“อื้อ...”
เธอได้แต่ร้องอู้อี้ มิเคยลิ้มรสส่วนนี้ของผู้ชายมาก่อน มันอุ่นและแข็ง ทั้งมีกลิ่นแปลกๆ ที่เธอไม่เคยดอมดม มันมิได้หอมหรือมีกลิ่นที่น่ารังเกียจ แต่เป็นกลิ่นที่ทำให้เธอไม่อยากถอยหนี อยากอ้าอมมันไว้อย่างนี้ แล้วสาวรูดด้วยปากอย่างที่เขากำลังบงการให้เธอทำ
สองมือเขาขยุ้มเรือนผมเธออยู่ บังคับทางอ้อมให้เธอดูดดึงท่อนลำร้อนๆ ของเขา มันแน่นคับปาก ไร้รสชาติที่น่าพิสมัย แต่พอได้ดูดชิมก็อดมิได้ อยากจะดูดชิมลิ้มรสเลียไล้มันไปอย่างนี้ เพื่อเฝ้าฟังเสียงครางของสามีแล้วสะใจเหลือเกิน
ศรัณเป็นสุขยิ่งนักยามมองริมฝีปากของอารดาสาวรูดตัวตนแห่งชาย ปากหล่อนดูเล็กไปเมื่อต้องดูดดึงท่อนลำอันใหญ่โต ความนุ่มอุ่นของโพรงปากและความไม่ประสาของอารดา ทำให้เขามีความสุขบอกไม่ถูก คุณอุ่นที่แสนจะเรียบร้อย บางคราก็เย็นชาปานน้ำแข็ง ไม่นึกไม่ฝันว่ายามอยู่บนเตียงจะร้อนแรงถึงเพียงนี้ ดูเอาเถิดนี่แค่ครั้งแรกยังน่ารักน่าเอ็นดู ถ้าถูกครูอย่างเขาชี้ทางละก็ รับรองว่าอารดาจะต้องเก่งฉกาจอย่างน่าปรารถนาทีเดียว
เขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ต้องเข้าไปร่างหล่อนเดี๋ยวนี้ ก่อนที่มันจะระเบิด แต่ว่า…เขาควรบอกเรื่องนั้นก่อนดีไหม บอกความจริงที่หล่อนควรรู้
“พอก่อนคนดี ผมมีเรื่อง…ต้อง…บอกคุณ อ๊า...คุณอุ่น!” ถึงกับร้องอย่างตื่นตะลึงเมื่อสัญชาตญาณของอารดาพาปากของหล่อนไปอ้าอมเอาเจ้าลูกกลมๆ สองลูกที่อยู่ใต้ท่อนลำอันกล้าแกร่ง เขาจะทนไม่ไหวแล้วนะ ผู้หญิงบ้าอะไรหัวไวเหลือเกิน
“อืม...เดี๋ยวค่อยบอก ฉันขอชิมศรัณบ้างสิ ศรัณยังชิมฉันเลย”
ความตั้งใจของศรัณถูกพับเก็บเมื่อผู้หญิงโลกแคบอย่างอารดากำลังเปิดโลกของหล่อนเพื่อเรียนรู้สิ่งใหม่ เขามิอาจเอ่ยอะไรได้ เมื่อปลายลิ้นอ่อนบางเลียไล้ที่ปลายสุดของชิ้นส่วนที่ไร้มวลกระดูกนั่น
นานเท่าไหร่แล้วนะที่มิได้ร่วมรักกับอิสตรี มิใช่ไม่ปรารถนา แต่หัวใจที่เคยเจ็บปวดมันไม่นำพา เขาจึงปิดกั้นตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ อารดาทำให้เขารู้สึกขึ้นมาอีกครั้ง อยากเห็นหน้า อยากกอด อยากหอม อยากเข้าไปอยู่ในตัวหล่อนแทบตลอดเวลา หล่อนทำได้อย่างไรกันนะ
ในที่สุดชายหนุ่มก็มิอาจทานทน เขาดึงอารดาลงมาจนหลังหล่อนสัมผัสฟูกนุ่มนิ่ม ก่อนจะขยับเข้าหาระหว่างขาของหล่อน ลูบไล้ท่อนขาเรียวงามในขณะที่มืออีกข้างสาวรูดความภาคภูมิใจแห่งชาย
อารดารับรู้ถึงบางสิ่งที่จดจ่อยังส่วนที่ไวต่อประสาทสัมผัสของตัวเอง เส้นขนบนร่างพลันลุกเกรียวเมื่อความอุ่นร้อนและแข็งขึงถูกทาบคลึงลงที่ตุ่มไตบนโหนกเนื้อนุ่มนูน เธอหลุดเสียงครางอย่างลืมอาย เสียวกระสันขึ้นมาอีกระลอก ก่อนที่ความเจ็บปวดอย่างเนื้อที่ถูกฉีกออกจากกันจะประเดประดังเข้ามา เธอมิได้กรีดร้องเสียงหลง แต่กัดฟันต่อสู้ เล็บทั้งสิบที่มีอยู่ ย้ายลงมาจิกที่ต้นแขนของสามี
“อ๊า!! มันอึดอัด! จนจะหายใจไม่ออกแล้ว!”
