บทที่ 3 ตาฝาด
หลังจากที่ทุกคนออกจากบ้านเฟิงมี่พาฮว๋าเย่กลับห้องเก็บห้อง จัดการอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวร่างกายที่ไม่สบายแค่ถูกน้ำก็หนาวสั่นถึงกระดูก รอยผองแดงบนหน้าเริ่มปรากฏขึ้นเนื่องจากถูกความร้อนของผัดผัก ฮว๋าเย่สงสารแม่จับใจเด็กหญิงรีบไปหยิบเอายามาถือไว้รอทาให้แม่ เวลาผ่านไปสักพักหลังจากที่ทายาเสร็จเฟิงมี่กินยาและรีบไปทำงานบ้านให้เสร็จตัวเองจะได้มีเวลานอนพักสักงีบ จนกระทั่งเวลาบ่ายคล้อยเสียงของซูเจี้ยนดังขึ้นทำให้เฟิงมี่สะดุ้งตื่นด้วยความตกใจ
“นังเด็กชั่วช้า แม่ของแกไม่สั่งสอนหรือไงอิจฉาริษยาหย่งอี้ของฉันจนต้องขโมยของเล่นมาทำพังแบบนี้กันห่ะ” ฮว๋าเย่ยืนตัวสั่นเทาก้มหน้าลงด้วยความหวาดกลัวเธอไม่ได้ทำของเล่นของหย่งอี้พังและไม่เคยไปขโมยของเล่นที่คุณย่าซื้อให้หย่งอี้ด้วยซ้ำ
"คุณย่าขาหนูไม่เคยไปขโมยของเล่นของพี่หย่งอี้เลยนะคะ แถมหนูยังไม่เคยเห็นของเล่นของพี่หย่งอี้ด้วยหนูไม่ได้ทำจริง ๆ อีกอย่างพี่หย่งอี้ต่างหากที่เดินมาหาหนูแล้วโยนความผิดทั้งหมดให้หนู"
"ไม่ใช่นะครับคุณย่า ผมไม่ได้ทำแบบนั้นนะครับฮว๋าเย่อิจฉาผมทำผิดไม่ยอมรับผิดแถมยังโยนความผิดมาให้ผมเพราะเธอกลัวคุณย่าจะลงโทษดูสิครับของเล่นที่คุณย่าซื้อมาให้ใหม่วันนี้พังหมดเลย " หยงอี้ชี้นิ้วไปที่ตุ๊กตาหุ่นยนต์วางอยู่ที่พื้นสภาพหักเป็นท่อน ๆ ทำให้ซูเจี้ยนโมโหเพราะตุ๊กตาตัวนี้แพงอยู่พอสมควร เธอไม่ฟังคำอธิบายของฮว๋าเย่เลยแม้แต่น้อยเชื่อฟังแต่คำพูดหลานรักเท่านั้น ซูเจี้ยนมองฮว๋าเย่ด้วยสายตาอำมหิตก่อนจะง้างมือตบเข้าที่ใบหน้าเล็กๆ ของเธอจนร่างเล็กถลาล้มลงกับพื้น
"เพี๊ยะ"!!!
