6 – ก็แค่กินข้าว
ต้นแขนเล็กถูกรวบด้วยมือสีเข้มแกร่งจนดวงฤทัยต้องก้มลงมอง เขาพาเดินไปช้า ๆ
“นี่คุณปล่อยได้แล้ว”
“หิวข้าวไม่ใช่หรือไง กำลังจะพาไปกินข้าว”
“หยุดเลยนะ! ฉันไปเองได้ปล่อย!”
คนร่างเล็กยื้อแขนไว้แต่ต้านทานแรงชายไม่ได้ เขายังพาเธอเดินเลาะออกไปกระทั่งถึงมุมมืดลานจอดรถ
“นี่จะบ้าเหรอไง จะพาฉันไปไหน เด็กฉันรออยู่”
ดวงฤทัยตกใจมองรถหรูที่มีคนรออยู่และเปิดประตูออกโดยเร็วเมื่อเขาพาเธอมาถึง มือแกร่งจับร่างเล็กของเธอยัดเข้าไปในรถแล้วก้มศีรษะลงมุดตามเข้ามา
ปัง!
เธอรีบขยับตัวกระเถิบไปอีกข้างแต่เขายังดึงไว้แล้วยัดขวดน้ำใส่มือเธอ
“ดื่มก่อนจะได้ไม่เป็นลม”
ดวงฤทัยมองขวดน้ำในมือเหลือบสายตามองคนตรงหน้าอย่างเคลือบแคลงใจ แต่เพราะไม่ได้ดื่มน้ำมาหลายชั่วโมงจึงยกขวดน้ำขึ้นดื่มอย่างกระหาย ตายังชำเลืองเห็นเขากำลังควานหาบางอย่างหยิบออกมายื่นให้เธอ
“กินอันนี้ก่อน เดี๋ยวจะพาไปกินข้าว”
ดวงตากลมโตหวานซึ้งมองลูกอมรสสตรอเบอรี่ยี่ห้อดังแกะถุงหุ้มพลาสติกออกแล้วบนนิ้วแกร่ง
“ทำไม ไม่กล้าเหรอ ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไม่คิดทำอะไรตอนนี้”
มุมปากของคนร่างสูงยังยักขึ้นในมุมเดิมด้านซ้าย หลุบตามองลูกอมอีกครั้งก่อนตัดสินใจรับไว้เอาเข้าปากแล้วพบว่าอาการวิงเวียนเมื่อสักครู่จางลงไปมากทันที
“จะทรมานตัวเองไปทำไม นี่กินข้าวมื้อสุดท้ายกี่โมง”
“บ่ายโมง”
เสียงหวานนุ่มเอ่ยตอบแผ่วเบารีบเสมองนอกตัวรถ ซึ่งกำลังเลี้ยวเข้าโรงแรมชื่อดังที่เธอนัดคุยธุระพรุ่งนี้
“พามาที่นี่ทำไม”
“พูดไม่มีหางเสียงเลยน้องดวง”
“ไม่จำเป็นต้องพูดมีหางเสียง แล้วอย่ามาเรียกฉันว่าน้องดวง”
แว่วเสียงทุ้มหัวเราะในลำคอมาจากเบาะคนขับ เหนือหัวจึงใช้เท้ากระทุ้งไปหนึ่งครั้ง
“คุณยังไม่ได้ตอบเลยว่าพาฉันมาที่นี่ทำไม”
“พามากินข้าว ลงเถอะ”
แม่เลี้ยงสาวมองหน้าคมเข้มอย่างไม่ไว้ใจแต่ยินยอมลงจากรถ ใจคิดเพียงว่านอกรถคงปลอดภัยกว่า รีบลอบสูดลมหายใจเอาไอเย็นทันทีหลังจากที่โดนรังสีไอร้อนของคนร่างสูงปกคลุมไว้มาเป็นเวลาหนึ่ง
โรงแรมหรูระดับห้าดาวในค่ำคืนนี้ประดับตกแต่งอย่างคนเมืองในยี่เป็ง โคมไฟทำมือจำนวนมากสีสันสดใสแขวนอยู่ตามจุดต่าง ๆ เป็นริ้วยาวตลอดทางเดินเข้า
เหนือหัวเดินนำหน้าพาขึ้นโถงหน้าทำให้เธอรู้ว่าเขาเป็นเจ้าของโรงแรมแห่งนี้ ในใจพลันนึกเสียดายถ้าพรุ่งนี้เธอต้องทิ้งนัดสำคัญเพราะไม่ต้องการเกี่ยวข้องกับเขา
ร่างอรชรในชุดล้านนาเต็มยศเดินตามร่างสูงใหญ่กระทั่งเข้าไปในสั่วนของห้องอาหาร พานั่งหลบฉากด้านใน แล้วเรียกพนักงานมารับอาหาร
“น้องดวงทานอะไรดี หรือง่าย ๆ อย่างสลัด ไม่หนักท้อง”
สายตาหวั่นเกรงคนรู้จักยังกวาดตามองภายในห้องอาหารลอบถอนหายใจก่อนพยักหน้ารับเห็นด้วยอย่างหน้าบึ้ง
“คุณไม่ควรพาฉันออกมาข้างนอก ว่ากันตามตรงคุณไม่ควรทำว่ารู้จักฉันตั้งแต่แรก”
“ทำไม?”