มิใช่อารดาแต่เป็นศรัณที่เอ่ยคำนั้น เขาพยายามดันตัวตนอันกร้าวแกร่งเข้าสู่ช่องทางรักอันคับแคบและมีเลือดซึม
อารดายันกายขึ้นมาเมียงมอง แลเห็นร่างกายตนอ้าอมเอาส่วนนั้นแล้วใจหาย มันเล็กจ้อยอย่างนั้นเขายังจะดันเข้ามาอีกหรือ
“เอาออก...ได้โปรด ไม่ไหวแล้วรัณ...ฉันเจ็บ!”
เขาส่ายหน้าปฏิเสธ ผลักร่างอารดาลงไปแล้วดันตัวตนแห่งชายเข้าหาหล่อนซ้ำๆ สะโพกหนั่นแน่นที่มันวาวด้วยหยาดเหงื่อ กระแทกเข้าหาระหว่างขาของอารดา พาตัวตนแห่งชายคืบคลานเข้าสู่ร่องรูแห่งราคะทีละน้อย...ทีละน้อย หากผ่านครั้งแรกไปได้ ครั้งต่อไปมันจะง่ายขึ้นเอง
“รัณ...พอ...รัณ...ฉันหายใจไม่ออก อ๊ะ...”
“ชู่ว์...ทนอีกคนดี อีกแค่นิดเดียวที่รัก” เอ่ยปลอบขวัญแล้วดุนดันท่อนลำเข้าไปอีก มือสองข้างเลื่อนลูบที่พุ่มทรวงอวบงาม ปลายถันสีชมพูจางๆ นั้นหดแข็งเป็นไต ยิ่งเขาสะกิดมันมากเท่าไหร่ อารดาก็ได้ครางระงม
“เจ็บไหมคนดี เจ็บเหรอ”
“อือ...”
“อีกเดี๋ยวก็ไม่เจ็บแล้ว ไม่เจ็บแล้วนะ อีก...แค่นิดเดียว!”
พรืด!!!
“กรี๊ดดด!!!”
เสียงกรีดร้องของสาวพรหมจรรย์ดังขึ้นในตอนที่ศรัณสอดแทรกชิ้นส่วนมวลกายแห่งชายหนุ่มเข้าในกายของหล่อนจนมิดลำ เขาปิดกั้นเสียงกรีดร้องของหล่อนด้วยฝ่ามือหนา ในขณะที่บั้นท้าย เร่งจังหวะกระแทกแทรกลึก เพื่อหวังว่าจะช่วยลดความเจ็บปวดให้อารดา น้ำตาหยดหนึ่งรินรดแก้มงาม เขาจูบซับมันไว้ ก่อนจะเปลี่ยนฝ่ามือที่ปิดปากหล่อนอยู่ให้แทนที่ด้วยริมฝีปากของตัวเอง
“อื้อ...”
