[6]
ทัดดอกรักให้ปักที่กลางใจ
ศรัณกับอารดาอยู่ในสวนกล้วยจนเกือบเที่ยง อารดาปวดน่องไม่น้อยเมื่อการเดินพร้อมหัวปลีหัวใหญ่ๆ กับน้ำดื่มอีกสองขวดเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยกระทำ อันที่จริง การถูกกักตัวอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก เธอรู้สึกเหมือนได้พักสมองอย่างจริงจัง ไม่ต้องคิดเรื่องราวชวนปวดหัว ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร แค่อยู่ที่นี่ มีอะไรให้ทำบ้างนิดๆ หน่อยๆ เธอพยายามปรับตัวละนะ และพอปรับตัว เธอก็เป็นสุขกับมันขึ้นมาบ้าง
“ตรงหน้ามีสะพานระวังด้วยน้า”
เสียงศรัณร้องบอกอยู่ข้างหลัง อารดามองสะพานที่เป็นไม้แผ่นหนาเพียงแผ่นเดียววางพาดท้องร่อง เธอยังไม่ชินกับมันสักเท่าไหร่ ทุกคราวที่ต้องข้ามสะพาน ศรัณจะคอยช่วยเสมอ แต่ถ้ามัวแต่รอให้เขาช่วย เธอก็คงข้ามเองไม่ได้สักที
“ผมช่วย!” เขาร้องดังๆ เมื่อเห็นหล่อนก้าวขาลงแผ่นไม้
“ไม่! ฉันจะข้ามเอง มันก็แค่สะพาน ไม่ได้สูงเสียหน่อย ตกไปคงไม่เจ็บหรอกน่า” พูดอย่างนั้นแต่ขาเริ่มสั่นเมื่อถึงกลางแผ่นไม้ ในอ้อมแขนยังมีหัวปลีกับน้ำสองขวด
“จะร่วงแล้วคุณ จะร่วงแล้ว! ทรงตัวดีๆ สิ ให้ผมช่วยเถอะน่า!”
“อย่านะ! อย่าเข้ามานะ เดี๋ยวมันโยกเยก ฉันจะตก”
“อย่างนั้นไม่ตกหรือไงเล่า”
เขาบ่นให้คนที่ยืนขาสั่นอยู่กลางสะพาน และในตอนที่เขาเอื้อมมือไปหา ก้าวขาไปใกล้หมายว่าจะคว้าตัวหล่อนไว้ บางอย่างก็เกิดขึ้น
“กรี๊ดดด!!! ศรัณ!!!”
ตูม!
ผิวน้ำแตกกระเซ็นเป็นวงกว้าง อารดากรีดร้องเสียงหลง หงายหลังทิ้งร่างลงท้องร่องที่มีน้ำอยู่เต็ม
ศรัณไม่ได้กระโดดลงไปช่วยเพราะท้องร่องไม่ได้ลึกมากมาย ไม่ถึงนาทีดี อารดาก็ทะลึ่งพรวดขึ้นมาจากน้ำ เสื้อสีขาวของหล่อนกลายเป็นสีเดียวกับขี้โคลน หัวปลีกับขวดน้ำลอยไปคนละทิศละทาง อย่าได้ถามถึงหน้าตาหัวหู เต็มไปด้วยขี้โคลน น่าขันเสียไม่มี
“ฮ่าๆๆ ฮ่าๆๆ”
เสียงศรัณหัวเราะอยู่เบื้องบน อารดาแค้นใจนัก คนมันไม่ชินนี่นา ตกท้องร่องก็สมควรแล้ว แต่ไม่เห็นต้องมาหัวเราะกันเลย
“มัวแต่หัวเราะอยู่ได้”
“โอ...ขอโทษทีครับ ขอโทษๆๆ” เอ่ยคำขอโทษแล้วรีบวางตะขอแต่งกิ่งไว้ที่โคนต้นกล้วย ก่อนจะเอื้อมมือไปหาอารดา หวังว่าจะช่วยดึงหล่อนขึ้นจากน้ำ แต่ว่า...เขาประมาทเกินไป
“หัวเราะกันดีนักใช่ไหม ลงมเล่นขี้โคลนด้วยกันเถอะศรัณ ฮึบ!”
“เฮ้ย!!!”
ตูม!!!
