บทที่ 2 ลูกสะใภ้ตัวดี
อีกฝั่งของบ้านสะใภ้ใหญ่ซูหรงเธอกำลังนั่งทาเล็บอย่างสบายใจเมื่อเห็นแม่สามีเดินมาจากหลังบ้านและสีหน้าไม่ดีจึงรีบเอ่ยถามด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“วันนี้คุณแม่เป็นอะไรแต่เช้าคะ หรือว่าเมื่อคืนฝันไม่ดี”
“จะอะไรอีกล่ะก็นังสะใภ้รองตัวดีนะสิ ตะวันโด่งป่านนี้ยังไม่มาทำอาหารให้หย่งอี้ของฉัน ฉันไปตามที่ห้องเก็บของเห็นเธอนอนหลับสบาย หน้าด้านแสร้งว่าตัวเองไม่สบาย เฮอะ! คิดว่าฉันมองไม่ออกหรือไงว่านังเฟิงมี่แค่ขี้เกียจไม่อยากทำงานเลยเอาข้ออ้างว่าตัวเองไม่สบายมาเป็นข้ออ้าง”
“แล้วคุณแม่ทำยังไงกับนังนั่นละคะ” ซูหรงปิดฝาขวดน้ำยาทาเล็บวางลงไว้พร้อมถามซูเจี้ยนต่อ
“จะทำยังไงล่ะ ฉันก็บังคับให้มันมาทำอาหารให้หลานชายฉันนะสิ หย่งอี้ทนหิวอีกหน่อยนะหลานย่าแล้ววันนี้ย่าจะพาไปเดินเล่นที่ตลาดหลานอยากได้อะไรย่าจะซื้อให้ทุกอย่างเลย” ซูเจี้ยนพูดจาอ่อนลงจ้องมองเด็กชายที่นั่งเล่นของเล่นด้วยสายตาอ่อนโยน
“จริงนะครับ ผมอยากได้รถของเล่นคุณย่าซื้อให้จริงๆ นะครับ”
“แน่นอนสิ ย่าจะโกหกหลานรักของย่าทำไมกัน” เด็กชายรีบลุกขึ้นไปกอดคุณย่าด้วยความดีใจ ซูหรงที่มองอยู่เผยรอยยิ้มออกมาอย่างมีความสุข ความสุขของเธอคือการที่เห็นคนเป็นย่ารักลูกชายของเธอเพียงผู้เดียวเพราะนั่นหมายความว่าสมบัติของซูเจี้ยนจะตกเป็นของลูกชายเธอเพียงคนเดียว และเธอจะไม่ยอมให้สมบัติสักชิ้นตกไปอยู่ในมือของนังเฟิงมี่ เธอจึงคิดหาหนทางกำจัดของแม่ลูกให้ออกไปจากบ้านหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการมีชู้ของเฟิงมี่แท้ที่จริงเธอกุเรื่องขึ้นมาเท่านั้นเพราะกลัวว่าซูเจี้ยนจะรักฮว๋าเย่ โชคดีที่ซูเจี้ยนโง่เง้าหลอกง่ายเพียงเป่าหูไม่กี่ครั้งก็หลงเชื่อคำพูดของเธอจนหมด
“ดีจังเลยค่ะวันนี้ฉันก็จะออกไปข้างนอกพอดี ฝากคุณแม่ดูแลหย่งอี้ด้วยนะคะ ฉันจะเอาข้าวกลางวันไปส่งพี่ไคฉีที่อำเภอ”
“ฉันโชคดีจริง ๆ ที่มีลูกสะใภ้ประหยัดแบบเธอ ต่อให้เรารวยแค่ไหนต้องรู้จักประหยัดจะยิ่งทำให้เรารวยมากกว่าเดิมเข้าใจมั้ย”
“ค่ะคุณแม่” ซูหรงยิ้มมุมปากพร้อมจ้องมองหย่งอี้ เด็กชายคนนี้เกิดมาช่วยเหลือเธอแท้ ๆ ถ้าไม่มีลูกชายคนนี้ชีวิตเธอคงแย่ไม่น้อย
ในครัวตระกูลมู่