เธอไม่อาจส่งเสียงใดๆ เมื่อปากถูกปิดไว้ด้วยปากเขา เมื่อส่วนนั้นของร่างกายถูกสวมสอดเสียดสีอย่างที่ในชีวิตนี้เพิ่งได้พบเจอ มันช่างสร้างความเจ็บปวดรวดร้าว แต่ในขณะเดียวกันก็ได้สร้างความเสียวสะท้านจนมิอาจผลักไส ตัวตนเขาที่กระแทกเข้าใส่ ช่างเป็นจังหวะจะโคน ลงน้ำหนักมาแต่ละทีเธอแทบจะเสร็จสมซ้ำๆ มือเขา ปากเขา ส่วนนั้นของเขา ไม่มีส่วนไหนที่ห่างจากเนื้อตัวของเธอเลย
หลายคราวที่หยาดเหงื่ออุ่นๆ หล่นลงบนหน้าอกของเธอ ลิ้นเปียกชื้นของเขาก็ตวัดไล้ปาดเช็ดมันออกไปราวกับไม่อยากให้ผิวเนื้อขาวๆ ต้องมีสิ่งใดเปื้อนปน
เสียงเนินเนื้อโหนกนูนกระทบกันดังพั่บๆ สลับกับเสียงครางระงมของหนุ่มสาว มันยังดังอยู่เช่นนั้น ท่ามกลางสายฝนที่กำลังพร่างพรม สายฝนฉ่ำเย็นที่กำลังโปรยปราย และคงไม่มีวันซาโดยง่าย เฉกเช่นแรงปรารถนาของผัวหนุ่มเมียสาว ที่คงมิสามารถสิ้นสุดลงได้ในการร่วมรัก เพียงหนเดียว...
______________
เสียงนกกระจิบร่ำร้องอยู่นอกหน้าต่าง แสงตะวันจางๆ สาดส่องเข้ามาในห้องที่หน้าต่างเปิดอ้าค้างไว้ อารดาพลิกกายอย่างเมื่อยขบ เปลือกตาเปิดขึ้นมาแล้วต้องปิดลงอีกครา เธอรู้สึกเหมือนเพิ่งได้นอนแค่ชั่วโมงเดียวเท่านั้น
แล้วเสียงฟึ่บฟั่บของอะไรสักอย่างก็ดังอยู่ทางประตูหลังของกระท่อม เธอลุกขึ้นนั่งแล้วมองออกไปก็ได้เห็นพ่อเด็กน้อยศรัณตากผ้าอยู่ พอก้มลงดูฟูกนอนจึงรู้ว่าตัวเองมิได้นอนอยู่บนผ้าปู แต่นอนทับผ้าขาวม้าของศรัณ บางทีโลหิตแห่งพรหมจรรย์ที่เปรอะเปื้อนผ้าปู คงเป็นสาเหตุให้เขาต้องรีบดึงมันไปซัก
แผ่นหลังกว้างของคนที่กำลังยืนตากผ้า ทำให้เธอต้องเริ่มประมวลความจำในสมอง เมื่อคืนนี้เธอกับเขาร่วมรักกันตั้งแต่หัวค่ำ เด็กหนุ่มอย่างศรัณช่างมีพละกำลังเหลือเฟือในการล่อหลอกให้เธอคล้อยตาม เขาเจ้าเล่ห์ และมีเสน่ห์ในการเล้าโลม ทุกคราที่เธอปฏิเสธเขา เขาก็สามารถเอาชนะได้อยู่ร่ำไป
“อายุแค่นี้...ต้องเก่งขนาดนี้ด้วยเหรอ” พูดกับตัวเองแล้วชักเขิน กางมือดูนิ้วทั้งสิบของตัวเองแล้วเริ่มนับดูว่าเมื่อคืนเธอกับเขาร่วมรักกันไปกี่รอบ น่าจะห้า หรือหกละนะ ถ้าจำไม่ผิด
“เจ็ดรอบจ้ะคนดี”
