปจนร่างทั้งร่างทรุดลงนั่งอยู่ตรงนั้น เขาทำใจอยู่นานถึงจะสามารถพยุงร่างที่ไร้แรงให้หยัดกายยืนขึ้นมา

พอลุกขึ้นมาได้ไอดินก็ได้แต่ได้พาหัวใจที่รวดร้าว สาวเท้าเดินกลับไปที่พักด้วยสติที่ค่อนข้างเลื่อนลอย

เมื่อกลับมายังที่พักได้ ไอดินก็ต้องนั่งนิ่งๆ อยู่พักใหญ่ ก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งที

แล้วตั้งใจไว้ว่าจะถามเรื่องเหล่านี้กับเจ้าขุนให้กระจ่างใจ แต่เอาเข้าจริงพอได้เห็นหน้าของอีกฝ่าย เขาก็ถูกความใจดีของคนคนนั้น ทำให้ไอดินไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

ได้แต่เก็บนำความรู้สึกเหล่านี้เอาไว้อยู่ในใจตลอดเวลา จนกระทั่งวันเวลาล่วงเลยผ่านเลยไป จากเดือนกลายไปเป็นปี จึงทำให้เขาลืมเลือนเรื่องราวเหล่านี้ไปเสียสนิท

แต่ว่ากันว่ากาลเวลาเปลี่ยนผัน จิตใจคนย่อมเปลี่ยนแปลงไป และวันที่โชคชะตาของไอดินต้องพลิกเปลี่ยนอีกครั้งก็คืบคลานมาถึงจนได้

เมื่อจู่ๆ เจ้าขุนก็หายหน้าหายตาไป โดยที่ไม่สามารถติดต่อคนคนนี้ได้อีกเลย ไอดินที่เป็นห่วงอีกฝ่ายรู้สึกกระวนกระวายใจ เขาจึงพยายามเดินทางไปตามหาคนคนนี้ในสถานที่ที่คุ้นเคยอยู่หลายต่อหลายที

และด้วยเหตุนี้ก็ทำให้เขาได้รู้ในตอนนั้นคือเจ้าขุนคนรักของตัวเองกำลังจะแต่งงานกับโอเมก้าคนหนึ่ง ที่คนของตระกูลเลือกให้ เขาที่วิ่งเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วถามว่าออกไปด้วยความไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใดถึงทำกันถึงขนาดนี้

สุดท้ายสิ่งที่เขาได้รับกลับคืนมา คือสายตาที่แสนจะเย็นชาของคนที่เขารักสุดหัวใจส่งมาให้ ทำให้หัวจิตหัวใจของไอดินแตกสลายย่อยยับจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

ไอดินได้แต่ยกฝ่ามือขึ้นลูบท้องของตัวเองไปมา ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสั่น พร้อมกับคำพูดสั้นๆ ว่า “ทำไม”

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้คำพูดอธิบายจากคนคนนี้มาเลยสักคำ ร่างทั้งร่างก็ถูกคนที่เขารักหมดใจเหวี่ยงออกมาอย่างไม่ไยดี

ส่งผลให้ไอดินได้แต่กัดฟันหยัดกายลุกขึ้น แล้วถามออกไปทันทีว่า “ทำไมกัน ทำไมพี่ขุนถึงทำกับผมแบบนี้” ก่อนตัวเองจะก้มมองช่วงท้องที่บัดนี้ได้มีอีกหนึ่งชีวิต กำลังถือกำเนิดขึ้นมาอยู่ในนั้น

แล้วเงยหน้าขึ้นจ้องมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสั่น พร้อมกับตวาดเสียงดังออกไปว่า “ทำไมกัน ไหนบอกว่าจะดูแล ไหนบอกจะไม่ทิ้งกัน แล้วนี่มันอะไร”

แต่คำตอบที่ได้กลับมาจากคนที่เขารักสุดหัวใจ คือคำพูดของอีกฝ่ายที่พูดออกมาอย่างเย็นชาว่า “ฉันเบื่อนายแล้ว มันก็แค่นั้น”

