ณ ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“ฮัลโหล ว่ายังไง ฉันกำลังไปรอฉันก่อน” เสียงโทรศัพท์มือถือกำลังส่งสัญญาณสั่นไหวแจ้งเตือนบอกว่ากำลังมีสายเข้าแทนการเปิดเสียง ภัคพิญาเปิดกระเป๋าสะพายใบน้อยสีขาวออกแล้วหยิบโทรศัพท์ออกมารับสายในขณะที่กำลังขึ้นบันไดเลื่อนของห้างสรรพสินค้าแห่งนี้
เท้าเรียวบางสวมรองเท้าส้นเตี้ยเดินไปตามทางสายตาก็สอดส่องมองหาร้านอาหารที่เป็นที่นัดหมายสำหรับวันนี้ วันนี้เป็นวันแรกที่เธอนั้นออกมาพบปะกับเพื่อนหลังจากที่ไม่ได้พบหน้าท่าตามาร่วม ๆ สองเดือนแต่ว่าก็ได้เจอกันในวันแต่งงานของเธอกับปริภัทร์เมื่อสองวันที่ผ่านมา ไม่นานภัคพิญาก็เดินตามหาร้านอาหารไทย-อิตาเลียนที่นัดกับกลุ่มเพื่อนสนิทเธอเอาไว้จนพบ ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในร้านทันที
“สวัสดีค่ะ คุณลูกค้าได้จองโต๊ะไว้ไหมคะ” พนักงานต้อนรับถามหญิงสาวตรงหน้าด้วยความสุภาพ ภัคพิญาส่งยิ้มให้พนักงานคนดังกล่าวแล้วตอบคำถามเธอกลับไป
“จองไว้ชื่อคุณบุญญาวีร์ค่ะ” บอกกับพนักงานเสียงหวานท่าทาง
นอบน้อม“เชิญทางนี้ค่ะ” พนักงานสาวพยักหน้ารับก่อนจะผายมือเดินนำ
หญิงสาวไปยังโต๊ะที่ได้จองเอาไว้ แต่เมื่อไปถึงก็พบว่าเพื่อนของเธอนั้นยังไม่มีใครมาเลยสักคนไม่ว่าจะเป็น กรรณิการ์ อธิกร หรือ บุญญาวีร์ ที่เป็นคนจองโต๊ะอาหารก็ตาม ภัคพิญาจึงเลื่อนเก้าอี้แล้วหย่อนกายนั่งลงมองไปยังรอบ ๆ ร้านอาหาร ไม่นานนักพนักงานบริการของร้านเดินเข้ามาหาเธอที่โต๊ะพร้อมหันถามเธอว่า“คุณลูกค้าจะสั่งอาหารเลยไหมครับ”
“อ๋อสักครู่นะคะ พอดีเพื่อนขอองฉันยังไม่มา เดี๋ยวเรียกใหม่นะคะ”
หญิงสาวตอบกลับพนักงานด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน“ได้ครับ” พนักงานชายคนนั้นค้อมศีรษะลงเล็กน้อยให้กับลูกค้าสาว คล้อยหลังพนักงานเดินออกห่างจากโต๊ะของเธอไป มือเรียวเปิดกระเป๋าของตนหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นเปิดเข้าแอปพลิเคชันยอดฮิตเพื่อที่จะส่งข้อความถามเพื่อนของเธอว่าถึงไหนแล้วแต่ยังไม่ทันที่จะได้พิมพ์ข้อความเพื่อนของเธอก็โทรเข้ามาพอดี
“ฮัลโหลว่ายังไง”
“ฉันกำลังจะถึงร้านแล้วนะ แกอยู่ไหนยายภัค” ปลายสายบอกตอบกลับภัคพิญา
“ฉันถึงร้านแล้ว ฉันก็คิดว่าพวกแกจะมาถึงก่อนฉันนะยัยฝ้าย”
“รอฉันก่อน รถมันติดมาเลย ยัยบุญกับแม่เมนี่กำลังไป เสร็จธุระแล้วฉันจะรีบตามไป” กรรณิการ์บอกกับภัคพิญาเสียงอ้อน
“โอเคเดี๋ยวนั่งรอ” หญิงสาวตอบกลับเพื่อนเพื่อไม่ให้กรรณิการ์นั้นรู้สึกผิด พลันสายตามองไปยังภายในร้านเพื่อนของเธอเดินเข้ามาพอดี
“ขับรถดี ๆ แล้วกัน เมนี่กับบุญมาแล้ว”
“โอเคยายภัค สั่งอาหารไว้ให้ฝ้ายด้วยนะ” หญิงสาวตอบกลับก่อน
กดวางสายแล้วหันไปหาผู้มาใหม่“กว่าจะมาได้นะ นึกว่าจะเทนัดกันซะแล้ว” ภัคพิญสาหันหน้าไปทางผู้มาใหม่ทั้งสองอย่างอธิกรกับบุญญาวีร์บอกอย่างไม่ติดใจพลางทำใบหน้า