เฟิงมี่ดูของที่สามารถมาทำอาหารได้ในห้องครัวเหลือเพียงแค่ผักเล็กน้อยเท่านั้น ไม่มีเนื้อเลยวันนี้เธอจึงจะทำผัดผักให้ทุกคนได้กินแล้วค่อยบอกให้แม่สามีซื้อของมาไว้ในครัวใหม่ ตั้งแต่หลวนหลงย้ายประจำการไปอยู่ที่อื่น เธอแทบไม่ได้ใช้เงินเลยสักหยวนสามีของเธอฝากเงินเดือนผ่านซูเจี้ยนให้แม่ของเขานำมาให้เธออีกที แต่คนอย่างซูเจี้ยนที่รังเกียจเฟิงมี่อยู่แล้วมีหรือจะยอมให้เงินตกมาถึงมือของเฟิงมี่ เธอจึงทำได้เพียงเก็บของเหลือที่หย่งอี้กินเหลือมาให้ลูกสาวได้กิน ในบ้างครั้งเธอเองเคยคิดนึกสมเพชตัวเองทำไมต้องทนได้ขนาดนี้ จะพาลูกสาวกลับไปอยู่ที่บ้านของเธอที่ชนบทก็กลัวสามีกลับมาไม่พบเจอจึงยอมทนอยู่จนถึงทุกวันนี้ อีกอย่างบ้านที่ชนบทของเธอไม่เหลือญาติผู้ใหญ่เหลือสักคน
“คุณแม่คะให้หนูช่วยมั้ยคะ”
“ไม่ต้องหรอกนะแค่นั่งยิ้มหวานให้กำลังใจแม่ก็พอ ดีหน่อยที่วันนี้ไม่มีอะไรให้ทำยุ่งยาก แม่จะรีบผัดผักและเราจะได้กลับไปที่ห้องกัน คุณย่าทำที่นอนเราสองคนเปียกหมดแล้ว แม่ต้องยกไปตากแดดไม่อย่างนั้นเราจะไม่มีที่นอนคืนนี้” เฟิงมี่พูดพร้อมนึกถึงฟูกเก่า ๆ ขาด ๆ ที่แทบจะไม่รู้สึกถึงความหนานุ่มเปียกโชกด้วยน้ำที่ซูเจี้ยนสาดใส่เธอก่อนหน้านี้
เวลาผ่านไปไม่นานผัดผักของเธอก็เสร็จเธอจัดจานยกไปให้ซูเจี้ยนที่บ้านหลังใหญ่ เมื่อก่อนเธอเองก็เคยได้อยู่ที่นั่นแต่หลังจากหลวนหลงไม่อยู่เธอก็ถูกขับไล่ให้มาอยู่ในห้องเก็บของที่ทั้งชื้นทั้งอับ
“คุณแม่คะกับข้าวของหย่งอี้เสร็จแล้วค่ะ” เฟิงมี่ยกกับข้าวมาให้เห็นว่าตอนนี้ที่โต๊ะอาหารมีซูเจี้ยน พี่สะใภ้ใหญ่และหลานชายนั่งรออยู่ตรงนั้นพอดี
“กว่าจะเสร็จทำไมทำนานแบบนี้รีบยกมาให้หย่งอี้สิ” เฟิงมี่ยกผัดผักวางลงบนโต๊ะอาหารทันทีที่ซูหรงเห็นอาหารที่เหมือนอ้วกหมาเธอลุกขึ้นยืนต่อว่าเฟิงมี่ทันที
“นี่แกคิดว่าลูกฉันเป็นวัวเป็นควายหรือไง ถึงมีแต่ผักแต่หญ้ามาให้ลูกของฉันนะ !! หย่งอี้ของฉันจะต้องกินแต่เนื้อเท่านั้น”
“นั่นสิ นี่แกตั้งใจทำผัดผักมาเพื่อยั่วโมโหหรือเพราะเอาคืนที่ฉันสาดน้ำใส่แกเมื่อครู่ นังนี่แกมันร้ายนักนะ” ซูเจี้ยนดวงตาจ้องเขม็งมาทางเฟิงมี่พร้อมตวาดเสียงดัง
“ไม่ใช่นะคะคุณแม่ฉันไม่ได้คิดแบบนั้นเลยเพียงแต่ในครัวไม่มีอะไรนอกจากผักอีกอย่างผักมีประโยชน์กับเด็กมาก ๆ นะคะ”
“นี่แกยังกล้ามาเถียงฉันเหรอ แถมยังตำหนิว่าฉันขี้งกไม่ซื้อของเข้าบ้านหรือไง! ไม่ใช่แกสองคนแม่ลูกเอาเนื้อไปทำกินหมดแล้วหรือไง นังเฟิงมี่วันนี้ฉันจะสั่งสอนแกให้รู้สำนึกเอาเนื้อของหลานชายฉันไปกินกับเด็กกาฝากนั่นจนหมดแล้วยังมีหน้าเอาเศษผักมาทำอาหารมาให้หลานฉันกิน”
พรึ่บ!!
ซูเจี้ยนจับจานผัดผักที่ยังร้อน ๆ อยู่สาดใส่ศีรษะของเฟิงมี่ด้วยความโมโห ซูหรงจ้องมองด้วยความสะใจที่เห็นแม่สามีรังแกสะใภ้เล็ก
