LOGIN“ตอนนั้นพ่อแม่กูเลิกกัน แม่ก็ไม่อยากให้กูพูดเรื่องพ่อ และตอนนั้นกูกับแม่ก็ไม่ได้รวยไง”
“ตอนมึงไปเรียนลอนดอนก็ไม่ได้บอกนะ”
“ก็...นั่นแหละ ตอนนั้นมึงกับกูก็แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ ตอนนั้นมึงมีแฟนด้วยนี่ ใช่มั้ย มึงเองก็ไม่ได้สนใจกูเท่าไหร่”
“เออ ก็ตอนนั้นเพิ่งเคยมีแฟนก็เลยเห่อหน่อย มึงคงไม่น้อยใจหรอกใช่มั้ย”
“นิดหน่อย แต่ตอนนั้นชีวิตกูก็ยุ่งๆ กับการปรับตัวทั้งที่โรงเรียนและปรับตัวเพื่อจะอยู่กับไอ้โทแบบสงบสุข แถมต้องรับมือกับการหาเรื่องของไอ้แทนไท ซึ่งมันก็ดันเรียนที่นั่นเหมือนกัน ดีที่มีไอ้โทคอยจัดการมัน”
“ฟังมึงพูดแล้ว ไอ้พี่มึงคนนี้เอาเรื่องเหมือนกันเนาะ เสียดายกูไม่ทันได้รู้จัก ก็ไปซะแล้ว หวังว่าคงไม่ลงนรกเหมือนไอ้ปากหมามันพูดนะ”
“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ที่กูรู้แน่ๆ ไอ้แทนไทน่ะ ตายไปมันได้ลงนรกแน่!”
ประโยคสุดท้ายของไอ้ตรีทำฉันขนลุก เพราะน้ำเสียงเย็นยะเยือกของมัน
พอฉันมองมันอึ้งๆ มันก็หัวเราะ
“ก็นิสัยแม่งเหี้ยแบบนั้น มึงคิดว่ามันจะได้ขึ้นสวรรค์เหรอ”
“เออ ก็จริงของมึง ขนาดกูเจอมันครั้งแรก มันยังเหี้ยใส่ขนาดนี้ บอกตรง ถ้ากูเป็นมึง กูคงฆ่ามันไปแล้วแหละ ไหนจะมาแย่งพ่อ แล้วไหนจะมาเยาะเย้ยถากถาง แฉ่งพี่มึงลงนรกอีก ปากแบบนี้อยู่ไปก็รกโลกว่ะ”
“มันแค่ปากหมา มึงจะฆ่ามันเลยเหรอ”
“ใช่ จะเก็บไว้ทำไม” ฉันพูดแบบคะนองปากมากกว่าจริงจัง เพราะใครจะไปฆ่าคนอื่นให้ติดคุกทำไม
“มึงก็พูดไปเรื่อย”
“เออ มึงมีรูปพี่มึงมั้ย กูอยากเห็นหน้า”
“มี...” จากนั้นมันก็หยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋ากางเกง คลิกๆ อยู่หลายนาที เหมือนว่าซ่อนภาพนั้นไว้จุดที่หายากที่สุด ก่อนจะชูหน้าจอให้ฉันดู เป็นภาพคู่ของไอ้ตรีกับ...ผู้ชายที่หน้าเหมือนกันยังกะฝาแฝดไข่ใบเดียวกัน ในภาพทั้งคู่ถ่ายที่สนามฟุตบอลสักแห่งในอังกฤษ คงไปดูแมตซ์สำคัญด้วยกัน
“เฮ้ย หน้าเหมือนกันเป๊ะเลย แต่พี่มึงสูงกว่าหน่อย ดูๆ ไปพี่มึงดูมีเสน่ห์กว่ามึงนะ”
“เป็นไปได้ไงก็หน้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ” มันแย้ง
“หน้าเหมือนกันก็จริง แต่มันก็แตกต่างกันอยู่นะ นี่ไงแววตาพี่มึงอะ มันดูมีพลัง ลึกลับน่าค้นหา และดูเป็นคนที่เชื่อมั่นในตัวเอง” พูดจบฉันก็มองหน้ามัน คิดว่ามันจะเคืองที่ฉันชมพี่มันว่ามีเสน่ห์มากกว่า แต่มันกลับยิ้มปลื้มปริ่ม
ดูท่าไอ้ตรีจะรักพี่มันจริงๆ
“เออ มึงนี่ตาแหลมจริงๆ ใช่แล้วไอ้โทมันมีเสน่ห์กว่ากู อยู่ที่ไหนก็ฮอตตลอด สาวๆ ตรึม แถมมันก็ฉลาดเรียนเก่งมาก มันเรียนจบปริญญาตรีตอนอายุยี่สิบ เพราะมันสอบเทียบมอปลายตอนอายุสิบหก”
“ว้าว พูดแบบนี้ ยิ่งแบบ เสียดายไม่น่าจากไปเร็วเลย ตกลงมันขับรถชนกับอะไร”
“ต้นไม้ข้างทางตอนไปเที่ยวด้วยกันที่เมืองลิเวอร์พูล...”
