LOGINแสงแดดยามเช้าส่องสว่างทอประกายพาดผ่านทะลุทะลวงเข้ามาทางบานหน้าต่างของห้องพักห้องหนึ่งภายในโรงเตี๊ยมแห่งนี้
บนเตียงนอนหนานุ่มท่ามกลางม่านมุ้งที่ฉีกขาด กำลังปรากฏร่างงามๆ เปล่าเปลือยของบุรุษหนุ่มผู้หนึ่งนอนอยู่บนนั้น บนเตียงนอนอุ่นซ่านนั่น เขาเพียงค่อยๆ ตื่นลืมตาขึ้นมาหลังจากที่เมื่อคืนได้ใช้หยาดเหงื่อแรงกายของเขาไปกับกิจกรรมสุดแสนจะรัญจวนโดยมิได้คาดคิด มิได้คาดฝัน
กิจกรรมนั้นพาเอาร่างกายสูงใหญ่ของเขาอ่อนปวกเปียกหมดสิ้นเรี่ยวแรง และถึงกับขาดน้ำขาดอากาศเกือบทั้งคืน
กับสตรีนางหนึ่ง
นางผู้ซึ่ง...
เป็นใครกัน!?
ชายหนุ่มลุกขึ้นนั่งพลางใช้สายตาเรียวคมของเขามองไปยังที่นอนข้างๆ กัน
แต่แล้วเขาก็ต้องแปลกใจ
นางหายไป!
หายไปแล้ว...
ชายหนุ่มเพียงกะพริบตามองที่นอนว่างเปล่าข้างๆ กายของเขาอยู่อย่างนั้น
ที่นอนข้างๆ กายของเขานั้น ปรากฏริ้วรอยสีแดงของหยาดโลหิตดวงหนึ่ง และ…
ที่หมอน…
บนหมอนที่อยู่ข้างๆ เขานั้น ปรากฏหยดน้ำเปรอะเปื้อนเป็นคราบด่างดวง
ซึ่งทำเขามึนงง
ได้อย่างมากมาย...
ริ้วรอยสีแดงคือสิ่งที่แสดงถึงความบริสุทธิ์ของอิสตรีและคราบหยดน้ำนั่นเป็นคราบของน้ำตาอย่างไม่ต้องสงสัย
อันที่จริงนางควรจะนอนร้องห่มร้องไห้ออดอ้อนเว้าวอนให้เขารับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับเขา แต่...
แต่นางหายไป
นางหายไปไหน?
หายไปได้อย่างไร
แล้วเมื่อคืนนี้มันคืออะไร
อันใดกัน!?
มิใช่ว่านางตั้งใจวางยาปลุกกำหนัดหมายจับมัดเขาเอาไว้ด้วยกามกิจอย่างนั้นหรือ
อันใดกัน!
นี่นางทิ้งเขาเอาไว้
นางทิ้งเขาไป
หลังจากที่ได้เสพสมกับเขา…
อย่างนั้นหรือ?
ไยไม่รับผิดชอบ!
ทำไมนางไม่รับผิดชอบ…
นางไม่รับผิดชอบต่อเขาอย่างนี้ได้อย่างไร
เขาที่เป็นถึงองค์ชาย เขาที่เป็นถึงองค์รัชทายาทของแคว้นจ้าว นามว่า จ้าวจิ่นหลง เขาที่มีแต่บรรดาสตรีวิ่งเข้าหา
เขามีแต่สตรีต้องการตัวของเขา แต่นาง...
นางได้ตัวเขาแล้ว...
นางทำสำเร็จแล้ว...
แล้วไยทิ้งเขาไป
ไยไม่รับผิดชอบ!
เกินไปหรือไม่!?
ภายในโรงหมอแห่งหนึ่ง...
บัดนี้กำลังมีสตรีนางหนึ่งกำลังนั่งร้องไห้หน้าตาบวมช้ำอย่างสูญสิ้นความงามไปหลายส่วน
นางมีนามว่า เฉินเจียวเหมย
นางเป็นหมอหญิงประจำหมู่บ้านแห่งนี้
โรงหมอของนางอยู่ใกล้ๆ กันกับโรงเตี๊ยมแห่งหนึ่งภายในหมู่บ้านแห่งนี้
นางกำลังนั่งต้มยาห้ามครรภ์อย่างมุ่งมั่นหมายมาด ด้วยท่าทางองอาจคล้ายกับนางมารที่หวังนำยาต้มหม้อนี้ไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของมหาอำนาจทั่วทั้งใต้หล้าก็ไม่ปาน
นางเพียงนั่งต้มยาห้ามครรภ์เพื่อหมายจะดื่มกินมันลงไปในทันที นางไม่อาจชักช้าอยู่ได้ ไม่อาจช้าได้...
เพราะว่าเมื่อคืน...
เมื่อคืน...