“โอ้ย!! คุณแม่ทำไมทำแบบนี้คะฉันแสบร้อนไปหมดแล้ว ฉันไม่ได้โกหกนะคะที่ครัวไม่มีเนื้อเลยสักชิ้นฉันกับฮว๋าเย่ก็ไม่ได้กินมันด้วยเพราะคุณแม่ไม่ได้ซื้อของเข้าครัวมาเป็นอาทิตย์แล้วต่างหากเลยไม่มีอะไรให้ทำ” เฟิงมี่รีบปัดผักออกจากใบหน้าเอ่ยถามแม่สามีเสียงสั่น
“เฮอะ !! แค่นี้ไม่ตายหรอกนะ! แต่ถ้าตายได้คงจะดีเพราะทุกวันนี้ฉันเบื่อหน้าแกกับเด็กกาฝากนี่เหลือทน แกนี่ชักจะทำให้ฉันเหลืออดจริง ๆ ฉันนะเหรอจะลืมซื้ออาหารเข้าบ้านสงสัยแค่ผัดผักคงไม่พอแกอยากกินมือฉันเป็นอาหารเช้าสินะ” ซูเจี้ยนตวาดขึ้นเสียงง้างมือจะตบใบหน้าของเฟิงมี่ เสียงของฮว๋าเย่ดังขึ้นห้ามย่าของเธอ
“คุณย่า อย่านะ อย่าทำคุณแม่ของหนูนะ”
“ทุกอย่างก็เพราะแกไงนังเด็กเหลือขอ แกกับแม่ของแกขโมยเนื้อไปกินจนหมด โอ๊ย!! หงุดหงิดหย่งอี้เราออกไปกินอาหารที่ตลาดดีกว่า” ซูเจี้ยนวางมือลงไม่ลงมือตบเฟิงมี่ให้เจ็บมือเลือกที่จะจับมือหลานชายออกไปกินข้าวนอกบ้าน หย่งอี้หันมามองฮว๋าเย่พร้อมแลบลิ้นปลิ้นตาใส่อย่างสมน้ำหน้า เพราะเขาถูกแม่ปลูกฝังมาให้รังเกียจและพูดกรอกหูว่าฮว๋าเย่ไม่ใช่พี่น้องของตัวเองและเป็นคนที่มาอาศัยอยู่ที่นี่เท่านั้น
บทที่ 25 ครอบครับอบอุ่นหลายวันต่อมาผลเลือดของหย่งอี้ออกมาแล้วและพบว่าผลเลือดของเขาไม่เข้ากันกับไคฉีแม้แต่น้อย ไคฉีเสียใจมากหลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าจากคนที่ติดงานต้องลางานหลายวัน จนหลวนหลงต้องเข้าไปให้สติ ส่วนซูเจี้ยนหลังจากที่เธอฟื้นเธอตรอมใจเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซูหรงและการกระทำชั่วร้ายที่เธอได้ทำลงไปกับเฟิงมี่เพราะเชื่อคำพูดของซูหรงจนหมดใจ ยิ่งเธอมารู้ว่าหย่งอี้ไม่ใช่สายเลือดของเธอ ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายเธอทำดีเอาอกเอาใจรักมากที่สุดแต่ทว่าเด็กคนนั้นไม่สายเลือดของเธอเลยแม้แต่น้อยกลับกันเธอทำเลวระยำต่ำช้ากับหลานแท้ ๆ ของตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอเกิดแม้แต่ของเล่นชิ้นเดียวเธอยังไม่เคยซื้อให้ เธอจำได้ฮว๋าเย่ให้กระดาษเธอแผ่นหนึ่งก่อนย้ายออกจากบ้านเธอรีบสั่งให้สาวใช้ไปเอาให้เธอไม่ได้เอามันทิ้งแต่เก็บเอาไว้ในตู้ เมื่อเธอเปิดดูน้ำตาไหลพรากอย่างพูดไม่ออก ในใจของเธอเจ็บช้ำไปหมดเพราะกระดาษแผ่นนั้นคือรูปวาดครอบครัวของฮว๋าเย่ ที่มีทุกคนอยู่ในนั้นรวมถึงเธอด้วย“อึก อึก เป็นฉันเองที่โง่งม ฉันมันเลวร้ายที่สุดฉันทำร้ายจิตใจเด็กคนนี้มาตั้งแต่เกิดแม้แต่ความรักยังไม่เคยมอบให้ แถมยังเค