“เฮ้ย มึงอยู่ในรถด้วยเหรอ”
“ใช่...แต่กูรอด” น้ำเสียงตอบเศร้าๆ ของมัน ทำให้ฉันไม่กล้าถามต่อ เพราะสุดท้ายแล้ว มันคือคนที่รอด ขณะที่พี่ของมันตาย
“โอเคๆ เราจะไม่คุยกันเรื่องอีกแล้ว ไปเล่นน้ำทะเลกันเหอะ ป่านนี้ไอ้พวกนั้นรอเราอยู่นะ”
“อือ”
“ว่าแต่พี่มึงตอนเสีย เขาอายุเท่าไหร่แล้วเหรอ”
“ยี่สิบ เพิ่งเรียนจบ”
“ว้าว น่าเสียดาย” ฉันพึมพำด้วยความรู้สึกแสนเสียดายจริงๆ ทั้งหล่อ เก่ง ฉลาด แววตาลึกลับแต่ก็แฝงด้วยความร้ายกาจบางอย่างที่น่าเร้าใจ จู่ๆ ฉันก็มาเสียดายคนที่ตายไปแล้วซะงั้น คงเพราะหน้าพี่มันเหมือนแฝดไอ้ตรีมากเกินไปละมั้ง
เมื่อลงไปสมทบกับเพื่อนๆ ฉันกับไอ้ตรีก็สนุก เฮฮากันเหมือนเดิม เหมือนคนที่ไม่ได้เพิ่งคุยเรื่องเครียดๆ กันมา
“ไอ้ตรี มึงจะว่ายไปกลางทะเลเลยหรือไงวะ”
ฉันถามขณะที่เราลอยคอห่างจากฝั่งและเพื่อนๆ พอสมควร
“มึงกล้าไปกับกูมั้ยล่ะ”
“โอ๊ยไม่ไหว แค่นี้กูก็หอบแล้วเนี่ย ไม่ได้ว่ายน้ำเก่งเหมือนมึง” ทั้งที่ฉันเป็นคนสอนมันว่ายน้ำตั้งแต่เด็ก แต่ไม่คิดว่าพอโตขึ้นมันจะมาว่ายน้ำเก่งกว่าฉัน
มันทั้งว่ายเร็วและนาน แล้วไหนจะว่ายเป็นหลายท่าอีก ท่าทางการว่ายของมันเหมือนคนที่ได้รับการเรียนว่ายน้ำมาอย่างถูกต้อง จังหวะการเงยหน้าขึ้นหายใจ จังหวะมือที่จ้วงน้ำ ท่ามันสวย ไม่เหมือนฉันว่ายท่าฟรีสไตล์แบบมั่วๆ ตามประสาคนที่ว่ายน้ำเป็นด้วยตัวเองจากในคลองบ้านเกิด
แต่เอ...ฉันจำได้ เมื่อก่อนตอนที่มันยังไม่ได้ย้ายกลับกรุงเทพฯ มันก็ไม่ได้ท่าสวยแบบนี้
ทำไมฉันเพิ่งคิดขึ้นได้
“เมื่อก่อนมึงไม่ได้ว่ายน้ำเก่งแบบนี้นะ แล้วท่าทางการว่ายของมึงก็สวยกว่าเมื่อก่อน”
“อ๋อ ตอนกลับมากรุงเทพฯ กูเรียนว่ายน้ำอย่างจริงจัง แต่ครูโหดมาก ให้ว่ายทุกวันหลังเลิกเรียน วันละสี่ชั่วโมง”
“โห จริงอะ”
“จริงสิ ไม่งั้นกูจะหุ่นดีแบบนี้เหรอ”
“มึงก็นะ หลงตัวเองไปอีก” ฉันตีบ่ามันแรงๆ อย่างหมั่นไส้ แต่มันกลับดึงตัวฉันไปชิดร่างของมัน ชิดเสียจน...ใจสั่นไปหมดแล้ว
“อยากให้มึงหลงด้วยนะ”
“ไอ้ตรี อีกแล้วนะ มึงอย่าทำแบบนี้สิ อ๊ะ” จบประโยคฉันก็ครางเบาๆ เพราะมือของมันที่พยุงฉันอยู่ สอดเข้ามาในชายเสื้อ
""""""""""""""""""