หึ! ยิ่งคิดยิ่งช้ำ
อาเป่านะอาเป่า!
เฉินเจียวเหมยนั่งต้มยาอีกเพียงครู่ ยาจึงได้ที่ หญิงสาวไม่รอช้า นางไม่มีการรีรอให้ยาเย็นตัวแต่อย่างใด
นางรีบยกมันขึ้นมาแล้วจิบไปเป่าไปอย่างไม่มีการรั้งรอให้เสียเวลา
หากชักช้านางอาจจะตั้งครรภ์เอาได้
หากนางตั้งครรภ์ขึ้นมาจะทำอย่างไร
นางยังมิได้แต่งงาน
คนรักคนใดก็ยังไม่มี
นางไม่เคยคิดที่จะมีใคร
นางตั้งปฏิญาณเอาไว้กับตนเองแล้วว่าจะอยู่เป็นหมอหญิงไปอย่างนี้
นางต้องการจะอยู่ดูแลคนเจ็บไข้ได้ป่วยไปอย่างนี้ โดยไม่คิดที่จะแต่งงาน
นางรักอิสระ รักแผ่นดินกว้างใหญ่ นางไม่เคยคิดที่จะถูกผูกมัดเอาไว้กับใคร
เขาเป็นองค์ชายที่มีตำแหน่งพ่วงท้ายเป็นรัชทายาทแน่นอนว่าย่อมมีเรื่องเช่นนี้ เขาไม่แปลกใจ“อาเหมย...” จ้าวจิ่นหลงตัดสินใจปลุกสตรีในอ้อมกอดให้ตื่นขึ้นมาหลังจากที่นางกำลังเคลิบเคลิ้มอยู่ภายในอ้อมอกของเขา“หืม...” เฉินเจียวเหมยจึงงัวเงียตื่นขึ้นมาจากนิทรารมย์ฝันหวานที่นางไม่รู้เลยว่ามันมิใช่แค่เพียงความฝัน“ตื่นขึ้นมาก่อน ยามนี้อันตราย” จ้าวจิ่นหลงยังเอ่ยคำไม่ทันจบ รอบด้านของเขาพลันปรากฏเงาร่างของชายชุดดำหลายคนกำลังคืบคลานพรางตัววูบไหวใกล้เข้ามา“อันใด” เฉินเจียวเหมยพลันได้สติตื่นเต็มตาด้วยสัญชาตญาณจ้าวจิ่นหลงไม่เสียเวลาอธิบาย เขารีบจับยกร่างของเฉินเจียวเหมยขึ้นอุ้มแล้วนำนางไปวางเอาไว้บนหลังม้าในทันที“เจ้าขี่ม้าเป็นหรือไม่ ขี่ม้าหนีไป ข้าจะอยู่ทางนี้เอง” ชายหนุ่มรีบเอ่ย“ท่านขึ้นมา” เฉินเจียวเหมยตอบแค่นั้นพลางจับสาบเสื้อช่วงไหล่ของจ้าวจิ่นหลงแล้วย้ำ “ขึ้นมา!”จ้าวจิ่นหลงจึงรีบขึ้นหลังม้าซ้อนกับร่างของเฉินเจียวเหมยในทันทีก่อนจะเอื้อมมือไปจับดาบที่อยู่ตรงข้างลำตัวของม้าแล้วดึงออกจากฝักอย่างไม่เสียเวลาคิดอันใดเนื่องจากชายชุดดำได้เข้ามาจนถึงตัวของพวกเขาแล้วในยามนี้“ไป!” เสียงคำรามของจ้าวจิ่
ภายใต้ร่มไม้ร่มรื่นของป่าใหญ่หนาทึบ จ้าวจิ่นหลงเพียงบังคับม้าให้เดินเท้าอยู่เพียงเบาๆ มิได้เร่งรีบเหมือนดั่งเช่นในคราแรกเนื่องจากว่าในยามนี้ มีสตรีผู้หนึ่งผู้ซึ่งนั่งอยู่ภายในอ้อมแขนของเขาบนหลังม้าตัวเดียวกันนี้ นางกำลังนั่งสัปหงกคอพับคออ่อนอยู่ตรงแผงอกของเขานางคงใช้เรี่ยวแรงในการวิ่งหนีเขาเมื่อก่อนหน้านี้มากจนเกินไป หนีแล้วหนีอีกอยู่นั่น วิ่งไปทั่วหมู่บ้านอยู่อย่างนั้น มิรู้ได้ว่าจะหนีทำไมกันนักกันหนา หนีอยู่ได้ น่าขย้ำนัก!จ้าวจิ่นหลงนึกเข่นเขี้ยวอยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มเพียงก้มหน้ามองเฉินเจียวเหมยที่กำลังนั่งหลับอยู่ตรงด้านหน้าของเขาในยามนี้ เขาจึงเอื้อมมือที่จับกุมเอวของนางขึ้นมาแล้วจับเอาศีรษะของนางกดเอาไว้ให้แนบกับแผงอกของเขา ให้นางได้หลับสบายอยู่ตรงแผงอกของเขา เขาเกรงว่านางจะสัปหงกจนตกม้าไป แล้วคอหักตายไปเสียก่อนที่จะได้เข้าพิธีแต่งงานกับเขามีสตรีมากมายที่ต้องการจะแต่งงานเป็นชายาของเขาแต่ละนางหาเรื่องเข้ามาหาเขาในวังไม่เว้นในแต่ละวัน จนเขานึกรำคาญก็เลยแอบปลอมตัวออกท่องเที่ยวไปถ้วนทั่วแผ่นดินจนมาถึงแคว้นเฉินแห่งนี้ แต่นาง...นางหนีเขา…นางทำการอุกอาจเพื่อที่จะ
