ตอนที่ 9 เปลี่ยนท่าที
บรรยากาศในห้องพักเริ่มดีขึ้นกว่าเดิม คีรินทร์ค่อยๆ ผ่อนคลายลงจนสามารถหายใจได้เต็มปอดอีกครั้ง
ส่วนอิสราก็ยืนมองคีรินทร์ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไปจากเดิม เขามองเห็นคีรินทร์เป็นมากกว่าแค่คู่ปรับหรือคนที่น่ารำคาญ แต่เป็นคนที่เขาอยากจะทำความรู้จักและปกป้องอย่างจริงจัง
หลังจากเหตุการณ์วุ่นวายในกองถ่ายที่เกิดขึ้น บรรยากาศภายในกองก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงจากหน้ามือเป็นหลังมือ อิสราไม่ได้แสดงท่าทีเย่อหยิ่งใส่คีรินทร์อีกต่อไป ส่วนคีรินทร์ก็ลดความแข็งกระด้างลงเมื่อต้องพูดคุยกับอิสรา ทุกคนต่างรู้สึกได้ถึงความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนไปของทั้งคู่ แต่ไม่มีใครกล้าถาม
วันถัดมา เป็นคิวถ่ายทำฉากที่สองของพวกเขา ซึ่งเป็นฉากที่พยัคฆ์ต้องปลอมตัวเป็นคนธรรมดาเพื่อพาคีรินหนีไปซ่อนตัวที่บ้านของเขา ฉากนี้ต้องมีการสัมผัสตัวกันเล็กน้อย แต่ไม่มีการกอดหรือใกล้ชิดกันมากเหมือนฉากแรก
“พร้อมนะ” อิสราถามคีรินทร์เมื่อเห็นว่าทีมงานกำลังเตรียมกล้อง
คีรินทร์พยักหน้าเล็กน้อย “พร้อมครับ”
พวกเขาเริ่มซ้อมบทกันอีกครั้ง คราวนี้ไม่มีการปะทะคารมกันเหมือนครั้งก่อน ทั้งคู่สามารถแสดงได้อย่างราบรื่นและเป็นธรรมชาติจนผู้กำกับรู้สึกประหลาดใจ
“ทำได้ดีมากครับ ผ่าน ไปฉากต่อไปได้เลย” ผู้กำกับสั่งด้วยความดีใจ
เมื่อผู้กำกับสั่งให้ไปฉากต่อไป อิสราก็อาสาเดินไปช่วยคีรินทร์ถือเสื้อคลุมที่กำลังจะนำไปเข้าฉาก
คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมองอิสราด้วยความประหลาดใจ “ไม่ต้องหรอกครับ ผมถือเองได้”
“อย่าดื้อ” อิสราพูดเสียงเรียบ “ฉันแค่อยากช่วย”
คีรินทร์ไม่ตอบอะไร เขาแค่ก้มหน้าเดินตามอิสราไปเงียบๆ ด้วยความรู้สึกที่สับสนในใจ
ตลอดทั้งวัน อิสราคอยดูแลคีรินทร์เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะคอยหยิบน้ำให้ หรือคอยช่วยถือของ จนทีมงานหลายคนอดที่จะสงสัยไม่ได้ว่าทำไมซุปตาร์ตัวพ่อที่แสนจะเย่อหยิ่งถึงได้กลายเป็นคนอบอุ่นได้ขนาดนี้
“คุณอิส ช่วงนี้คุณดูเป็นห่วงเป็นใยคุณคีรินทร์เป็นพิเศษเลยนะ” ฐานวินถามขึ้นในขณะที่ทั้งคู่นั่งพักระหว่างถ่ายทำ
“เป็นนักแสดงนำเหมือนกัน ก็ต้องดูแลกันเป็นธรรมดา” อิสราตอบด้วยน้ำเสียงที่ทำให้ไม่มีใครกล้าถามต่อ
ในขณะที่อิสราตอบคำถามนั้น คีรินทร์ก็แอบได้ยินบทสนทนาของทั้งคู่ เขาแอบยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำตอบของอิสรา
หลังจากถ่ายทำเสร็จในตอนเย็น คีรินทร์และอิสราต่างก็รีบเดินไปขึ้นรถของตัวเองเพื่อกลับบ้าน แต่เมื่อคีรินทร์กำลังจะก้าวขึ้นรถ เขาก็รู้สึกถึงอาการวิงเวียนศีรษะอย่างกะทันหัน จนเกือบจะล้มลงไปกับพื้น