ผิวน้ำแตกกระเซ็นเป็นวงกว้างอีกครา เมื่อร่างหนาหนักของชายหนุ่มหล่นร่วงลงไป อารดาหัวเราะร่า มองคนที่โผล่ขึ้นมาเหนือน้ำพร้อมกับขี้โคลนไม่แพ้ตัวเอง
“สมน้ำหน้า หัวเราะฉันดีนัก”
“คุณอุ่น!”
“อะไร!”
“จะเอาแบบนี้เหรอ แกล้งกันใช่ไหม!”
อารดาเริ่มร้อนตัวเมื่อเห็นแววตาเอาเรื่องของศรัณ เธอรีบหาทางหนี จะปีนขึ้นฝั่งสองขาก็ถูกศรัณลากลงมาที่เดิม
“กรี๊ดดด!!! ปล่อยนะ! น้ำมันมีแต่โคลน! กรี๊ดดด!!!”
อารดากรีดร้องรัวๆ สนุกศรัณล่ะ เพราะการได้ยินเสียงหล่อนวี้ดว้ายดีกว่าหล่อนเอาแต่เงียบไม่พูดไม่จาเยอะเลย อารดายิ้มมากขึ้น งอนเขาด้วยนะ ส่งเสียงร้องวี้ดว้ายเหมือนผู้หญิงธรรมดาๆ ตอนแรกที่เขาเห็นหล่อนนี่เหมือนรูปปั้นน้ำแข็งน่ะ เย็นชาและช่างไร้ซึ่งความสุขเหลือเกิน
“แค่กๆๆ แค่กๆๆ โอย...ฉันเผลอกลืนน้ำ”
หญิงสาวโอดครวญอยู่กลางท้องร่อง ศรัณดึงหล่อนขึ้นนั่งกลางสะพาน ทั้งทุบหลัง ทั้งปาดเอาดินโคลนที่ติดอยู่บนผิวแก้มออกให้ ผิวขาวๆ ของหล่อนดูใสมากขึ้นไปอีกเมื่อกระทบแสงแดดยามเที่ยงอย่างนี้ เขาแวบไปเอาน้ำสองขวดที่กลางท้องร่อง เทน้ำสะอาดนั่นให้อารดาล้างหน้าล้างตา แล้วให้หล่อนดื่มไปอึกใหญ่
“ดีขึ้นไหม” ถามหล่อนตอนที่ปีนขึ้นมานั่งบนสะพานแผ่นไม้ด้วยกัน
“อือ...ค่อยยังชั่ว เล่นอะไรก็ไม่รู้ น้ำเข้าตาแสบไปหมดแล้ว”
และเพียงแค่บอกว่าแสบตา ใบหน้าก็ถูกจับให้หันไปหา ก่อนที่ลมอุ่นๆ จะถูกเป่าลงมาที่สองตาของเธอ
“ดีไหม หืม?”
“อะ...อือ...ดะ...ดี...อุ่นดี” ตอบพลางพยายามดันอกเขาออกห่าง ศรัณเข้ามานั่งใกล้เธอมากเกินไป พวกเธอสบตากันครู่หนึ่ง แต่เป็นครู่ที่ไม่อาจละสายตาออกไปได้เลย ใบหน้าเขาช่างหล่อเหลายามมีหยดน้ำเกาะพราว บางทีเธอก็นึกเคืองเจ้าโคลนดำๆ นั่นที่มาทำให้แก้มเขากลายเป็นสีเดียวกับมัน
“แก้มเปื้อนน่ะ เช็ดสิ”
“ผมเช็ดให้คุณอุ่นแล้ว คุณอุ่นก็เช็ดให้ผมบ้างสิ”
เปลือกตาบางของอารดาได้กะพริบถี่ๆ เธอเอื้อมมือไปหา ใช้นิ้วหัวแม่มือปาดโคลนที่ติดอยู่บนแก้มสาก
“อย่าแกล้งกันอีกนะ เห็นไหม สภาพดูไม่ได้เลย”
“ไม่เห็นเป็นไร เปื้อนโคลนนิดหน่อย เมียผมก็ยังสวยอยู่”
“ว่าไปนั่น” เธอขัดคอคนที่เอ่ยวาจาหวานเลี่ยน เขาไม่ตลกตัวเองบ้างหรือที่พูดเรื่องทำนองนี้อยู่เรื่อย
“จริงๆ”
“ไม่เชื่อหรอก ฉันไม่ได้สวยขนาดนั้น คนอื่นสวยกว่าฉันเยอะ ฉันก็แค่ผู้หญิงธรรมดาๆ ที่พอจะดูได้ตอนแต่งหน้าทาปากนั่นแหละ”
สามีวัยหนุ่มขอค้านสุดหัวใจ ต่อให้อารดาบอกตัวเองว่าไม่สวยอย่างไร แต่ในสายตาเขาแล้ว หล่อน...สวยที่สุด
“ผู้หญิงสวยเพราะคนมอง และตอนนี้คุณอุ่นสวยที่สุดสำหรับผม ก็จริงที่เราเจอกันไม่นาน นับชั่วโมงยังได้เลยด้วยซ้ำ แต่ว่า...ทำไงดีล่ะ”
“อะไร?”
