อันธิกาอึ้งไปเล็กน้อย
“ถ้างั้น...อ้นก็ควรจะไปขอร้องวีเขาอีกใช่ไหมคะ ตกแต่งห้องให้อ้นหน่อย จะได้แจ๋วบ้าง”
เขารู้ว่าหล่อนประชด แต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย
“ไปนะคะ...แป๊บเดียวเอง”
หล่อนเข้ามาฉุดเขาให้ลุกขึ้น แล้วควงแขนออกมาด้วยกัน คุณอาร์มมองเห็นเข้าพอดี เขาเพิ่งออกจากห้องของสุนิสา...เห็นเข้าก็ได้แต่ยืนมอง ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปหาคนในห้อง บอกเสียงไม่ดังมากนัก
“ผมอยากให้ช่วยดูๆ ให้หน่อย...ยายอ้นกับอัมพุ...รายงานผมด้วยทุกระยะนะว่าเกี่ยวข้องกันแค่ไหน ผมอยากให้งานเป็นงาน ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาพัวพัน”
สุนิสารับคำ งานกับเรื่องอื่น คุณอาร์มพยายามจะแยกจากกัน เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขา จึงเป็นเรื่องแยกจากกันเด็ดขาด เมื่อหล่อนทำงานอยู่ในออฟฟิศนี้ เมื่ออยู่บ้าน...นั่นจึงจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่มีใครรู้เลยว่าสุนิสาก็เป็นภรรยาอีกคนของเขา
เป็นมาหลายปีแล้ว ในสภาพเมียน้อย บ้านหนึ่งหลัง รถยนต์หนึ่งคัน คือสิ่งที่หล่อนได้รับแล้วก็พอใจ โดยไม่เรียกร้องอ้นใดอีก หล่อนจะต้อนรับคุณอาร์มที่บ้าน เพียงอาทิตย์ละสองวัน คือวันอังคารกับวันศุกร์...นอกนั้นหล่อนจะเป็นตัวของตัวเอง สุนิสารู้ว่ามันไม่สึกหรอแต่อย่างใด และหากหล่อนไม่พูด ใครจะมารู้ว่าหล่อนเป็นเมียน้อย...
“ผมกลับก่อนละ”
เขาบอก สุภาพเสมอกับคนทุกคน...แม้คนนั้นจะเป็นเพียงคนในสังกัดของออฟฟิศเขา
“มุมนี้ไม่ดีเลย มองลงไปเห็นแต่อาคาร...อ้นชอบที่ห้องของวีเค้ามากกว่า ด้านนั้นมองออกไปยังเห็นสีเขียวๆ ของต้นไม้ใบไม้บ้าง...”
เพราะด้านนั้นติดกับบริเวณสถานทูตเก่าแก่ มีต้นไม้ใหญ่ร่มครึ้มขึ้นระเกะระกะ แต่ให้ความรื่นรมย์กับสายตาเป็นอ้นมาก
“ตรงนี้ไม่มีอะไรเลย คอยดูนะ ถ้าหนังสือไปรอด อ้นจะพูดกับแม่อีกหน...” หล่อนทำซุ่มเสียงหมายมาด “อ้นอยากได้ที่ใหม่ ตึกนี้น่ะพลุกพล่านเกินไป”
“ผมว่าดีนะ ไปมาสะดวก กลางเมืองอีกด้วย แล้วออฟฟิศส่วนใหญ่ของคุณพ่อคุณก็อยู่ที่ตึกนี่ ท่านเองจะได้มีเวลาสะดวก”
“คอยมาคุมน่ะเหรอ”
หล่อนย่นจมูกนิด ดูน่ารักกับกิริยานั้น แล้วก็สั่นหัวตามมาเกือบจะทันที อันธิกาสูงกว่าอุรวี เพรียวจนดูผอม...หล่อนแต่งตัวเรียบแต่เก๋ กระโปรงแคบแหวกด้านข้างขึ้นไปพอเห็นเนื้อขาวเนียนนวลของขาอ่อนเวลาก้าวเดิน กระโปรงแดง เสื้อขาวแขนยาวเนื้อผ้ามันวาวแบบเรียบ มีกระเป๋าตรงอกเสื้อแล้วมีผ้าเช็ดหน้าเสียบอยู่ เป็นผ้าเนื้อเบาสีแดงมีขลิบดำขรึม และยี่ห้อเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษเด่นชัด
บนความสูงของรองเท้าสี่นิ้ว ส่งให้อันธิกาสูงเกือบจะเท่าเขาทีเดียว แต่หล่อนก็เคลื่อนไหวไปมาอย่างสะดวกบนความสูงขนาดนั้น นี่ถ้าหากลิฟต์เสีย เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าอันธิกาจะทำอย่างไรกับรองเท้าคู่นี้
“เหม็นสีนะคะ...กลิ่นสีนี่อ้นไม่ชอบเล้ย”
หล่อนอยู่ในห้องได้เพียงไม่นาน ก็ชวนเขาออกมาหลังจากทำท่าวิงเวียนกับกลิ่นสี
“เที่ยงนี้จะทานข้าวกับใคร”
“คนเดียวมังครับ ร้านแถวนี้เยอะเยอะ ผมสำรวจเอาไว้แล้ว...”