สีหน้าคมเข้มจ้องตอบด้วยดวงตาสงสัย แต่ดวงฤทัยหยุดพูดเสียก่อนเมื่อบริกรเดินเข้ามาเสิร์ฟไวน์แดงสองแก้ว
“ก็เพราะเมืองนี้มันเล็กน่ะสิ แล้วฉันเพิ่งเป็นหม้าย”
“ดวงไม่ได้เพิ่งเป็นหม้าย พ่อเลี้ยงน่ะ ตายมาเกือบปีแล้ว”
ตากวางใสหรี่ลงหาเรื่องขณะมองคนตรงหน้ายกแก้วไวน์ขึ้นดื่มอย่างสบายอารมณ์ แล้วเพ่งพิจารณาชายร่างโต เขาเหมือนเดิมแทบทุกอย่างยกเว้นร่างหนาขึ้นและกร้าวกระด้างจนคล้ายดุดัน เสียงทุ้มต่ำหนักแน่นอย่างคนที่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และสิ่งนี้แล่ะคือสิ่งที่ทำให้เธอหวั่นใจ
ค่ำนี้เขาสวมชุดคล้ายวันที่เจอกันครั้งแรก เสื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนกระดุมหน้ายาว กางเกงยีนส์สีเข้ม ผมยังดำมันดกหนาราวขนอีกา ไม่สิ! ผู้ชายตรงหน้าไม่อาจเปรียบเทียบกับสัตว์ชนิดใดได้นอกจากเสือร้าย
ผมดำยาวระต้นคอใส่น้ำมันหวีเรียบเสยไปด้านหลังเน้นศีรษะได้รูป ริมฝีปากบนหนาแต่ดูแล้วไม่ขัดตาซ้ำส่งให้หน้าแกร่งยิ่งดูเป็นชายชาตรี
ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าทำไมใบหน้าเขาถึงได้ดูแปลกไปจากคนทั่วไป นั่นเพราะเขามีเชื้อสายของคนไทใหญ่รัฐฉานของมารดา
“ไม่ว่าจะอะไรก็แล้วแต่ คุณไม่ควรมายุ่งกับฉัน แต่เอะ! คุณรู้เรื่องของฉันได้ยังไง? คุณให้คนสืบเรื่องของฉันเหรอ!!”
“สืบมานิดหน่อย แต่ให้ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อพี่อยากยุ่งกับดวง ยุ่งมาก ๆ ด้วย”
“หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะพ่อเลี้ยง!”
เสียงแหลมนุ่มพูดลอดไรฟัน มือคว้าแก้วไวน์ขึ้นดื่มระงับอารมณ์โมโหปะทุขึ้นกะทันหันทุกครั้งที่มีเขาอยู่ใกล้ ไม่ว่าเมื่อเจ็ดปีก่อนหรือเดี๋ยวนี้ เหนือหัวยังมีอิทธิพลต่อเธอไม่เปลี่ยน
“อาหารมาแล้ว ทานก่อนจะได้ไม่โมโหหิว”
ดวงฤทัยตวัดตาคมใส่ก่อนเบี่ยงกายหลบจานใหญ่ที่พนักงานนำมาวางไว้ตรงหน้า สลัดอโวคาโดปลาแซลมอนย่างเสิร์ฟมาพร้อมน้ำสลัดญี่ปุ่น เป็นสลัดของโปรดเธอ หน้างามจึงนิ่วหน้าเหลือบมองเขาอย่างตั้งคำถาม
เขารู้ได้ยังไง!! นี่สืบถึงขนาดรู้ว่าเธอกินอะไร!