บทที่ 24 ความจริงถูกเปิดแผยซูหรงสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นสีหน้าของซูเจี้ยนที่จ้องมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว เธอเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย“คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงมองฉันแบบนั้นละคะ เอ๊ะ! แล้วฉันมานอนตรงนี้ได้ยังไงกัน” ไม่ทันได้พูดจบดวงตาของซูหรงเบิกโพลงเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เสื้อผ้านุ่งห่มยิ่งไปกว่านั้นคือฉู่อี้ที่นอนเปลือยเปล่ากอดร่างกายเธอแน่นอีกด้วย“ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกทำไมถึงทำแบบนี้กันห่ะ”“คุณแม่ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นต้องเป็นฝีมือของนังเฟิงมี่ที่วางยาฉัน นี่แกนังเฟิงมี่ฉันอุตส่าห์ทำดีกับแกคิดว่าชีวิตแกน่าสงสารทำไมแกถึงทำอย่างนี้ หรือเพราะแกอยากได้สมบัติทุกอย่างของตระกูลมู่ เลยหาทางกำจัดฉันออกไป คุณแม่อย่าไปเชื่อมันนะคะ ผู้ชายคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำเพราะนังเฟิงมี่วางแผนถ้าฉันจะมีชู้จริง ๆ ฉันไม่โง่มาทำที่นี่ให้ถูกจับได้หรอกค่ะ”“ฮึ ฮึ ใช่แล้วล่ะ ถ้าพี่ซูงหรงมีชู้คงไม่ทำที่นี่แต่ที่ทุกคนเห็นคือแผนการของแกนังซูหรง แกตั้งใจวางแผนให้ฉันกินน้ำที่แกใส่ยานอนหลับไว้ คิดดูว่าถ้าหากฉันโง่และหลงกลกินน้ำที่แกผสมยานอนหลับไว้คนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเป็นใครหากไม่ใช่ฉัน เรื่องนี้ฉันม
บทที่ 23 ใครกันแน่ที่โง่ไม่นานนักซูหรงได้เดินออกมาจากห้องน้ำนั่งลงตรงหน้าของเฟิงมี่“กับข้าวเย็นหมดแล้ว ฉันต้องขอโทษพี่ซูหรงด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันแท้ ๆ เลย”“ไม่เป็นอะไรหรอกน่าเรื่องเล็กน้อยเรามากินข้าวกันเถอะ”“ได้ค่ะ ” เฟิงมี่หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารใส่จานตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาของซูหรงจ้องมองว่าเมื่อไหร่เธอจะกินน้ำ เธอจึงวางตะเกียบลงหยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว“อึก อึก วันนี้เป็นเพราะมีพี่ซูหรงมานั่งกินด้วยกันหรือเปล่าทำให้ฉันกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน “ซูหรงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มน้ำจนหมดแก้วไม่นานยานอนหลับคงออกฤทธิ์นี่คือแผนที่เธอวางเอาไว้กับฉู่อี้วันนี้เธอรู้มาว่าหลวนหลงเข้ากรมช่วงเช้าเพราะวันนี้เธอได้ทำการโทรเลขไปหาหลวนหลงว่าแม่ของเขาป่วยหนักให้เขามาหาที่บ้านตระกูลมู่ และแผนการนี้เธอได้บอกแม่สามีหลังอาหารมื้อเที่ยงให้เธอพาหลวนหลงกลับมาที่นี่ของเขาให้ได้จะได้มาเห็นว่านังเฟิงมี่นั้นตอนเริงรักกับชู้ในตอนที่เขาออกไปทำงาน เพียงเท่านี้แผนการของเธอก็สำเร็จ ส่วนเรื่องโฉนดที่ดินนั้นเอาไว้หลังจัดการนังเฟิงมี่เสียก่อน“เธอกินข้าวได้เยอะฉันเองก็ดีใจ ตอนนี้
บทที่ 22 แกล้งโง่หลังจากที่ซูหรงกลับเฟิงมี่ได้ออกไปที่ตลาดเมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกมากกว่าที่ฮว๋าเย่จะกลับจากโรงเรียน เธอไปที่ร้านของเล่นที่เคยเห็นซูหรงกับฉู่อี้อยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าการมาที่ตลาดของเธอในครั้งนี้จะได้เห็นกับตาว่าซูหรงอยู่กับชายชู้ของเธออีกครั้ง เฟิงมี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ แอบฟังทั้งสองพูดคุยกันและเป็นความโชคดีที่ฉู่อี้เป็นคนพูดจาเสียงดังไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน เพราะถิ่นนี้เป็นถิ่นของเขา“ดีมาก เธอค่อยไปหานังเฟิงมี่บ่อย ๆ จะได้รู้ว่าวันไหนที่สามีเธอไม่อยู่ เราจะได้หาทางเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทำตามแผนที่วางเอาไว้”“นั่นสิ ฉันละสะอิดสะเอียนอยากจะให้แผนสำเร็จเร็ว ๆ ไม่อยากจะพูดดีกับนางนั่นเลยด้วยซ้ำ คนอะไรน่าโง่จริง ๆ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ส่วนนังแก่ที่บ้านก็เริ่มเมายาที่พี่ให้ไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการยาเพิ่มเอามาให้ฉันหน่อยสิ”“ได้เดี๋ยวฉันจะให้เพิ่ม ใส่ให้กินทุกวันจะได้ลงแดงตอนนั้นเธอจะให้มันทำอะไรนังแก่นั่นก็ทำให้ทุกอย่าง ”“ฮึ ฮึ ฉันละอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ เสียจริง”“อีกไม่นานแล้วยอดรักของพี่” เฟิงมี่แอบฟังทั้งสองได้ยินแผนการความชั่วช้าของทั้งคู่รีบ
บทที่ 21 ตีสนิทท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เฟิงมี่ขยับกายไปมาบนเตียงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือกวาดมองไปรอบห้องพบว่ามีเพียงเธอที่อยู่ในห้องนี้ ลุกขึ้นจ้องมองร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรักที่หลวนหลงมอบให้ เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างตัวคิดว่าตอนนี้หลวนหลงคงอยู่กับฮว๋าเย่ข้างนอกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเธอเดินออกมาภายในบ้านเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่จึงเดินออกไปที่หน้าประตูเห็นทหารยืนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้าไปถามทันที“เอ่อ ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นสามีกับลูกสาวของฉันมั้ยคะ”“นายผู้หญิงตื่นแล้วหรือครับ ท่านนายพลฝากแจ้งนายหญิงเมื่อตื่นว่าท่านนายพลพาคุณหนูออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไม่นานจะกลับเข้ามาครับและฝากบอกให้คุณหญิงแต่งหน้าแต่งตัวรอท่านด้วยชุดที่ท่านเตรียมไว้ให้อยู่ในห้องคุณหนูครับ” เฟิงมี่พยักหน้ารับรู้พร้อมเดินไปที่ห้องของฮว๋าเย่เห็นชุดที่เขาเตรียมไว้ให้สวมใส่ไปงานเลี้ยงในคืนนี้ ช่างเป็นชุดที่สง่าจริง ๆเฟิงมี่ถือชุดเดินออกมาพบว่าตอนนี้สองพ่อลูกได้กลับเข้ามาแล้ว เสียงพูดคุยหัวเราะอย่างชอบใจของฮว๋าเย่ทำให้เฟิงมี่มีความสุขเหลือเกิน จนเธอคิดขึ้นได้ว่าเธอเคยผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา‘ฉันออกมาอย
บทที่ 20 ของขวัญฝั่งด้านหลวนหลงหลังจากที่พาเฟิงมี่กับลูกสาวเดินทางมาถึงบ้านที่ทำการซื้อไว้จัดแจงที่พักและห้องนอนให้ฮว๋าเย่โดยมีลูกน้องของเขามาช่วยเหลือไม่นานบ้านหลังใหม่ที่ย้ายมาอยู่ก็เสร็จสมบูรณ์ห้องของฮว๋าเย่เต็มไปด้วยตุ๊กตามากมาย"ว๊าวว^ ^ นี่ห้องของหนูเหรอคะ ""ใช่แล้วลูกชอบมั้ย""ชอบมากเลยค่ะ นั่นอะไรคะ" ฮว๋าเย่มองไปเห็นของใช้มากมายที่วางอยู่ตรงหน้าชี้นิ้วถามพ่อด้วยความสงสัย"ก็อุปกรณ์การเรียนไง พ่อได้ยินมาจากแม่ของลูกว่าตอนนี้ได้สมัครเรียนไว้ให้เสื้อผ้ากระเป๋าก็มีแล้ว พ่อเลยเลือกซื้อของที่ลูกยังไม่มีเอาไว้ให้""คุณไปเตรียมของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" เฟิงมี่ยืนอยู่นั้นก็สงสัยไม่ต่างจากลูกสาวเขาอยู่กับเธอตลอดเอาเวลาตรงไหนไปซื้ือของมากมายพวกนี้กันนะ"ฉันเป็นนายพลแค่สั่งลูกน้องไม่กี่คนของพวกนี้ก็ถูกจัดการตามคำสั่งแล้วล่ะ ฮว๋าเย่ลูกสำรวจห้องของตัวเองอย่างเต็มที่เลยนะ ดูสิว่ามีอะไรที่ลูกอยากได้บ้างพ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่ของลูกหน่อย""ได้ค่ะ" หลวนหลงจับมือของเฟิงมี่ให้ตามเขาไปที่ห้องนอนของทั้งสอง เฟิงมี่เดินตามไปด้วยความงุนงง"เรามีเรื่องอะไรจะคุยกันอีกหรือคะ""มีสิ ฉันมีของขวัญขึ้นบ