“วันนี้อ้นไม่ว่างด้วยซิ จะต้องวิ่งติดต่อเรื่องแอ็ดเอง กลัวค่ะ กลัวจะได้ไม่เต็มที่ บอกตามตรงว่าอยากใช้ลำแข้ง...หมดท่าเข้าซะก่อนค่อยวิ่งไปหาแม่...ให้แม่ช่วยอีกแรง” หล่อนมาส่งเขาที่ห้อง “อ้นคงไม่ได้ทานข้าวด้วย แต่ตอนเย็นอ้นจะแวะมารับนะคะ รออ้นล่ะ อย่าใจร้อนกลับไปเอง”
“ผมอาจจะทำงานล่วงเวลา...งานมันกระชั้นเข้ามาแล้วนะครับ ถ้าจะมา...ก็อาจจะเป็นค่ำ แล้วจะไม่สะดวก ผมกลับเองดีกว่า”
“ล่วงเวลา ตายละ...ถึงขั้นนั้นเชียวหรือคะ...แหม...ยังไงๆ มันก็เสร็จแน่ๆ อัมพุอย่าไซต์ให้มากไปเลย อ้นยังเฉยๆ เพราะอ้นรู้ว่าต้องเรียบร้อย เพิ่งมาถึง ทำงานโหมหนักเกินไปก็เหนื่อยเปล่า...เย็นๆ ก็ได้ ค่ำก็ได้...แต่อย่ากลับเอง อ้นจะมารับ ไปนะคะ”
หล่อนจุ๊บแก้มเขาเบาๆ เปิดเผยในความรู้สึกของตัวเอง แววตาที่มองเขาก็เปี่ยมไปด้วยความเสน่หาเป็นล้นพ้น แต่อัมพุเริ่มเป็นกังวล เขาไม่แน่ใจว่าที่เขาตัดสินใจยอมรับคำตกลงของหล่อน เขาคิดผิดหรือถูกกันแน่
มันชักจะก้ำกึ่งกัน
ตอนนั้นเขาอยากกลับบ้านด้วย...กลับมาทั้งที่รู้ว่าที่นี่เขาไม่มีใคร...มีน้องสาวอีกคน หล่อนก็แต่งงานไปแล้วกับหนุ่มอเมริกัน บินไปอยู่แคนาดาเสียแล้ว นอกนั้นเขาไม่มีวงศาคณาญาติทางนี้อีก เป็นตัวคนเดียวโดยแท้ เขาคิดว่าจะกลับมาตั้งหลักสร้างตัว เพื่อครอบครัวของเขา แต่อันธิกาเริ่มทำให้เขาเป็นกังวล นับจากเรื่องการงานไปจนถึงเรื่องส่วนตัวเลยทีเดียว
เช็ดรอยลิปสติกออกจากแก้มของตัวเอง แล้วเขาก็ลงมือทำงานไปจนถึงเที่ยงกว่าๆ จนประตูห้องมีเสียงเคาะ แล้วสุนิสาโผล่หน้าเข้ามาถามอย่างอาทร
“ทานกลางวันกันเถอะค่ะ วันนี้ออฟฟิศข้างบนเขาจัดเลี้ยง เขาเชิญพวกเราด้วย...คนกันเองทั้งนั้น ไปรู้จักกันเอาไว้หน่อย จะเป็นคนในออฟฟิศเดียวกันทั้งที”
“ยายอ้นหายไปอีกแล้วละค่ะ”คุณอาร์มกลับเข้ามาถึงบ้านในตอนตีหนึ่ง มีกลิ่นหอมบางอย่างติดตามเสื้อผ้าของเขามาด้วย แต่คุณนพมาศก็ไม่ได้เอามาจับผิดมากมายนัก เขาอาจจะไปกับเพื่อนฝูงในแวดวงธุรกิจของเขา แล้วไปลงเอยในที่ที่มีเหล้าขาย มีหญิงบริการ เธอเองก็ป้อนให้เขาอีกไม่ได้แล้วในเรื่องทำนองนั้น ตราบใดที่เขาไม่ได้เอาผู้หญิงคนไหนมาเลี้ยงเป็นตัวตน ตราบนั้นเธอก็มองข้ามเรื่องแบบนี้ไปได้เหมือนกัน“ไปดิ้นอยู่มั้ง”เขารูดเนกไทออก กลับมาจากบ้านของสุนิสาในสภาพที่เหมือนเพิ่งออกไปจากบ้าน แต่คุณนพมาศก็จะไม่รู้เด็ดขาดว่ามาจากบ้านของสุนิสา“เธคยังไม่เลิกนี่ ยายอ้นแกก็ไปอยู่บ่อยๆ” เขาไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก เมื่อตอนค่ำที่เห็นอันธิกาอยู่บ้านนั่นตะหากถึงเป็นเรื่องแปลกมาก “เดี๋ยวพอเธคเลิก ร้านข้าวต้มปิด ก็พอดีได้เวลากลับมานอน”“แกมีอะไรแปลกๆ”ด้วยความเป็นแม่ เธอห่วงลูกมากกว่าเขา คุณนพมาศยังไม่ได้นอน แม้เวลาจะเข้าไปตีสามแล้ว สามีของเธอนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังตื่นอยู่ ลืมตาโพลงอยู่บนเตียง จนกระทั่งได้ยินเสียงรถของอันธิกาแล่นเข้ามาในบ้าน เธอก็ลุกขึ้นสวมรองเท้าแตะที่ถอดวางเอาไว้บนพรมเล็กหน้าเตียง เปิดประตูห้องอย่างแผ
อันธิกาวางหูลง สีหน้าของหล่อนกระด้าง แล้วหล่อนก็ทนอยู่ไม่ได้ ลุกจากบนเตียงนอนไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าออกมา แล้วลงมือแต่งตัวอย่างรวดเร็ว“อ้น จะไปไหน”“จะออกไปข้างนอกค่ะ”หล่อนวิ่งออกไป ทิ้งให้คุณนพมาศมองตามด้วยความห่วงใย ก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่อันธิกาออกไปจากบ้านในยามค่ำคืน ไม่ใช่เป็นแต่เพียงครั้งนี้เท่านั้น แต่คราวนี้ความห่วงใยมีมาก เพราะผู้ชายคนนั้น...ผู้ชายที่คุณนพมาศไม่พึงปรารถนาเอาเสียเลย เพราะข่าวลือของเขาออกมาในทางเสื่อมเสียมากกว่าในทางดีคุณอาร์มก็ไม่อยู่เสียด้วย ไม่รู้จะหันไปพูดกับใคร นอกจากผุดลุกผุดนั่งอยู่ตลอดเวลา ว่าป่านนี้อันธิกาจะเตลิดไปหานายคนนั้นหรือไม่ เห็นทีเธอจะต้องจัดการทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว แทนที่จะมองดูอยู่เฉยๆคุณนพมาศไม่ได้เห็นว่าอันธิกาทำอะไรไปบ้าง เมื่อออกมาจากบ้านแล้ว และหากเห็นคงจะตระหนกตกใจเสียเป็นแน่...เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องรีบออกมาจากห้องน้ำ...ทั้งที่เนื้อตัวมีแต่เพียงผ้าขนหนูพันกายเอาไว้เพียงผืนเดียว แง้มประตูออกดูก่อนว่าใคร แต่ยังไม่ได้ปลดโซ่ออก แล้วชายหนุ่มก็ผงะกลับ เมื่อเห็นเป็นอันธิกา...หล่อนมาทำไมในเวลาป่านน
หนุ่มใหญ่ร่างสูงผิวคล้ำ มีรอยยิ้มรื่นเริงประดับอยู่บนใบหน้า ใต้เรียวหนวดบางๆ ที่ขลิบเอาไว้เป็นระเบียบ เขาส่งมือมาก่อนด้วยความเคยชิน แล้วก็ชะงักเมื่ออุรวียกมือไหว้ ได้ยินแต่เสียงหัวเราะฮ่าๆ ชอบอกชอบใจ“โทษที ผมลืมไป” เขารับไหว้ พูดด้วยเสียงดังฟังชัด อายุของเขาคงจะมากกว่าอัมพุ...แต่เรื่องนี้หล่อนก็ไม่อยากเดา เพราะอุรวีเดาอายุของใครไม่เคยถูกเลยสักหน“ที่นี่มีแต่แขกฝรั่ง นานๆ ทีจะได้ต้อนรับแขกคนไทย...