LOGINในขณะที่ซูฮวากำลังยิ้มแย้มแจ่มใสส่งเสียงแหลมๆ อยู่กับเฉินเจียวเหมยอย่างไม่รู้เรื่องอันใด นางเพียงแค่หาเรื่องทะเลาะกับสตรีนางอื่นๆ ไปเรื่อยๆ เพื่อแก้เบื่อก็เท่านั้น“เจ้ามีความงามไม่ถึงครึ่งหนึ่งของข้า เหตุใดถึงได้รับเลือกกัน” สตรีนางหนึ่งเอ่ยอย่างเหยียดหยันมาทางซูฮวาอย่างไม่ยินยอมตามวิสัยของสตรี“ข้าก็มีดีของข้าก็แล้วกัน” ซูฮวาส่งเสียงแหลมๆ ตอบกลับอย่างลอยหน้าลอยตา“หึ! เกรงว่าของดีของเจ้าคงไม่ถูกรัชทายาทเลือกเป็นแน่” จบคำของสตรีนางนั้นก็มีเสียงหัวเราะผสมโรงจากสตรีอีกสองนางที่ยืนอยู่เบื้องหลังของสตรีเจ้าของประโยค“ไม่เลือกก็ไม่เลือก ใครสน!” ซูฮวาเอ่ยออกไปอย่างเหนือชั้นลอยหน้าลอยตาหัวเราะเสียงแหลมๆ ตอบกลับสตรีนางนั้นถึงกับผงะก่อนตวาดดังลั่น “อะไรกัน ไม่สนแล้วจะมาทำไม หา!”“ก็มาขัดขาพวกเจ้าอย่างไรเล่า”“ว่าอย่างไรนะ ปากดีนัก พวกเราจัดการ”“เข้ามาเลย”และแล้วความบันเทิงระหว่างอิสตรีจึงบังเกิดเฉินเจียวเหมยได้แต่นึกปลดปลงอยู่ในใจ กับสตรีพวกนี้ไม่นับว่าเป็นอันใด เมื่อเทียบกับพวกสตรีชั้นสูงที่มีพิษมีภัยล้นหลามรออยู่ในวังจ้าวจิ่นหลงที่ปลอมตัวอยู่กับขบวนได้แต่มองเหล่าสาวงามอย่างไม่อยากจะเชื
“ช่วงนี้ไม่ได้”“ทำไม”“ข้าต้องถูกส่งตัวไปบ่มเพาะ จนกว่าจะถูกส่งตัวเข้าวังแล้วต้องถูกตรวจพรหมจรรย์โดยนางกำนัล เพื่อความแนบเนียนกับวิธีการของข้า เช่นนั้นแล้ว ช่วงนี้ งด!”“...”“จนกว่าจะได้เข้าวัง”“...”“นอนเฉยๆ”“...”“นอนมองตากันก็พอ”“...”จบคำของเฉินเจียวเหมย นางสังเกตเห็นสีหน้าดำคล้ำขึ้นเรื่อยๆ ของผู้เป็นสามี ช่างสนุกยิ่งนัก นางคิด“ให้กอดก็ได้ แค่กอดนะ” นางเอ่ยอย่างใจกว้าง“ไม่เอา” จ้าวจิ่นหลงตอบแค่นั้น“ได้อย่างไรเล่า”“ถ้าอย่างนั้นข้าพาเจ้ากลับไปแต่งงานก่อน ไม่ต้องปลอมตัวแล้ว”“ไม่ได้ ไม่ได้”“พรหมจรรย์ของเจ้าถูกข้าสะบั้นไปเอง ถึงแม้จะตรวจไม่ผ่านก็ไม่เห็นจะเป็นอันใด”เฉินเจียวเหมยถึงกับอ้าปากค้าง ก่อนเอ่ย “ท่านนี่ เอ่ยอะไรกัน”“ข้าเอ่ยตามจริง”“...”“เจ้าจะทำเป็นสาวบริสุทธิ์ได้อย่างไร หากถูกตรวจสอบผ่านแล้วถูกส่งไปให้องค์ชายคนอื่นจะทำอย่างไร” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงแหบต่ำด้วยใจกำลังคิดฟุ้งซ่านอย่างไม่มีเหตุผลด้วยอารมณ์หึงหวงแบบเต็มขั้นขึ้นมา “พรหมจรรย์ของเจ้ามีเท่าไหร่ข้าจะจัดการให้หมด”“หา!”“มาเถอะ”“หือ”“ข้าจะตอกย้ำเจ้าให้ตระหนัก”“หา!”ทั้งสองจ้องหน้ากันนิ่งงันจ้าวจิ่นหลงก้มมอ
