พอใจพาน้องภูมิขับมอเตอร์ไซค์มาถึงบ้านซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดเท่าใดนัก เธอจอดรถและอุ้มเจ้าตัวเล็กลง ตาของน้องภูมิปรือจนแทบปิด วางลูกชายเอาไว้บนฟูก หาตุ๊กตาตัวโปรดให้กอด
"แม่ครับ เน่าภูมิอยู่ไหน ?" พอใจใจหายวาบ ลองค้นในกระเป๋าก็ไม่เจอ "อยู่ที่รถมอเตอร์ไซค์แน่เลย เดี๋ยวแม่ไปดูให้ หนูนอนรอเน่านะครับ" น้องภูมิพยักหน้าแต่ไม่ยอมหลับตา พอใจจึงรีบเดินไปดูที่ตะกร้าหน้ารถ แต่ก็ไม่เจอ "เจอไหมครับ ?" น้องภูมิถาม "ไม่จ้ะ แม่ว่าเน่าของภูมิเค้าน่าจะเที่ยวที่วัดอยู่แน่ ๆ เลย ภูมินอนก่อนดีกว่าไหม เดี๋ยวพอตื่นเน่าก็คงกลับ" ไม่รู้จะปลอบใจยังไง บอกอย่างนี้ไปก่อนละกัน "ฮือ ๆๆ แง !!" จบคำพูดของแม่ภูมิก็แหกปากร้องไห้ "ภูมิจะเอาเน่า ๆ" ภูมิร้องไห้สะอึกสะอื้น ปลอบใจยังไงก็ไม่ยอมหยุด "ได้..ถ้าอย่างนั้นเราไปตามหาเน่ากัน" น้องภูมิหยุดร้องทันที รีบลุกขึ้นเดินออกไปรอแม่ที่รถมอเตอร์ไซค์ พอใจรีบตามออกไป ระหว่างขับรถมอเตอร์ไซค์ไปวัด พอใจก็ภาวนาขอให้เจอเน่าของลูกชายด้วยเถอะ เพราะเน่าคือเซฟโซนของภูมิ หนูน้อยจะนำมันติดตัวไปทุกที่ ไม่ว่าจะไปโรงเรียน ไปเที่ยวหรือแม้กระทั่งตอนเข้านอน ภูมิจะเอาเน่าติดตัวไว้เสมอ เอาไว้กอดและเอาไว้หอม เน่าของภูมิก็คือผ้าขนหนูผืนเล็ก ๆ ที่มีลักษณะเนื้อนิ่ม ๆ กว้างประมาณ 35 ซม. ยาว 70 ซม.มีสีเขียวอ่อน ความจริงแล้วก็มีผ้าลักษณะนี้อยู่หลายผืนเพราะพอใจเมื่อเห็นว่าลูกชายชอบเธอจึงซื้อมายกโหล แต่ถึงแม้ว่าสีและแบบจะเหมือนกันแต่ภูมิก็ยังชอบแต่ผืนนี้อยู่ดีไม่รู้ว่าเพราะอะไร เปลี่ยนผืนใหม่ให้ก็ไม่เอา และสภาพก็คือเน่าสมชื่อ เพราะภูมิไม่ค่อยยอมให้ซัก ถ้าซักทีก็ต้องไปยืนเฝ้าที่เครื่องซักผ้ากันเลยทีเดียว เมื่อมาถึงวัดและหาที่จอดมอเตอร์ไซค์ได้แล้ว พอใจก็จูงแขนลูกชายตามหาเน่าทันที จุดแรกที่ทั้งสองคนพากันไปตามหาก็คือ ม้าหินอ่อนใต้ต้นไม้ใหญ่ที่นั่งกินก๋วยเตี๋ยวกันตอนเมื่อกี้ ในใจของพอใจคิดว่าคงหาไม่เจอแน่แล้ว เพราะคนในวัดเยอะมาก บางทีอาจจะมีใครนำมันไปทิ้ง อีกอย่างเจ้าพวกหมาตัวดีนี่แหละไม่รู้จะคาบไปไหนหรือเปล่าเพราะสภาพเน่าของภูมิก็คล้ายกับผ้าขี้ริ้วดี ๆ นี่เอง แต่แล้ว.. "ของภูมิ" น้องภูมิก็วิ่งไปแย่งผ้าเน่าที่อยู่ในมือของผู้ชายร่างสูงใหญ่คนหนึ่ง ทั้งสองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันอยู่สักพัก