บทที่ 7 อย่าให้ได้ร้าย
เฟิงมี่เดินลงมาเห็นซูเจี้ยนรีบเดินเข้าใบหน้าเป็นกังวลเมื่อเห็นเธอเดินลงมาพร้อมกับยกกล่องลังลงมาด้วย เหงื่อบนใบหน้าเริ่มแตกพลั่ก
“รีบร้อนเดินเข้ามาคงไม่ใช่ว่าเพราะกล่องนี่หรอกใช่มั้ยคะ”
“นี่ ๆ อย่าบอกนะว่าแกเปิดอ่านด้านในจดหมดแล้วนะ”
โคร้ม!! ตุบ!!
เฟิงมี่โยนกล่องจดหมายลงต่อหน้าซูเจี้ยนอย่างไม่เกรงใจเพราะที่ผ่านมาเธอกับลูกถูกกระทำมามากพอแล้ว ต่อจากนี้เธอจะไม่ยอมเสียเปรียบแม่สามีเฮงซวยแบบนี้อีกต่อไป
“ใช่ฉันอ่านหมดแล้ว ไหนล่ะเงินเดือนที่สามีของฉันส่งมาให้ จะให้ดี ๆ หรือจะให้ฉันเอาเรื่องนี้ไปแจ้งทางการ ดีเหมือนกันฉันจะได้ทั้งเงินสามีที่ส่งมาให้ไหนจะได้ค่าแรงที่ทำงานในบ้านหลังนี้เหมือนขี้ข้า " เฟิงมี่ยืนค้ำเอวยกมือข้างขวายื่นออกมาด้านหน้าก่อนจะแบมันออกเพื่อรอเงินจากซูเจี้ยน
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ แกกล้าทวงและข่มขู่คุณแม่อย่างนี้ได้ยังไงกัน คุณแม่อย่าไปยอมนะคะที่ผ่านมานังเฟิงมี่กับลูกก็กินอยู่ที่นี่ตลอดเวลา ข้าวกับกับข้าวใช่ว่าจะได้มาฟรี ๆ เสียหน่อย”
“หุบปากเสีย ๆ ของพี่สะใภ้ใหญ่ไปซ่ะฉันไม่อยากได้ยิน ที่จริงสมควรเป็นฉันที่ได้เงินมากกว่าคนอื่นที่ไม่ทำงานทำการอะไรเลย จะให้มั้ยคะ” ซูเจี้ยนจ้องเขม็งและครุ่นคิดหากเธอไม่ยอมเอาเงินให้และขับไล่นังนี่ออกจากบ้านหลังนี้ก่อนที่ลูกชายจะกลับและใส่ร้ายว่าเธอหนีตามชู้ไปจะเป็นอย่างไรนะ แต่ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะได้พูดอะไรเสียงเข้มขรึมได้ดังขึ้นพร้อมเดินลงมาจากชั้นบน
“เกิดอะไรขึ้นทำไมถึงได้เอะอะเสียงดังแต่เช้า แล้วหย่งอี้อยู่ไหนไม่รีบตื่นเช้าแต่ไปโรงเรียนหรือไงกัน ขี้เกียจได้ใครมา” ไคฉีลูกชายคนโตของบ้านเดินลงมาจากชั้นบนวันนี้เขาไม่ได้ไปงานแต่เช้าจึงได้ยินเสียงเอะอะโวยวายเมื่อครู่ทั้งหมด เฟิงมี่เห็นพี่ชายรีบตีหน้าเศร้าบีบน้ำตาเล่าความไม่ยุติธรรมต่อไคฉี เดิมทีไม่ใช่เขาไม่รู้การกระทำของภรรยาและคุณแม่ แต่เขาคิดว่าเป็นเรื่องของผู้หญิงไม่นานคงจัดการได้ไม่คิดว่าเรื่องจะยืดเยื่อมานานหลายปี
"พี่ไคฉี พี่เป็นถึงนายอำเภอโปรดให้ความยุติธรรมแก่ฉันกับฮว๋าเย่ด้วยเถอะค่ะ ตั้งแต่ที่ฉันคลอดฮว๋าเย่เงินที่สามีส่งมาฉันไม่เคยได้รับเลยสักหยวน มิหนำซ้ำงานในบ้านทุกอย่างเป็นฉันที่ทำทุกหน้าที่ แบบนี้ไม่เรียกว่าถูกเอาเปรียบหรือคะ? เสื้อผ้าของฉันตัวดี ๆ แทบไม่มีใส่ฮว๋าเย่ก็เติบโตขึ้นทุกวัน ที่เมื่อก่อนฉันยอมและเงียบคิดว่าแม่สามีกับพี่สะใภ้จะไม่ใจร้ายกับฉันและลูกอย่างนี้แต่ไม่คิดเลยว่าความดีของฉันไม่สามารถทำให้สองคนนี้เปลี่ยนได้ เรื่องนี้พี่ไคฉีคงไม่รู้หรือว่ารู้แต่แกล้งทำเป็นไม่สนใจกันคะ หากเป็นแบบนี้เรื่องนี้ฉันจะไปร้องเรียนค่ะ" เฟิงมี่พูดพลางสำรวจสีหน้าทุกคน ซูเจี้ยนถึงกับหลบสายตาลูกชายของตัวเอง เขาเป็นคนที่มีหน้ามีตาหากเรื่องนี้ดังออกไปข้างนอก เขาคงไม่มีหน้าออกไปพบเจอผู้คน ไคฉีมองแม่และภรรยาของตัวเองก่อนจะถอดหายใจออกมาเฮือกใหญ่และพูดเหมือนขอไปที
"อย่าให้เรื่องนี้ต้องแพร่งพรายออกไปข้างนอก คุณแม่เองก็อย่าทำเกินกว่าเหตุเลยครับ อะไรที่สมควรเป็นของสะใภ้เล็กก็คืนให้เธอเถอะ อย่าให้ผมต้องจัดการเอง มีแต่เรื่องน่าปวดหัวแต่เช้าเลยถ้าเกิดชาวบ้านรู้ว่าครอบครัวของนายอำเภอไม่ให้ความยุติธรรมคงอับอายและเสียชื่อเสียงอย่าให้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ทำให้ผมเสียหน้าล่ะ " ไคฉีพูดจบเดินออกตรงนั้นทันทีโดยมีซูหรงเดินตามไปเอาอกเอาใจ
เฟิงมี่แสยะยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อขอเงินจากซูเจี้ยน
"ได้ยินเแล้วใช่มั้ยคะคุณแม่ เมื่อครู่นี้พี่ไคฉีบอกว่ายังไงนะ..!! หรือว่าคุณแม่ยังดึงดันคำเดิมอย่างนั้นก็เตรียมตัวยอมรับความอับอายที่จะเกิดขึ้นได้เลย เพราะฉันไม่ได้พูดเล่นนะคะฉันเอาจริง" ซูเจี้ยนจ้องมองใบหน้าของเฟิงมี่ด้วยความโมโหแต่ไม่สามารถทำอะไรเธอได้ รีบล้วงเอาเงินจากกระเป๋าเสื้อตนเองให้เฟิงมี่
"ครั้งนี้ฉันฝากเอาไว้ก่อนเรื่องที่แกขังฉัน ฉันยังไม่ได้สะสางเลยและอีกเรื่องคือเรื่องที่แกกล้าต่อต้านฉัน จำเอาไว้ต่อจากนี้รอรับมือจากฉันได้เลย" เฟิงมี่ยิ้มกลับพร้อมหยิบเงินที่อยู่ในมือของซูเจี้ยนมานับแต่ทว่ายอดเงินนี่น้อยเกินไป
"อยากเอาคืนเมื่อไหร่บอกนะคะ แต่ว่าตอนนี้เงินที่คุณแม่ให้มามันไม่น้อยเกินไปหรือ? ฉันไม่ได้รับเงินจากสามีมากี่ปีแล้วนะ ถ้านับรวม ๆ กันคงหลายหมื่นหยวน "