หลังจากที่ได้รับคำตอบจากคนตรงหน้า ไอดินก็สูดลมหายใจเย็นๆ เข้าลึกๆ แล้วพ่นลมหายใจยาวๆ ออกมาหนึ่งที แต่สุดท้ายเขาก็ไม่อาจกั้นความร้อนในร่างกายที่ก่อตัวขึ้นมานี้ได้อย่างใจ

กระบอกตาร้อนผ่าว ยากนักที่จะควบคุมมันได้ไหว สุดท้ายก็มีหยาดน้ำใสไหลอาบออกมา เขาพยักหน้าขึ้นลงอย่างเข้าใจ แล้วจ้องมองใบหน้าของคนที่เขารักมากอีกครั้ง พร้อมกับพยายามเค้นเสียงพูดออกไปอย่างลำบากว่า “ได้...ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อนก็แล้วกัน”

ว่าจบไอดินก็หมุนกายแล้วสาวเท้าเดินจากไป โดยที่ไม่ร้องขอความเห็นใจจากครอบครัวนี้เลยแม้แต่อย่างเดียว

แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ไอดินตัดสินใจในวันนั้นจะเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดอย่างมหันต์ เพราะนอกจากผู้เป็นมารดาของเจ้าขุนจะไม่ยอมเลิกยุ่งกับเขาง่ายๆ ยิ่งอีกฝ่ายรู้ว่าเขาให้กำเนิดบุตรชายคนหนึ่งออกมา ก็ยิ่งตามราวีไม่เลิกรา เพราะเกรงว่าเขาจะใช้ลูกชายกลับไปร้องขอความเห็นใจจากบุตรชายตน

หลังจากที่ได้เห็นเรื่องราวของไอดินที่พรั่งพรูเข้ามาในหัวไม่หยุดหย่อน เจ้านายก็ได้แต่ทอดถอนลมหายใจออกมาหนึ่งที แล้วอดไม่ได้ที่จะสบถอยู่ในใจว่า ‘ไม่ว่าอยู่ในโลกใบไหน ก็หนีเรื่องชนชั้นสัปปะรังเคนี้ไม่พ้น’

แต่แล้วในขณะที่เจ้านายนั่งถึงเรื่องต่างๆ ของมารดาที่เกิดขึ้นมา จู่ๆ เขาก็ได้ยินเสียงไอดินพ่นลมหายใจออกมาหนึ่งที

ก่อนชายหนุ่มจะยื่นฝ่ามือมากุมศีรษะของเขาเอาไว้ แล้วหันมาพูดด้วยรอยยิ้มบางว่า “ว๊าแย่จัง ทำไมวันนี้คุณลุงช่างที่หม่าม๊าส่งของไปซ่อม เขาซ่อมของใช้ให้หม่าม๊าไม่ได้ ก็เลยต้องส่งคืนมาแบบนี้ ไม่นึกเลยว่าจะซ่อมไม่ได้ถึงขนาดนี้นะเนี่ย”

แม้อีกฝ่ายจะพูดขึ้นมาเพราะไม่อยากให้เด็กอย่างเขาที่เห็นภาพตรงหน้าเกิดอาการหวาดกลัวต่อสิ่งที่เห็น แต่ถึงอย่างนั้นเจ้านายก็รู้ดีว่าสิ่งที่เกิดมาในวันนี้คือสิ่งใด

แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอยากให้ภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงด้วยดี และตัวเขาก็จะได้มีชีวิตอยู่ต่อไปได้ เขาจึงพูดตามน้ำไปว่า “ยุงจ่างจ่อม...ไม่ได้...หยอ ฮับ (ลุงช่างซ่อมไม่ได้เหรอครับ) ”

“ใช่จ้ะลุงช่างซ่อมไม่ได้ ก็เลยส่งกลับมาให้หม่าม๊า”

ยามได้ยินคำพูดของอีกฝ่ายเจ้านายก็เผยรอยยิ้มกว้างออกมา ก่อนจะยื่นมือเล็กๆ ทั้งสองข้างไปจับกล่องพัสดุเอาไว้ แล้วพูดออกมาด้วยรอยยิ้มว่า “ให้นายนายจ่อม นายนายจ่อมเป็น (ให้นายนายซ่อม นายนายซ่อมเป็น)” พร้อมกับส่งยิ้มแฉ่งไปให้ผู้เป็นมารดาอีกที