เสียงร้องไห้ของฮว๋าเย่ดังขึ้นครั้นนั้นเฟิงมี่ออกมาจากห้องได้เห็นพอดีเธอรีบวิ่งมาจับตัวของลูกสาวทันที
"คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงลงไม้ลงมือกับฮว๋าเย่อย่างนี้คะ ถึงแม้คุณแม่จะรังเกียจไม่ชอบใจในตัวฉันแต่อย่ามาลงไม้ลงมือกับฮว๋าเย่ที่เป็นหลานของคุณแม่อย่างนี้สิ ฮว๋าเย่เจ็บมากมั้ยลูก"
"อึก อึก คุณแม่คะหนูไม่ได้ทำอะไร หย่งอี้ใส่ร้ายหนูทั้งหมดแต่คุณย่าไม่ฟัง"
"แกมาก็ดีแล้ว ฉันจะได้บอกเรื่องราวที่เกิดขึ้นที่ฉันลงไม้ลงมือกับเด็กนี่แค่นี้ยังน้อยไป เพราะนังเด็กนี่มันอิจฉาริษยาหย่งอี้จนไปขโมยของเล่นที่ฉันซื้อให้ใหม่จนพังไปหมด ของเล่นพวกนี้ราคาไม่ใช่ถูก ๆ แพงกว่าชีวิตของพวกเธอสองคนแม่ลูกเสียอีก แกมันเป็นแม่ไม่ได้เรื่องสั่งสอนลูกไม่ดี หรือเพราะเลือดชั่ว ๆ ของพ่อมันถึงได้มีนิสัยแบบนี้ ครั้งนี้ถือว่าฉันยังมีความเมตตาลงมือสั่งสอนเพียงเท่านี้หากมีอีกครั้งฉันจะทุบตีให้ตายคามือ "
พูดจบซูเจี้ยนพาหย่งอี้เดินจากไปทันทีปล่อยไว้เพียงสองแม่ลูก รอยนิ้วมือที่ประทับอยู่บนใบหน้าเล็ก ๆ ของฮว๋าเย่แดงเป็นริ้ว ๆ เฟิงมี่เกลียดตัวเองที่สุดที่ไม่สามารถตอบโต้หรือด่าแม่สามีได้เลย
ส่วนตุ๊กตานั้นเป็นฝีมือของหย่งอี้เขาเล่นแรงเกินไปทำให้ตุ๊กตาพังและกลัวว่าคุณย่าจะต่อว่าจึงคิดหาหนทางและได้เห็นฮว๋าเย่ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่หน้าห้องเก็บของเด็กชายคิดเรื่องชั่วร้ายขึ้นพร้อมใบหน้าปรากฏรอยยิ้มเขาคิดออกแล้วว่าเรื่องนี้จะหาคนมารับผิดแทนตัวเองนำตุ๊กตาไปวางไว้ ๆ ตรงที่ฮว๋าเย่นั่งอยู่โดยที่เธอไม่ทันได้รู้ตัวก่อนที่เด็กชายจะไปตามคุณย่าและกุเรื่องขึ้นมา
"ฮว๋าเย่ของแม่คงจะเจ็บและเสียใจมากสินะ แม่ขอโทษที่แม่อ่อนแอ"
"อึก อึกหนูไม่เจ็บเลยค่ะแค่เสียใจที่คุณย่าไม่เชื่อคำพูดหนูเลยสักครั้ง หนูไม่ได้ทำจริง ๆ นะคะ"
"แม่รู้ และแม่ก็เชื่อว่าลูกของแม่ไม่มีทางทำอย่างนั้นแน่นอน เข้าห้องกันเถอะแม่จะทายาให้นะ" เฟิงมี่จับมือของลูกสาวเข้าห้องเพื่อทายาในใจเธอครุ่นคิดเรื่องของเล่น แม้รู้ว่าลูกสาวไม่ได้เอาแต่เธอก็อยากให้ฮว๋าเย่มีของเล่นเป็นของตัวเอง เธอจึงบอกให้ฮว๋าเย่รออยู่ในห้องเฟิงมี่เอาเงินที่เธอเก็บเอาไว้ครั้นก่อนที่หลวนหลงให้ไว้ออกมานับดูพอจะซื้อของเล่นให้ฮว๋าเย่ได้ จึงออกไปที่ตลาดในเวลาที่ท้องฟ้ากำลังคล้อยต่ำลง
“ฮว๋าเย่เด็กดีลูกรอแม่อยู่ที่นี่ก่อนนะ อย่าออกมาจากห้องเข้าใจมั้ย? แม่จะรีบกลับมา”
“คุณแม่จะไปไหนเหรอคะ”
“แม่จะไปตลาดสักครู่นะ แม่จะไปซื้อของเล่นมาให้ฮว๋าเย่ของแม่ แม่ไม่อยากให้ลูกต้องน้อยใจ”
“จริงเหรอคะ แล้วคุณแม่มีเงินเหรอคะหนูไม่เอาก็ได้เดี๋ยวคุณแม่จะถูกคุณย่าต่อว่าอีก”
“ไม่ต้องห่วงนะ เงินนี่คือเงินที่คุณพ่อเคยให้แม่ไว้แล้วแม่จะรีบกลับมาพร้อมของเล่นชิ้นใหม่นะ”
“ขอบคุณคุณแม่นะคะ หนูจะรอคุณแม่กลับมานะคะ” เด็กหญิงยิ้มกริ่มโบกมือให้แม่ของตัวเองด้วยความดีใจ
เฟิงมี่เดินมาจนถึงร้านค้ากำลังเลือกของเล่นที่ราคาไม่แพงพอที่เธอจะซื้อได้แต่ทว่าสายตาของเธอกลับเหลียวไปเห็นผู้หญิงที่คล้ายกับซูหรงสะใภ้ใหญ่กำลังกอดคอนัวเนียกับชายแปลกหน้าที่ซอยใกล้ ๆ ร้านขายของเล่น
"คงไม่ใช่หรอกพี่สะใภ้จะทำมาอะไรอยู่ที่นี่ฉันคงตาฝาดเอง " เฟิงมี่คิดในใจก่อนจะเลือกซื้อของเล่นและกลับบ้านไปหาฮว๋าเย่ป่านนี้ลูกสาวของเธอคงรออยู่
ที่ซอยร้านขายของเล่นชายหนุ่มที่กำลังนัวเนียกับหญิงรูปร่างงดงามสายตาของเขาหันไปสบตากับผู้หญิงที่อยู่ในร้านของเล่นเข้าอย่างจังและจำได้ดีว่าผู้หญิงคนนี้คือใคร รีบผละตัวออกจากหญิงสาวที่ตัวเองนัวเนียอยู่อย่างเร่งรีบ
พลั่ก!!