คุณคนนี้หรือเปล่าที่ว่าไปตามตัวนายจากโน่น ให้กลับมาทำงานที่นี่”เขาคงคิดว่าหล่อนเป็นอันธิกา หญิงสาวไม่พูดอะไร แต่อัมพุเป็นคนอธิบายเสียเอง ต่อความเข้าใจผิดที่ว่านั่น“พี่สาวคุณอันธิกา...”“ตามสบายนะครับ...อาหารจานนี้...” เขาแนะนำคล่องแคล่วสมกับเป็นเจ้าของ และยังเป็นพ่อครัวด้วยตัวเองอีกด้วย “แล้วตามด้วยจานนี้...รับรองครับว่าอร่อยมาก...ผมลงมือปรุงเอง...อัมพุ...จะลองฝีมืออีกไหม...” อีกฝ่ายเชิญชวน ก่อนจะบอกอุรวีว่า “อัมพุมีฝีมือเหมือนกันนะครับ เขาเคยไปฝึกวิทยายุทธ์ ใหม่ๆ ก็ทนกลืน พอนานเข้ามันก็ใช้ได้”“อย่าเลย จะพลอยเสียเครดิตร้านไปเปล่าๆ พาคุณวีมาชิม...แล้ววันหน้าจะได้มาเป็นลูกค้าประจำ”“เชิญนะคร
อันธิกาไปใช้โทรศัพท์อีกห้องหนึ่ง ต่อสายไปหาอัมพุก่อนโอเปอเรเตอร์บอกว่าไม่มีคนรับสาย แปลว่าอัมพุยังไม่กลับมา แล้วพอโทรฯ ไปบ้านอุรวี หญิงสาวก็ยังไม่กลับบ้านเหมือนกัน หล่อนหงุดหงิดจนอยากจะยกโทรศัพท์ขึ้นทุ่มทิ้ง“โทรฯ หาใคร”คุณนพมาศเดินเข้ามา หล่อนได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากบ้าน มันเป็นปกติธรรมดา บางทีคุณอาร์มก็จะไปตรวจงานของเขา กว่าเขาจะตั้งมั่นขึ้นมาได้ เขามีความขยันเป็นแรงผลักดัน แล้วก็ไม่ปล่อยงานทุกชิ้นผ่านไปโดยไม่ได้ตรวจสอบจากเขาอีก โดยที่คุณนพมาศกับอันธิกาไม่รู้เหมือนๆ กันว่า นี่คือคืนวันศุกร์ คืนที่เขาจะต้องแวะไปหาสุนิสา หลังจากตระเวนไปเรื่องงานของเขาแล้ว...แต่เขาไม่เคยค้าง...ไม่เคยทำให้ทางบ้านจับได้ว่า เขามีบ้านเล็ก“อัมพุค่ะ”หล่อนบอกอย่างเปิดเผย หงุดหงิดหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง อันธิกาถึงเรียกสาวใช้ขึ้นไปหยิบบุหรี่มาให้ คุณนพมาศไม่ได้ท้วงติง แต่ก็มองอย่างไม่ชอบใจสักเท่าไหร่“วันนี้ไม่เจอเขาหรอกรึ”“เจอน่ะเจอค่ะ...แต่ตอนเย็นไม่ได้เจอ...นี่เขาไปไหนก็ไม่รู้” หล่อนเงยหน้าขึ้นพ่นควันบุหรี่ลอยตามกันออกมาเป็นสาย... ”อ้นกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะมีที่ไปที่ไหนอีก”“ทำเหมือนเขาไม่มีที่ไป นี่แ