ส่งผลให้ไอดินอดไม่ได้ที่จะส่ายศีรษะไปมา พร้อมกับยิ้มขำให้กับท่าทางของอีกฝ่าย ก่อนเจ้าตัวจะยกขึ้นมือขึ้นไปจับศีรษะของเด็กน้อยตรงหน้าพร้อมกับโยกเบาๆ ไปมา แล้วกล่าวออกไปด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่มว่า “ไว้ให้เจ้านายโตกว่านี้อีกหน่อย หม่าม๊าจะให้ผมซ่อมให้นะครับ แต่ตอนนี้เจ้านายยังเด็ก เดี๋ยวของพวกนี้จะบาดมือเอา”

พอได้เห็นท่าทางของคนตรงหน้า เจ้านายก็ทำสีหน้าผิดหวังออกมาเล็กน้อย แต่ก็ยอมพยักหน้าลงอย่างเข้าใจ ก่อนจะยอมปล่อยมือจากกล่องพัสดุตรงหน้า เพื่อให้ผู้เป็นมาเป็นมารดาได้เก็บกลับไปแต่โดยดี

เมื่อเห็นว่าบุตรชายตัวเองยินยอมปล่อยของตรงหน้าอย่างว่าง่าย ไอดินก็ยกกล่องกระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะขึ้นมาทันที แล้วเอาไปเก็บในที่ลับสายตา

หลังจากที่จัดการกับของที่ถูกใครบางคนส่งมาเรียบร้อยแล้ว ไอดินก็เหลียวหน้าหันมามองเจ้าตัวแสบของบ้าน ก่อนจะพูดออกไปว่า “หม่าม๊าเก็บของแล้ว ถึงเวลาที่เจ้านายจะต้องอาบน้ำแล้วนะครับ เพราะเดี๋ยวหม่าม๊าจะพาเจ้านายไปเที่ยวห้างสรรพสินค้ากัน”

เจ้านายที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย จึงพยักหน้าลงเป็นคำตอบกลับไป พร้อมกับยื่นขวดนมเปล่าไปให้คนตรงหน้า แล้วถามออกไปว่า “ขอนายนาย...จิน...จินนมอีกจวดนะฮับ (ขอนายนายกินนมอีกขวดนะครับ)”

สิ้นเสียงดังกล่าวไอดินจึงส่ายศีรษะไปมา แล้วตอบกลับไปว่า “ตอนนี้เจ้านายต้องอาบน้ำกินข้าวก่อนนะครับ แล้วค่อยกินนมนะโอเคไหมครับ เดี๋ยวหม่าม๊าจะชงให้”

ได้ยินเช่นนั้นเจ้านายจึงหลุบสายตามองขวดนมที่ถืออยู่ในมืออย่างชั่งใจ แม้จะรู้สึกหิวนมจนทนไม่ไหว

แต่เป็นเพราะตัวเองไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องลำบากใจ เขาจึงพยักหน้าลงเป็นคำตอบกลับไปพร้อมกับพูดออกมาด้วยถ้อยคำสั้นๆ ว่า “ฮับ...อาบ...น้ำจินจ้าว แล้วต้อยจิน (ครับอาบน้ำกินข้าวแล้วค่อยกิน)”

พอเห็นว่าเด็กน้อยตรงหน้าไม่ได้มีท่าทีต่อต้านอะไร ไอดินก็เผยรอยยิ้มบางออกมาอย่างพอใจ และชื่นชมคนตัวเล็กกว่าที่เป็นคนว่านอนสอนง่ายไม่งอแงเหมือนเด็กทั่วๆ ไป

เขาจึงรับขวดในมือของอีกฝ่ายไปล้างทำความสะอาดไว้ เพื่อที่หลังจากที่จัดการกับมื้อเช้าของเจ้าลูกชายตัวแสบเรียบร้อยแล้วจะได้ชงนมให้เลยทันที
Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terbaru