"นี่จะผลักฉันทำไมรู้มั้ยว่ากว่าฉันจะออกมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะ พี่ไม่คิดถึงฉันหรือไง" หล่อนทำหน้าตาไม่พอใจพร้อมกออกหน้ามุ่ยเมื่อจู่ ๆ ถูกชายที่รักผลักออกอย่างไม่มีเหตุผล
"ไม่ใช่แบบนั้นพี่นะรักเธอมากเลยนะแต่เมื่อครู่พี่เหมือนจะเห็นน้องสะใภ้ของเธออยู่ในร้านของเล่นนะ "
"จะเป็นได้ยังไงกัน นังเฟิงมี่มันไม่มีเงินหรอกนะมันจะมาที่ร้านของเล่นได้ยังไงเพราะทุกเดือนที่สามีของมันส่งเงินมาแม่สามีไม่เคยเอาเงินให้มันเลยสักครั้ง"
"แต่พี่เห็นมันจริง ๆ นะ เมื่อครู่มันหันมาสบตากับพี่ด้วย ถ้ามันรู้เรื่องเราสองคนแล้วเอาไปฟ้องนังซูเจี้ยนจะเกิดอะไรขึ้น "
"ไม่ได้!! สิ่งที่ฉันทำมาทั้งหมดต้องพังลงสิแล้วถ้าเป็นมันจริง ๆ เราจะทำยังไงกันดี" ซูหรงกดนิ้วมือครุ่นคิดด้วยความกังวล
"เอาอย่างนี้เธอรีบกลับบ้านไปเปลี่ยนเสื้อผ้าซ่ะ ยังไงแม่สามีของเธอก็เชื่อคำพูดเธออยู่แล้วพี่จะลองเดินตามไปดูอาจจะไม่ใช่น้องสะใภ้ของเธอก็ได้ " ซูหรงพยักหน้าก่อนจะเดินออกมาจากซอยหันซ้ายหันขวาและเร่งฝีเท้าเดินให้ถึงบ้านโดยเร็วในใจคิดภาวนาขอให้ฉู่อี้คนรักของเธอตาฝาด
ฝั่งด้านเฟิงมี่เธอเดินกลับระหว่างทางเธอหญิงชราที่ดูอิดโรยไร้เรี่ยวแรงเดินอยู่ด้านหน้าคล้าย ๆ ว่าเธอจะล้มลง เฟิงมี่รีบเข้าไปพยุงช่วยเหลือหญิงชราทันที
"คุณยายเป็นอะไรมากหรือเปล่าคะหรือว่าไม่สบาย"
"เฮ้อ!! ใจหายหมดคิดว่าตัวเองจะล้มลงเจ็บตัวอีกแล้ว ขอบใจแม่หนูมากนะฉันนะแก่แล้วก็เป็นแบบนี้แหละแค่เดินออกมาซื้อกับข้าวเหมือนจะเป็นลมซ่ะได้"
"อย่างนั้นฉันจะไปส่งคุณยายที่บ้านนะคะ ถ้าปล่อยให้คุณยายไปเองกลัวว่าจะเป็นลมระหว่างทางอีก"
"แม่หนูใจดีจริง ๆ ขอบใจนะ" เฟิงมี่พยุงกายของหญิงชราเดินตามเธอจนถึงบ้าน ก่อนจะจากกันเธอได้ยื่นขนมให้แก่เฟิงมี่เพื่อตอบแทนน้ำใจอีกด้วย
"ขนมนี่ฉันให้เป็นการตอบแทนที่เธอมีน้ำใจกับคนแก่อย่างฉัน ดูเหมือนเธอจะมีลูกสาวสินะ ดูจากของเล่นนั้นแล้วนะเอาขนมนี่ไปฝากเธอด้วยล่ะถ้าได้กินคงดีใจไม่น้อย "
"ขอบคุณค่ะคุณยายอย่างนั้นฉันกลับก่อนนะคะตอนนี้ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว "
"ไปดีมาดีเดินทางปลอดภัยนะคนดี ๆ อย่างแม่หนูต้องไปพบเจอสิ่งดี ๆ ตอบแทนแน่นอน " เฟิงมี่ส่งยิ้มให้หญิงชราพร้อมเดินหันกลับบ้านตระกูลมู่โดยไม่รู้เลยว่ามีสายตาคู่หนึ่งคอยจับจ้องการเดินทางของเธออยู่