เวลารัดสะโพกกูจะเป็นยังไง แต่คืนนั้นมึงทำให้ความฝันกูเป็นจริง”“แต่วันนั้นมึงร้องไห้นะ”“กูสารภาพ ร้องไห้เพราะดีใจว่ะ”“ไอ้ตอแหล” ฉันตีไหล่มันเต็มแรง“ที่ผ่านมามึงหวังฟันกูตลอดเลยใช่มั้ย”“เออ”“ไอ้เพื่อนเหี้ย” ถึงจะด่ามันแบบนั้น แต่ฉันก็รู้สึกไม่ได้โกรธมันจริงจัง อาจเพราะมันพูดความจริง ซึ่งมันดีกว่าการโกหกอยู่แล้ว“แต่กูไม่ได้มีนมใหญ่อย่างกิ๊กมึงนะ หุ่นกูก็ผอมแห้งขนาดนี้”“แต่หอยมึงอวบ กูชอบ”“ไอ้เวร” ฉันตีมันอีกครั้ง และมันก็หัวเราะเสียงดัง“ต่อให้มึงนมเล็กยิ่งกว่านี้ และหอยมึงไม่อวบ กูก็ชอบ กูชอบทุกอย่างที่เป็นมึงนั่นแหละ” น้ำเสียงมันจริงจัง และแววตาก็อ่อนโยนลึกซึ้งจนฉันเริ่มไม่แน่ใจว่าจะรักมันแบบเพื่อนต่อไปได้หรือเปล่า“มึงรักกูเหรอ” จู่ๆ ฉันก็ถามมันออกไปตรงๆ“ก็แน่นอนกูรักอยู่แล้ว แต่อย่าถามว่าแบบไหน เพราะกูรักมึงทุกแบบ”ฉันคงหวั่นไหวแล้วจริงๆ เพราะจู่ๆ ฉันก็อยากจูบมันอีกครั้ง และฉันก็ทำตามที่คิดอย่างว่องไว มันจูบตอบ เป็นจูบที่ต่างจากเมื่อครู่ เพราะเป็นจูบที่อ่อนโยน ดูดดื่ม ลึกซึ่ง ก่อนจบลงที่มันจูบไปทั่วดวงหน้าของฉันอย่างทะนุถนอม จบลงที่จูบเม้มปลายจมูกฉันเบาๆ แล้วกอดฉันไว้ พร้อม
ยืดที่เวลาลอยคอในน้ำแบบนี้ มันก็รั้งขึ้นสูง กระทั่งมือใหญ่นั้นไล้วนอยู่บนทรวงอก แม้จะมีชุดว่ายน้ำแบบทูพีชที่ซ่อนอยู่ข้างในอย่างมิดชิด แต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงแรงสัมผัสจนใจสะท้าน วาบหวิวขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ไม่คิดจริงๆ ว่าตัวเองจะไวต่อสัมผัสของมันเร็วขนาดนี้“มึงชอบให้กูทำแบบนี้ ทำไมต้องปฏิเสธ” มันพูด ตอนนี้ก็บีบเค้น และปัดป่ายไปทั่วทรวงอก ฉันสั่นสะท้านกว่าเดิม“ตรี ขอร้องอย่าทำ ไม่ยังงั้นกูจะเป็นคนเหี้ยๆ คนหนึ่งที่นอกกายแฟนจริงๆ เพราะตอนนี้กูไม่ได้ถูกยาปลุกเซ็กซ์ที่ไหน ไม่มีข้อแก้ตัวใดๆ”“กูหยุดก็ได้ แต่คิดว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกเหรอระหว่างเรา มึงควรบอกเลิกน้องริน ก่อนที่มันจะสายเกินไป”ฉันนิ่งกับคำพูดของมัน ไม่ใช่ว่าฉันไม่คิด แต่ยอมรับว่าลังเล และยังอยากจะลองนอนกับน้องรินอีกครั้ง เพราะฉันไม่อยากให้เรื่องราวของตัวเองกับไอ้ตรีไปไกลกว่านี้“ถึงกูจะบอกเลิกน้องริน มึงกับกูก็ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงหรอก เรายังเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม”“เพื่อนที่สามารถนอนกันได้” มันต่อคำของฉันหน้าตาเฉย“มึงเห็นกูเป็นที่ระบายเซ็กซ์ของมึง ไม่ต่างจากกิ๊กของมึงใช่มั้ย”“การที่ได้นอนกับคนที่ผูกพัน มันต่างมาก กูไม่รู้จะอธ