ผู้ชายคนนั้นก็ปล่อยผ้าให้กับน้องภูมิ ส่งผลให้น้องภูมิก้นจ้ำเบ้าทันที หนูน้อยรีบลุกขึ้นลูบตูดป้อย ๆ เบะปากทำท่าจะร้องแต่ฮึบไว้ เพราะแม่สอนเอาไว้ว่าลูกผู้ชายห้ามอ่อนแอ "เย้ ! เน่า ไม่ต้องกลัวนะภูมิมารับแล้ว" หนูน้อยก้มมองผ้าผืนนั้นในมือ พูดออกมาอย่างดีใจ พอใจรีบวิ่งมาหาลูกชายและเอาตัวของหนูน้อยไปหลบไว้ข้างหลังของเธอทันที ก่อนจะเอี้ยวตัวไปถามน้องภูมิ "เจ็บตรงใหนไหมครับ ?" น้องภูมิส่ายหน้า เกาะขาแม่เอาไว้แน่น พอใจจ้องหน้าผู้ชายคนนั้นเขม็ง ทำท่าราวกับแม่เสือกำลังปกป้องลูก ตอนนี้ใครหน้าไหนเธอก็ไม่กลัว แม้แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเธอตอนนี้ก็เถอะ หลบมาได้ตั้งเกือบห้าปี บางทีคงถึงเวลาต้องเผชิญ แต่จะเผชิญกับอะไรล่ะ เธอกับเขาไม่ได้เกี่ยวข้องกันเสียหน่อย "พอใจ !?" ภูผาอุทานออกมาด้วยเสียงไม่เบานัก ตลอดระยะเวลาเกือบห้าปีที่เขาเฝ้าตามหาเธอมาตลอดแต่กลับไร้วี่แวว ที่แท้เธอหนีมาอยู่ต่างจังหวัดที่แสนกันดารนี่เอง ผู้คนในวัดเริ่มมองเธอกับเขา เศรษฐีจากกรุงเทพ ฯ รู้จักกับพอใจด้วยเหรอนี่ ชาวบ้านคิดไปต่าง ๆ นานา พอใจไม่ได้พูดอะไรกับเขา จูงลูกชายเดินออกไปจากตรงนั้นทันที ตอนนี้เลยเวลานอนกลางวันของภูมิมานานแล้ว เธอจึงต้องรีบพาลูกชายกลับไปนอนกลางวัน "ว้าย !" พอใจร้องว้ายออกมาด้วยความตกใจ เพราะภูผาเดินตามหลังเธอมาและแบกเธอเอาไว้บนบ่า ผู้คนในวัดแตกตื่น แต่ก็ไม่ได้เข้าไปยุ่ง เพราะคิดว่าพอใจกับหนุ่มเศรษฐีคนนั้นน่าจะรู้จักกัน ภูมิพอเห็นคุณลุงแบกแม่ของตัวเองเอาไว้ เจ้าหนูก็รีบวิ่งตามไป "ปล่อยฉันนะ ไอ้บ้า !" เธอทุบหลังเขาไปสี่ห้าที แต่คนตัวใหญ่กลับไม่รู้สึกรู้สา ความรู้สึกของเขาคงด้านชาเหมือนกับหัวใจของเขานั่นแหละ เหตุการณ์ก่อนหน้า "คุณภูมานั่งตรงนี้ครับ !" ลุงสมคนขับรถซึ่งเป็นคนที่หมู่บ้านแห่งนี้ไปทำงานที่บ้านของเขามาหลายปี และเป็นคนเสนอให้แม่ของเขานำกฐินมาทอดถวายที่วัดแห่งนี้ตะโกนบอก ภูผาจึงเดินเข้าไปหาลุงสม ซึ่งตอนนี้แกกำลังใช้ผ้าขนหนูสีเขียวอ่อนผืนหนึ่งถูโต๊ะม้าหินอ่อนอยู่ เขารู้สึกคุ้นตาผ้าผืนนั้นจึงได้ขอดู 'ภูผา&พอใจ' มีตัวหนังสือปักด้วยด้ายสีแดงปรากฏอยู่บนผ้าผืนนั้น นั่นจึงเป็นสาเหตุให้ภูผายื้อแย่งผ้าผืนนั้นกับน้องภูมิ เพราะตอนที่เขาพิจารณาผ้าผืนนั้นอยู่ จู่ ๆ ก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาดึงผ้าในมือของเขาไป เพราะไม่ทันตั้งตัวจึงเกิดการยื้อแย่งขึ้นตามสัญชาติญาณ ผลจึงออกมาอย่างที่เห็น เด็กน้อยก้นจ้ำเบ้าและแม่ของเจ้าหนูที่อยู่บนบ่าของเขาตอนนี้ก็กำลังโกรธจัด ภูผาแบกพอใจพาเดินตรงไปที่รถตู้ เขาเปิดประตูและยัดเธอเข้าไปในรถ น้องภูมิรีบตามแม่เข้าไปในรถด้วย ภูผาตามเข้าไปในรถและปิดประตู ส่วนน้องภูมินั้นปีนขึ้นไปนั่งบนตักของแม่ "หนูน้อย ลุงขอคุยกับแม่ของหนูแป๊บนึงได้ไหมครับ ?" ภูมิจ้องหน้าคุณลุงเขม็ง ก่อนจะหันไปมองหน้าแม่เป็นเชิงถาม "หนูไปนั่งตรงนั้นแป๊บนึงก่อนนะครับ" พอใจชี้ไปยังเบาะหลังสุด น้องภูมิจึงเดินไปนั่งที่นั่นและกอดเน่าเอาไว้แนบอก มองแม่ด้วยความเป็นห่วง "เราไม่มีอะไรต้องคุยกัน" พอใจจ้องหน้าเขาเขม็ง พูดเสียงราบเรียบ "มีสิ ! ทำไมจะไม่มี" พูดจบเขาก็คว้าตัวของเธอไปกอดเอาไว้แนบอก ล็อคท้ายทอยของเธอเอาไว้ บีบคางของเธอและก้มลงประกบปากจูบกับเธอ พอใจดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขา เนิ่นนานภูผาจึงได้ถอนริมฝีปากออก "นี่คุณ ! คุณทำแบบนี้ต่อหน้าลูก.." ภูผาจ้องหน้าเธอเขม็ง พอใจกลืนคำว่า 'ลูกของเรา' ลงคอ ก่อนจะพูดต่อ "คุณจะมาทำแบบนี้ต่อหน้าลูกของฉันไม่ได้นะ" แต่พอหันไปดู ปรากฏว่าน้องภูมิหลับไปเสียแล้ว หนูน้อยนอนตะแคงบนเบาะรถกอดเน่าเอาไว้แน่น เธอจึงหันมาพูดกับเขา "พอได้แล้วคุณภู เราไม่มีอะไรต้องพูดกันอีก" พอใจพูดเสียงเข้ม เตรียมจะขยับไปหาลูกแต่เขาคว้าไหล่เธอเอาไว้เสียก่อน "เมื่อเกือบห้าปีก่อนมันเกิดอะไรขึ้น พอใจ ?"สัปดาห์ต่อมาผลการตรวจ DNA ระหว่างน้องภูมิและภูผาก็ออก ผลปรากฏว่าทั้งสองเป็นพ่อลูกกันอย่างไม่ต้องสงสัย ภูผาให้น้องภูมิลาโรงเรียนที่ต่างจังหวัดยาว ๆ จนกว่าจะจัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย ส่วนบ้านของเธอเขาจะส่งคนไปดูแลเป็นระยะ ๆ ภูผาให้เขตแดนอัพเอกสารผล DNA ของเขากับน้องภูมิลงสื่อโซเชียลพร้อมกับรูปที่เขาอุ้มน้องภูมิเอาไว้ด้วย และคอมเมนต์ก็ล้วนเป็นไปในทิศทางที่ดี ไม่นานชื่อของภูผาก็ติดเทรนด์ในการค้นหาอันดับหนึ่งชื่อและธุรกิจของภูผาก็ปรากฏแก่สายตาของผู้คนโดยไม่ต้องพึ่งการโฆษณาเลยแม้แต่น้อย ส่งผลให้หุ้นในบริษัทของเขาราคาสูงขึ้นอีกเกือบ 15% และโครงการบ้านจัดสรรที่แต่ละหลังราคาห้าสิบล้านขึ้นไปจำนวนหนึ่งพันหลังขายหมดเกลี้ยง