บทที่ 25 ครอบครับอบอุ่นหลายวันต่อมาผลเลือดของหย่งอี้ออกมาแล้วและพบว่าผลเลือดของเขาไม่เข้ากันกับไคฉีแม้แต่น้อย ไคฉีเสียใจมากหลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าจากคนที่ติดงานต้องลางานหลายวัน จนหลวนหลงต้องเข้าไปให้สติ ส่วนซูเจี้ยนหลังจากที่เธอฟื้นเธอตรอมใจเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซูหรงและการกระทำชั่วร้ายที่เธอได้ทำลงไปกับเฟิงมี่เพราะเชื่อคำพูดของซูหรงจนหมดใจ ยิ่งเธอมารู้ว่าหย่งอี้ไม่ใช่สายเลือดของเธอ ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายเธอทำดีเอาอกเอาใจรักมากที่สุดแต่ทว่าเด็กคนนั้นไม่สายเลือดของเธอเลยแม้แต่น้อยกลับกันเธอทำเลวระยำต่ำช้ากับหลานแท้ ๆ ของตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอเกิดแม้แต่ของเล่นชิ้นเดียวเธอยังไม่เคยซื้อให้ เธอจำได้ฮว๋าเย่ให้กระดาษเธอแผ่นหนึ่งก่อนย้ายออกจากบ้านเธอรีบสั่งให้สาวใช้ไปเอาให้เธอไม่ได้เอามันทิ้งแต่เก็บเอาไว้ในตู้ เมื่อเธอเปิดดูน้ำตาไหลพรากอย่างพูดไม่ออก ในใจของเธอเจ็บช้ำไปหมดเพราะกระดาษแผ่นนั้นคือรูปวาดครอบครัวของฮว๋าเย่ ที่มีทุกคนอยู่ในนั้นรวมถึงเธอด้วย“อึก อึก เป็นฉันเองที่โง่งม ฉันมันเลวร้ายที่สุดฉันทำร้ายจิตใจเด็กคนนี้มาตั้งแต่เกิดแม้แต่ความรักยังไม่เคยมอบให้ แถมยังเค
บทที่ 24 ความจริงถูกเปิดแผยซูหรงสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นสีหน้าของซูเจี้ยนที่จ้องมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว เธอเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย“คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงมองฉันแบบนั้นละคะ เอ๊ะ! แล้วฉันมานอนตรงนี้ได้ยังไงกัน” ไม่ทันได้พูดจบดวงตาของซูหรงเบิกโพลงเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เสื้อผ้านุ่งห่มยิ่งไปกว่านั้นคือฉู่อี้ที่นอนเปลือยเปล่ากอดร่างกายเธอแน่นอีกด้วย“ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกทำไมถึงทำแบบนี้กันห่ะ”“คุณแม่ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นต้องเป็นฝีมือของนังเฟิงมี่ที่วางยาฉัน นี่แกนังเฟิงมี่ฉันอุตส่าห์ทำดีกับแกคิดว่าชีวิตแกน่าสงสารทำไมแกถึงทำอย่างนี้ หรือเพราะแกอยากได้สมบัติทุกอย่างของตระกูลมู่ เลยหาทางกำจัดฉันออกไป คุณแม่อย่าไปเชื่อมันนะคะ ผู้ชายคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำเพราะนังเฟิงมี่วางแผนถ้าฉันจะมีชู้จริง ๆ ฉันไม่โง่มาทำที่นี่ให้ถูกจับได้หรอกค่ะ”“ฮึ ฮึ ใช่แล้วล่ะ ถ้าพี่ซูงหรงมีชู้คงไม่ทำที่นี่แต่ที่ทุกคนเห็นคือแผนการของแกนังซูหรง แกตั้งใจวางแผนให้ฉันกินน้ำที่แกใส่ยานอนหลับไว้ คิดดูว่าถ้าหากฉันโง่และหลงกลกินน้ำที่แกผสมยานอนหลับไว้คนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเป็นใครหากไม่ใช่ฉัน เรื่องนี้ฉันม