“เฮ้ย” อิสราที่เพิ่งจะก้าวขึ้นรถตัวเองหันมาเห็นเหตุการณ์พอดี เขารีบวิ่งเข้ามารับร่างของคีรินทร์เอาไว้ในอ้อมแขน
“นายเป็นอะไรไป” อิสราถามด้วยความเป็นห่วง
“ผม…ผมไม่รู้” คีรินทร์ตอบเสียงแผ่วเบา “ผมแค่วิงเวียนศีรษะนิดหน่อย”
อิสราไม่รอช้า เขาตัดสินใจอุ้มคีรินทร์ขึ้นมาแล้วเดินตรงไปที่รถของตัวเองทันที
“คุณอิส จะทำอะไรน่ะ พวกนักข่าวรออยู่ด้านนอกนะ” ฐานวินรีบเข้ามาห้าม
“ฉันจะพานายไปส่งโรงพยาบาล” อิสราพูดโดยไม่สนใจผู้จัดการส่วนตัวของตัวเองแม้แต่น้อย
“แต่…”
“ไม่มีแต่” อิสราพูดเสียงแข็ง “อาการของนายมันไม่ปกติ”
คีรินทร์ที่ถูกอุ้มอยู่ในอ้อมแขนของอิสราได้แต่มองหน้าอิสราด้วยความรู้สึกที่สับสนและประหลาดใจ เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าอิสราจะกล้าเสี่ยงที่จะทำอะไรแบบนี้เพื่อเขา
ในที่สุด อิสราก็พาคีรินทร์ขึ้นรถได้สำเร็จ และเขาก็รีบขับรถออกจากกองถ่ายทันที ทิ้งให้ผู้จัดการของทั้งคู่ต่างยืนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ
คีรินทร์เงยหน้าขึ้นมองอิสราที่กำลังตั้งใจขับรถ “คุณทำแบบนี้ทำไม”
“ก็อย่างที่บอก ฉันแค่เป็นห่วง” อิสราตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่แววตาของเขากลับเต็มไปด้วยความจริงใจที่คีรินทร์สัมผัสได้
“แต่คุณไม่จำเป็นต้องเสี่ยงขนาดนี้” คีรินทร์พูด “ถ้ามีใครเห็นเข้า…”
“ก็ช่างมัน” อิสราพูด “สุขภาพของนายสำคัญกว่าเรื่องพวกนั้น”
คีรินทร์เงียบไป เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะคำพูดของอิสราทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงจนแทบจะหลุดออกมาจากอก
รถของอิสราแล่นไปตามท้องถนนยามค่ำคืนด้วยความเร็วสูง แต่ไม่ได้เร็วจนน่ากลัว คีรินทร์ที่นั่งอยู่ข้างคนขับยังคงมีอาการวิงเวียนศีรษะอยู่บ้าง เขานั่งเอนตัวพิงเบาะรถแล้วหลับตาลงอย่างช้าๆ
“ฉันว่านายควรหาหมอ” อิสราพูดขึ้นหลังจากขับรถออกมาได้สักพัก “อาการของนายมันไม่ปกติ”
คีรินทร์เปิดตาขึ้นมามองอิสรา “คุณไม่ต้องเป็นห่วงผมหรอกครับ ผมไม่ได้เป็นอะไรมาก แค่อ่อนเพลีย”
“อ่อนเพลียจนเกือบจะล้มหัวฟาดพื้นเลยเหรอ” อิสราถามเสียงเรียบ “เชื่อฉันเถอะ ไปหาหมอดีที่สุด”
คีรินทร์ไม่ตอบอะไร เขาแค่เงียบแล้วมองไปนอกหน้าต่างอย่างเหม่อลอย เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงยอมให้อิสราพามาโรงพยาบาลทั้งๆ ที่ใจจริงก็ยังหวาดระแวงอัลฟ่าคนนี้อยู่
ในที่สุดรถของอิสราก็ขับเข้ามาในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง อิสราพาคีรินทร์ลงจากรถแล้วเดินนำเขาเข้าไปในแผนกฉุกเฉินทันที
“คนไข้มีอาการวิงเวียนศีรษะครับ” อิสราพูดกับพยาบาลด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
