สองแขนกำยำสอดไขว้เข้าหากัน เท้าแข็งแกร่งยื่นล้ำออกมาเกี่ยวไขว้กันไว้เบื้องหน้า ดูเหมือนกับว่ามันเรียบเรื่อยเฉื่อยชา แต่กันติชาก็รู้ดีแก่ใจว่า ถ้าเธอพลั้งเผลอเพียงแค่นิด ราชันย์จะกระชากดึงรั้งกายเธอเข้าไปอิงแอบแนบชิดเหมือนกับที่เคยเป็นมาทุกครั้งที่มีการอยู่ใกล้ชิด
สองหนุ่มสาวยืนจ้องตากันอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนที่คนร่างเล็กกว่าจะสู้ประกายตาคมกริบนั้นไม่ไหวเมินหลบพร้อมหัวใจตุ้มๆ ต่อมๆ
“คุณมีอะไรจะคุยกับหนู รีบพูดเถอะค่ะ หนูเหนื่อยและง่วง อยากกลับไปพักผ่อน” กันติชาพูดยาวยืดและรัวเร็วจนแทบจะหายใจหายคอแทบไม่ทัน เพราะรู้ดีว่าถ้าไม่พูดเสียก่อน เดี๋ยวชายหนุ่มก็จะดึงเอาสัมผัสร้อนผ่าวแสนวาบหวามเข้ามาจนเธอลืมไปหมด ต้องคุยกันด้วยเรื่องอะไร
“อ้อ...จ่ายเงินค่าแรงหนูมาด้วย” หญิงสาวยังไม่ลืมเรื่องสำคัญที่สุด งานก็คือเงิน เมื่องานเสร็จเงินก็ต้องมา
“หือ...มันรีบเร่งขนาดนั้นเชียวหรือหนูน้อย” ราชันย์ทอดเสียงนุ่มทุ้มพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ ประกายในดวงตาหวานนุ่มและเย้ายวนอย่างมีเสน่ห์ แล้วยังเผยอริมฝีปากแย้มยิ้มเล็กน้อย ส่งไปกระตุกใจสาวให้หลอมละลายเหมือนขี้ผึ้งโดนลนด้วยไฟ
หัวใจสาวน้อยถึงกับเต้นรัวเร็วเป็นกลองเพล ข่มกลั้นความเขินอายเอาไว้ไม่อยู่ รู้สึกได้ว่าพวงแก้มอิ่มเต็มทั้งสองข้างร้อนผ่าว ที่คงจะแดงก่ำเหมือนกับผลตำลึงสุกไปแล้ว
‘อีตาคุณใหญ่บ้า รู้อยู่แล้วว่าเรากำลังตื่นเต้นและกลัวอยู่ ก็ยังจะมาล้อเล่นอยู่ได้ สนุกนักหรือไงคนบ้านี่’
ร่างหนาใหญ่เดินอ้อมไปมุมหนึ่งของห้องทำงาน ที่ซอกมุมหนึ่งมีขวดแก้วสีใส ภายในมีน้ำสีขาวขุ่นอยู่เกือบจะเต็มทั้งขวดอย่างสบายๆ ไม่เร่งร้อน พร้อมเคลื่อนน้ำสีสวยจากขวดแก้วสีสวยไหลลงสู่แก้วใสอีกใบทีละน้อยๆ จนถึงครึ่งแก้ว ก่อนจะวางขวดแก้วลงเก็บที่เดิม และเคลื่อนย้ายตัวเองไปนั่งบนโซฟา เอนกายนาบไปกับความกว้าง พาดมือแข็งแกร่งไปบนพนักกับขาแข็งแกร่งยกขึ้นทาบบนขาอีกข้าง ในขณะมืออีกข้างก็ขยับเบาๆ พอให้น้ำสีสวยที่อยู่ภายในขยับน้อยๆ
“จะรีบไปไหนล่ะ ไม่อยู่คุยกันก่อนหรือ เขาว่ากันว่ากินเหล้ามันก็ต้องเคล้านารี ไม่งั้นมันก็ไม่อร่อยนะ” ชายหนุ่มถามเสียงกลั้วหัวเราะ มือแข็งแกร่งยกแก้วเหล้าขึ้นพอให้แตะริมฝีปากเพียงแค่เล็กน้อย ดวงตาจับจ้องไปยังร่างโปร่งบางที่กำลังถอยก้าวไปด้านหลังอย่างช้าๆ
“เธอช่วยมาเป็นนารีออเซาะฉอเลาะออดอ้อนป้อนเหล้าให้ฉันหน่อยซิ”