“อื้อ...”เธอได้แต่ร้องอู้อี้ มิเคยลิ้มรสส่วนนี้ของผู้ชายมาก่อน มันอุ่นและแข็ง ทั้งมีกลิ่นแปลกๆ ที่เธอไม่เคยดอมดม มันมิได้หอมหรือมีกลิ่นที่น่ารังเกียจ แต่เป็นกลิ่นที่ทำให้เธอไม่อยากถอยหนี อยากอ้าอมมันไว้อย่างนี้ แล้วสาวรูดด้วยปากอย่างที่เขากำลังบงการให้เธอทำสองมือเขาขยุ้มเรือนผมเธออยู่ บังคับทางอ้อมให้เธอดูดดึงท่อนลำร้อนๆ ของเขา มันแน่นคับปาก ไร้รสชาติที่น่าพิสมัย แต่พอได้ดูดชิมก็อดมิได้ อยากจะดูดชิมลิ้มรสเลียไล้มันไปอย่างนี้ เพื่อเฝ้าฟังเสียงครางของสามีแล้วสะใจเหลือเกินศรัณเป็นสุขยิ่งนักยามมองริมฝีปากของอารดาสาวรูดตัวตนแห่งชาย ปากหล่อนดูเล็กไปเมื่อต้องดูดดึงท่อนลำอันใหญ่โต ความนุ่มอุ่นของโพรงปากและความไม่ประสาของอารดา ทำให้เขามีความสุขบอกไม่ถูก คุณอุ่นที่แสนจะเรียบร้อย บางคราก็เย็นชาปานน้ำแข็ง ไม่นึกไม่ฝันว่ายามอยู่บนเตียงจะร้อนแรงถึงเพียงนี้ ดูเอาเถิดนี่แค่ครั้งแรกยังน่ารักน่าเอ็นดู ถ้าถูกครูอย่างเขาชี้ทางละก็ รับรองว่าอารดาจะต้องเก่งฉกาจอย่างน่าปรารถนาทีเดียวเขาใกล้จะทนไม่ไหวแล้ว ต้องเข้าไปร่างหล่อนเดี๋ยวนี้ ก่อนที่มันจะระเบิด แต่ว่า…เขาควรบอกเรื่อง
สีแดงระเรื่อเรืองรองขึ้นที่พวงแก้มของอารดา เธอรู้สึกได้ถึงแก้มอันร้อนผ่าวของตัวเอง“กิน...ฉะ...ฉัน ฉันเหรอ ฉันคง...ไม่อร่อยหรอก” บอกเขาแล้วกลืนน้ำลายหนืดๆ ลงคอ มันช่างยากเย็นนักศรัณทิ้งถ้วยชาที่ทำจากกระเบื้องเคลือบบางๆ ลงข้างแคร่ โดยไม่กลัวว่ามันจะแตกหัก ก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วแตะที่แก้มของอารดา ใช้มือข้างหนึ่งประคองแก้มหล่อนไว้ ถ่ายทอดไออุ่นที่สตรีนางใดก็มิอาจผลักไส“ขอชิมก่อนสิ แล้วจะบอก...ว่าอร่อยหรือเปล่า”เธอส่ายหน้าน้อยๆ แต่ลมหายใจเริ่มหอบแรงเมื่อศรัณลูบไล้ลงมาที่ต้นคอของเธอ เขาจงใจแตะต้องตรงนั้นให้ขนอ่อนบนร่างสาวได้ลุกซู่ชูชัน เขาช่างร้ายกาจนัก“ฉัน...คงรสชาติเหมือนน้ำแข็งเกล็ดหิมะที่ยังไม่ได้ราดน้ำหวาน”“งั้นผม...จะราดน้ำหวานให้ดีไหม ผมมี น้ำหวาน เยอะเลย...”ยั่วเย้าหล่อนด้วยวาจาที่แผ่วเบาคล้ายเสียงกระซิบ วางมือลงที่ปมผ้าถุงตรงหน้าอกของหล่อน อารดาหายใจแรงขึ้นจนเนินทรวงกระเพื่อมไหว“จะกินฉันจริงเหรอ ถ้าฉัน...ไม่อร่อยจริงๆ ล่ะ”เขายิ้มกับคำถามไร