พยาบาลมองคีรินทร์ด้วยสายตาที่สงสัย ก่อนจะหันไปถามอิสราด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ขอโทษนะคะ…คุณคือคุณอิสราใช่ไหมคะ”
“ครับ” อิสราตอบเสียงเรียบ “ตอนนี้สนใจคนไข้ก่อนดีกว่าครับ”
พยาบาลยิ้มเจื่อน รีบทำตามคำสั่งของอิสราอย่างรวดเร็ว เธอพาคีรินทร์ไปตรวจอาการในห้องตรวจที่อยู่ไม่ไกลจากแผนกฉุกเฉิน อิสราเดินตามเข้าไปในห้องด้วยความกังวล
“คุณอิส ผมคิดว่าคุณออกไปรอด้านนอกดีกว่านะ” คีรินทร์พูด “ถ้ามีใครเห็นเข้า…”
“ไม่ต้องห่วง” อิสราพูดเสียงเรียบ “ฉันจะอยู่เป็นเพื่อน”
คีรินทร์เงียบไป เขาไม่รู้จะพูดอะไรต่อ เพราะคำพูดและการกระทำของอิสราทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นจนแทบหายใจไม่ออก
บทที่ 42 คำขอ หนึ่งปีผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับความฝันที่แสนหวาน ความรักของอิสราและคีรินทร์ยังคงเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งขึ้นในทุกๆ วัน พวกเขายังคงเป็นคู่รักที่ถูกจับตามองมากที่สุดในวงการบันเทิง อิสราได้พิสูจน์ให้ทุกคนเห็นแล้วว่าเขารักคีรินทร์อย่างจริงใจและพร้อมที่จะปกป้องคีรินทร์จากทุกสิ่งทุกอย่างที่เข้ามาในชีวิต คีรินทร์เองก็เรียนรู้ที่จะเชื่อใจอิสราอย่างไม่มีเงื่อนไขและเขาได้ค้นพบความสุขที่แท้จริงในชีวิต ในวันครบรอบหนึ่งปีที่คบกัน อิสราพาคีรินทร์ไปที่วิลล่าส่วนตัวที่ภูเก็ต วิลล่าแห่งนี้เป็นที่ที่พวกเขามีความทรงจำดีๆ ร่วมกันมากมาย และอิสราก็ตั้งใจที่จะทำให้วันครบรอบหนึ่งปีนี้เป็นวันที่น่าจดจำที่สุดในชีวิตของคีรินทร์ ทันทีที่พวกเขามาถึง วิลล่าก็เต็มไปด้วยแสงไฟอุ่นจากโคมไฟที่อิสราจัดเตรียมไว้ มีกลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้ที่โชยมากับลม คีรินทร์ก้าวลงจากรถแล้วสูดหายใจลึก สายตาเต็มไปด้วยความตื่นตาตื่นใจ “สวยเหมือนเดิมเลย” เขาพึมพำออกมาเบา ๆ อิสราเดินเข้ามาข้าง ๆ ก่อนจะสอดมือเข้ากับมือของคีรินทร์ “แต่ฉันว่าครั้งนี้สวยกว่าเดิม…เพราะฉันได้
บทที่ 41 เยียวยา ภายในห้องพักโรงแรมหรู แสงไฟสลัวอบอุ่นสาดกระทบผ้าม่านสีครีมที่ปลิวไหวเบาๆ จากลมแอร์ ความเงียบสงัดปกคลุมไปทั่วห้อง ต่างจากเสียงอึกทึกที่เพิ่งผ่านมา คีรินทร์นั่งอยู่บนโซฟา แผ่นหลังยังสั่นไหวเล็กน้อยจากความกดดันที่ต้องเผชิญมา เขาก้มหน้าลงหลบสายตา ราวกับไม่อยากให้อิสราเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความสับสนและความเจ็บปวด แต่ในช่วงเวลานั้น อิสรากลับคุกเข่าลงตรงหน้าของคีรินทร์ มือหนาของเขาเอื้อมไปประคองแก้มคนรักอย่างแผ่วเบาและปลอบโยน “นายไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้…ฉันอยู่ตรงนี้แล้ว” อิสราพูดเสียงนุ่ม ดวงตาทอประกายอบอุ่น คีรินทร์เงยหน้าขึ้น