กันติชาสะบัดศีรษะกับคำพูดกระเซ้าเย้าแหย่ วงหน้าสวยงองุ้มและตอบกลับไปอย่างหงุดหงิด “ไปหาเอาข้างล่างซิ มีหลายคนอยากทำหน้าที่นี้อยู่ไม่ใช่หรือไง”
“ไม่อยากได้คนอื่น อยากได้เธอนี่นาหนูน้อย น่า...มาป้อนเหล้าฉันหน่อย” รอยยิ้มเล็กๆ ผุดขึ้นบนวงหน้าคร้ามดุและเต็มไปด้วยไรหนวดไรเคราที่ตอนนี้ขึ้นเต็มปลายคางไล่ไปจนถึงข้างใบหู อีกส่วนก็คือระหว่างจมูกและปาก ทำให้กันติชารู้สึกเหมือนกับกวางน้อยถูกเสือตัวใหญ่จ้องจะจับกินอย่างไรก็ไม่รู้ ดวงตากลมโตเหลือบมองไปยังประตูห้องและก้าวเดินไปหามันอย่างระมัดระวัง ไม่ให้ราชันย์รู้ว่าเธอกำลังคิดทำอะไรอยู่
“ว้าย!” เพียงแค่เผลอนิดเดียวร่างโปร่งบางก็ลอยถลาไปตกอยู่บนตักกว้าง โดยมีแขนใหญ่สอดรัดระหว่างลำตัวเหมือนกับงูเหลือมรัดเหยื่อ
“คุณปล่อยหนูนะ” ร้องบอกเสียงสั่น พร้อมหัวใจที่สั่นไหวรัวเร็วจนแทบจะทะลุออกมาจากทรวง เร่งรุดจับมือใหญ่ออกจากตัวสลับผลักดันใบหน้าคมคร้ามที่โน้มลงมาแนบชิดแก้มนุ่มเป็นพัลวัน เบือนหน้าหนีก็ไม่ได้ เมื่อเขาจับรั้งปลายคางเอาไว้ ลมหายใจอุ่นร้อนที่รินรดบนผิวกายให้สาวน้อยสั่นสะท้าน หัวใจหวิวไหวเหมือนไผ่ต้องลม
“ปล่อยทำไม และทำไมต้องปล่อย” ราชันย์ถามกลับ มือใหญ่สอดไซ้เข้าไปลูบไล้ผิวเนื้อแท้ ขบเม้มริมฝีปากไล่จากพวงแก้มนุ่มลงไปตามลำคอระหง ก่อนวกกลับขึ้นไปใหม่ ขบกัดติ่งหูเล็กนุ่ม สอดปลายลิ้นไปหยอกล้อกับช่องหูเล็กและเป่าลมร้อนๆ บนหลังหูสีน้ำผึ้งเนียนนุ่ม
“อยู่แบบนี้มันอบอุ่นดีกว่าไม่ใช่หรือไง” ชายหนุ่มเอ่ยถามเสียงนุ่มและเว้าวอน “อบอุ่นและเร่าร้อนมากๆ ด้วย”
แม้กันติชาจะมีอารมณ์ร้อนแรงราวกับเปลวเพลิง แต่เธอก็ยังได้ชื่อว่าเป็นสาวบริสุทธิ์ ถ้าจะทำอะไรรุนแรงไป รังแต่จะทำให้แม่สาวร้อนรักบอบช้ำเสียก่อน ไม่เป็นการดีกับเขา เพราะเร่าร้อนถึงใจแบบนี้เอาไว้กินบ่อยๆ และนานๆ สักหน่อยจะเป็นการดีกว่า
มือใหญ่ลูบไล้ผิวเนินเนื้อนุ่มนิ่มเต่งตึง ตวัดลากไล้สัมผัสไปทั่วกายสาว บีบนวดฟอนเฟ้นส่งผ่านไอร้อนผ่าวแทรกซึมผ่านเนื้อผ้าบางเบาและนุ่มนิ่มจากการใช้งานหนักอย่างนุ่มนวลและอ่อนโยน ประพรมจุมพิตทั่ววงหน้าสวย มอบจุมพิตอุ่นร้อนวาบหวามสร้างความปั่นป่วนให้กับสาวน้อยในอ้อมแขนอย่างเชื่องช้าแต่มั่นคงประหนึ่งหินผา
“มะ...ไม่ดี อยู่แบบนี้หนูอึดอัด” กันติชากัดฟันตอบกลับด้วยความวาบหวิวสยิวซ่าน สัมผัสที่ได้รับทำเอาเธอหนาวสะท้าน ขนตามเรือนกายผุดขึ้นเหมือนกับดอกเห็ด สองมือที่พยายามผลักดันร่างหนาให้ห่างกายได้แต่กำเสื้อตัวเอาไว้นิ่ง อยากร้องห้ามแต่พูดไม่ออก พร้อมหันใบหน้าไปตามแรงจับต้องของมือใหญ่ และเผยรับจุมพิตที่ทาบไล่ตั้งแต่ใบหูมายังพวงแก้ม สิ้นสุดบนริมฝีปากนุ่มนิ่ม