  • เพชฌฆาตฟันน้ำนม (Omegaverse)   บทที่ 69

    กีตาร์ที่ได้ยินคำคำนี้จึงจ้องมองเจ้าขุนด้วยสายตาที่ไม่ยอมแพ้กลับไป แล้วพยักหน้าขึ้นลงไปมาราวกับเข้าใจทุกอย่างเป็นอย่างดีเพียงไม่นานริมฝีปากบางบนใบหน้าน่ารักก็เหยียดยิ้มหยันออกมา แต่รอยยิ้มดังกล่าวกลับส่งไปไม่ถึงดวงตา พร้อมกับพึมพำออกมาเบาๆ ว่า “ได้ ต้าไปก็ได้” เขาพูดออกมาได้เพียงแค่นั้นน้ำตาแห่งควา

  • เพชฌฆาตฟันน้ำนม (Omegaverse)   บทที่ 68

    ส่งผลให้คุณหญิงเพ็ญแขที่ได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย อดไม่ได้ที่จะตวาดเสียงดังลั่นออกไปว่า “นี่ ฉันบอกแกแล้วไม่ใช่หรือไงว่าถ้ารักที่จะอยู่ที่นี่ก็อย่าแตะต้องเด็กคนนั้น...”แล้วปรี่เข้าไปหาอีกฝ่ายอย่างอดรนทนไม่ไหวทว่าคุณหญิงเพ็ญแขพูดออกมาได้ดีเพียงแค่นั้น ก็มีเสียงของเจ้าขุนดังขึ้นมาว่า “แม่...ปล่อยผมจัดการ

  • เพชฌฆาตฟันน้ำนม (Omegaverse)   บทที่ 67

    เจ้าขุนจึงคำรามออกมาอย่างทนไม่ไหว “กีตาร์” แล้วสาวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่ายแทบจะทันทีส่งผลให้กีตาร์ที่ได้เห็นสายตาของอีกฝ่าย ถึงกับรีบก้าวถอยหลังหนีอย่างหวาดหวั่น แต่ถึงอย่างนั้นดูเหมือนยิ่งรีบหนีก็ยิ่งลนลานอย่างเต็มกำลัง จึงทำให้ขาทั้งสองข้างพันกัน แล้วล้มลงไปอีกครั้งหนึ่งจนได้ส่งผลให้เจ้าขุนสาวเท้าไปถ

  • เพชฌฆาตฟันน้ำนม (Omegaverse)   บทที่ 66

    สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย จึงทำให้กีตาร์รู้ได้ทันทีว่า ในตอนนี้เจ้าขุนรู้เรื่องที่ตัวเองส่งคนไปจัดการกับไอดินแล้วอย่างแน่นอนกีตาร์จึงทำใจดีสู้เสือ เขาทำหน้าตาใสซื่อ พร้อมกับพูดออกไป “พี่ขุนกำลังพูดเรื่องอะไรน่ะ ผมไม่เห็นเข้าใจเลย” แล้วพยายามก้าวเท้าเข้าไปหาอีกฝ่าย เพื่อหมายจะใช้สายตาของตัวเองออดอ้อนให้คน

  • เพชฌฆาตฟันน้ำนม (Omegaverse)   บทที่ 65

    เพราะเขาไม่อยากจะคิดเลยว่าหากกระสุนเหล่านี้เจาะทะลุร่างกายของไอดินและเจ้านายสภาพของคนทั้งสองจะเป็นเช่นไร แล้วอดไม่ได้ที่จะพ่นลมหายใจออกมายาวๆ หนึ่งทีจากนั้นจึงเหลียวหน้าหันไปมองสหายสนิทที่ขอยืมแรงมาช่วยในงานนี้ พร้อมกับพูดออกไปว่า “ขอบใจมาก ถ้าแกมาที่นี่ไม่ทันฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทั้งสองคนจะเป็นย

  • เพชฌฆาตฟันน้ำนม (Omegaverse)   บทที่ 64

    บทที่21จัดการท่ามกลางความโกลาหลที่แสนวุ่นวายภายในบ้านหลังไม่เล็กไม่ใหญ่ เสียงของเจ้าขุนเรียกให้คนที่อยู่ด้านในเหลียวหน้าหันไปมองคนพูดแทบจะทันทีก่อนจะมีเสียงของนายตำรวจหนุ่มที่อุ้มเจ้านายเมื่อครู่นี้ สาวเท้าเดินไปหาอีกฝ่ายพร้อมก็พูดออกไปว่า “พวกเขาสบายดีไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”ได้ยินเช่นนั้นริมฝีปากบ

Bab Lainnya
Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status