แววตาสั่นระริกก่อนจะไหลทะลักออกมาเป็นน้ำตา “แต่ผม…ผมกลัวเหลือเกิน ผมกลัวว่าจะทำให้คุณต้องผิดหวังและเจ็บปวดอีก” อิสราส่ายหน้าเบา ๆ ก่อนจะกดริมฝีปากจูบลงที่หยดน้ำตานั้นทีละหยาด “ไม่มีทาง…ต่อให้ทั้งโลกหันหลังให้นาย ฉันก็จะไม่ไปไหน” คำพูดนั้นเหมือนทำลายกำแพงในใจของคีรินทร์ เขาพุ่งเข้ากอดอิสราแน่น แขนทั้งสองโอบรัดเหมือนกลัวว่าถ้าปล่อยมืออีกฝ่ายจะหายไป ความอบอุ่นจากอกที่แนบชิดทำให้หัวใจของ
บทที่ 40 เจ็บปวด เสียงดนตรีค่อยๆ แผ่วลง แขกที่มาร่วมงานต่างมองเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความงุนงงและไม่เชื่อสายตาตัวเอง กลางเวที คีรินทร์ยืนนิ่งราวกับถูกตรึงไว้กับพื้น สายตาของเขาสั่นไหว เขามองทิวาที่ค่อย ๆ ก้าวเข้ามาหา สีหน้าของอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความสิ้นหวังและเจ็บปวด ทิวายังคงพร่ำเพ้อออกมา เขาพยายามเดินเข้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับเดินถอยหลังห่างเขาไปอีกหลายก้าว สายตาที่เคยมองอย่างไว้ใจ บัดนี้แปรเปลี่ยนเป็นหวาดกลัวและผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก ทิวาไม่เข้าใจว่าทำไมเหตุการณ์ถึงเป็นแบบนี้ไปได้ เขาแค่ต้องการเข้าไปปกป้องคีรินทร์ในยามที่ชายหนุ่มถูกทำร้าย และเขาก็ต้องการเป็นคนแรกที่ปลอบประโลมและดูแลคีรินทร์ “คีรินทร์…” เสียงของทิวาแหบพร่า เขายกมือสั่นเทาออกไปข้างหน้าเหมือนอยากคว้าตัวคนตรงหน้าไว้ “นายรังเกียจฉันเหรอ… ฉันทำไปทั้งหมดก็เพราะฉันรักนายนะ” คำสารภาพของทิวาทำให้ทุกคนในงานต่างพากันนิ่งอึ้งไปกันหมด โดยเฉพาะคีรินทร์ที่เวลานี้เขานั้นช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้นจนไม่อาจคิดอะไรได้อีก คีรินทร์ก้าวถอยหลังอย่างอัตโนมัติ ราวก
บทที่ 39 เปิดเผย คีรินทร์นิ่งอึ้งไปกับคำสารภาพรักของทิวา เขาจ้องมองทิวาอย่างแทบไม่เชื่อสายตา คีรินทร์ได้แต่คิดไปว่าทิวากำลังสับสนเมื่อเห็นตนเองในสภาพเช่นเมื่อวานนี้ “ทิวา...ฉันว่านายคงกำลังสับสนอยู่นะ” “คีรินทร์...ฉัน...” ทิวาพยายามอธิบาย เขาก้าวเท้าไปหาคีรินทร์อีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับยิ่งถอยหลังห่างจากเขาไปอีกครั้ง ทิวาได้แต่หยุดชะงักลงไปอีกครั้ง พร้อมทอดมองคีรินทร์อย่างรู้สึกผิดหวังรุนแรง “เอ่อ...ถ้าอย่างนั้นฉันขอตัวกลับก่อนนะ” คีรินทร์ตัดบท ก่อนจะเดินออกจากบ้านทิวาไปในทันที “คีรินทร์...” ทิวาพยายามตะโกนเรียกอีกครั้ง แต่คีรินทร์กลับก้าวเท้าออกไป โดยไม่หันหลังกลับมามองเขาแม้แต่น้อย ทิวาได้แต่กำหมัดแน่นอย่างรู้สึกเจ็บปวด เขาไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคีรินทร์ถึงไม่ยอมเปิดใจให้เขา ชายหนุ่มได้แต่นึกโทษอิสรา ต้องเป็นเพราะเขาแน่ที่ทำให้คีรินทร์ถอยห่างเขาไปแบบนี้ ทิวาทิ้งตัวลงบนเตียงนอนที่ยังมีกลิ่นไอของคีรินทร์ติดอยู่ เขาซุกหน้าสูดดมความหอมหวานนั้นอย่างหลงใหล “คีรินทร์ นายบีบให้ฉันต้องทำแบบนี้เองนะ” ทิวาได้แค่เพ้อออกมา ดวงตาแ