“แต่ฉันว่าดีนะ น่านะหนูน้อย อย่าขัดใจฉันซิ” ริมฝีปากหนาขบกัดกลีบปากบางนุ่ม บดเบียดกดคลึง ซอกซอนหาความหวาน เกี่ยวกระหวัดปลายลิ้นสากระคายกับปลายลิ้นเล็ก พร้อมแกะกระดุมเสื้อตัวโคร่งแยกสาบเสือออกจากกัน ให้ได้เห็นความสวยงามตูมเต่งที่แม้จะยังมีเสื้อชั้นในตัวกะทัดรัดซึ่งติดตะขอด้านหลังปกปิดไว้อย่างหมิ่นเหม่ แต่ด้วยความใหญ่โตอลังการของสองบัวคู่งาม ทำให้บางส่วนล้นทะลักออกมาภายนอก
“ฉันว่าไอ้เสื้อผ้าพวกนี้มันเกะกะ เอาออกดีกว่านะหนูว่าว อีกอย่างฉันก็คิดถึงตรงนี้...” ปลายนิ้วยาวและร้อนผ่าวลากไล้วนเวียนรอบป้านบัวดึงคีบเม็ดเล็กๆ ซึ่งชูชันดุนดันผ้าเนื้อบางเบาขึ้นมาหยอกเล่น
“ฉันคิดถึ้งคิดถึงตรงนี้จะแย่อยู่แล้วยาหยี” ชายหนุ่มลากเสียงหวานนุ่มและเว้าวอน มือใหญ่ลากไล้วนเวียนรอบปทุมอวบอิ่ม นวดเฟ้นกดคลึงเนินเนื้ออวบๆ เต็มไม้เต็มมืออย่างทะนุถนอม ครอบครองและฟอนเฟ้นทำอย่างที่ปากบอก คิดถึ้งคิดถึงเนินเนื้อสล้างอวบอิ่มแค่ไหน
เมื่อถูกจับแขนเอาไว้และตรึงไว้เหนือศีรษะให้เธอทำร้ายเขาไม่ได้ ก็คงจะมีเพียงแค่เสียงจากปากเท่านั้นที่ด่าเป็นน้ำไหลไฟดับ แทบจะไม่ซ้ำคำด้วยสลับหยุดพักหายใจ ก่อนจะพ่นคำด่าออกมาอีกระลอกใหญ่ สองขาเรียวขยับเคลื่อนดันขาแข็งแกร่งที่ทาบอยู่ให้ออกห่างอย่างสุดความสามารถ โดยที่ไม่รู้เลย การกระทำดังกล่าวนอกจากจะพาตัวเองให้หลุดรอดจากเงื้อมมือราชันย์ไม่ได้แล้ว ยังเป็นการยั่วยุและกระตุ้นอารมณ์ปรารถนาของชายหนุ่มให้ลุกเป็นไฟอีกด้วย “ถามจริงไม่เหนื่อยบ้างหรือไงหนูว่าว ด่ายาวเป็นชุดเลย” ราชันย์ถามเสียงกลั้วหัวเราะ แกล้งลูบไล้มือใหญ่ไปตามลำตัวเนียนนุ่มจากด้านหลัง เรื่อยขึ้นไปจนถึงขอบเสื้อชั้นใน และวกกลับลงมาตามสีข้าง ก่อนที่ลากเลยไปด้านหน้า “ไอ้คนเฮงซวย ชอบเอาเปรียบคนอื่น ปล่อยหนูนะ ไอ้ที่เสนอไปน่ะไม่ทำให้แล้ว หนูไม่อยู่กับคุณแล้วด้วย ปล่อย...” หญิงสาวกรีดร้องเสียงยาวดังตามมาอีกระลอก ดวงตาคมวามวาวที่มองมาทำให้กายสาวเริ่มสั่นสะท้าน หัวใจเริ่มสั่นไหว เพราะเข้าใจในความหมายนั้นดี ในลำคอเริ่มที่จะแห้งผากจนกลืนน้ำลายติดๆ ขัดๆ เบือนหน้าหนีไปอีกฝั่งที่ไม่มีหน้าราชันย์อยู่ สมองเริ่มคิด จะทำอย่างไรกับสถานการณ์ที