แต่ในเมื่อร่างสูงตรงหน้ายังยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มโดยไม่ละสายตาไปจากเธอ จึงทำให้เธอตัดสินใจรีบทานอาหารตรงหน้าให้เสร็จเรื่องแล้วกลับบ้าน หลังจากนั้นเธอกับเขาจะไม่ได้เจอกันอีก
ผิดไปจากคนตรงข้าม มือแกร่งยกไวน์ขึ้นจิบเรื่อย ๆ ระหว่างรอ ทั้งเฝ้าจับจ้องมองไม่วางตา กวาดไล้นัยน์ตาสีนิลไปบนเรือนร่างอรชรในชุดไทยล้านนาโบราณ ผ้าไหมสีแดงรัดหน้าอกอวบดันจนเนินทรวงโผล่พ้นรำไร แสงไฟสีเหลืองนวลของห้องอาหารยิ่งจับให้เธอนวลกระจ่างนัยน์ตาพร่าพราย จนเขาต้องยกไวน์ขึ้นดื่มอีกเพื่อระงับอาการกายแกร่งชูชัน
ดวงหน้างามเย้ายวนด้วยความสาวเต็มวัย ปากกระจับเชิดขึ้นยามเธอเปล่งเสียงตวาดแหลม มือยกแก้วไวน์ขึ้นจิบแล้วแสร้งมองไปทางอื่นลดเพดานความร้อนในกายลง จึงเห็นบอดี้การ์ดแสงทัดยืนอยู่ห่างออกไปกำลังทำหน้าตาเบิกบานผิดปกติจนเขานึกหมั่นไส้
“ฉันยอมรับว่าเราเคยชอบพอกัน”
จู่ ๆ แม่เลี้ยงสาวฝั่งตรงข้ามก็เอ่ยพูดเรื่องเก่าขึ้นมาจนเขาหันกลับไปมองด้วยความประหลาดใจ จับจ้องดวงหน้างดงามมีสีแดงระเรื่อขึ้นบางเบา มือเล็กเรียวดั่งลำเทียนรวบช้อน ยกแก้วไวน์ขึ้นดื่มจนเกือบหมดในคราวเดียว ตาคมดุจเหยี่ยวจับจ้องปฏิกิริยาของกายสาวที่แสดงออก แก้มแดงปลั่งกว่าเดิมเมื่อเติมแอลกอฮอล์ลงท้อง
“แต่นั่นมันนานมาแล้วพ่อเลี้ยง เจ็ดปี แล้วมันเป็นความสัมพันธ์ระยะสั้น ไม่น่าจะถึงสามเดือน”
บทพิเศษสามเดือน เมื่อเจ็ดปีที่แล้วตุบ ตุบ!ดวงฤทัยสะดุ้งลุกขึ้นนั่งเมื่อได้ยินเสียงก้อนหินปามาโดนผนังห้องนอนด้านหน้าเรือนทรงไทยล้านนาร่างเล็กสะลืมสะลือลงจากเตียงควานมือเพราะความมืด เปิดหน้าต่างห้องนอน ชะโงกหน้าออกไปแต่ยังไม่เห็นใครได้ยินแต่เสียงเรียกทุ้มต่ำแผ่วเบา“ดวง ดวง”ดวงฤทัยขมวดคิ้ว เธอจำได้ว่าเสียงนี้เป็นเสียงของใคร เพราะตั้งแต่วันนั้นที่เขาเดินลับหายไปท่ามกลางผู้คนในงานยี่เป็ง แต่กลับโผล่เข้ามาในชีวิตแทบทุกวันแอ๊ดดด!!ดวงฤทัยพยายามเปิดประตูให้เบาที่สุด ย่องปลายเท้าผ่านชานเรือน โชคดีเธอได้นอนห้องหน้าสุดทำให้ไม่ต้องเดินผ่านห้องนอนของคุณแม่และคุณยาย จากนั้นดวงฤทัยก็พาร่างอันบอบบางลงบันไดบ้านเดินไปยังประตูเล็กข้างรั้ว“มาทำไม มันดึกแล้ว!!”