อุรวีออกจากห้องก็เกือบจะหกโมง สำนักงานทั้งหมดต้องปิดไฟแล้ว มีแสงไฟลอดออกมาจากใต้พื้นห้องของฝ่ายศิลป์คนใหม่...ตอนแรกหญิงสาวหลงเข้าใจว่าเป็นเพราะเขาลืมปิดไฟ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป หล่อนก็ให้ฉงนฉงายเต็มที่เมื่อเห็นเขากำลังง่วนอยู่กับงาน
“ขอโทษ...”
หล่อนบอกแล้วถอยออกมาโดยเร็ว ใครจะคิดว่าเขายังอยู่ อุรวีไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขามากนัก ชังน้ำหน้าเมื่อเช้ายังไม่หาย ที่เขากล้าหาญพอจะเตือนว่าหล่อนทำตัวไม่ถูก เขาไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น หล่อนงับประตูห้องปิดอย่างแผ่วเบา แทบจะไม่มีเสียง
อัมพุวางงานในมือลง แล้วโดยไวเท่ากับความคิดที่ผ่านแวบเข้ามา เขาลุกมาแล้วก้าวยาวๆ มาเปิดประตู ชะโงกตัวมากกว่าครึ่ง เพื่อเรียกหล่อนไว้
“คุณวี...”
น้ำเสียงของเขาสนิทสนม เหมือนรู้จักมักคุ้นมาเนิ่นนาน หล่อนไม่ใช่คนถือตัวก็จริง แต่รู้สึกแปลกๆ หู
“ผมจะเลี้ยง...” เขาตะโกนบอกตามมาอีก
“เนื่องในโอกาสอะไร”
เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ชายหนุ่มหาโอกาสไม่ได้ แต่อุรวีหาคำตอบได้ด้วยตัวของหล่อนเอง
“คงจะกลัวติดค้างมื้อเช้านี้มั้ง...ก็ได้...จะได้ไม่มาติดค้างกัน...ฉันจะไปรอข้างล่าง”
แล้วหล่อนก็ลงมา รอได้ไม่ถึงห้านาที เขาก็ลงมา แล้วพอเขาขึ้นรถ อุรวีเลี้ยวรถออกไป หล่อนกับอัมพุไม่ทันเห็นรถยนต์ของอันธิกาที่แล่นเข้ามาอีกด้าน...แต่อันธิกาตาลุกวาว
อัมพุกับอุรวี...ความรู้สึกของหล่อนตอนนี้เหมือนถูกทิ่มแทงด้วยเข็มแหลมเป็นสิบเป็นร้อยพร้อมๆ กัน จนเจ็บแปลบแน่นในอกไปหมด จนต้องจอดรถจับพวงมาลัยอยู่นิ่งๆ เป็นนาน ถึงจะขับรถออกไปได้ แต่พอออกมาถึงถนนก็มองไม่เห็นรถยนต์ของอุรวีเสียแล้ว นอกจากรถคันอื่นๆที่แล่นกันขวักไขว่เต็มท้องถนน อยากรู้แล่นขึ้นมาเต็มล้นว่าสองคนนั่นชวนกันไปไหนหรือเปล่า หรือเพียงแต่อัมพุจะให้อุรวีพาไปส่งที่คอนโดฯ ก็หล่อนล่ะ...อุตส่าห์รับอาสาเอาไว้แล้วทำไมเขาไม่รอ
อันธิกาขับรถออกไปอย่างกระชากกระชั้นเต็มที่ แล้วในที่สุดหล่อนก็มาถึงคอนโดฯ แห่งนั้น อัมพุยังไม่กลับมา...หล่อนอุตส่าห์อดทนนั่งรอ...รออยู่อีกชั่วโมงเต็มๆ เพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าเขาไม่ได้ไปเถลไถล แล้วหล่อนก็พกพาเอาความผิดหวังออกมา หัวอกเริ่มขุ่น...หล่อนใช้โทรศัพท์สาธารณะเครื่องสีแดง หมุนไปหาอุรวีที่บ้าน เสียงคุณดวงมาลย์ ป้าของอุรวีบอกมาว่า
“ยังไม่กลับจ้ะ...มีอะไรสั่งไว้ไหม”