“แหมคุณ...เอ่อ...โทษนะคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดคุณคือคนที่มาขออาหารฉันกินเมื่อคืนใช่ไหมคะ” กันติชาถามน้ำเสียงเหมือนกำลังหัวเราะ “โทษทีนะคะที่ฉันเรียกชื่อคุณไม่ถูก เผอิญว่าเราสองคนไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ฉันเลยสงสัย คุณเป็นอะไรคะถึงได้ทำตัวเหมือนเจ้าสัตว์สี่ขาที่คอยแยกขาฉี่ตามแถวสี่แยกนะคะ แบบ...เวลาใครเดินผ่านไปมาหรือมันไม่ชอบใจใคร ก็มักจะส่งเสียงแงดๆ แล้วก็วิ่งไล่งับจนหางสั่น” “เฮ้ย...ยาย...” มือใหญ่ยกขึ้นชี้หน้ากันติชาอย่างเร็วรี่ นภดลโกรธจนเรียกได้ว่าเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าคร้ามขาวอย่างคนผิวดีแดงปลั่งลามไปถึงใบหู ประกายในดวงตาแดงจัดและลุกเป็นเปลวเพลิง จ้องคนในอ้อมแขนเพื่อนกึ่งนายเหมือนกับจะเผาไหม้ให้เป็นจุณ “จุ๊ๆ อย่าโกรธซิคะคุณขา ฉันเพียงแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง แล้วก็อยากจะเตือนคุณไว้สักอย่างด้วยค่ะ ปากอย่างนี้ระวังจะมีคนเอาสีมาป้ายที่ปากกับหัว จนต้องไปนอนหยอดน้ำข้าวต้มโรงบาลนะคะ” ใบหน้าสวยยังคงแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มหวานนุ่ม ไหล่กว้างเลิกขึ้นสูงอย่างไม่แคร์ ทีตัวเองว่าคนอื่นได้ แต่พอเขาสวนกลับก็โกรธ ผู้ชายอะไรไม่แมนเลย...ดวงตากลมโตกวาดไล่มองนภดลใหม่ตั้งแต่ปลายเท้าขึ้นไปจนถึงศีรษะอย่างไม่แคร
“แกล่ะ ไปไหนมาแต่เช้า หรือว่า...” นภดลปรายสายตามองยายแม่บ้านที่ซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนกำยำด้วยความหงุดหงิด“ไปหาไอ้สิทธิ์มา มีธุระกับมันนิดหน่อย” “อ้าว แล้วไอ้สิทธิ์กลับตั้งแต่เมื่อไหร่ เห็นเมื่อคืนก็มานี่หว่า” นภดลเอ่ยถาม วาดสายตามองไปรอบๆ อย่างคนกำลังขบคิดเรื่องสำคัญ ราชันย์ไปหาสิทธิศักดิ์ทำไม มีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมสองคนนี้ถึงได้ชอบคิดชอบทำอะไรลับหลังเขาเสมอนะ “แกก็รู้ว่าไอ้สิทธิ์เป็นเด็กดี ตื่นเช้าเข้านอนเร็ว เหล้ากินบุหรี่ไม่สูบ แล้วก็เกรงใจแฟนจะตาย ไอ้เรื่องนอนค้างอ้างแรมที่อื่นนะไม่มีทาง อาริตาเช็กตลอดยี่สิบชั่วโมง ถ้าทำได้” ราชันย์แขวะไปถึงเพื่อนรักที่ไม่น่าจะเข้ามาข้องแวะกับกลุ่มของเขาได้เลย เพราะพวกเขาบางคนตะวันไม่ขึ้นไม่กลับเข้าบ้านนอน แต่สิทธิศักดิ์ไม่เคยที่กลับบ้านเกินเที่ยงคืนซึ่งนั่นคือสูงสุดแล้ว ด้วยแฟนสาวเป็นห่วงยิ่งกว่าแม่เสียอีก คอยโทรเช็กเช้าเย็นตลอดจนถึงค่ำคืน ยิ่งวันไหนรู้ว่าไปกับกลุ่มของเขาละก็ แม่โทรเช็กนาทีต่อนาทีเลยเชียวล่ะ แต่อย่างน้อยการมีสิทธิศักดิ์เข้ามาในกลุ่มก็มีเรื่องดีในหลายๆ ด้าน เพราะสามารถพึ่งพาได้ในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน เพียงแค่โ