"มันชักจะเกินไปแล้วนะ ที่ฉันให้แกก็มากพอแล้วตั้ง 3000 หยวนจะเอาอะไรอีก " ซูเจี้ยนตะคอกเสียงดังใช้นิ้วชี้หน้าเฟิงมี่อย่างอดไม่ไหว เฟิงมี่จับมือของซูเจี้ยนเอาไว้แน่น
"ไม่เกินไปหรอกค่ะ เพราะสิ่งที่ฉันต้องได้และสมควรได้ต้องมากกว่านี้ โอ๊ะ! นี่สิถึงจะสมควร" เธอจับมือของซูเจี้ยนเอาไว้อีกมือล้วงเข้าไปที่กระเป๋าเสื้อจับเงินออกมาก้อนโตก่อนจะหัวเราะออกมาและปล่อยมือจากมือของซูเจี้ยน
"อ๊ายยย! นังงูพิษเจ้าเล่ห์แกนี่มันเลวจริง ๆ " เสียงหวีดร้องของซูเจี้ยนดังขึ้นเมื่อรู้ตัวว่าตอนนี้เงินของเธออยู่กับเฟิงมี่
"ชู่!! จุ๊ ๆ อย่าดังสิคะ ตอนนี้พี่ไคฉียังไม่ออกจากบ้านนะ เมื่อครู่คุณแม่ต่อว่าฉันเป็นงูพิษหรือคะ ที่ฉันเป็นแบบนี้เพราะเลียนแบบนี้นิสัยของคุณแม่มาทั้งหมดอย่างนั้นเท่ากับว่าคุณแม่เป็นเจ้าแม่ร้อยพิษนี่เอง " ซูเจี้ยนใบหน้าแดงทั้งหน้าร้อนผ่าวด้วยความโมโหปากกำลังจะต่อว่าเฟิงมี่อีกแต่ถูกเธอใช้มือมาแตะที่ปากเอาไว้ก่อน "อย่าค่ะ อย่าร้องนะคะมันหนวกหู! วันนี้ฉันอารมรณ์ดีจริง ๆ พาฮว๋าเย่ออกไปเที่ยวเล่นดีกว่า จริงสิเดี๋ยวฉันจะซื้อไก่ตุ๋นมาฝากนะคะหวังว่าคุณแม่จะไม่อกแตกตายก่อนที่ฉันจะกลับมานะคะ" พูดจบเฟิงมี่หันหลังเดินจากไปโดยไม่สนใจเลยว่าตอนนี้ซูเจี้ยนโมโหเธอมากแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะทำอะไรต่อจากนี้จะไม่เกรงกลัวและเกรงใจอีกต่อไป ในเมื่อเธอทำดีแทบตายสุดท้ายความดีไม่ได้ช่วยอะไรเลย แม่สามีต้องเจอแบบเธอถึงจะสมน้ำสมเนื้อ
บทที่ 25 ครอบครับอบอุ่นหลายวันต่อมาผลเลือดของหย่งอี้ออกมาแล้วและพบว่าผลเลือดของเขาไม่เข้ากันกับไคฉีแม้แต่น้อย ไคฉีเสียใจมากหลายวันมานี้เขาเอาแต่ดื่มเหล้าจากคนที่ติดงานต้องลางานหลายวัน จนหลวนหลงต้องเข้าไปให้สติ ส่วนซูเจี้ยนหลังจากที่เธอฟื้นเธอตรอมใจเหลือเกินไม่ว่าจะเป็นเรื่องของซูหรงและการกระทำชั่วร้ายที่เธอได้ทำลงไปกับเฟิงมี่เพราะเชื่อคำพูดของซูหรงจนหมดใจ ยิ่งเธอมารู้ว่าหย่งอี้ไม่ใช่สายเลือดของเธอ ตอนนั้นเหมือนโลกทั้งใบแตกสลายเธอทำดีเอาอกเอาใจรักมากที่สุดแต่ทว่าเด็กคนนั้นไม่สายเลือดของเธอเลยแม้แต่น้อยกลับกันเธอทำเลวระยำต่ำช้ากับหลานแท้ ๆ ของตัวเองมาตั้งแต่ที่เธอเกิดแม้แต่ของเล่นชิ้นเดียวเธอยังไม่เคยซื้อให้ เธอจำได้ฮว๋าเย่ให้กระดาษเธอแผ่นหนึ่งก่อนย้ายออกจากบ้านเธอรีบสั่งให้สาวใช้ไปเอาให้เธอไม่ได้เอามันทิ้งแต่เก็บเอาไว้ในตู้ เมื่อเธอเปิดดูน้ำตาไหลพรากอย่างพูดไม่ออก ในใจของเธอเจ็บช้ำไปหมดเพราะกระดาษแผ่นนั้นคือรูปวาดครอบครัวของฮว๋าเย่ ที่มีทุกคนอยู่ในนั้นรวมถึงเธอด้วย“อึก อึก เป็นฉันเองที่โง่งม ฉันมันเลวร้ายที่สุดฉันทำร้ายจิตใจเด็กคนนี้มาตั้งแต่เกิดแม้แต่ความรักยังไม่เคยมอบให้ แถมยังเค
บทที่ 24 ความจริงถูกเปิดแผยซูหรงสะลึมสะลือลืมตาขึ้นมาเห็นสีหน้าของซูเจี้ยนที่จ้องมองเธออย่างโกรธเกรี้ยว เธอเลยเอ่ยถามด้วยความสงสัย“คุณแม่ทำไมคุณแม่ถึงมองฉันแบบนั้นละคะ เอ๊ะ! แล้วฉันมานอนตรงนี้ได้ยังไงกัน” ไม่ทันได้พูดจบดวงตาของซูหรงเบิกโพลงเพราะตอนนี้ร่างกายของเธอไร้เสื้อผ้านุ่งห่มยิ่งไปกว่านั้นคือฉู่อี้ที่นอนเปลือยเปล่ากอดร่างกายเธอแน่นอีกด้วย“ฉันต่างหากที่ต้องถามแก แกทำไมถึงทำแบบนี้กันห่ะ”“คุณแม่ฟังฉันก่อนนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรทั้งนั้นต้องเป็นฝีมือของนังเฟิงมี่ที่วางยาฉัน นี่แกนังเฟิงมี่ฉันอุตส่าห์ทำดีกับแกคิดว่าชีวิตแกน่าสงสารทำไมแกถึงทำอย่างนี้ หรือเพราะแกอยากได้สมบัติทุกอย่างของตระกูลมู่ เลยหาทางกำจัดฉันออกไป คุณแม่อย่าไปเชื่อมันนะคะ ผู้ชายคนนี้ฉันไม่รู้จักด้วยซ้ำเพราะนังเฟิงมี่วางแผนถ้าฉันจะมีชู้จริง ๆ ฉันไม่โง่มาทำที่นี่ให้ถูกจับได้หรอกค่ะ”“ฮึ ฮึ ใช่แล้วล่ะ ถ้าพี่ซูงหรงมีชู้คงไม่ทำที่นี่แต่ที่ทุกคนเห็นคือแผนการของแกนังซูหรง แกตั้งใจวางแผนให้ฉันกินน้ำที่แกใส่ยานอนหลับไว้ คิดดูว่าถ้าหากฉันโง่และหลงกลกินน้ำที่แกผสมยานอนหลับไว้คนที่นอนอยู่ตรงนั้นจะเป็นใครหากไม่ใช่ฉัน เรื่องนี้ฉันม
บทที่ 23 ใครกันแน่ที่โง่ไม่นานนักซูหรงได้เดินออกมาจากห้องน้ำนั่งลงตรงหน้าของเฟิงมี่“กับข้าวเย็นหมดแล้ว ฉันต้องขอโทษพี่ซูหรงด้วยนะคะ เป็นเพราะฉันแท้ ๆ เลย”“ไม่เป็นอะไรหรอกน่าเรื่องเล็กน้อยเรามากินข้าวกันเถอะ”“ได้ค่ะ ” เฟิงมี่หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารใส่จานตัวเองกินอย่างเอร็ดอร่อย เธอรู้สึกตลอดเวลาว่าถูกสายตาของซูหรงจ้องมองว่าเมื่อไหร่เธอจะกินน้ำ เธอจึงวางตะเกียบลงหยิบแก้วน้ำมาดื่มจนหมดแก้ว“อึก อึก