ทั้งที่ยังไม่เปิดตัวโครงการนี้ด้วยซ้ำ แค่ให้เปิดจองผ่านเวบไซต์เท่านั้น และ 70% ของคนที่ซื้อต่างก็ซื้อด้วยเงินสด นั่นก็เพราะภาพลักษ์ของภูผาที่เป็นแฟมิลี่แมนนั้นส่งผลให้ผู้คนเชื่อมั่นในตัวของเขาจึงทำให้ทุกคนพร้อมที่จะจ่ายเงินซื้อบ้านในโครงการล่าสุดจนหมดภายในเวลาไม่ถึงเดือน และมีคนไปขุดค้นประวัติของพอใจ เมื่อพบว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงธรรมดาไม่ใช่ไฮโซที่ไหน แต่ก็สามารถ
วันนี้เป็นวันหยุดเขตแดนจึงไม่ต้องไปทำงาน เขาทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืนนี้แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ ในหัวใจ หลังจากที่เขาพาผู้หญิงคนนั้นซึ่งเขาไม่รู้จักแม้กระทั่งชื่อของเธอกลับมาถึงห้องพักของเขาและพาเธอเข้ามาในห้องแล้ว ปรากฏว่า..เธออ้วกแตก เขาจึงจำเป็นต้องถอดเสื้อผ้าของเธอออกและนำชุดของเธอไปซักและอบแห้ง นำมันไปวางไว้ที่โซฟา เสร็จแล้วตัวเขาก็ออกไปนอนนอกห้อง และพอเธอตื่นขึ้นมาก็เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อกี้ไม่รู้ว่าเธอเป็นลูกเต้าเหล่าใคร หวังว่าคงไม่ไปกินเหล้าเมามายแบบเมื่อคืนนี้อีกนะ เมื่อจัดการธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้วเขาก็นำตารางงานขึ้นมาทบทวนดู ช่วงสองสามวันที่คุณพอใจกับน้องภูมิมาอยู่กับเจ้านายนี่รู้สึกว่าเขาจะไม่ค่อยได้ตามติดเจ้านายสักเท่าไหร่นัก เพราะเวลาว่างส่วนมากของเจ้านายจะมอบให้เมียกับลูก เขาจึงว่าง ว่างจนมีเวลาไปเที่ยวผับ และได้ประสบพบเจอกับสาวสวยขี้เมาเข้าเขตแดนกวาดสายตาไปบนหน้าจอโน้ตบุ๊คเรื่อย ๆ จนกระทั่งไปสะดุดกับตารางนัดของเจ้านายในเที่ยงวันวันจันทร์ ภูผาจะต้องไปพบกับ 'วิยะดา วีระโชติกุล' ลูกสาวของท่านรัฐมนตรี ไม่รู้ว่าเจ้านายจะยังต้องไปพบเธอหรือเปล่า เพราะว่าตอนนี้เจ้านายเขาก็จดทะเบ
แล้วคุณหญิงสดศรีก็ลงมือทานขนมจีนน้ำยา ตอนแรกกะว่าจะทานแค่นิดเดียวแต่เพราะน้ำยาที่รสชาดเข้มข้นแต่ไม่ผ็ด กินกับผักเคียงพวกใบแมงลักและผักชีลาวแล้วก็กลมกล่อม จึงทานขนมจีนหมดไปหลายจับ"อร่อยไหมคะ ?"