“ก็ผมน่ะ...เป็นประเภทรักคนง่ายน่ะสิ เจอหน้าเมียครั้งเดียว ตกหลุมรักจังเบ้อเร่อแล้ว”
“เชอะ...อย่างนี้ตลอดแหละ อย่ามาปากหวานนะ ไหนบอกว่าจะไม่พูดว่ารักฉัน”
“อ่า...ลืมอีกละ มันติดปากไปแล้วไง เอาคืนไม่ได้แล้วล่ะ สงสัยต้องพูดว่ารักคุณอุ่นทุกวัน บอกรักบ่อยๆ เดี๋ยวคุณอุ่นก็รำคาญแล้วหันมารักผมเองนั่นแหละ”
สีแดงระเรื่อเรืองรองขึ้นที่พวงแก้มของอารดา เธอรู้สึกได้ถึงแก้มอันร้อนผ่าวของตัวเอง“กิน...ฉะ...ฉัน ฉันเหรอ ฉันคง...ไม่อร่อยหรอก” บอกเขาแล้วกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ มันช่างยากเย็นนักศรัณทิ้งถ้วยชาที่ทำจากกระเบื้องเคลือบบางๆ ลงข้างแคร่ โดยไม่กลัวว่ามันจะแตกหัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วแตะที่แก้มของอารดา ใช้มือข้างหนึ่งประคองแก้มหล่อนไว้ ถ่ายทอดไออุ่นที่สตรีนางใดก็มิอาจผลักไส“ขอชิมก่อนสิ แล้วจะบอก...ว่าอร่อยหรือเปล่า”เธอส่ายหน้าน้อยๆ แต่ลมหายใจเริ่มหอบแรงเมื่อศรัณลูบไล้ลงมาที่ต้นคอของเธอ เขาจงใจแตะต้องตรงนั้นให้ขนอ่อนบนร่างสาวได้ลุกซู่ชูชัน เขาช่างร้ายกาจนัก“ฉัน...คงรสชาติเหมือนน้ำแข็งเกล็ดหิมะที่ยังไม่ได้ราดน้ำหวาน”“งั้นผม...จะราดน้ำหวานให้ดีไหม ผมมี น้ำหวาน เยอะเลย...”ยั่วเย้าหล่อนด้วยวาจาที่แผ่วเบาคล้ายเสียงกระซิบ วางมือลงที่ปมผ้าถุงตรงหน้าอกของหล่อน อารดาหายใจแรงขึ้นจนเนินทรวงกระเพื่อมไหว“จะกินฉันจริงเหรอ ถ้าฉัน...ไม่อร่อยจริงๆ ล่ะ”เขายิ้มกับคำถามไร
[7]รักร้อนๆ ในกระท่อมน้อยๆ------------------หนุ่มสาวฝ่าสายฝนกลับกระท่อม อารดาหนาวจนสั่นไปทั้งตัว แต่กระนั้นก็ไม่อาจทัดทานเมื่อศรัณพาเข้าไปในห้องน้ำ พวกเธออาบน้ำด้วยกัน เสื้อผ้าเปียกๆ ของเธอถูกดึงทิ้ง เธอหนาวจนมือชา จับขันตักน้ำยังไม่ได้ศรัณตักน้ำมาราดหัวเธอครั้งแล้วครั้งแล้ว สระผมให้เธออย่างเร็วแต่ไม่ยอมฟอกสบู่ให้ เขายื่นสบู่ก้อนเล็กมาให้เธอ ก่อนจะหันไปจัดการตัวเองบ้าง เธอหันหลังให้เขาตลอดเวลา ถูสบู่ลวกๆ เพราะหนาวเหลือเกินแล้ว“ถ้าไม่ถูดีๆ จะจับถูให้ทั้งตัวเลย”เขาขู่คนที่ยืนหันหลังอยู่ พยายามไม่มองร่างเปลือยของอารดา หากไม่ใช่ในสถานการณ์นี้ละก็ รับรองว่าหล่อนไม่รอดแน่ๆ เขาคงจัดการหล่อนในห้องน้ำแคบๆ นี่แหละหญิงสาวรีบอาบน้ำตามที่เขาสั่ง อายก็อาย หนาวก็หนาว มือก็เร่งถูสบู่ อาบน้ำล้างตัว จะได้ออกไปข้างนอกไวๆ และก็เหมือนสวรรค์ทำร้าย เสื้อผ้าที่เธอคิดว่าจะได้ใส่ให้คลายหนาว ทุกผืนชื้นไปด้วยไอจากหยาดพิรุณ“ผมกลับมาไม่ทัน หน้าต่างเปิดไว้ ฝนเลยสาดเข้ามาโดนเสื้อผ้าชื้น