บทที่ 23 ใครกันแน่ที่โง่ไม่นานนักซูหรงได้เดินออกมาจากห้องน้ำนั่งลงตรงหน้าของเฟิงมี่“กับข้าวเย็นหมดแล้ว ฉันต้องขอโทษพี่ซูหรงด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันแท้ ๆ เลย”“ไม่เป็นอะไรหรอกน่าเรื่องเล็กน้อยเรามากินข้าวกันเถอะ”“ได้ค่ะ ” เฟิงมี่หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารใส่จานตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาของซูหรงจ้องมองว่าเมื่อไหร่เธอจะกินน้ำ เธอจึงวางตะเกียบลงหยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว“อึก อึก วันนี้เป็นเพราะมีพี่ซูหรงมานั่งกินด้วยกันหรือเปล่าทำให้ฉันกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน “ซูหรงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มน้ำจนหมดแก้วไม่นานยานอนหลับคงออกฤทธิ์นี่คือแผนที่เธอวางเอาไว้กับฉู่อี้วันนี้เธอรู้มาว่าหลวนหลงเข้ากรมช่วงเช้าเพราะวันนี้เธอได้ทำการโทรเลขไปหาหลวนหลงว่าแม่ของเขาป่วยหนักให้เขามาหาที่บ้านตระกูลมู่ และแผนการนี้เธอได้บอกแม่สามีหลังอาหารมื้อเที่ยงให้เธอพาหลวนหลงกลับมาที่นี่ของเขาให้ได้จะได้มาเห็นว่านังเฟิงมี่นั้นตอนเริงรักกับชู้ในตอนที่เขาออกไปทำงาน เพียงเท่านี้แผนการของเธอก็สำเร็จ ส่วนเรื่องโฉนดที่ดินนั้นเอาไว้หลังจัดการนังเฟิงมี่เสียก่อน“เธอกินข้าวได้เยอะฉันเองก็ดีใจ ตอนนี้
บทที่ 22 แกล้งโง่หลังจากที่ซูหรงกลับเฟิงมี่ได้ออกไปที่ตลาดเมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกมากกว่าที่ฮว๋าเย่จะกลับจากโรงเรียน เธอไปที่ร้านของเล่นที่เคยเห็นซูหรงกับฉู่อี้อยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าการมาที่ตลาดของเธอในครั้งนี้จะได้เห็นกับตาว่าซูหรงอยู่กับชายชู้ของเธออีกครั้ง เฟิงมี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ แอบฟังทั้งสองพูดคุยกันและเป็นความโชคดีที่ฉู่อี้เป็นคนพูดจาเสียงดังไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน เพราะถิ่นนี้เป็นถิ่นของเขา“ดีมาก เธอค่อยไปหานังเฟิงมี่บ่อย ๆ จะได้รู้ว่าวันไหนที่สามีเธอไม่อยู่ เราจะได้หาทางเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทำตามแผนที่วางเอาไว้”“นั่นสิ ฉันละสะอิดสะเอียนอยากจะให้แผนสำเร็จเร็ว ๆ ไม่อยากจะพูดดีกับนางนั่นเลยด้วยซ้ำ คนอะไรน่าโง่จริง ๆ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ส่วนนังแก่ที่บ้านก็เริ่มเมายาที่พี่ให้ไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการยาเพิ่มเอามาให้ฉันหน่อยสิ”“ได้เดี๋ยวฉันจะให้เพิ่ม ใส่ให้กินทุกวันจะได้ลงแดงตอนนั้นเธอจะให้มันทำอะไรนังแก่นั่นก็ทำให้ทุกอย่าง ”“ฮึ ฮึ ฉันละอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ เสียจริง”“อีกไม่นานแล้วยอดรักของพี่” เฟิงมี่แอบฟังทั้งสองได้ยินแผนการความชั่วช้าของทั้งคู่รีบ