[7]รักร้อนๆ ในกระท่อมน้อยๆ------------------หนุ่มสาวฝ่าสายฝนกลับกระท่อม อารดาหนาวจนสั่นไปทั้งตัว แต่กระนั้นก็ไม่อาจทัดทานเมื่อศรัณพาเข้าไปในห้องน้ำ พวกเธออาบน้ำด้วยกัน เสื้อผ้าเปียกๆ ของเธอถูกดึงทิ้ง เธอหนาวจนมือชา จับขันตักน้ำยังไม่ได้ศรัณตักน้ำมาราดหัวเธอครั้งแล้วครั้งแล้ว สระผมให้เธออย่างเร็วแต่ไม่ยอมฟอกสบู่ให้ เขายื่นสบู่ก้อนเล็กมาให้เธอ ก่อนจะหันไปจัดการตัวเองบ้าง เธอหันหลังให้เขาตลอดเวลา ถูสบู่ลวกๆ เพราะหนาวเหลือเกินแล้ว“ถ้าไม่ถูดีๆ จะจับถูให้ทั้งตัวเลย”เขาขู่คนที่ยืนหันหลังอยู่ พยายามไม่มองร่างเปลือยของอารดา หากไม่ใช่ในสถานการณ์นี้ละก็ รับรองว่าหล่อนไม่รอดแน่ๆ เขาคงจัดการหล่อนในห้องน้ำแคบๆ นี่แหละหญิงสาวรีบอาบน้ำตามที่เขาสั่ง อายก็อาย หนาวก็หนาว มือก็เร่งถูสบู่ อาบน้ำล้างตัว จะได้ออกไปข้างนอกไวๆ และก็เหมือนสวรรค์ทำร้าย เสื้อผ้าที่เธอคิดว่าจะได้ใส่ให้คลายหนาว ทุกผืนชื้นไปด้วยไอจากหยาดพิรุณ“ผมกลับมาไม่ทัน หน้าต่างเปิดไว้ ฝนเลยสาดเข้ามาโดนเสื้อผ้าชื้น
“เออ...ท้องโย้มาเมื่อไหร่ละน่าดู ฉันไม่เอานะแม่เด็กพวกนั้นน่ะ หนังสือหนังหาไม่เรียน ขี่มอ’ไซค์แรดไปหาผู้ชายคนโน้นทีคนนี้ที ฉันไม่ชอบ!”ชนนท์ยกมือยอมแพ้ อย่าได้คิดปิดบังเรื่องอะไรจากมารดาเลย นางคงมีหูทิพย์ตาทิพย์น่ะ“แรด! ขี่มอเตอร์ไซค์ได้ด้วยเหรอ ฟีฟ่าไม่เห็นรู้เลย”คำถามแสนซื่อทำเอาสองหนุ่มต่างวัยกลั้นขำ ส่วนมาลาถึงกับอ้าปากค้าง เอามือตะครุบปากเจ้าตัวแสบอย่างไว “โอ...ไม่เอาๆ ไม่พูดตามนะฟีฟ่า โอ๊ย...ฉันพูดอะไรไปเนี่ย ลืมไปเลยว่าฟีฟ่านั่งอยู่ เพราะเจ้านนท์แท้ๆ เลย”“อ้าว? เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ”“ก็แกนั่นแหละ ชอบหาเรื่องให้ฉันพูดมาก รีบกินแล้วรีบไปทำงานเลยนะ เห็นหน้าแล้วโมโห!”ชนนท์รีบหุบปากฉับ เขาแค่หาอะไรทำให้หายเหนื่อยจากการทำงาน มารดาที่รักไม่เข้าใจ เขาเป็นผู้ชาย เรื่องเจ้าชู้นี่มันห้ามไม่ได้ ใครทอดสะพานมาให้ก็เอาหมดนั่นแหละ เขาเป็นนักรักนี่นา แม้หลายๆ ครั้งจะสับรางไม่ทันบ้างจนถูกสาวๆ บอกเลิกรายวันก็เถอะ_________________เข้าสู่วั