“ตอนนั้นพ่อแม่กูเลิกกัน แม่ก็ไม่อยากให้กูพูดเรื่องพ่อ และตอนนั้นกูกับแม่ก็ไม่ได้รวยไง”“ตอนมึงไปเรียนลอนดอนก็ไม่ได้บอกนะ”“ก็...นั่นแหละ ตอนนั้นมึงกับกูก็แทบไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะ ตอนนั้นมึงมีแฟนด้วยนี่ ใช่มั้ย มึงเองก็ไม่ได้สนใจกูเท่าไหร่”“เออ ก็ตอนนั้นเพิ่งเคยมีแฟนก็เลยเห่อหน่อย มึงคงไม่น้อยใจหรอกใช่มั้ย”“นิดหน่อย แต่ตอนนั้นชีวิตกูก็ยุ่งๆ กับการปรับตัวทั้งที่โรงเรียนและปรับตัวเพื่อจะอยู่กับไอ้โทแบบสงบสุข แถมต้องรับมือกับการหาเรื่องของไอ้แทนไท ซึ่งมันก็ดันเรียนที่นั่นเหมือนกัน ดีที่มีไอ้โทคอยจัดการมัน”“ฟังมึงพูดแล้ว ไอ้พี่มึงคนนี้เอาเรื่องเหมือนกันเนาะ เสียดายกูไม่ทันได้รู้จัก ก็ไปซะแล้ว หวังว่าคงไม่ลงนรกเหมือนไอ้ปากหมามันพูดนะ”“ไม่รู้เหมือนกันว่ะ แต่ที่กูรู้แน่ๆ ไอ้แทนไทน่ะ ตายไปมันได้ลงนรกแน่!”ประโยคสุดท้ายของไอ้ตรีทำฉันขนลุก เพราะน้ำเสียงเย็นยะเยือกของมันพอฉันมองมันอึ้งๆ มันก็หัวเราะ“ก็นิสัยแม่งเหี้ยแบบนั้น มึงคิดว่ามันจะได้ขึ้นสวรรค์เหรอ”“เออ ก็จริงของมึง ขนาดกูเจอมันครั้งแรก มันยังเหี้ยใส่ขนาดนี้ บอกตรง ถ้ากูเป็นมึง กูคงฆ่ามันไปแล้วแหละ ไหนจะมาแย่งพ่อ แล้วไหนจะมาเยาะเย้ยถ
ในนาทีนั้นเองฉันแกะมือไอ้ตรีออกข้อมือ แล้วหมุนตัวแล้วจระเข้ฟาดหางไปบนลำตัวไอ้ปากหมาให้ไปนอนบนพื้นทรายอีกรอบก่อนที่ฉันจะเป็นฝ่ายจับข้อมือไอ้ตรี และยัยนุ่นเดินลิ่วไปจากตรงนั้นทันทีฉันยังไม่ปล่อยมือจากไอ้ตรี ตั้งใจจะพามันไปซักถามเกี่ยวกับสิ่งที่ฉันสงสัย แต่ไอ้ปีกับไอ้พัทวิ่งตามหลังมา“เฮ้ย พวกมึงจะไปไหนเนี่ย ไม่เล่นน้ำกันหรือไง”“พอดีกูมีเรื่องจะคุยกับไอ้ตรีมัน พวกมึงไปเล่นก่อนเหอะ นุ่นด้วย ไปเล่นกับไอ้สองคนนี้ก่อนนะ” พูดจบฉันก็ลากแขนไอ้ตรีกลับไปยังบ้านพัก“ตกลงมึงกับไอ้ปากหมานั่นคือ...” พอมานั่งในห้องโถงบ้านพักฉันก็ตั้งคำถามที่พอจะเดาออกอยู่บ้าง แต่อยากฟังชัดๆ จากปากไอ้ตรี“มันคือลูกบุญธรรมของพ่อกูเอง”“ตกลงมันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพ่อมึง”“ไม่ใช่ มันเป็นหลานของแม่เลี้ยงกู ที่เขารับมันเป็นลูกบุญธรรมน่ะ กับเมียใหม่ เขาไม่ได้มีลูกด้วยกันหรอก”“อือ...แบบนี้เอง แล้วเรื่องที่ไอ้นั่นพูด มันคืออะไร เร่ร่อนที่ลอนดอน แล้วแฝดคนละแม่คืออะไร ชื่อไรนะ โทเหรอ ลงนรกคือหมายความว่าไงอะ” ฉันจำคำพูดของไอ้ปากหมานั้นได้อย่างแม่นยำ“ตายไง ไอ้โท พี่ชายกูเอง”“เฮ้ย มึงไม่เคยบอกเลยนะว่ามีพี่ชาย และเป็นแฝดคนละแม่คื