“เออ...ท้องโย้มาเมื่อไหร่ละน่าดู ฉันไม่เอานะแม่เด็กพวกนั้นน่ะ หนังสือหนังหาไม่เรียน ขี่มอ’ไซค์แรดไปหาผู้ชายคนโน้นทีคนนี้ที ฉันไม่ชอบ!”ชนนท์ยกมือยอมแพ้ อย่าได้คิดปิดบังเรื่องอะไรจากมารดาเลย นางคงมีหูทิพย์ตาทิพย์น่ะ“แรด! ขี่มอเตอร์ไซค์ได้ด้วยเหรอ ฟีฟ่าไม่เห็นรู้เลย”คำถามแสนซื่อทำเอาสองหนุ่มต่างวัยกลั้นขำ ส่วนมาลาถึงกับอ้าปากค้าง เอามือตะครุบปากเจ้าตัวแสบอย่างไว “โอ...ไม่เอาๆ ไม่พูดตามนะฟีฟ่า โอ๊ย...ฉันพูดอะไรไปเนี่ย ลืมไปเลยว่าฟีฟ่านั่งอยู่ เพราะเจ้านนท์แท้ๆ เลย”“อ้าว? เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”“ก็แกนั่นแหละ ชอบหาเรื่องให้ฉันพูดมาก รีบกินแล้วรีบไปทำงานเลยนะ เห็นหน้าแล้วโมโห!”ชนนท์รีบหุบปากฉับ เขาแค่หาอะไรทำให้หายเหนื่อยจากการทำงาน มารดาที่รักไม่เข้าใจ เขาเป็นผู้ชาย เรื่องเจ้าชู้นี่มันห้ามไม่ได้ ใครทอดสะพานมาให้ก็เอาหมดนั่นแหละ เขาเป็นนักรักนี่นา แม้หลายๆ ครั้งจะสับรางไม่ทันบ้างจนถูกสาวๆ บอกเลิกรายวันก็เถอะ_________________เข้าสู่วั
“ดีสิลูก เราต้องมองคนที่ฐานะมั่นคงเพื่ออนาคตของเรานะรู้ไหม”“แต่ว่า...หนูเพิ่งเรียนจบเอง”“ก็รู้จักกันไว้ ศึกษาดูใจกันไปสักพัก ถ้าไปด้วยกันได้ ค่อยแต่งไง ว่าแล้วก็รอแม่แป๊บนะ เดี๋ยวจะบอกให้เพื่อนแม่ส่งรูปหนุ่มๆ โปรไฟล์ดีๆ มาให้ คนสวยของแม่จะได้พิจารณา ดีไหมจ๊ะ”“แล้วแต่คุณแม่เถอะค่า หนูยังไงก็ได้” บอกอย่างเขินๆ ถูกมารดาตบกระหม่อมไปทีสองทีอย่างเอ็นดู เธอถนัดนักเรื่องออดอ้อน มารดาที่รักเทิดทูนเธอไว้บนหิ้งเชียวล่ะ จะเหลือก็แค่พี่เขยตัวดี พวกเขาแต่งงานกันเพราะอะไรกันนะ เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าพี่อุ่นกับศรัณรักกัน บางทีพวกเขาอาจแต่งงานกันเพราะสัญญาบางอย่าง และไม่มีทางที่คนอย่างพี่อุ่นจะให้ใครแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ ยิ่งเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่ด้วย ขนาดคบกับพี่ธีมาหลายปี เจ้าตัวยังไม่มีอะไรกันเลย เธอรู้ดี เพราะแอบเห็นพวกเขาทะเลาะกันหลายครั้ง ในเรื่องที่พี่สาวเธอทำตัวเป็นเต่าล้านปี ไม่ยอมมีเซ็กซ์กับแฟนตัวเอง และสุดท้าย ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างพี่ธีก็ถูกพี่รุ้งแย่งไป“ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ทั้งสองคนเลย ถ้าเกิด