บึ้งตึงใส่เล็กน้อย“โอ๋ ๆ ไม่น้อยใจนะ ทำไมคนเพิ่งแต่งงานขี้ใจน้อยจัง” เสียงแซวของบุญญาวีร์วางของแล้วจับที่แก้มของเพื่อนทันที
“ไม่ต้องมาพูดเลย” ใบหน้าหวานใสตอบอย่างแสนงอนก่อนที่อธิกรที่นั่งตรงข้ามจะว่าสมทบอีกครั้ง
“แหม เมื่อคืนเจ้าบ่าวไม่จัดให้เหรอจ๊ะถึงได้หน้างอขนาดนี้” อธิกรหรือเมนี่สาวสองร่างเป็นชายใจเป็นหญิงสวยเชิดเอ่ยแซวอย่างเป็นจริตจะก้านของตัวเองแต่ผิดกับการแต่งตัวที่แสนจะมาดแมนของนาง
“นี่หยุดพูดเลยนะ มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขาเสียหน่อย”
“ทำไมจะไม่เกี่ยวในเมื่อคุณปัทเขาเป็นสามีแกนี่ยะ”
“เขาเป็นสามีฉันก็จริง... แต่พวกแกก็รู้ว่าฉันแต่งงานกับเขาเพราะอะไร” เมนี่กำลังจะว่าต่อแต่ถูกบุญญาวีร์เอ่ยแทรกขึ้นมาเสียก่อน “นี่เมนี่แกก็อย่าไปแซวมันสิ ฉันว่ามาสั่งข้าวกันดีกว่า” ทั้งสามพยักหน้าอย่างตกลงและ
สั่งอาหารรอกรรณิการ์และคุยกันไปพลาง จวบจนภัคพิญาที่เพิ่งจะมาสังเกตการณ์แต่งตัวของของเพื่อน“เมนี่ ทำไมวันนี้แต่งตัวแมนจัง” ภัคพิญาเปิดประเด็นถามและ
บุญญาวีร์ก็เหมือนจะเห็นด้วยกับคำถามนี้“นั่นสิแมนผิดสังเกต”
“วันนี้ฉันไปขายงานกับลูกค้าย่ะ เลยต้องเป็นทางการนิดหน่อย”
ไม่นานนักกรรณิการ์เดินเข้ามาภายในร้าน และอาหารที่ทั้งสามคนได้สั่งไว้ก่อนหน้านี้ก็มาถึง จากนั้นลงมือทานอาหารกันและพากันเดินซื้อของชอปปิงตามประสาสาว ๆ ผิดกับภัคพิญาที่เดินเฉย ๆ ไม่ได้ซื้ออะไรนอกจากของที่จำเป็นถึงแม้ว่าเธอจะมีงานประจำทำก็ตามแต่จะใช้เงินฟุ่มเฟือยไม่ได้ เธอต้องแบ่งเงินเพื่อไปรักษาอาการป่วยของยายเธอด้วย พลันสายตาหวานมองไปยังอีกฟากของร้านที่เธออยู่ สายตาสองคู่สบตากันเล็กน้อยแล้วเดินผ่านไปมองด้วยสายตายากที่จะอธิบายกับความรู้สึกที่เป็น
ร่างสูงค่อยขยับเปือกตาขึ้นอย่างอยากลำบากมองดูสิ่งรอบข้างและสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นอนหมอบข้างเตียงของเขาในมือมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ หน้าปกมีเด็กทารกหน้าตาหน้ารักส่งยิ้มอยู่แค่พียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าหล่อนเป็นใครหัวใจที่แห้งเหี้ยวกลับเหมือนมีน้ำมาล่อเลี้ยงจนรู้สึกชุ่มชื่น มือของเขาถูกกุมด้วยมือบางของเธอไว้แน่นจนต้องเผลอยิ้มออกมา“ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองอีกแล้ว” ว่าออกมาเบา ๆ แล้วยกมือที่เหลืออีกข้างลูบศีรษะเมียรักเบา ๆ อย่างรักใคร่ การที่เขาขับรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเฉียดตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เจอคนตัวเล็ก มาคอยอยู่ข้าง ๆ คิดแบบนี้เขาก็แทบไม่อยากหายกลัวว่าเธอจะไปจากเขาอีกครั้งร่างคนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยทำให้ร่างสูงของคนป่วยต้องหลับตานิ่งเหมือนเดิมทำเป็นยังไม่ได้สติอีกครั้ง“หนูภัคลงมาทานข้าวเช้าได้แล้วลูก” คุณนายปภาเปิดประตูมาเรียกให้ภัคพิญาลงไปทานอาหารเช้า“เดี่ยวภัคลงไปค่ะตอนนี้ยังไม่หิวเท่าไรค่ะ”“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอลูก” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม่สามีก็พยักหน้ารับแหม... เจ