วันนี้เป็นเพราะมีพี่ซูหรงมานั่งกินด้วยกันหรือเปล่าทำให้ฉันกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน “ซูหรงยิ้มกริ่มเมื่อเห็นอีกฝ่ายดื่มน้ำจนหมดแก้วไม่นานยานอนหลับคงออกฤทธิ์นี่คือแผนที่เธอวางเอาไว้กับฉู่อี้วันนี้เธอรู้มาว่าหลวนหลงเข้ากรมช่วงเช้าเพราะวันนี้เธอได้ทำการโทรเลขไปหาหลวนหลงว่าแม่ของเขาป่วยหนักให้เขามาหาที่บ้านตระกูลมู่ และแผนการนี้เธอได้บอกแม่สามีหลังอาหารมื้อเที่ยงให้เธอพาหลวนหลงกลับมาที่นี่ของเขาให้ได้จะได้มาเห็นว่านังเฟิงมี่นั้นตอนเริงรักกับชู้ในตอนที่เขาออกไปทำงาน เพียงเท่านี้แผนการของเธอก็สำเร็จ ส่วนเรื่องโฉนดที่ดินนั้นเอาไว้หลังจัดการนังเฟิงมี่เสียก่อน“เธอกินข้าวได้เยอะฉันเองก็ดีใจ ตอนนี้
บทที่ 22 แกล้งโง่หลังจากที่ซูหรงกลับเฟิงมี่ได้ออกไปที่ตลาดเมื่อเห็นว่าตอนนี้ยังมีเวลาอีกมากกว่าที่ฮว๋าเย่จะกลับจากโรงเรียน เธอไปที่ร้านของเล่นที่เคยเห็นซูหรงกับฉู่อี้อยู่ด้วยกัน ไม่คิดเลยว่าการมาที่ตลาดของเธอในครั้งนี้จะได้เห็นกับตาว่าซูหรงอยู่กับชายชู้ของเธออีกครั้ง เฟิงมี่ค่อย ๆ เดินเข้าไปใกล้ ๆ แอบฟังทั้งสองพูดคุยกันและเป็นความโชคดีที่ฉู่อี้เป็นคนพูดจาเสียงดังไม่กลัวว่าใครจะมาได้ยิน เพราะถิ่นนี้เป็นถิ่นของเขา“ดีมาก เธอค่อยไปหานังเฟิงมี่บ่อย ๆ จะได้รู้ว่าวันไหนที่สามีเธอไม่อยู่ เราจะได้หาทางเข้าไปที่บ้านหลังนั้นทำตามแผนที่วางเอาไว้”“นั่นสิ ฉันละสะอิดสะเอียนอยากจะให้แผนสำเร็จเร็ว ๆ ไม่อยากจะพูดดีกับนางนั่นเลยด้วยซ้ำ คนอะไรน่าโง่จริง ๆ ไม่ว่าฉันจะพูดอะไรก็เชื่อไปหมด ส่วนนังแก่ที่บ้านก็เริ่มเมายาที่พี่ให้ไปแล้ว ตอนนี้ฉันต้องการยาเพิ่มเอามาให้ฉันหน่อยสิ”“ได้เดี๋ยวฉันจะให้เพิ่ม ใส่ให้กินทุกวันจะได้ลงแดงตอนนั้นเธอจะให้มันทำอะไรนังแก่นั่นก็ทำให้ทุกอย่าง ”“ฮึ ฮึ ฉันละอยากให้วันนั้นมาถึงเร็ว ๆ เสียจริง”“อีกไม่นานแล้วยอดรักของพี่” เฟิงมี่แอบฟังทั้งสองได้ยินแผนการความชั่วช้าของทั้งคู่รีบ