อุรวีออกจากห้องก็เกือบจะหกโมง สำนักงานทั้งหมดต้องปิดไฟแล้ว มีแสงไฟลอดออกมาจากใต้พื้นห้องของฝ่ายศิลป์คนใหม่...ตอนแรกหญิงสาวหลงเข้าใจว่าเป็นเพราะเขาลืมปิดไฟ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป หล่อนก็ให้ฉงนฉงายเต็มที่เมื่อเห็นเขากำลังง่วนอยู่กับงาน“ขอโทษ...”หล่อนบอกแล้วถอยออกมาโดยเร็ว ใครจะคิดว่าเขายังอยู่ อุรวีไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขามากนัก ชังน้ำหน้าเมื่อเช้ายังไม่หาย ที่เขากล้าหาญพอจะเตือนว่าหล่อนทำตัวไม่ถูก เขาไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น หล่อนงับประตูห้องปิดอย่างแผ่วเบา แทบจะไม่มีเสียงอัมพุวางงานในมือลง แล้วโดยไวเท่ากับความคิดที่ผ่านแวบเข้ามา เขาลุกมาแล้วก้าวยาวๆ มาเปิดประตู ชะโงกตัวมากกว่าครึ่ง เพื่อเรียกหล่อนไว้“คุณวี...”น้ำเสียงของเขาสนิทสนม เหมือนรู้จักมักคุ้นมาเนิ่นนาน หล่อนไม่ใช่คนถือตัวก็จริง แต่รู้สึกแปลกๆ หู“ผมจะเลี้ยง...” เขาตะโกนบอกตามมาอีก“เนื่องในโอกาสอะไร”เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ชายหนุ่มหาโอกาสไม่ได้ แต่อุรวีหาคำตอบได้ด้วยตัวของหล่อนเอง“คงจะกลัวติดค้างมื้อเช้านี้มั้ง...ก็ได้...จะได้ไม่มาติดค้างกัน...ฉันจะไปรอข้างล่าง”แล้วหล่อนก็ลงมา รอได้ไม่ถึงห้านาที เขาก็ลงมา แล้วพอเขาขึ้นรถ อุรว
อันธิกาอึ้งไปเล็กน้อย“ถ้างั้น...อ้นก็ควรจะไปขอร้องวีเขาอีกใช่ไหมคะ ตกแต่งห้องให้อ้นหน่อย จะได้แจ๋วบ้าง”เขารู้ว่าหล่อนประชด แต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย“ไปนะคะ...แป๊บเดียวเอง”หล่อนเข้ามาฉุดเขาให้ลุกขึ้น แล้วควงแขนออกมาด้วยกัน คุณอาร์มมองเห็นเข้าพอดี เขาเพิ่งออกจากห้องของสุนิสา...เห็นเข้าก็ได้แต่ยืนมอง ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปหาคนในห้อง บอกเสียงไม่ดังมากนัก“ผมอยากให้ช่วยดูๆ ให้หน่อย...ยายอ้นกับอัมพุ...รายงานผมด้วยทุกระยะนะว่าเกี่ยวข้องกันแค่ไหน ผมอยากให้งานเป็นงาน ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาพัวพัน”สุนิสารับคำ งานกับเรื่องอื่น คุณอาร์มพยายามจะแยกจากกัน เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขา จึงเป็นเรื่องแยกจากกันเด็ดขาด เมื่อหล่อนทำงานอยู่ในออฟฟิศนี้ เมื่ออยู่บ้าน...นั่นจึงจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่มีใครรู้เลยว่าสุนิสาก็เป็นภรรยาอีกคนของเขาเป็นมาหลายปีแล้ว ในสภาพเมียน้อย บ้านหนึ่งหลัง รถยนต์หนึ่งคัน คือสิ่งที่หล่อนได้รับแล้วก็พอใจ โดยไม่เรียกร้องอ้นใดอีก หล่อนจะต้อนรับคุณอาร์มที่บ้าน เพียงอาทิตย์ละสองวัน คือวันอังคารกับวันศุกร์...นอกนั้นหล่อนจะเป็นตัวของตัวเอง สุนิสารู้ว่ามันไม่สึกหรอแต่อย่างใด แ