“ไม่ค่ะ ขอบคุณ”
หล่อนจะกระโตกกระตากให้รู้ไม่ได้ว่า หล่อนเห็นอุรวีกับอัมพุไปด้วยกัน ยังจะต้องรอดูให้แน่ใจเสียก่อน...แต่อัมพุเป็นของหล่อน อันธิกาแทบจะลงไปเดือดดิ้น แล้วนั่นทำให้หล่อนกลับเข้าบ้านแต่หัววัน...ตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่หมดแสงเสียหมดจด ซึ่งทำให้คุณนพมาศประหลาดใจแกมสงสัยไปด้วย ตั้งแต่ได้ยินเสียงเปิดประตูรถขนาดนั้น ก็พอจะเดาได้ว่าต้องมีอะไรไม่ชอบมาพากลแน่ เธอเลยกระวีกระวาดมาดูด้วยตาตัวเอง กันพวกสาวใช้ออกไปห่างให้หมด ก่อนจะถูกเอ็ดตะโร เพราะเวลาอารมณ์เสีย อันธิกาเหมือนคนพาลไม่มีผิด
“กลับแต่วัน”
อันธิกาชะงักตรงกลางบันได ก่อนจะเดินต่อไปเหมือนไม่ได้ยินเสียงของมารดา คุณนพมาศฉุนอยู่เหมือนกัน แต่ระงับเอาไว้ได้ นี่คือผลจากการตามใจ อันธิกาเลยออกมาเป็นแบบนี้ เวลาหวานก็เจี๊ยบ เวลาร้ายก็ไม่ผิดกับนางแม่มด...ดื้อดึงก็ปานนั้น พูดไปเถอะ...อันธิกาฟังเสียที่ไหนกัน
สักพักหนึ่งเมื่อคุณนพมาศให้อาหารปลาอยู่ เธอก็ได้เห็นสาวใช้เดินกันวุ่นวายไปหมด เพื่อขึ้นไปหาอันธิกา
“อะไรกันนักหนาจ๊ะ” เธอเดินออกมา ในมือยังถือกล่องสี่เหลี่ยมอาหารปลาเอาไว้ด้วย “เดินกันไขว่”
“คุณอ้นค่ะ เธอจะทานอาหารบนห้อง”
“บอกให้ลงมาที่ห้องอาหาร เดี๋ยวคุณพ่อก็จะกลับ นั่งรวมโต๊ะด้วยกันสักวัน”
“แต่ว่า...”
“ฉันสั่ง...” คุณนพมาศบอกย้ำ “บอกด้วยว่าเป็นคำสั่งของฉัน”
อันธิกานุ่งกางเกงขาสั้น เห็นขายาวไปถึงไหนๆ กับเสื้อยืดเอวลอย เห็นเนื้อหน้าท้องเมื่อหล่อนยกแขนขึ้น ชุดนั้นไม่น่าลงมาถึงห้องอาหารนี่ คุณนพมาศขึงตามอง แต่อันธิกาทำเหมือนมองไม่เห็น หล่อนฝืนกิริยาร่าเริง เมื่อลงนั่ง
“อ้นหิวจังเลย...”
มองดูอาหารที่วางเรียงราย ไม่ว่าจะมีแขกเชิญมาบ้านหรือไม่
คุณนพมาศก็จัดอาหารเอาไว้พร้อมสรรพ ไม่ว่าเครื่องคาวหรือของหวาน“ตะกี้จะให้เด็กยกไปข้างบน แต่เด็กบอกว่าแม่ห้ามเอาไว้”
“ถ้าไม่ถึงกับเจ็บไข้ได้ป่วย แม่ไม่ชอบอะไรแบบนั้น ห้องนอนมีไว้นอน ไม่ได้มีเอาไว้เพื่อยกของกินขึ้นไปนอนกิน”
“สาธุ พอนะคะ อย่าเทศน์ต่อ”
อันธิการีบขัด แม้สีหน้าหล่อนจะแจ่มใสอย่างไร แต่แววตาของหล่อนหม่นๆ ชอบกล ซึ่งคุณนพมาศก็อยากรู้นักว่าสาเหตุใด แล้วอันธิกาก็กินแทบจะไม่ลง หล่อนแตะของคาวไปนิด ของหวานอีกหน่อย แล้วขอตัวลุกไปจากโต๊ะ ทิ้งให้คุณอาร์มนั่งประจันหน้ากับคุณนพมาศเพียงสองคน
“มีเรื่องไม่สบายใจมั้ง” เขาบอกเมื่อเห็นภรรยากระวนกระวายไปด้วย “เลยกินไม่ค่อยจะได้ อาจจะเรื่องหนังสือนั่นแหละ”