ป้าน้อยเอ่ยถาม หลังจากที่เข้ามาเก็บถาดขนมจีนออกไปและทำความสะอาดโต๊ะ"ก็งั้น ๆ"ป้าน้อยลอบยิ้ม เห็นทานไปตั้งเยอะ ก็ยังไว้ท่า ไม่รู้ว่าจะอะไรนักหนา คุณพอใจน่ารักจะตาย ไม่ถือตัวกิริยามารยาทก็น่ารัก ไม่แปลกที่คุณภูจะรัก ขนาดป้าน้อยเองยังเอ็นดูเลย มีแต่คุณหญิงนี่แหละที่แปลกคน หรือว่าจะต้องเป็นผู้ลากมากดีมีชาติมีตระกูลเท่านั้นถึงจะดีในสายตาคุณหญิงช่วงบ่ายแก่ ๆ น้องภูมิก็ตื่นขึ้นมาจากการนอนกลางวัน คุณหญิงรีบหาข้าวมาป้อนหลานชาย พอตกเย็นหน่อยก็พาไปอาบน้ำอาบท่า โดยที่ไม่ต้องลำบากพอใจเลย เกือบหกโมงเย็นภูผาก็กลับมาถึงบ้าน พอเห็นว่าน้องภูมิอยู่กับคุณย่าก็รีบไปหาภรรยาบนห้องทันที แต่ก็ต้องผิดหวัง เพราะว่าตอนนี้พอใจกำลังทำกับข้าวอยู่ในห้องครัวเมื่อทำกับข้าวเสร็จแล้ว พอใจก็ขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำ แต่เธอกลับพบว่าภูผานอนอยู่บนเตียงโดยที่ยังไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าด้วยซ้ำ พอเธอเตรียมตัวจะอาบน้ำ ภูผาก็กระโดดลงจากเตี
หลังจากที่ทานข้าวเย็นกันเรียบร้อยแล้ว คุณหญิงสดศรีก็พาน้องภูมิเข้าห้องไป หวังจะให้หลานชายนอนด้วย และหากว่าน้องภูมิสนิทสนมกับท่านมากพอ พอถึงเวลาเขี่ยแม่พอใจทิ้ง หลานชายจะได้ไม่ต้องเสียใจ คุณหญิงสดศรีวางแผนเอาไว้ในใจ "คุณย่าครับ ภูมิคิดถึงแม่"แต่เพราะน้องภูมินั้นติดแม่มากทำยังไงก็ไม่ยอมนอนกับคุณย่า เพราะตั้งแต่เกิดมาหนูน้อยก็มีแม่เพียงคนเดียว คนอื่นอาจจะสนิทได้ง่าย แต่ยังไงตอนนอนอ้อมกอดไหนก็คงไม่อุ่นเหมือนอ้อมกอดแม่"พาภูมิไปหาแม่หน่อยนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ภูมิจะมาหาคุณย่าแต่เช้าเลย นะครับ"และออดอ้อนจนคุณย่าใจอ่อน จนคุณย่าต้องจูงมือหลานชายไปเคาะประตูห้องของลูกชายในตอนสองทุ่มครึ่ง พอใจเป็นคนมาเปิดประตู"แม่คร้าบบ"น้องภูมิกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ "เชอะ !"โดนแม่สามีสะบัดบ๊อบใส่ พอใจก็หน้าเจื่อน มองตามหลังคุณหญิงด้วยสายตาเศร้า ๆ ก่อนจะปิดประตูเบา ๆ ภูผาเห็นกิริยาของแม่แล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ถ้าใช้น้องภูมิละลายความคิดคุณย่าไม่ได้ ก็คงต้องใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดพอใจอุ้มลูกมานอนบนเตียงข้าง ๆ สามี น้องภูมิพลิกตัวไปกอดพ่อทันที"พ่อครับ เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไปใช่ไหม ?"พอน้องภูมิพูดจบ สองคนผัว