ริมฝีปากเล็กขบกัดติ่งหูพร้อมสอดแทรกปลายลิ้นเล็กและร้อนไปในช่องหูกว้าง ในขณะที่มือก็ลูบไล้ปลดเข็มขัดหนัก จิกทึ้งเสื้อโปโลออกจากตัวกางเกงและสอดมือไปลูบไล้อกกว้าง บอกแล้วว่าเธอมันหน้าด้านและเก่งเรื่องจดและจำในสิ่งที่ได้พบเจอ การสอนสั่งของราชันย์ที่มอบให้เมื่อคืนจึงย้อนกลับมาสู่ตัวเขา แม้จะยังไม่เต็มที่เท่าไหร่ก็ตามเถอะ มือเล็กเคลื่อนลงไปด้านล่างอย่างเชื่องช้า และเมื่อถึงบางส่วนของเรือนกายแข็งแกร่ง แทนที่เธอจะทักทายอย่างที่ราชันย์ต้องการ กันติชาเลือกที่จะหยุดและขยับตัวถอยห่าง แต่ยังคงไม่ปล่อยมือจากกายแกร่ง “ว่าไงคะคุณใหญ่ จะตัดสินใจยังไงเอ่ย” หญิงสาวถามเสียงนุ่มและเซ็กซี่เล็กๆ ปลายลิ้นลากไล้ริมฝีปากอย่างเย้ายวนชวนเชิญ ดวงตาเป็นประกายหวานเซ็กซี่ ราชันย์ถึงกับร้อนราวถูกไฟเผา เมื่อเจอกับการยั่วยวนของแม่นางบำเรอฝึกหัด มือใหญ่ยกขึ้นลูบไล้ปลายคางเบาๆ ดวงตาตวัดมองใบหน้านวลเนียนที่มีรอยยิ้มหวานหยาดเยิ้มเชิญชวน ไพล่มือไปจับมือเล็กมาดมดอม ริมฝีปากหนาขบกัดปลายนิ้วเล็กๆ เหมือนกับคนกำลังคิดสะระตะ การทำตามความต้องการของกันติชา แลกกับสิ่งที่เธอจะมอบให้มันคุ้มค่ากันหรือเปล่า ทั้งที่เขาตัดสินใจได้ตั้ง
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว
“โธ่...หนูว่าวก็ พี่คิดถึ้งคิดถึงหนูจริงๆ นี่จ๊ะ หนูไม่คิดถึงพี่บ้างเลยหรือไง” วสันต์เอ่ยอย่างยอมแพ้เมื่อเห็นพวงแก้มอิ่มนุ่มทั้งสองข้างเริ่มมีสีแดงระเรื่อแต่งแต้ม“เอาละๆ ยอมแล้วจ้ายอมแล้ว แหม...น้องหนูว่าวนี่ดุจริงๆ ได้เป็นเมียแล้วจะดุแบบนี้ไหมจ๊ะ” เห็นแล้ว อยากจับมาใกล้แล้วก็จูบสักฟอดสองฟอด ปากก็เหมือนกันน่าจับบดขยี้ด้วยปากหนาๆ สักทีสองที สอดแทรกปลายลิ้นไปในโพรงปากนุ่ม แหม...แค่คิด ร่างกายก็คึกคะนองแล้ว ไฟร้อนผ่าวพุ่งขึ้นทั่วร่างกายที่สั่นเทิ้มด้วยความโกรธกับคำพูดลามเลียอย่างโจ่งแจ้งที่ได้ยินเต็มสองหู ริมฝีปากอวบอิ่มขบกัดจนห้อเลือด “เสี่ยจะพูดดีๆ หรือให้ฉันเชิญออกจากห้อง” “แหม...น้องว่าวจ๋า พูดกับเสี่ยเขาให้เพราะๆ หน่อยซิจ๊ะ เดี๋ยวถ้าเสี่ยเกิดโมโหเข้า น้องกับน้าจะลำบากนะจ๊ะ” หนึ่งในลูกน้องของวสันต์เอ่ยอย่างอดรนทนไม่ได้ ดวงตาวามวาวไล่มองไปตามสัดส่วนเรือนกายสาวอย่างโลมเลียและจาบจ้วง “ไอ้...” ฤทธิ์รงค์อดทนรนไม่ได้ด่ากราดอย่างไม่ไว้หน้า กายผอมแห้งเหลือเพียงหนังหุ้มกระดูกพยายามผุดลุกจากเตียง แต่เพราะความเจ็บจากบาดแผลที่มีอยู่เต็มกายเลยทำให้ทำไม่ได้ดั่งใจ จึงได้แต่หงุดหงิดจนต้องระบายคว