บทที่ 21 ตีสนิทท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสี เฟิงมี่ขยับกายไปมาบนเตียงลืมตาขึ้นอย่างสะลึมสะลือกวาดมองไปรอบห้องพบว่ามีเพียงเธอที่อยู่ในห้องนี้ ลุกขึ้นจ้องมองร่างกายที่เต็มไปด้วยร่องรอยของความรักที่หลวนหลงมอบให้ เธอค่อย ๆ ลุกจากเตียงไปอาบน้ำล้างตัวคิดว่าตอนนี้หลวนหลงคงอยู่กับฮว๋าเย่ข้างนอกหลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วเธอเดินออกมาภายในบ้านเงียบราวกับว่าไม่มีใครอยู่จึงเดินออกไปที่หน้าประตูเห็นทหารยืนอยู่ตรงนั้นจึงรีบเข้าไปถามทันที“เอ่อ ...ไม่ทราบว่าคุณเห็นสามีกับลูกสาวของฉันมั้ยคะ”“นายผู้หญิงตื่นแล้วหรือครับ ท่านนายพลฝากแจ้งนายหญิงเมื่อตื่นว่าท่านนายพลพาคุณหนูออกไปหาอะไรกินข้างนอก ไม่นานจะกลับเข้ามาครับและฝากบอกให้คุณหญิงแต่งหน้าแต่งตัวรอท่านด้วยชุดที่ท่านเตรียมไว้ให้อยู่ในห้องคุณหนูครับ” เฟิงมี่พยักหน้ารับรู้พร้อมเดินไปที่ห้องของฮว๋าเย่เห็นชุดที่เขาเตรียมไว้ให้สวมใส่ไปงานเลี้ยงในคืนนี้ ช่างเป็นชุดที่สง่าจริง ๆเฟิงมี่ถือชุดเดินออกมาพบว่าตอนนี้สองพ่อลูกได้กลับเข้ามาแล้ว เสียงพูดคุยหัวเราะอย่างชอบใจของฮว๋าเย่ทำให้เฟิงมี่มีความสุขเหลือเกิน จนเธอคิดขึ้นได้ว่าเธอเคยผ่านเรื่องเลวร้ายอะไรมา‘ฉันออกมาอย
บทที่ 20 ของขวัญฝั่งด้านหลวนหลงหลังจากที่พาเฟิงมี่กับลูกสาวเดินทางมาถึงบ้านที่ทำการซื้อไว้จัดแจงที่พักและห้องนอนให้ฮว๋าเย่โดยมีลูกน้องของเขามาช่วยเหลือไม่นานบ้านหลังใหม่ที่ย้ายมาอยู่ก็เสร็จสมบูรณ์ห้องของฮว๋าเย่เต็มไปด้วยตุ๊กตามากมาย"ว๊าวว^ ^ นี่ห้องของหนูเหรอคะ ""ใช่แล้วลูกชอบมั้ย""ชอบมากเลยค่ะ นั่นอะไรคะ" ฮว๋าเย่มองไปเห็นของใช้มากมายที่วางอยู่ตรงหน้าชี้นิ้วถามพ่อด้วยความสงสัย"ก็อุปกรณ์การเรียนไง พ่อได้ยินมาจากแม่ของลูกว่าตอนนี้ได้สมัครเรียนไว้ให้เสื้อผ้ากระเป๋าก็มีแล้ว พ่อเลยเลือกซื้อของที่ลูกยังไม่มีเอาไว้ให้""คุณไปเตรียมของพวกนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน" เฟิงมี่ยืนอยู่นั้นก็สงสัยไม่ต่างจากลูกสาวเขาอยู่กับเธอตลอดเอาเวลาตรงไหนไปซื้ือของมากมายพวกนี้กันนะ"ฉันเป็นนายพลแค่สั่งลูกน้องไม่กี่คนของพวกนี้ก็ถูกจัดการตามคำสั่งแล้วล่ะ ฮว๋าเย่ลูกสำรวจห้องของตัวเองอย่างเต็มที่เลยนะ ดูสิว่ามีอะไรที่ลูกอยากได้บ้างพ่อมีเรื่องจะคุยกับแม่ของลูกหน่อย""ได้ค่ะ" หลวนหลงจับมือของเฟิงมี่ให้ตามเขาไปที่ห้องนอนของทั้งสอง เฟิงมี่เดินตามไปด้วยความงุนงง"เรามีเรื่องอะไรจะคุยกันอีกหรือคะ""มีสิ ฉันมีของขวัญขึ้นบ