ตอนที่ 8 ฟีโรโมนตีกัน
กลิ่นฟีโรโมนของอิสราซึ่งเป็นกลิ่น ‘ไม้จันทน์’ ที่หนักแน่นและเย็นชาในตอนแรก ตอนนี้มันกลับรุนแรงและร้อนแรงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ มันไม่ได้ทำให้คีรินทร์รู้สึกอ่อนแรงและถูกคุกคามจนร่างกายเริ่มสั่นเทาอย่างควบคุมไม่ได้
อิสราก็รู้สึกไม่ต่างกัน เขาตั้งใจจะเพียงแค่จะแกล้งคีรินทร์เล็กน้อยเท่านั้น แต่เมื่อร่างกายของโอเมก้าที่หอมหวานด้วยกลิ่นฟีโรโมน ‘ดอกกุหลาบ’ ที่อ่อนโยนและนุ่มนวลเข้ามาในอ้อมแขน เขาก็สัมผัสได้ถึงความร้อนแรงที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของคีรินทร์ ซึ่งมันไม่ใช่ความร้อนที่เกิดจากการแสดง แต่เป็นความร้อนที่เกิดจากการฮีทที่กำลังจะเริ่มต้น
“ตัวนาย…ร้อน” อิสราพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ใบหน้าของเขาเริ่มแดงก่ำจากฤทธิ์ของฟีโรโมนที่กำลังตีกัน
การแนบชิดที่เกิดขึ้นนั้น ทำให้คีรินทร์รู้สึกถึงความอึดอัดและกลิ่นฟีโรโมนของอัลฟ่าที่รุนแรงจนแทบจะทำให้เขาหายใจไม่ออก
“หยุด ตัดฉาก” เสียงผู้กำกับดังขึ้น “เกิดอะไรขึ้นน่ะคีรินทร์ ทำไมตัวถึงสั่นขนาดนั้น”
ทันทีที่ผู้กำกับสั่งตัดฉาก อิสราก็ปล่อยคีรินทร์ออกจากอ้อมแขนทันที เขามองคีรินทร์ด้วยสายตาตกใจปนประหลาดใจ ร่างกายของคีรินทร์ดูเหมือนจะอ่อนระทวยลงไปเรื่อยๆ จนเกือบจะล้มลง
“ฟีโรโมนของพวกเรามัน...มันกำลังตีกัน” คีรินทร์พูดเสียงสั่นเครือ “ผมรู้สึกไม่ค่อยดีเลย”
“นี่มันบ้าอะไรกัน” อิสราสบถออกมาด้วยความหงุดหงิด เขาไม่เคยมีปฏิกิริยากับฟีโรโมนของโอเมก้าคนไหนมาก่อน และคีรินทร์ก็เป็นคนแรกที่ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังถูกดึงดูดเข้าหากันในแบบที่เขาไม่เคยสัมผัส
ผู้กำกับรีบวิ่งเข้ามาหาคีรินทร์ด้วยความตกใจ “เกิดฮีทกะทันหันงั้นเหรอ นี่นายยังไม่ได้ฉีดยาระงับฮีทมาเหรอ”
“ผม…ผมต้องไปพักก่อนครับ” คีรินทร์พูดเสียงแผ่วเบา เขาพยายามเดินออกไป แต่ร่างกายกลับหมดแรงจนล้มลงกับพื้นทันที
ผู้กำกับและทีมงานต่างพากันตกใจ แต่คนที่ไวกว่าทุกคนคืออิสรา เขารีบเข้าไปประคองคีรินทร์ขึ้นมา “ลุกไหวไหม”
คีรินทร์ส่ายหน้า “ผม…ไม่ไหว”
ในสถานการณ์ที่ทุกคนต่างทำตัวไม่ถูก อิสราตัดสินใจอุ้มคีรินทร์ขึ้นมาในท่าเจ้าสาวอย่างรวดเร็ว
“คุณอิส จะทำอะไรน่ะ” เอกรีบเข้ามาห้าม
“ฉันจะพาเขาไปที่ห้องพัก” อิสราพูดเสียงเรียบ “สถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าโอเมก้าคนไหนก็ควรได้รับการดูแล”
คีรินทร์ที่ยังคงอ่อนระทวย กลับถูกอุ้มขึ้นไปบนอ้อมแขนที่แข็งแกร่งของอิสรา เขาได้แต่ตกใจจนพูดไม่ออก เขามองใบหน้าของอิสราที่อยู่ใกล้แค่คืบ แล้วความรู้สึกบางอย่างที่เขาไม่เคยมีกับอัลฟ่าคนไหนก็เริ่มก่อตัวขึ้นในใจ
อิสราอุ้มคีรินทร์เข้ามาในห้องพักส่วนตัวของเขาที่จัดเตรียมไว้ในสตูดิโอถ่ายทำอย่างรวดเร็ว เขาวางร่างที่อ่อนระทวยของคีรินทร์ลงบนโซฟาหนังสีเข้มอย่างเบามือ แล้วรีบเปิดหน้าต่างเพื่อระบายกลิ่นฟีโรโมนที่รุนแรงของทั้งคู่ออกไป