บทที่ 38 มือที่สาม คีรินทร์ตัดสายของทิวาไปอย่างเงียบๆ เขาตั้งใจจะเข้านอนแต่วันเพราะร่างกายและจิตใจรู้สึกเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก แต่แล้วเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น คีรินทร์ตรงไปเปิดประตู และเขาก็เห็นอิสราที่มีสีหน้าอิดโรยยืนรอเขาอยู่ “คุณอิส ทำไมคุณยังไม่นอนอีก” คีรินทร์เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ดูเหินห่าง “นายคุยกับใครอยู่” อิสราถามออกมาด้วยน้ำเสียงห้วนเช่นกัน “คุณอิส คุณจะหาเรื่องอะไรอีก วันนี้ผมเหนื่อยมากแล้ว คุณกลับไปนอนเถอะ” คีรินทร์ตัดบท พร้อมใบหน้าที่ดูบึ้งตึง อิสรากำหมัดแน่นด้วยความหงุดหงิด เขาเดินตรงไปยังเตียงนอน พร้อมหยิบมือถือของคีรินทร์ขึ้นมาตรวจดู คีรินทร์ไม่พอใจกับท่าทีของอิสรา เขาจึงเดินไปแย่งมือถือออกจากมือของอิสรา “คุณอิส คุณจะทำอะไร” “แล้วนายคุยกับใครอยู่ล่ะ” อิสราตะคอกออกมาอย่างหัวเสีย “ผมคุยกับเพื่อน” คีรินทร์ตอบกลับอย่างไม่ยอมแพ้ อิสรากัดฟันแน่น เขาคว้าตัวคีรินทร์มารัดไว้ พร้อมแย่งมือถือกลับมาอีกครั้ง และเมื่อเขาเห็นเบอร์โทรของทิวา อารมณ์ของเขาก็ยิ่งพลุ่งพล่านขึ้นมาทันที “ทำไม
บทที่ 37 รอยร้าว คืนเดียวกันนั้น ทิวาได้รับข้อความจากคีรินทร์ที่ส่งมาสั้นๆ “ฉันไม่รู้จะเชื่ออะไรดีแล้ว” ทิวามองข้อความนั้นด้วยดวงตาที่เปล่งประกาย รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยชัยชนะค่อยๆ คลี่ออก เขารู้ดีว่ารอยร้าวกำลังเกิดขึ้นระหว่างคีรินทร์กับอิสรา และมันก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นของแผนการซับซ้อนที่เขาวางเอาไว้เท่านั้น เสียงฝนโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้า ยามค่ำคืนในเมืองใหญ่เต็มไปด้วยความชื้นแฉะและความวุ่นวาย แต่ภายในคอนโดหรูของทิวากลับเงียบสงัดราวกับถูกตัดขาดจากโลกภายนอก แสงไฟสีเหลืองนวลจากโคมไฟตั้งพื้นส่องกระทบโซฟาหนัง ทำให้เงาของทิวาที่นั่งพิงอยู่ทอดยาวบนพื้นห้อง เสียงกริ่งที่ประตูดังขึ้น ทิวารีบเดินไปเปิดในทันที รอยยิ้มกว้างผุดออกมาด้วยความดีใจเมื่อคนตรงหน้าคือคนที่เขารอคอยอยู่ ‘คีรินทร์’ เสียงฝีเท้าหนักหน่วงดังขึ้น ตามด้วยร่างของคีรินทร์ที่ก้าวเข้ามา เขาสวมเสื้อเชิ้ตที่ปลดกระดุมบนออกเล็กน้อย ใบหน้าหวานเต็มไปด้วยร่องรอยความเหนื่อยล้าและหงุดหงิด “เกิดอะไรขึ้น” ทิวาลุกขึ้นต้อนรับ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความห่วงใยที่แสร้งให้ดูจริงใจ เขา