“เอาขนมมาให้”“แขวนไว้นั้นแหล่ะ แล้วก็กลับไปได้แล้ว”“เดี๋ยวก่อนสิ ขอเห็นหน้าก่อนไม่ได้เหรอ”ดวงฤทัยมองซ้ายมองขวา ดูลาดเลาก่อนแอ้มประตูรั้วยื่นมือออกไปเพื่อรับขนม แต่คนร่างสูงกลับจับข้อมือเธอไว้ดึงเธอออกไปนอกรั้วดันไปยังมุมมืดด้านข้างใช้มือยันรั้วไว้“พี่แค่อยากขอดูหน้าน้องดวง หลับไปหรือยัง”“ถ้าหลับจะได้ยินเสียงหรือไง เห็นหน้าก็กลับไปได้แล
38 – ดาวเหนือคอยนำทาง จบบริบูรณ์ ncคราวนี้ดวงฤทัยลุกขึ้นนั่งข้างกายของเหนือหัว ก้มมองดวงตาของชายแกร่งที่ปิดสนิทไม่ยอมมองเธอ“คุณนฤเบศร์ฉีกสัญญาไปทิ้งแล้วค่ะ”“แล้วยังไง? แม้ว่าไม่มีสัญญา ดวงจะยอมเล่าเรื่องนี้ให้พี่ฟังไหม ไม่เลย พี่ไม่ได้อยู่ในแผนการ อยู่ในความคิดของดวงด้วยซ้ำ!”“พี่เหนือ!”มือเล็กวางบนแผ่นอกใต้ผ้าห่ม เธอวางไว้ตรงอกข้างซ้ายตรงที่หัวใจของเหนือหัวกำลังเต้นแรง“ที่ดวงไม่บอกพี่ เพราะว่าดวงไม่อยากให้พี่เหนือมองดวงว่าเป็นผู้หญิงเห็นแก่เงิน ทั้งที่ดวงเองก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ ดวงต้องการหลักประกันมั่นคงให้กับตัวเอง ดวงต้องการบ้านคุ้มหัวที่ปกป้องแม่และยายไปตลอดชีวิต แต่ดวงยอมทิ้งทุกอย่างแล้ว ที่ดวงไปบ้านคุณนฤเบศร์วันนั้นก็เพราะว่าดวงต้องการยกเลิกสัญญา ดวงยอมทิ้งทุกอย่าง ไม่เอาบ้าน ไม่เอาอะไรทั้งนั้น ขอแค่ได้อยู่กับพี่เหนือ”“แน่ล่ะ ก็เพราะพี่รวยใช่ไหม”“พี่เหนือ! พี่คิดว่าดวงรักพี่เหนือเพราะเงินเหรอคะ พี่คิดว่าดวง ดวงทิ้งของพวกนั้นเพราะต้องการเงินทองของพี่ใช่ไหม? ไม่เลย ดวงไม่ต้องการอะไรทั้งนั้น ดวงไม่ยอมให้คุณนฤเบศร์หรือเจ้ายิ่งบอกพี่เหนือก็เพราะว่า ถ้าพี่เหนือรู้ พี่เหนือต้อง
37 - คนร่างเล็กเขาง้อแล้วนะ“หนูดวง”ดวงฤทัยสะดุ้งหันกลับไปยังจันทร์มาลา เธอไม่ได้ยินเสียงเดินของหญิงวัยกลางคนเนื่องจากคิดเรื่องของเหนือหัว“คะ?”“ตั้งโต๊ะเถอะ เย็นมากแล้ว เหนือจะได้ทานยา”“ค่ะ”สองหญิงหนึ่งคนสาวหนึ่งคนแก่กว่า จัดจานใส่ถาดกว้างทยอยยกมากลางลานใกล้ระเบียงแล้ววางบนพื้นบ้านของเหนือหัวยังคงนั่งทานกับพื้นซึ่งในหมู่บ้านแห่งนี้เองก็ยังคงทำแบบนี้ ยกเว้นบางบ้านที่นั่งทานโต๊ะทานอาหารอาหารของไทใหญ่ก็คล้ายกับของทางภาคเหนือจึงทำให้ดวงฤทัยเองทานได้คล่องปาก“แล้วนี่ทำไมเหนือถึงบาดเจ็บมาล่ะลูก”ในที่สุดจันทร์มาลาก็เอ่ยถามอย่างที่ใจของดวงฤทัยเองอยากรู้เช่นกัน เธอเอี้ยวหน้าไปมองพลันสบตาของเหนือหัวที่มองมาทางเธอพอดี จึงรีบหลบก้มมองจานข้าวของตัวเอง ตักข้าวเข้าปากนิ่งเงียบ“ไปตรวจงานอยู่หลายวัน พอใกล้ ๆ วันกลับเจอพวกชนกลุ่มน้อยครับ ปะทะนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่เป็นอะไรมาก หมอผ่าเอากระสุนออกไปแล้ว”“แล้วทางนั่นลูกยังจะไปอีกเหรอ”“ก็ต้องไปครับ นั่นมันธุรกิจเรา แต่อาจจะน้อยลง ให้หุ้นส่วนที่เป็นทหารช่วยดูแล”“แล้วเราจะไว้ใจได้ยังไง คนพวกนี้ใช่ย่อย”ดวงฤทัยแม้ว่าจะก้มหน้าทานข้าวแต่หูเธอคอยฟังเสียงท
36 - สำหรับเขาต้องมากกว่า ไม่มีน้อยกว่าเหนือหัวชะโงกตัวไปยังหลังรถแต่แสงทัดปัดมือของชายหนุ่มไว้ก่อนแล้วคว้ากระเป๋าของเหนือหัวมาไว้เอง“ยังไม่รู้ ไว้หลังสงกรานต์ว่ากันอีกที”แสงทัดเดินนำยกกระเป๋าใบใหญ่ขึ้นไปบนเรือนยกใต้ถุนไม่สูงมากนักแบบไทใหญ่ อากาศในหน้านี้ไม่ร้อนมากนักเพราะอยู่ภูเขา ทำให้มีสายลมพัดมาตลอดเวลาบอดี้การ์ดเดินขึ้นเรือนกำลังเดินตรงไปยังห้องนอนของเหนือหัว พลันเหลือบเห็นร่างเล็กของคน ๆ หนึ่งที่เพื่อนของเขาถวิลหามาตลอด ทำให้เท้าใหญ่หยุดนิ่งตาเบิกกว้างหันกลับไปมองเพื่อนที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดเรือนมาพอดี“ไอ้เหนือ!”เหนือหัวเงยหน้าขึ้นมองแสงทัดที่ทำหน้าเหมือนเห็นผี คิ้วเข้มขมวดนิ่งไม่เอ่ยตอบอะไรยังก้าวขึ้นเรือนตามปกติ“มากันแล้ว”เสียงมารดาเอ่ยลอยมาจากชานเรือนแม้ว่าเขายังไม่ทันขึ้นไปชั้นบน จวบจนกระทั่งร่างสูงสาวเท้าไปบนขั้นสุดท้ายก้มศีรษะลงเพื่อให้พ้นชายหลังคาทรงเตี้ยเพื่อมุดเข้าไปในเรือน เมื่อเงยหน้าขึ้นอีกครั้งจึงเห็นแม่เลี้ยงสาวแห่งสินธุเจริญพาณิชยืนซ้อนอยู่ทางด้านหลัง หน้าเข้มกระด้างลงทันที“ไอ้ทัด มึงรอก่อน พาแม่เลี้ยงกลับไปด้วย”“ไอ้เหนือ!!”“เหนือ!!”เสียงแสงทัดและจั