“นายเป็นโอเมก้าประเภทไหนกันแน่” อิสราถามด้วยน้ำเสียงติดจะหงุดหงิด “ทำไมถึงไม่มีภูมิต้านทานฟีโรโมนอัลฟ่าขนาดนี้”
คีรินทร์ลืมตาขึ้นมองอิสราด้วยสายตาพร่ามัว “ผม…ก็แค่โอเมก้าธรรมดา”
“โอเมก้าธรรมดาที่ไหนจะฮีทง่ายขนาดนี้” อิสราพึมพำ “หรือว่า…นายเป็นโอเมก้าที่เพิ่งเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์”
คำถามของอิสราทำให้คีรินทร์เบิกตากว้างด้วยความตกใจอย่างเห็นได้ชัด “คุณรู้ได้ยังไง”
อิสรามองคีรินทร์ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ เขาไม่คิดว่าสิ่งที่เขาเดาจะถูกต้อง “แสดงว่าฉันเดาถูกสินะ”
คีรินทร์พยายามจะลุกขึ้นจากโซฟา แต่ร่างกายกลับไม่มีเรี่ยวแรงพอจะลุกไหว “ผม…ผมไม่อยากให้ใครรู้เรื่องนี้”
“ทำไม การเป็นโอเมก้าที่เพิ่งเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์มันเป็นเรื่องน่าอับอายขนาดนั้นเลยเหรอ” อิสราถาม
“มันไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย แต่ผมแค่ไม่อยากให้ใครมามองผมด้วยสายตาที่ดูถูกเหมือนที่พวกอัลฟ่าส่วนใหญ่ทำ” คีรินทร์พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ทุกคนมักจะคิดว่าโอเมก้าอ่อนแอ ต้องพึ่งพาอัลฟ่าเสมอ โดยเฉพาะโอเมก้าที่มีหน้าตาแบบผม ยิ่งจะถูกอัลฟ่าคุกคามและรังแกได้ง่ายกว่าคนอื่น”
คีรินทร์เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะไม่ให้ใครรู้ว่าผมเป็นโอเมก้าประเภทนี้ ผมกินยาคุมฮีทเป็นประจำ และพยายามหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้พวกอัลฟ่า เพื่อที่ผมจะได้ใช้ชีวิตได้อย่างปกติสุขเหมือนคนอื่นเขา”
อิสรามองคีรินทร์ด้วยสายตาที่อ่อนลงกว่าเดิม เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าเบื้องหลังความแข็งกระด้างและไม่ยอมคนของคีรินทร์นั้น แท้จริงแล้วเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความหวาดระแวงขนาดนี้
“แล้วทำไมถึงมาเป็นนักแสดงล่ะ” อิสราถาม “ในเมื่อนายรู้อยู่แล้วว่าอาชีพนี้ต้องเจอพวกอัลฟ่ามากมายขนาดไหน”
“เพราะการแสดงทำให้ผมเป็นใครก็ได้ที่ไม่ใช่ตัวเอง ทำให้ผมได้เป็นคนที่แข็งแกร่ง มีอำนาจ และสามารถปกป้องตัวเองจากพวกอัลฟ่าที่นิสัยไม่ดีได้” คีรินทร์พูด “แต่ตอนนี้ผมกลับต้องมาเจอคุณ...คนที่ผมพยายามจะหนีมาตลอดชีวิต”
อิสรารู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างกระแทกเข้าที่หัวใจอย่างจัง เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าการกระทำของเขาในวันแรกได้สร้างบาดแผลให้กับคีรินทร์มากมายขนาดไหน
“ฉันขอโทษ” อิสราพูดเสียงเบา “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นายรู้สึกแย่”
คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมองอิสราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย “คุณขอโทษผมทำไม”
“เพราะฉัน...ฉันก็เคยเป็นแบบนาย” อิสราพูดเสียงเรียบ “ฉันก็เคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นจุดอ่อนในสายตาคนอื่นเหมือนกัน”
อิสราไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาลุกขึ้นแล้วเดินไปหยิบแก้วน้ำมาให้คีรินทร์ “นายดื่มน้ำก่อนดีกว่า”
คีรินทร์ไม่ตอบอะไร เขาแค่รับแก้วน้ำมาดื่มอย่างช้าๆ แล้วมองไปที่หน้าต่างที่กำลังระบายอากาศอยู่
“เรื่องนี้…เก็บไว้เป็นความลับระหว่างเราได้ไหม” คีรินทร์ถามด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “ผมไม่อยากให้ใครในกองถ่ายรู้ว่าผมเป็นโอเมก้าประเภทนี้”
“ได้สิ” อิสราตอบทันที “ฉันสัญญาว่าจะไม่บอกใคร”
“ขอบคุณครับ” คีรินทร์พูด “แต่ถึงยังไง…ผมก็ยังเกลียดคุณอยู่ดี”
คำพูดของคีรินทร์ทำให้อิสราถึงกับยิ้มขำ “ไม่เป็นไร ฉันชินแล้ว”
บทที่ 42 คำขอ หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝันที่แสนหวาน ความรักของอิสราและคีรินทร์ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน พวกเขายังคงเป็นคู่รักที่ถูกจับตามองมากที่สุดในวงการบันเทิง อิสราได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขารักคีรินทร์อย่างจริงใจและพร้อมที่จะปกป้องคีรินทร์จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต คีรินทร์เองก็เรียนรู้ที่จะเชื่อใจอิสราอย่างไม่มีเงื่อนไขและเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในชีวิต ในวันครบรอบหนึ่งปีที่คบกัน อิสราพาคีรินทร์ไปที่วิลล่าส่วนตัวที่ภูเก็ต วิลล่าแห่งนี้เป็นที่ที่พวกเขามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันมากมาย และอิสราก็ตั้งใจที่จะทำให้วันครบรอบหนึ่งปีนี้เป็นวันที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของคีรินทร์ ทันทีที่พวกเขามาถึง วิลล่าก็เต็มไปด้วยแสงไฟอุ่นจากโคมไฟที่อิสราจัดเตรียมไว้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่โชยมากับลม คีรินทร์ก้าวลงจากรถแล้วสูดหายใจลึก สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ “สวยเหมือนเดิมเลย” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ อิสราเดินเข้ามาข้าง ๆ ก่อนจะสอดมือเข้ากับมือของคีรินทร์ “แต่ฉันว่าครั้งนี้สวยกว่าเดิม…เพราะฉันได้
บทที่ 41 เยียวยา ภายในห้องพักโรงแรมหรู แสงไฟสลัวอบอุ่นสาดกระทบผ้าม่านสีครีมที่ปลิวไหวเบาๆ จากลมแอร์ ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วห้อง ต่างจากเสียงอึกทึกที่เพิ่งผ่านมา คีรินทร์นั่งอยู่บนโซฟา แผ่นหลังยังสั่นไหวเล็กน้อยจากความกดดันที่ต้องเผชิญมา เขาก้มหน้าลงหลบสายตา ราวกับไม่อยากให้อิสราเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด แต่ในช่วงเวลานั้น อิสรากลับคุกเข่าลงตรงหน้าของคีรินทร์ มือหนาของเขาเอื้อมไปประคองแก้มคนรักอย่างแผ่วเบาและปลอบโยน “นายไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้…ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” อิสราพูดเสียงนุ่ม ดวงตาทอประกายอบอุ่น คีรินทร์เงยหน้าขึ้น แววตาสั่นระริกก่อนจะไหลทะลักออกมาเป็นน้ำตา “แต่ผม…ผมกลัวเหลือเกิน ผมกลัวว่าจะทำให้คุณต้องผิดหวังและเจ็บปวดอีก” อิสราส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะกดริมฝีปากจูบลงที่หยดน้ำตานั้นทีละหยาด “ไม่มีทาง…ต่อให้ทั้งโลกหันหลังให้นาย ฉันก็จะไม่ไปไหน” คำพูดนั้นเหมือนทำลายกำแพงในใจของคีรินทร์ เขาพุ่งเข้ากอดอิสราแน่น แขนทั้งสองโอบรัดเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมืออีกฝ่ายจะหายไป ความอบอุ่นจากอกที่แนบชิดทำให้หัวใจของ
บทที่ 40 เจ็บปวด เสียงดนตรีค่อยๆ แผ่วลง แขกที่มาร่วมงานต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง กลางเวที คีรินทร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น สายตาของเขาสั่นไหว เขามองทิวาที่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหา สีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวด ทิวายังคงพร่ำเพ้อออกมา เขาพยายามเดินเข้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับเดินถอยหลังห่างเขาไปอีกหลายก้าว สายตาที่เคยมองอย่างไว้ใจ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวและผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก ทิวาไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เขาแค่ต้องการเข้าไปปกป้องคีรินทร์ในยามที่ชายหนุ่มถูกทำร้าย และเขาก็ต้องการเป็นคนแรกที่ปลอบประโลมและดูแลคีรินทร์ “คีรินทร์…” เสียงของทิวาแหบพร่า เขายกมือสั่นเทาออกไปข้างหน้าเหมือนอยากคว้าตัวคนตรงหน้าไว้ “นายรังเกียจฉันเหรอ… ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันรักนายนะ” คำสารภาพของทิวาทำให้ทุกคนในงานต่างพากันนิ่งอึ้งไปกันหมด โดยเฉพาะคีรินทร์ที่เวลานี้เขานั้นช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่อาจคิดอะไรได้อีก คีรินทร์ก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ ราวก
บทที่ 39 เปิดเผย คีรินทร์นิ่งอึ้งไปกับคำสารภาพรักของทิวา เขาจ้องมองทิวาอย่างแทบไม่เชื่อสายตา คีรินทร์ได้แต่คิดไปว่าทิวากำลังสับสนเมื่อเห็นตนเองในสภาพเช่นเมื่อวานนี้ “ทิวา...ฉันว่านายคงกำลังสับสนอยู่นะ” “คีรินทร์...ฉัน...” ทิวาพยายามอธิบาย เขาก้าวเท้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งถอยหลังห่างจากเขาไปอีกครั้ง ทิวาได้แต่หยุดชะงักลงไปอีกครั้ง พร้อมทอดมองคีรินทร์อย่างรู้สึกผิดหวังรุนแรง “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ” คีรินทร์ตัดบท ก่อนจะเดินออกจากบ้านทิวาไปในทันที “คีรินทร์...” ทิวาพยายามตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับก้าวเท้าออกไป โดยไม่หันหลังกลับมามองเขาแม้แต่น้อย ทิวาได้แต่กำหมัดแน่นอย่างรู้สึกเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคีรินทร์ถึงไม่ยอมเปิดใจให้เขา ชายหนุ่มได้แต่นึกโทษอิสรา ต้องเป็นเพราะเขาแน่ที่ทำให้คีรินทร์ถอยห่างเขาไปแบบนี้ ทิวาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่ยังมีกลิ่นไอของคีรินทร์ติดอยู่ เขาซุกหน้าสูดดมความหอมหวานนั้นอย่างหลงใหล “คีรินทร์ นายบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ” ทิวาได้แค่เพ้อออกมา ดวงตาแ