“ดีสิลูก เราต้องมองคนที่ฐานะมั่นคงเพื่ออนาคตของเรานะรู้ไหม”“แต่ว่า...หนูเพิ่งเรียนจบเอง”“ก็รู้จักกันไว้ ศึกษาดูใจกันไปสักพัก ถ้าไปด้วยกันได้ ค่อยแต่งไง ว่าแล้วก็รอแม่แป๊บนะ เดี๋ยวจะบอกให้เพื่อนแม่ส่งรูปหนุ่มๆ โปรไฟล์ดีๆ มาให้ คนสวยของแม่จะได้พิจารณา ดีไหมจ๊ะ”“แล้วแต่คุณแม่เถอะค่า หนูยังไงก็ได้” บอกอย่างเขินๆ ถูกมารดาตบกระหม่อมไปทีสองทีอย่างเอ็นดู เธอถนัดนักเรื่องออดอ้อน มารดาที่รักเทิดทูนเธอไว้บนหิ้งเชียวล่ะ จะเหลือก็แค่พี่เขยตัวดี พวกเขาแต่งงานกันเพราะอะไรกันนะ เธอไม่เชื่อเด็ดขาดว่าพี่อุ่นกับศรัณรักกัน บางทีพวกเขาอาจแต่งงานกันเพราะสัญญาบางอย่าง และไม่มีทางที่คนอย่างพี่อุ่นจะให้ใครแตะเนื้อต้องตัวง่ายๆ ยิ่งเป็นคนที่ไม่ได้รู้จักมักจี่ด้วย ขนาดคบกับพี่ธีมาหลายปี เจ้าตัวยังไม่มีอะไรกันเลย เธอรู้ดี เพราะแอบเห็นพวกเขาทะเลาะกันหลายครั้ง ในเรื่องที่พี่สาวเธอทำตัวเป็นเต่าล้านปี ไม่ยอมมีเซ็กซ์กับแฟนตัวเอง และสุดท้าย ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างพี่ธีก็ถูกพี่รุ้งแย่งไป“ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างนะ ทั้งสองคนเลย ถ้าเกิด
อารดาส่ายหน้าระอากับความหน้ามึนของสามีวัยละอ่อน เธอกระถดกายถอยห่างเขา แต่เขาก็ขยับตามมา มือข้างหนึ่งยังคว้าเอวเธอไว้ ดันร่างเธอเข้าหาแผงอกเปียกชุ่มของตัวเองดวงตาสองดวงสานสบกันเนิ่นนาน ส่งแววหวานที่อารดามิอาจจะทานทน เธอหลบเลี่ยงสายตา บอกเขาในสิ่งที่ตัวเองกำลังเป็นอยู่“เลิกมองแบบนั้นนะ ฉันอาย” บอกเขาแล้วก้มหน้าลง เธอตกใจไม่น้อยเมื่อเสื้อที่สวมอยู่เปียกลู่จนทำให้เห็นเสื้อชั้นในที่กำลังโอบอุ้มพุ่มทรวง เธอเอามือปิดไว้ กลัวว่าเขาจะเห็น เขาปล่อยเอวเธอ แต่กลับดึงมือเธอออก ราวกับว่าเธอกำลังทำสิ่งที่ผิดมหันต์“ให้ผมมองบ้างสิ ผมเป็นเจ้าของมันนะ”อารดาอยากจะเถียงว่าไม่จริง แต่พอเงยหน้าขึ้นสบตาเขา ริมฝีปากเขาก็ประกบลงมาเพื่อบดบี้ขยี้จูบ จนปากเย็นชื้นของเธอเริ่มร้อนผ่าว เธออยากผลักไส แต่หัวใจในอกกลับคัดค้าน ก็รสจูบหวานๆ ใครจะทัดทานได้เล่า“เก่งจริง จูบเก่งขึ้นเยอะเลย”เขาชมเปาะ แต่เธอยิ่งอับอายในคำชมนั้น “พอเถอะ ฉันอาย”“อายทำไม ต่อไปเราต้องทำมากกว่านี้นะ”“ฉันขอเวลา ขอไปหลา