เฉินเจียวเหมยเงียบงันพลันครุ่นคิดหาทางหนีทีไล่อยู่ภายในใจ เอาอย่างไรดี?“หยุดคิดที่จะหนีข้าได้แล้ว” จ้าวจิ่นหลงคำรามเสียงดังอย่างรู้เท่าทันสตรีตรงหน้าเฉินเจียวเหมยถึงกับสะดุ้งตกใจ“พูดดีๆ ก็ได้” หญิงสาวตะคอกกลับเสียงดัง“เจ้าคุยไม่รู้เรื่อง”“ท่านนั่นล่ะคุยไม่รู้เรื่อง”“เจ้านั่นล่ะ”“ท่านนั่นล่ะ”“ฮึ!”“หึ!”ทั้งสองสะบัดหน้าหนีออกจากกันคนละทิศละทางแม้ว่ากายงามจะยังคงแนบชิดพวกเขายังคงนั่งซ้อนกันอยู่บนหลังม้าอึดใจต่อมา จ้าวจิ่นหลงจึงทำท่าจะควบตะบึงม้าให้ออกตัวเดินทางอีกครา โดยที่มือข้างหนึ่งของเขายังคงรัดรึงโอบกอดร่างของเฉินเจียวเหมยที่นั่งอยู่ด้านหน้าของเขา ส่วนมืออีกข้างหนึ่งก็คุมบังเหียนม้าเพื่อบังคับให้ไปตามทางเฉินเจียวเหมยเห็นดังนั้นจึงรีบเอื้อมมือของตนขึ้นจับมือของจ้าวจิ่นหลงที่กำลังจับบังเหียนม้าอยู่อย่างรวดเร็วเมื่อมือเล็กจับกุมมือใหญ่ ชายหนุ่มจึงชะงักไป“หยุดเลย!” เฉินเจียวเหมยยังคงเสียงดัง“อันใด!”“ท่านจะพาข้าไปที่ใด”“พาเจ้ากลับแคว้นจ้าว”“ข้าไม่ไป”“ทำไม”“ไม่ไปก็คือไม่ไป ท่านนี่ พูดไม่รู้เรื่อง” เฉินเจียวเหมยเริ่มหงุดหงิดเหลือประมาณ“...”จ้าวจิ่นหลงถึงกับเงียบงัน เข
เฉินเจียวเหมยเพียงใช้หางตาแอบมองใครบางคนที่นั่งอยู่ข้างๆ กันอย่างระแวงอยู่ตลอดเวลา เขากำลังนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยมาดของบุรุษที่มีเสน่ห์น่าแทรกกายเข้าหานางติดใจเขาเสียแล้ว นางเป็นสตรีอย่างนี้ได้อย่างไร อา...นางต้องอยู่ให้ไกลจากเรือนร่างอันยั่วยวนของเขา นางต้องหนีเขาไปให้ไกล ก่อนที่นางจะรู้สึกคลั่งเขาไปมากกว่านี้เรื่องอย่างนี้จะให้ใครล่วงรู้ไม่ได้ โดยเฉพาะกับบุรุษน่าตายผู้นี้ นางจะต้องเก็บข่มมันเอาไว้ให้ลึกที่สุด ไม่ได้ ไม่ได้นางจะเสียชื่อหมอหญิงผู้เก่งกาจทุกสถานการณ์อย่างนี้...ไม่ได้! จะเสียท่าให้กับยาปลุกกำหนัดของตัวเองอย่างนี้...ไม่ได้! จะตกอยู่ในสภาพที่เป็นอยู่อย่างนี้...ไม่ได้! จะ....หือ!และแล้วความคิดที่ต้องการจะหนีใครบางคนด้วยเหตุผลทั้งหลายทั้งปวงของเฉินเจียวเหมยพลันตกไป ด้วยเพราะว่าใครบางคนนั้นพลันอุ้มนางลงจากรถม้าแล้วพานางมาขึ้นนั่งบนหลังม้าก่อนจะควบตะบึงม้าพานางออกมาอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าฟาดและเพียงอึดใจ เสียงควบตะบึงม้าพลันดังขึ้นมาในโสตประสาทของเฉินเจียวเหมยและทำให้นางได้เข้าใจไม่...เฉินเจียวเหมยได้แต่ร่ำร้องอยู่ในใจเวลาผ่านไปครู่ใหญ่แล้วเฉินเจียวเหมยยังคงถูกบุรุษแป