ไม่กี่นาทีต่อมาฉันกับยัยนุ่นก็เดินลงมาหาด หาดกว้างก็จริง แต่ผู้คนก็เยอะมาก ไม่รู้พวกมันเดินไปถึงไหน หรือลงเล่นน้ำกันไปแล้ว ฉันกับยัยนุ่นจึงถ่ายรูปกันสองคนไปก่อน“มึงถอยหลังไปอีก ไม่ต้องถ่ายโฟกัสหน้ากู ถ่ายให้เห็นทั้งตัว และให้เห็นทะเลกว้างๆ”ยัยนุ่นบอก“อือ...” ฉันครางรับ แล้วถอยหลังตามที่ยัยนุ่นบอก กระทั่งฉันชนกับร่างใครบางคน“เชี่ย!” ได้ยินเสียงสบถอย่างอารมณ์เสีย ฉันจึงรีบหมุนตัวเพื่อจะขอโทษ เห็นหน้าผู้ชายตัวสูงกว่าฉันแค่นิดหน่อย หน้าตาดีแบบกลางๆ ที่สำคัญดูหัวเสียมาก“ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ฉันลนลานขอโทษ คิดว่าจะโดนด่าหรืออะไรมากกว่านั้น แต่อีกฝ่ายมองกวาดร่างฉันอย่างสำรวจ จ้องขาที่โผล่พ้นกางเกงขาสั้นของฉันแล้วยิ้มออกมา“โอ๊ะ ไม่เป็นไรน้อง คนเราไม่ได้มีตาหลังนี่เนาะ ว่าแต่น้องชื่ออะไรครับ”“ขอบคุณนะคะที่ไม่โกรธ ฉันชื่อเก้าค่ะ” ฉันบอกไปตามตรง ไม่ได้ชอบสายตาของหมอนี่นักหรอก แต่เห็นว่าฉันผิดที่ไปชนเขาก่อน เลยไม่อยากแสดงท่าทีอะไรออกไปให้มาก“พักอยู่ที่ไหน”“เอ่อ แถวนี้แหละค่ะ”“บ้านพักของพี่ก็อยู่แถวนี้ บ้านหลังนั้นน่ะ ตึกสีขาวตรงนั้น เห็นมั้ย” เขาชี้มือไปยังบ้านพักเป็นตึกสีขาวทรงโมเด
Chapter 3: กลางทะเลรุ่งเช้าเราเช็กเอ๊าท์แบบเฉียดฉิว ก่อนเดินทางไปหัวหิน เพราะยังไม่ได้เวลาเช็กอิน เราจึงไปกินมื้อเที่ยงกันก่อน กินเสร็จก็ใกล้เวลาเช็กอินจึงเดินทางไปบ้านพักติดชายทะเล บรรยากาศดีมาก จนฉันกับนุ่นร้องกรี๊ดอย่างถูกใจ เพราะเราค้างคืนที่นี่สามคืน“ไอ้ตรีแม่งจองบ้านพักถูกใจมาก”“บ้านดี ติดทะเลขนาดนี้ คืนละสามพันโคตรถูกเลย” ฉันพึมพำขณะเดินชมบ้าน ที่ห้องนอนถึงสามห้อง“นั่นสิ อย่างต่ำมันน่าจะห้าพันเปล่าวะ” ยัยนุ่นพึมพำ ก่อนจะเอ่ยต่อ“ช่างเถอะ เราจ่ายเงินไอ้ตรีไปแล้วนี่ มันก็คงราคาแค่นั้นแหละ”“อือ...” ฉันพยักหน้ารับ ก่อนเราสองคนจะได้เป็นคนเลือกห้องก่อน แน่นอนเลือกห้องที่วิวดี มองเห็นทะเลจากหน้าต่างข้างห้องพอเก็บเสื้อผ้าข้าวของส่วนตัวเรียบร้อย ยัยนุ่นก็หันมาทางฉัน มองตามันก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไร“มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่วะ”“วันที่กินเลี้ยงวันนั้น” ฉันจึงเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้ยัยนุ่นฟังเรื่องที่อีหมวยมันวางยาปลุกเซ็กซ์ในแก้วเหล้าฉัน“เวรจริงๆ” ฟังจบยัยนุ่มก็พูดเหมือนไม่รู้อะไรมากกว่านั้น“แต่เมื่อคืนจูบกัน หมายความว่าไงวะ”“เอ่อ กูไม่รู้เหมือนกัน ไอ้ตรีมันบ้าว่ะ จู่ๆ ก