บทที่ 21 ตีสนิทท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เฟิงมี่ขยับกายไปมาบนเตียงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือกวาดมองไปรอบห้องพบว่ามีเพียงเธอที่อยู่ในห้องนี้ ลุกขึ้นจ้องมองร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรักที่หลวนหลงมอบให้ เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างตัวคิดว่าตอนนี้หลวนหลงคงอยู่กับฮว๋าเย่ข้างนอกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเธอเดินออกมาภายในบ้านเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่จึงเดินออกไปที่หน้าประตูเห็นทหารยืนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้าไปถามทันที“เอ่อ ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นสามีกับลูกสาวของฉันมั้ยคะ”“นายผู้หญิงตื่นแล้วหรือครับ ท่านนายพลฝากแจ้งนายหญิงเมื่อตื่นว่าท่านนายพลพาคุณหนูออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไม่นานจะกลับเข้ามาครับและฝากบอกให้คุณหญิงแต่งหน้าแต่งตัวรอท่านด้วยชุดที่ท่านเตรียมไว้ให้อยู่ในห้องคุณหนูครับ” เฟิงมี่พยักหน้ารับรู้พร้อมเดินไปที่ห้องของฮว๋าเย่เห็นชุดที่เขาเตรียมไว้ให้สวมใส่ไปงานเลี้ยงในคืนนี้ ช่างเป็นชุดที่สง่าจริง ๆเฟิงมี่ถือชุดเดินออกมาพบว่าตอนนี้สองพ่อลูกได้กลับเข้ามาแล้ว เสียงพูดคุยหัวเราะอย่างชอบใจของฮว๋าเย่ทำให้เฟิงมี่มีความสุขเหลือเกิน จนเธอคิดขึ้นได้ว่าเธอเคยผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา‘ฉันออกมาอย
บทที่ 20 ของขวัญฝั่งด้านหลวนหลงหลังจากที่พาเฟิงมี่กับลูกสาวเดินทางมาถึงบ้านที่ทำการซื้อไว้จัดแจงที่พักและห้องนอนให้ฮว๋าเย่โดยมีลูกน้องของเขามาช่วยเหลือไม่นานบ้านหลังใหม่ที่ย้ายมาอยู่ก็เสร็จสมบูรณ์ห้องของฮว๋าเย่เต็มไปด้วยตุ๊กตามากมาย"ว๊าวว^ ^ นี่ห้องของหนูเหรอคะ ""ใช่แล้วลูกชอบมั้ย""ชอบมากเลยค่ะ นั่นอะไรคะ" ฮว๋าเย่มองไปเห็นของใช้มากมายที่วางอยู่ตรงหน้าชี้นิ้วถามพ่อด้วยความสงสัย"ก็อุปกรณ์การเรียนไง พ่อได้ยินมาจากแม่ของลูกว่าตอนนี้ได้สมัครเรียนไว้ให้เสื้อผ้ากระเป๋าก็มีแล้ว พ่อเลยเลือกซื้อของที่ลูกยังไม่มีเอาไว้ให้""คุณไปเตรียมของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" เฟิงมี่ยืนอยู่นั้นก็สงสัยไม่ต่างจากลูกสาวเขาอยู่กับเธอตลอดเอาเวลาตรงไหนไปซื้ือของมากมายพวกนี้กันนะ"ฉันเป็นนายพลแค่สั่งลูกน้องไม่กี่คนของพวกนี้ก็ถูกจัดการตามคำสั่งแล้วล่ะ ฮว๋าเย่ลูกสำรวจห้องของตัวเองอย่างเต็มที่เลยนะ ดูสิว่ามีอะไรที่ลูกอยากได้บ้างพ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่ของลูกหน่อย""ได้ค่ะ" หลวนหลงจับมือของเฟิงมี่ให้ตามเขาไปที่ห้องนอนของทั้งสอง เฟิงมี่เดินตามไปด้วยความงุนงง"เรามีเรื่องอะไรจะคุยกันอีกหรือคะ""มีสิ ฉันมีของขวัญขึ้นบ