“ถ้าเรื่องอื่นก็อยากเชื่อนะคะ แต่บอกว่ากังวลเรื่องงานนี่เชื่อไม่ค่อยจะลง ก็ยังกลัว กลัวว่าแกจะไม่เอาจริง แล้วเสียเงินไปเปล่าๆ”
“ยายอ้นหายไปอีกแล้วละค่ะ”คุณอาร์มกลับเข้ามาถึงบ้านในตอนตีหนึ่ง มีกลิ่นหอมบางอย่างติดตามเสื้อผ้าของเขามาด้วย แต่คุณนพมาศก็ไม่ได้เอามาจับผิดมากมายนัก เขาอาจจะไปกับเพื่อนฝูงในแวดวงธุรกิจของเขา แล้วไปลงเอยในที่ที่มีเหล้าขาย มีหญิงบริการ เธอเองก็ป้อนให้เขาอีกไม่ได้แล้วในเรื่องทำนองนั้น ตราบใดที่เขาไม่ได้เอาผู้หญิงคนไหนมาเลี้ยงเป็นตัวตน ตราบนั้นเธอก็มองข้ามเรื่องแบบนี้ไปได้เหมือนกัน“ไปดิ้นอยู่มั้ง”เขารูดเนกไทออก กลับมาจากบ้านของสุนิสาในสภาพที่เหมือนเพิ่งออกไปจากบ้าน แต่คุณนพมาศก็จะไม่รู้เด็ดขาดว่ามาจากบ้านของสุนิสา“เธคยังไม่เลิกนี่ ยายอ้นแกก็ไปอยู่บ่อยๆ” เขาไม่เห็นเป็นเรื่องแปลก เมื่อตอนค่ำที่เห็นอันธิกาอยู่บ้านนั่นตะหากถึงเป็นเรื่องแปลกมาก “เดี๋ยวพอเธคเลิก ร้านข้าวต้มปิด ก็พอดีได้เวลากลับมานอน”“แกมีอะไรแปลกๆ”ด้วยความเป็นแม่ เธอห่วงลูกมากกว่าเขา คุณนพมาศยังไม่ได้นอน แม้เวลาจะเข้าไปตีสามแล้ว สามีของเธอนอนหลับไปเรียบร้อยแล้ว เธอยังตื่นอยู่ ลืมตาโพลงอยู่บนเตียง จนกระทั่งได้ยินเสียงรถของอันธิกาแล่นเข้ามาในบ้าน เธอก็ลุกขึ้นสวมรองเท้าแตะที่ถอดวางเอาไว้บนพรมเล็กหน้าเตียง เปิดประตูห้องอย่างแผ
อันธิกาวางหูลง สีหน้าของหล่อนกระด้าง แล้วหล่อนก็ทนอยู่ไม่ได้ ลุกจากบนเตียงนอนไปเปิดตู้เสื้อผ้า หยิบเสื้อผ้าออกมา แล้วลงมือแต่งตัวอย่างรวดเร็ว“อ้น จะไปไหน”“จะออกไปข้างนอกค่ะ”หล่อนวิ่งออกไป ทิ้งให้คุณนพมาศมองตามด้วยความห่วงใย ก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้งที่อันธิกาออกไปจากบ้านในยามค่ำคืน ไม่ใช่เป็นแต่เพียงครั้งนี้เท่านั้น แต่คราวนี้ความห่วงใยมีมาก เพราะผู้ชายคนนั้น...ผู้ชายที่คุณนพมาศไม่พึงปรารถนาเอาเสียเลย เพราะข่าวลือของเขาออกมาในทางเสื่อมเสียมากกว่าในทางดีคุณอาร์มก็ไม่อยู่เสียด้วย ไม่รู้จะหันไปพูดกับใคร นอกจากผุดลุกผุดนั่งอยู่ตลอดเวลา ว่าป่านนี้อันธิกาจะเตลิดไปหานายคนนั้นหรือไม่ เห็นทีเธอจะต้องจัดการทำอะไรบางอย่างเสียแล้ว แทนที่จะมองดูอยู่เฉยๆคุณนพมาศไม่ได้เห็นว่าอันธิกาทำอะไรไปบ้าง เมื่อออกมาจากบ้านแล้ว และหากเห็นคงจะตระหนกตกใจเสียเป็นแน่...เสียงเคาะประตูห้องรัวๆ ค่อยๆ ดังขึ้นเรื่อยๆ จนเขาต้องรีบออกมาจากห้องน้ำ...ทั้งที่เนื้อตัวมีแต่เพียงผ้าขนหนูพันกายเอาไว้เพียงผืนเดียว แง้มประตูออกดูก่อนว่าใคร แต่ยังไม่ได้ปลดโซ่ออก แล้วชายหนุ่มก็ผงะกลับ เมื่อเห็นเป็นอันธิกา...หล่อนมาทำไมในเวลาป่านน