บทที่ 38 มือที่สาม คีรินทร์ตัดสายของทิวาไปอย่างเงียบๆ เขาตั้งใจจะเข้านอนแต่วันเพราะร่างกายและจิตใจรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คีรินทร์ตรงไปเปิดประตู และเขาก็เห็นอิสราที่มีสีหน้าอิดโรยยืนรอเขาอยู่ “คุณอิส ทำไมคุณยังไม่นอนอีก” คีรินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหินห่าง “นายคุยกับใครอยู่” อิสราถามออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนเช่นกัน “คุณอิส คุณจะหาเรื่องอะไรอีก วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว คุณกลับไปนอนเถอะ” คีรินทร์ตัดบท พร้อมใบหน้าที่ดูบึ้งตึง อิสรากำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด เขาเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมหยิบมือถือของคีรินทร์ขึ้นมาตรวจดู คีรินทร์ไม่พอใจกับท่าทีของอิสรา เขาจึงเดินไปแย่งมือถือออกจากมือของอิสรา “คุณอิส คุณจะทำอะไร” “แล้วนายคุยกับใครอยู่ล่ะ” อิสราตะคอกออกมาอย่างหัวเสีย “ผมคุยกับเพื่อน” คีรินทร์ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ อิสรากัดฟันแน่น เขาคว้าตัวคีรินทร์มารัดไว้ พร้อมแย่งมือถือกลับมาอีกครั้ง และเมื่อเขาเห็นเบอร์โทรของทิวา อารมณ์ของเขาก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “ทำไม
บทที่ 37 รอยร้าว คืนเดียวกันนั้น ทิวาได้รับข้อความจากคีรินทร์ที่ส่งมาสั้นๆ “ฉันไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้ว” ทิวามองข้อความนั้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะค่อยๆ คลี่ออก เขารู้ดีว่ารอยร้าวกำลังเกิดขึ้นระหว่างคีรินทร์กับอิสรา และมันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการซับซ้อนที่เขาวางเอาไว้เท่านั้น เสียงฝนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ยามค่ำคืนในเมืองใหญ่เต็มไปด้วยความชื้นแฉะและความวุ่นวาย แต่ภายในคอนโดหรูของทิวากลับเงียบสงัดราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟตั้งพื้นส่องกระทบโซฟาหนัง ทำให้เงาของทิวาที่นั่งพิงอยู่ทอดยาวบนพื้นห้อง เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น ทิวารีบเดินไปเปิดในทันที รอยยิ้มกว้างผุดออกมาด้วยความดีใจเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เขารอคอยอยู่ ‘คีรินทร์’ เสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังขึ้น ตามด้วยร่างของคีรินทร์ที่ก้าวเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมบนออกเล็กน้อย ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้าและหงุดหงิด “เกิดอะไรขึ้น” ทิวาลุกขึ้นต้อนรับ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยที่แสร้งให้ดูจริงใจ เขา