35 – รัฐฉานปีใหม่ของชาวรัฐฉานปกติจัดขึ้นในวันขึ้นหนึ่งคำเดือนอ้ายของทุกปี ซึ่งมักจะเป็นช่วงงต้นเดือนธันวาคม ทำให้ในวันปีใหม่สากลของที่นี่เงียบเหงา ไม่ได้จัดงานเหมือนที่อื่นมีเพียงตามสถานที่สำคัญร้านค้าที่ทำสัญลักษณ์ว่าป้ายสวัสดีปีใหม่บางร้านค้าเท่านั้นร่างสูงยืนนิ่งตรงชานเรือนไม้ยกพื้นสูงบนเขาดอยเย่ว[1] ดอยสูงคดเคี้ยวเข้าลำบากถิ่นเดิมของมารดา บ้านทรงธรรมดาแบบไทใหญ่เพียงแต่หลังใหญ่กว่าทุกหลังในหมู่บ้านบอกสถานะทั้งทางสังคมและฐานะเงินทองใบหน้าเข้มไม่ได้พันผ้าโผกหัวนุ่งโสร่งเหมือนกับผู้ชายคนอื่นพื้นถิ่น เขาสวมกางเกงผ้าฝ้ายสีเข้มม่อฮ่อมและเสื้อผ้าฝ้ายสีอ่อนคอจีนผ่ายาวลงมาติดกระดุมทำจากรังผ้าฝ้ายสีเดียวกันจันทร์มาลา มารดาของเหนือหัวเองเฝ้าสังเกตลูกชายมาสักระยะแล้วนับจากกลับมาบ้านในคราวนี้ร่วมสองเดือน แม้ว่าเหนือหัวยังคงพูดคุยด้วยปกติแต่สีหน้าลูกชายดั่งมีเรื่องกลุ้มใจ บางครั้งเธอได้ยินเสียงถอนหายใจออกมาขณะที่เขาเผลอยามอยู่คนเดียวแสงทัดเองเมื่อกลับมายังหมู่บ้านแห่งนี้เขาเองก็กลับบ้าน ไม่ได้มาอยู่ดูแลเหมือนดั่งอยู่เมืองไทย ทำให้จันทร์มาลาไม่รู้ว่าจะหันหน้าไปถามใครดี ได้แต่เฝ้ามองลูกชายคนเ
34 – รู้ความจริงร่างเล็กนั่งรอแทบไม่ติดที่นั่งเมื่อนฤเบศร์เดินเข้ามาในห้องรับแขกของบ้าน และพลันยืนขึ้นทันทีอย่างร้อนใจเมื่อเห็นเขา โดยไม่ต้องพูดนฤเบศร์ก็รู้ว่าเธอมาเพื่อสิ่งใดในบ่ายวันนี้“พ่อเลี้ยง”“นั่งก่อนสิ ค่อย ๆ พูด”มือเล็กกุมไว้ขยุกขยิกห้ามตัวเองไม่ได้ ร้อนใจต้องการพูดเรื่องที่ตนเองตัดสินใจโดยเด็ดขาดแล้ว แต่ถูกขัดจังหวะด้วยเด็กรับใช้ในบ้านกำลังนำน้ำดื่มมาต้อนรับเธอนั่งนิ่งรอจนกระทั่งเด็กคนนั้นออกจากห้องไปจึงได้เริ่มเปิดปาก“ดวงตัดสินใจแล้ว”“ผมรู้ว่าที่คุณดวงมาวันนี้ก็คงเลือกมาแล้ว คุณเลือกเหนือหัวใช่ไหม”ดวงฤทัยพยักหน้ารับทันทีไม่รอช้า“ใช่ ดวงตัดสินใจแล้วว่าจะขอละเมิดสัญญาที่ทำไว้ ไม่มีสิ่งใดแทนที่พี่เหนือได้ ดวงไม่ต้องการบ้านหรือฟาร์ม”“ดื่มน้ำก่อนสิ”นฤเบศร์เอ่ยแนะนำเมื่อเสียงของดวงฤทัยทั้งแหบแห้งและฟังเหนื่อยล้า นั่นคงเพราะเธอคงร้องไห้มาทั้งคืน ร่างเล็กหยุดไปชั่งครู่แล้วทำตามที่เขาบอก“ดวงรู้หรือเปล่าว่าในสัญญานอกจากจะสูญเสียทุกอย่างแล้ว ยังต้องชดใช้เงินสินสอดกลับคืนอีกด้วย”ดวงฤทัยหน้าซีดเผือดวางแก้วลงมือสั่นเล็กน้อยพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ“ดวงจำได้ดี และสินสอดที่คุณพ่