อารดาส่ายหน้าระอากับความหน้ามึนของสามีวัยละอ่อน เธอกระถดกายถอยห่างเขา แต่เขาก็ขยับตามมา มือข้างหนึ่งยังคว้าเอวเธอไว้ ดันร่างเธอเข้าหาแผงอกเปียกชุ่มของตัวเองดวงตาสองดวงสานสบกันเนิ่นนาน ส่งแววหวานที่อารดามิอาจจะทานทน เธอหลบเลี่ยงสายตา บอกเขาในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่“เลิกมองแบบนั้นนะ ฉันอาย” บอกเขาแล้วก้มหน้าลง เธอตกใจไม่น้อยเมื่อเสื้อที่สวมอยู่เปียกลู่จนทำให้เห็นเสื้อชั้นในที่กำลังโอบอุ้มพุ่มทรวง เธอเอามือปิดไว้ กลัวว่าเขาจะเห็น เขาปล่อยเอวเธอ แต่กลับดึงมือเธอออก ราวกับว่าเธอกำลังทำสิ่งที่ผิดมหันต์“ให้ผมมองบ้างสิ ผมเป็นเจ้าของมันนะ”อารดาอยากจะเถียงว่าไม่จริง แต่พอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ริมฝีปากเขาก็ประกบลงมาเพื่อบดบี้ขยี้จูบ จนปากเย็นชื้นของเธอเริ่มร้อนผ่าว เธออยากผลักไส แต่หัวใจในอกกลับคัดค้าน ก็รสจูบหวานๆ ใครจะทัดทานได้เล่า“เก่งจริง จูบเก่งขึ้นเยอะเลย”เขาชมเปาะ แต่เธอยิ่งอับอายในคำชมนั้น “พอเถอะ ฉันอาย”“อายทำไม ต่อไปเราต้องทำมากกว่านี้นะ”“ฉันขอเวลา ขอไปหลา
[6]ทัดดอกรักให้ปักที่กลางใจศรัณกับอารดาอยู่ในสวนกล้วยจนเกือบเที่ยง อารดาปวดน่องไม่น้อยเมื่อการเดินพร้อมหัวปลีหัวใหญ่ๆ กับน้ำดื่มอีกสองขวดเป็นสิ่งที่เธอไม่เคยกระทำ อันที่จริง การถูกกักตัวอยู่ที่นี่ก็ไม่ได้เลวร้ายเกินไปนัก เธอรู้สึกเหมือนได้พักสมองอย่างจริงจัง ไม่ต้องคิดเรื่องราวชวนปวดหัว ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไร แค่อยู่ที่นี่ มีอะไรให้ทำบ้างนิดๆ หน่อยๆ เธอพยายามปรับตัวละนะ และพอปรับตัว เธอก็เป็นสุขกับมันขึ้นมาบ้าง“ตรงหน้ามีสะพานระวังด้วยน้า”เสียงศรัณร้องบอกอยู่ข้างหลัง อารดามองสะพานที่เป็นไม้แผ่นหนาเพียงแผ่นเดียววางพาดท้องร่อง เธอยังไม่ชินกับมันสักเท่าไหร่ ทุกคราวที่ต้องข้ามสะพาน ศรัณจะคอยช่วยเสมอ แต่ถ้ามัวแต่รอให้เขาช่วย เธอก็คงข้ามเองไม่ได้สักที“ผมช่วย!” เขาร้องดังๆ เมื่อเห็นหล่อนก้าวขาลงแผ่นไม้“ไม่! ฉันจะข้ามเอง มันก็แค่สะพาน ไม่ได้สูงเสียหน่อย ตกไปคงไม่เจ็บหรอกน่า” พูดอย่างนั้นแต่ขาเริ่มสั่นเมื่อถึงกลางแผ่นไม้ ในอ้อมแขนยังมีหัวปลีกับน้ำสอ