"คุณย่าทานข้าวนิดเดียว อิ่มหรือเปล่าครับ ?"น้องภูมิถามคุณย่าด้วยความเป็นห่วง ถึงแม้จะเป็นเด็กที่มีอายุยังไม่เต็มสี่ขวบดี แต่น้องภูมิก็ฉลาดและช่างสังเกต ย่ากับหลานนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่น"ย่าทานไม่ลง"พูดเสียงอ่อนกับหลานชาย น่ารักซะจริงเชียว"เดี๋ยวปวดท้องนะครับ คุณย่าต้องทานข้าวเยอะ ๆ จะได้โตไว ๆ"คุณหญิงสดศรีอารมณ์ดีขึ้นมาทันที กอดหลานชายเอาไว้แนบอก แล้วก็หอมแก้มซ้ายขวาของเจ้าหนูไปหลายฟอด"ภูมิครับ ไปกันเถอะ"หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จแล้ว ภูผาก็ไปตามลูกชาย เพราะวันนี้ต้องไปตรวจ DNA ที่โรงพยาบาล และเขาจะพาพอใจไปจดทะเบียนสมรสด้วยน้องภูมิวิ่งจู๊ดมาหาพ่อ ภูผาจึงย่อตัวลงและอุ้มลูกชายขึ้นมา น้ำหนักยี่สิบกิโลกรัมของน้องภูมิไม่ใช่ปัญหาสำหรับเขา ขนาดแบกแม่ของเจ้าหนูเกือบทั้งคืนเขายังไม่เหนื่อยสักนิด คิดมาถึงตรงนี้ก็มองหน้าภรรยาแล้วก็ยิ้มเล็กน้อย พอใจหน้าแดง เพราะแค่มองสายตาของภูผา เธอก็รู้ว่าเขาคิดอะไร"แม่ครับ ทานอะไรเพิ่มอีกหน่อยนะ ผมให้ป้าน้อยทำของว่างให้แม่แล้ว"พูดจบภูผาก็จูงมือพอใจเดินออกไปขึ้นรถ คุณหญิงสดศรีมองตามหลังลูกชายที่มือหนึ่งจูงเมีย อีกมืออุ้มลูก แล้วก็รู้สึกแปลก ๆ เป็นท่านเอ
"ไม่ได้กลับคอนโดหรือคะ?"พอใจเอ่ยถาม เพราะจำได้ว่าไม่ใช่ทางกลับคอนโด"กลับบ้านน่ะ น้องภูมิอยู่ที่นั่น"เธอจึงนั่งเงียบ ๆ ไปตลอดทาง ภูผาคว้าเอามือของเธอมากุมเอาไว้ เธอสบตากับเขา"ไม่ต้องกังวล ฉันอยู่นี่ทั้งคน"พอได้ฟังคำพูดของเขา พอใจก็รู้สึกมั่นใจอย่างประหลาดว่าเรื่องราวทุกอย่างต้องจบลงด้วยดี ประมาณเกือบชั่วโมงรถหรูคันนั้นก็เคลื่อนตัวมาถึงบ้านของภูผา ไม่สิน่าจะเรียกว่าคฤหาสน์มากกว่า"แม่คร้าบบ พ่อคร้าบบ"เมื่อพอใจกับภูผาเดินเข้าไปในบ้าน น้องภูมิก็วิ่งมาหาทันที เด็กน้อยกางแขนออกจนกว้าง เมื่อวิ่งมาถึงระยะที่จะกระโดดเข้าสู่อ้อมกอดของแม่ได้แล้ว หนูน้อยก็กระโดดและพุ่งตัวสุดแรงเข้าสู่อ้อมแขนของแม่"น้องภูมิ คิดถึงจังเลย กวนคุณย่าหรือเปล่าคะ ?""ไม่ครับ"ซบลงบนบ่าของแม่ หลับตาพริ้มอย่างมีความสุข "ขอพ่ออุ้มบ้างสิครับ"ภูผาพูดพร้อมกับกางแขนออก น้องภูมิจึงดันตัวเองเข้าสู่อ้อมอกของพ่อ เด็กน้อยมีความสุขมาก ไม่นึกเลยว่าการที่มีแม่กับพ่อพร้อมหน้าจะมีความสุขมากขนาดนี้"ตาภู มา ๆ มาทานข้าว"เอ่ยปากเรียกลูกชายแต่หันไปค้อนให้พอใจ ภูผาจึงจูงมือของเธอ พาเดินไปนั่งที่โต๊ะกินข้าว ป้าน้อย แม่บ้านเก่าแก่ขอ