หลังจากที่เฉินเจียวเหมยได้เคี่ยวกรำซูฮวามาอย่างหนักโดยมีจ้าวจิ่นหลงและหยางซื่อหลางคอยเป็นคนควบคุมและประเมินผลงานให้มาหลายวันวันนี้ล่ะ!เฉินเจียวเหมยและซูฮวามองตากันอย่างรู้ใจก่อนจะถอดชุดคลุมออกเผยให้เห็นอาภรณ์งดงามสะกดทุกสายตานางทั้งสองพากันเดินนวยนาดขึ้นไปบนเวทีด้วยท่วงท่าดั่งนางฟ้านางสวรรค์ก็ไม่ปานเฉินเจียวเหมยอยู่ในอาภรณ์สีขาวทอประกายสีทองงดงามอร่ามงามตาประคองพิณสายกู่เจิงขึ้นเวทีมาส่วนซูฮวาอยู่ในอาภรณ์สีแดงเพลิงเดินเคียงคู่มากับเฉินเจียวเหมยด้วยท่วงท่างดงามดั่งนางพญาร้อนแรงลานประลองกว้างขวาง เฉินเจียวเหมยจึงเลือกพิณกู่เจิงด้วยพลังเสียงของมันจะกังวานสดใสดึงพลังของซูฮวาให้ออกมาได้อย่างง่ายดายเฉินเจียวเหมยอยู่ในตำแหน่งบรรเลงพิณสาย นางเพียงดีดพิณด้วยท่วงท่างดงามตามปกติวิสัยในขณะที่ซูฮวาอยู่ในตำแหน่งร่ายรำอย่างงามล้ำพลิ้วไหวเหนือคำบรรยายสองสตรีต่างอยู่ในท่วงท่ากิริยาที่แตกต่างแต่กลับผสมผสานเข้ากันได้เป็นอย่างดีเฉินเจียวเหมยผู้บรรเลงเพลงพิณกำลังนั่งอยู่หลังพิณคล้ายกับนางสวรรค์ลงมาล้อเล่นอยู่กับนางมารผู้ร้อนแรงซูฮวาเป็นนางมารผู้นั้น นางกำลังร่ายรำด้วยลีลาเร่าร้อน อาภรณ์สีแดงเพล
เขากลับต้องแต่งกายปลอมตัวเป็นบุรุษธรรมดาในอาภรณ์สีเหลืองนวลคาดขาวบางส่วนซึ่งก็ทำให้เขาที่มีมาดเคร่งขรึมขัดกับสีของอาภรณ์พลันน่ามองเพิ่มขึ้นมาอย่างมากมายสายตาของสาวงามทั้งหลายต่างมองมายังหยางซื่อหลางไม่วางตา บุรุษในอาภรณ์สีธรรมดาแต่กลับดูลึกลับไม่ธรรมดา อา...น่าค้นหายิ่งตรงนี้ซูฮวาเริ่มทนไม่ได้จริงๆ นางจึงนั่งอยู่นิ่งๆ ไม่ได้เสียแล้ว“เจ้าจะทำอะไร” เฉินเจียวเหมยเอ่ยถามไปทางซูฮวาที่ทำท่าทางกางเล็บมือออกทุกนิ้วแล้วพร้อมจะพุ่งตัวออกไปแบบนั้น“ข้าจะไปจิกลูกนัยน์ตาของสตรีพวกนั้นเล่นเสียหน่อย” ซูฮวาตอบเสียงกดต่ำอย่างน่ากลัว“อืม...เช่นนั้นฝากเจ้าจัดการสตรีพวกนี้ด้วย” เฉินเจียวเหมยตอบคำพลางปรายสายตาไปทางสตรีอีกฝั่งหนึ่งที่เป็นเป้าหมาย“ได้เลย” ซูฮวารับคำทำท่าจะลุกออกไป“หยุดเลย/หยุดเลย” สองบุรุษใกล้เคียงเอ่ยห้ามอย่างพร้อมเพรียงพลางถอนหายใจ“...”เพียงไม่นานต่อมาพิธีการแข่งขันก็ได้เริ่มต้นขึ้นอย่างเป็นทางการ โดยการเปิดตัวผู้ยิ่งใหญ่ประจำงาน ซึ่งก็คือท่านเจ้าเมืองของที่นี่ ตามมาด้วยเสนาบดีจากทางเมืองหลวงอีกสองท่าน รวมถึงหม่ากงกงหนึ่งในขันทีคนสนิทของฮ่องเต้เมื่อบุคคลสำคัญประจำงานเดินทางมาถึ