หนุ่มใหญ่ร่างสูงผิวคล้ำ มีรอยยิ้มรื่นเริงประดับอยู่บนใบหน้า ใต้เรียวหนวดบางๆ ที่ขลิบเอาไว้เป็นระเบียบ เขาส่งมือมาก่อนด้วยความเคยชิน แล้วก็ชะงักเมื่ออุรวียกมือไหว้ ได้ยินแต่เสียงหัวเราะฮ่าๆ ชอบอกชอบใจ“โทษที ผมลืมไป” เขารับไหว้ พูดด้วยเสียงดังฟังชัด อายุของเขาคงจะมากกว่าอัมพุ...แต่เรื่องนี้หล่อนก็ไม่อยากเดา เพราะอุรวีเดาอายุของใครไม่เคยถูกเลยสักหน“ที่นี่มีแต่แขกฝรั่ง นานๆ ทีจะได้ต้อนรับแขกคนไทย...คุณคนนี้หรือเปล่าที่ว่าไปตามตัวนายจากโน่น ให้กลับมาทำงานที่นี่”เขาคงคิดว่าหล่อนเป็นอันธิกา หญิงสาวไม่พูดอะไร แต่อัมพุเป็นคนอธิบายเสียเอง ต่อความเข้าใจผิดที่ว่านั่น“พี่สาวคุณอันธิกา...”“ตามสบายนะครับ...อาหารจานนี้...” เขาแนะนำคล่องแคล่วสมกับเป็นเจ้าของ และยังเป็นพ่อครัวด้วยตัวเองอีกด้วย “แล้วตามด้วยจานนี้...รับรองครับว่าอร่อยมาก...ผมลงมือปรุงเอง...อัมพุ...จะลองฝีมืออีกไหม...” อีกฝ่ายเชิญชวน ก่อนจะบอกอุรวีว่า “อัมพุมีฝีมือเหมือนกันนะครับ เขาเคยไปฝึกวิทยายุทธ์ ใหม่ๆ ก็ทนกลืน พอนานเข้ามันก็ใช้ได้”“อย่าเลย จะพลอยเสียเครดิตร้านไปเปล่าๆ พาคุณวีมาชิม...แล้ววันหน้าจะได้มาเป็นลูกค้าประจำ”“เชิญนะคร
อันธิกาไปใช้โทรศัพท์อีกห้องหนึ่ง ต่อสายไปหาอัมพุก่อนโอเปอเรเตอร์บอกว่าไม่มีคนรับสาย แปลว่าอัมพุยังไม่กลับมา แล้วพอโทรฯ ไปบ้านอุรวี หญิงสาวก็ยังไม่กลับบ้านเหมือนกัน หล่อนหงุดหงิดจนอยากจะยกโทรศัพท์ขึ้นทุ่มทิ้ง“โทรฯ หาใคร”คุณนพมาศเดินเข้ามา หล่อนได้ยินเสียงรถยนต์แล่นออกจากบ้าน มันเป็นปกติธรรมดา บางทีคุณอาร์มก็จะไปตรวจงานของเขา กว่าเขาจะตั้งมั่นขึ้นมาได้ เขามีความขยันเป็นแรงผลักดัน แล้วก็ไม่ปล่อยงานทุกชิ้นผ่านไปโดยไม่ได้ตรวจสอบจากเขาอีก โดยที่คุณนพมาศกับอันธิกาไม่รู้เหมือนๆ กันว่า นี่คือคืนวันศุกร์ คืนที่เขาจะต้องแวะไปหาสุนิสา หลังจากตระเวนไปเรื่องงานของเขาแล้ว...แต่เขาไม่เคยค้าง...ไม่เคยทำให้ทางบ้านจับได้ว่า เขามีบ้านเล็ก“อัมพุค่ะ”หล่อนบอกอย่างเปิดเผย หงุดหงิดหันรีหันขวางอยู่พักหนึ่ง อันธิกาถึงเรียกสาวใช้ขึ้นไปหยิบบุหรี่มาให้ คุณนพมาศไม่ได้ท้วงติง แต่ก็มองอย่างไม่ชอบใจสักเท่าไหร่“วันนี้ไม่เจอเขาหรอกรึ”“เจอน่ะเจอค่ะ...แต่ตอนเย็นไม่ได้เจอ...นี่เขาไปไหนก็ไม่รู้” หล่อนเงยหน้าขึ้นพ่นควันบุหรี่ลอยตามกันออกมาเป็นสาย... ”อ้นกำลังคิดอยู่ว่าเขาจะมีที่ไปที่ไหนอีก”“ทำเหมือนเขาไม่มีที่ไป นี่แ
อุรวีออกจากห้องก็เกือบจะหกโมง สำนักงานทั้งหมดต้องปิดไฟแล้ว มีแสงไฟลอดออกมาจากใต้พื้นห้องของฝ่ายศิลป์คนใหม่...ตอนแรกหญิงสาวหลงเข้าใจว่าเป็นเพราะเขาลืมปิดไฟ แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไป หล่อนก็ให้ฉงนฉงายเต็มที่เมื่อเห็นเขากำลังง่วนอยู่กับงาน“ขอโทษ...”หล่อนบอกแล้วถอยออกมาโดยเร็ว ใครจะคิดว่าเขายังอยู่ อุรวีไม่อยากต่อปากต่อคำกับเขามากนัก ชังน้ำหน้าเมื่อเช้ายังไม่หาย ที่เขากล้าหาญพอจะเตือนว่าหล่อนทำตัวไม่ถูก เขาไม่มีสิทธิ์ขนาดนั้น หล่อนงับประตูห้องปิดอย่างแผ่วเบา แทบจะไม่มีเสียงอัมพุวางงานในมือลง แล้วโดยไวเท่ากับความคิดที่ผ่านแวบเข้ามา เขาลุกมาแล้วก้าวยาวๆ มาเปิดประตู ชะโงกตัวมากกว่าครึ่ง เพื่อเรียกหล่อนไว้“คุณวี...”น้ำเสียงของเขาสนิทสนม เหมือนรู้จักมักคุ้นมาเนิ่นนาน หล่อนไม่ใช่คนถือตัวก็จริง แต่รู้สึกแปลกๆ หู“ผมจะเลี้ยง...” เขาตะโกนบอกตามมาอีก“เนื่องในโอกาสอะไร”เขาก็ไม่รู้เหมือนกัน ชายหนุ่มหาโอกาสไม่ได้ แต่อุรวีหาคำตอบได้ด้วยตัวของหล่อนเอง“คงจะกลัวติดค้างมื้อเช้านี้มั้ง...ก็ได้...จะได้ไม่มาติดค้างกัน...ฉันจะไปรอข้างล่าง”แล้วหล่อนก็ลงมา รอได้ไม่ถึงห้านาที เขาก็ลงมา แล้วพอเขาขึ้นรถ อุรว
อันธิกาอึ้งไปเล็กน้อย“ถ้างั้น...อ้นก็ควรจะไปขอร้องวีเขาอีกใช่ไหมคะ ตกแต่งห้องให้อ้นหน่อย จะได้แจ๋วบ้าง”เขารู้ว่าหล่อนประชด แต่ก็ทำไม่รู้ไม่ชี้เสีย“ไปนะคะ...แป๊บเดียวเอง”หล่อนเข้ามาฉุดเขาให้ลุกขึ้น แล้วควงแขนออกมาด้วยกัน คุณอาร์มมองเห็นเข้าพอดี เขาเพิ่งออกจากห้องของสุนิสา...เห็นเข้าก็ได้แต่ยืนมอง ก่อนจะเบือนหน้ากลับไปหาคนในห้อง บอกเสียงไม่ดังมากนัก“ผมอยากให้ช่วยดูๆ ให้หน่อย...ยายอ้นกับอัมพุ...รายงานผมด้วยทุกระยะนะว่าเกี่ยวข้องกันแค่ไหน ผมอยากให้งานเป็นงาน ไม่มีเรื่องอื่นเข้ามาพัวพัน”สุนิสารับคำ งานกับเรื่องอื่น คุณอาร์มพยายามจะแยกจากกัน เพราะฉะนั้น ความสัมพันธ์ของหล่อนกับเขา จึงเป็นเรื่องแยกจากกันเด็ดขาด เมื่อหล่อนทำงานอยู่ในออฟฟิศนี้ เมื่ออยู่บ้าน...นั่นจึงจะเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง ไม่มีใครรู้เลยว่าสุนิสาก็เป็นภรรยาอีกคนของเขาเป็นมาหลายปีแล้ว ในสภาพเมียน้อย บ้านหนึ่งหลัง รถยนต์หนึ่งคัน คือสิ่งที่หล่อนได้รับแล้วก็พอใจ โดยไม่เรียกร้องอ้นใดอีก หล่อนจะต้อนรับคุณอาร์มที่บ้าน เพียงอาทิตย์ละสองวัน คือวันอังคารกับวันศุกร์...นอกนั้นหล่อนจะเป็นตัวของตัวเอง สุนิสารู้ว่ามันไม่สึกหรอแต่อย่างใด แ