เขาทำท่าทางดุดันน่าเกรงขามข่มคำรามใส่นาง ในขณะที่จับกดนางไม่ยอมปล่อยนางรู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ของยาปลุกกำหนัดที่ทำให้เขาไม่อาจถอนร่างกายของเขาออกจากร่างกายของนางเพราะว่านางเองก็เป็นอย่างนั้นเช่นเดียวกันนางโอบกอดกระหวัดรัดรึงเขาเอาไว้อย่างแนบแน่นในขณะที่เขาก็ถาโถมเข้าใส่นางอย่างหนักหน่วง เราสองสอดประสานกันอย่างเหนียวแน่นเกินห้ามใจเกินยับยั้งแต่ทว่า...เขามิได้รักนาง เขามิได้ต้องการนางแต่อย่างใดนางเองก็เช่นเดียวกันนางมิได้ต้องการเขา ไม่ได้รักเขานางจะรักเขาได้อย่างไร เขาเป็นใครนางยังไม่รู้เลยที่สอดประสานกับจนเนื้อนวลเกือบจะแหลกเหลวนั่น ก็เพราะยาสูตรพิเศษของนางล้วนๆนางกับเขาไม่ควรเจอกัน นางไม่ควรเจอกับเขาอีก นางอยากจะลืมลืมความอับอาย ลืมความอัปยศดอดสูนี่ นางควรหนี นางจะต้องหนีเขา นางต้องหนีเขาเท่านั้น นางควรหนีเขาไปที่ใดดีเมื่อเฉินเจียวเหมยคิดได้อย่างนั้นจึงทำท่าจะกระโจนตัวหนีจ้าวจิ่นหลงอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ นอกจากฝ่ามือใหญ่หนาของเขาที่จับกระชากนางให้นั่งอยู่กับที่นิ่งๆ แล้ว ใบหน้าของจ้าวจิ่นหลงพลันแนบชิดเข้ามา แล้วกดจูบนางอย่างเร่าร้อน“อื้อ...อื้อ” เฉินเจียวเหมยถึงกับตกใจอุทานอยู่
เขาเป็นบุรุษน่าตายที่สุดในชีวิตของนางนางควรทำอย่างไรดี ทำตัวน่ารังเกียจไปเลยดีหรือไม่ จะอย่างไรเสีย นางก็น่ารังเกียจอยู่แล้วในยามนี้ นางเป็นสตรีน่ารังเกียจไปหมดแล้วตั้งแต่ค่ำคืนของคืนนั้นจ้าวจิ่นหลงที่ได้ถือโอกาสเข้ามาภายในรถม้าคันนี้เป็นผลสำเร็จเมื่อจูหยวนจางอุ้มภรรยาลงจากรถม้าไปเพื่อที่จะได้ไปนั่งชื่นชมทิวทัศน์พร้อมกับแนบชิดคลอเคลียไปมาอยู่กับภรรยาที่ริมลำธารนั่น เขาจึงเข้ามาเพื่อที่ต้องการจะคุยกับสตรีน่าตายผู้นี้ให้รู้เรื่อง เมื่อเขาเข้ามานั่งในรถม้าคันเดียวกันกับนางแล้ว เขาเพียงนั่งจ้องมองนางนิ่งๆ เพื่อหยั่งเชิงนาง เพื่อดูว่านางจะหนีเขาไปที่ใดได้อีกเมื่อเขาเห็นนางไม่มีทีท่าว่าจะหนีไปที่ใดแล้ว เขาจึงเริ่มต้นบทสนทนาแนะนำตัวและทำความรู้จักกับนางใช่! เขากับนางควรทำความรู้จักกันด้วยการเสวนากันดีๆ แบบปกติของบุรุษและสตรีทั่วไปถึงแม้ว่า เขากับนางจะทำความรู้จักกันด้วยเรือนร่างทุกสัดส่วน ด้วยลีลาเร่าร้อนหลายกระบวนท่าไปแล้วก็ตาม แต่ทว่า...นอกจากนางจะไม่หนีเขาแล้ว นางยังทำหน้าตาน่าจับกดอีกนางนั่งเหม่อลอยอยู่ครู่ใหญ่ แล้วซักพักนางก็หันหน้ามามองใบหน้าของเขาเพียงอึดใจนางก็ใช้สายตาของนา