ภายในห้องโถงของบ้านเฟยเทียนที่บัดนี้กำลังใช้เป็นที่ชุมนุมกันโดยมิได้นัดหมายการชุมนุมแต่อย่างใดเฟยเทียนเพียงนั่งเคียงคู่กับซูเซียวอยู่ตรงตั่งยาวเยื้องออกไปจากโต๊ะกลางห้องโถงซูฮวากำลังนั่งคอตกอยู่ที่โต๊ะตัวหนึ่งโดยมีบุรุษนามว่า หยางซื่อหลางกำลังยืนกอดอกมองซูฮวาอยู่ด้วยสายตามืดดำคล้ายแค้นเคืองกันอย่างมากมายมหาศาลเมื่อจ้าวจิ่นหลงและเฉินเจียวเหมยเดินเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้ ซูฮวาจึงรีบดีดตัวลุกขึ้นมาแล้ววิ่งเข้าใส่เฉินเจียวเหมยในทันที ก่อนจะรีบดึงมือของเฉินเจียวเหมยให้เดินแยกออกมาจากทุกคนที่อยู่ภายห้องโถงแห่งนี้“อะไรของเจ้าน่ะ ซูฮวา” เฉินเจียวเหมยถามขึ้นไปทางซูฮวาเมื่อเดินตามออกมาจนลับตาคน“เมื่อคืน...เมื่อคืน...” ซูฮวาเอ่ยอย่างตะกุกตะกักฟังไม่เป็นคำ“อันใดของเจ้า” เฉินเจียวเหมยเริ่มขมวดคิ้วไม่เข้าใจ“ข้า...เมื่อคืนข้า...” ซูฮวาสูดลมหายใจเข้าอีกอึดใจ “ข้าล่วงเกินบุรุษผู้นั้น”“หือ...” เฉินเจียวเหมยก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีซูฮวาจึงรวบรวมสติเล่าเรื่องราวให้เฉินเจียวเหมยฟังทั้งหมดนางไม่กล้าเล่าให้น้องสาวฟังเพราะว่านางเป็นพี่ ความเป็นพี่มันค้ำคออยู่นางจึงเลือกเฉินเจียวเหมยที่เป็นคนนอก อย่างมิ
และเพียงไม่นาน เนื้อตัวที่เย็นเยียบของเฉินเจียวเหมยพลันเปลี่ยนไปเป็นอุ่นร้อนขึ้นมาเนื่องจากว่าถูกเรือนร่างหนาแน่นและร้อนระอุของจ้าวจิ่นหลงบดเบียดเข้าแนบชิดจนสนิทแนบแน่นไร้ช่องว่างใดๆ ระหว่างกัน“อุ่นขึ้นหรือไม่” จ้าวจิ่นหลงกระซิบเสียงแหบต่ำตรงใบหูของเฉินเจียวเหมย“อ่ะ...อืม...” นางตอบด้วยน้ำเสียงเริ่มกระเส่า“เจ้าชอบ...” จ้าวจิ่นหลงก้มหน้าถามแนบชิด“ข้าชอบ...” เฉินเจียวเหมยครางตอบเสียงเบาจ้าวจิ่นหลงเพียงหัวเราะอยู่ในลำคออย่างถูกใจก่อนจะก้มหน้าลงฝังจมูกและริมฝีปากอุ่นชื้นกับลำคอระหงของนางและเริ่มต้นบทเพลงบรรเลงบทรักเพื่อเอาใจชายารักอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องในหน้าที่ของสวามีที่ดีเขาเติบโตมาท่ามกลางบิดาที่มีหลายภรรยา ตัวของเขาเป็นบุตรชายที่เกิดจากหนึ่งในภรรยาของบิดา จากภรรยาหลายๆ คนนั่นความรักที่ได้มาจึงมักจะถูกแบ่งสันปันส่วนจากพี่น้องต่างมารดา ถึงแม้ว่ามารดาของเขาจะเป็นถึงฮองเฮา แต่ก็เป็นที่แน่นอนว่ามารดาของเขาก็ไม่เคยที่จะได้รับความรักจากสามีได้อย่างเต็มที่ เขาเคยเห็นมารดาของเขาแอบร่ำไห้น้อยใจอยู่หลายครั้ง จนถึงขั้นที่เคยคิดจะพาเขาหนีออกจากวัง จนเขาต้องเลือกที่จะทำงานหนัก เพื่อให้มา