“เชื่ออะไรคะ”“พี่ว่าคุณปัทเขารักภัคมากนะ รู้ไหมเขาออกตามหาภัคทุกวัน จนวันหนึ่งเขารู้ว่าพี่คือพี่ชายของเรา เขามาหาพี่อ้อนวอนทำทุกอย่างให้พี่ยอมบอกที่อยู่ แววตาของคุณปัทตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความหวังที่จะเจอภัค พอพี่บอกว่าพี่บอกไม่ได้ ไม่รู้แววตาจากที่มีความหวังเหมือนโลกที่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารักและอยากเจอภัคมาก ทำทุกอย่างเพื่อภัค ช่วงแรก ๆ ที่ยังตามหาไม่เจอปายบอกว่าเขากินเหล้าทุกวันเพ้อถึงภัคตลอดเลยนะ ” ภัคพิญานิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายบอกด้วยหัวใจที่สับสน“ลองให้อภัยเขาแล้วมาเริ่มต้นครอบครัวที่ภัคอยากได้อีกครั้งดีไหม” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ลองคิดดูนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งข้อความเสียงนั่นให้กับปริภัทร์ เขาเพิ่งทราบจากคุณนายปภาว่าปริภัทร์พื้นแล้ว แต่เขายังคงดึงดันที่จะกลับบ้านไม่ยอมนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ทางคุณชรัชเลยตัดสินใจให้บุตรชายไปพักรักษาตัวที่บ้านแทนเขาช่วยน้องเขยได้เท่านี้แหละหญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“พี่ว่าเราเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีกอย่างน
ภัคพิญานั่งรับลมที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่พี่ชายเธอสั่งให้ที่ร้านเอามาลงไว้ให้ข้างแปลงดอกมะลิยามเย็นที่แดดร่มลมตกอากาศกำลังสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งซื้อมากับเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะสองถึงสามเล่มมาเปิดอ่านเพราะวันนี้ภัคพิญาได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายมาเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาชีพเดิม ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปริภัทร์ยังคงแวะเวียนมาหามาคอยดูแล มิหนำซ้ำยังทำอาหารให้เธอได้ทานอีกแต่เธอนั้นไม่ยอมทานมันแม้แต่คำเดียวแถมยังไล่เขาทุกวัน ปริภัทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ทำทุกอย่างให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ต้องการสายตาหวานละจากหนังสือคู่มือมองไปยังประตูรั้วอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างแต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท่ามกลางความเงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาทางที่ตนนั่งอยู่แต่ในใจกลับคิดว่าเป็นเขาปริภัทร์! จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับความผิดหวังคนที่มานั้นคือพิธานพี่ชายของเธอกับปิยดาน้องสาวของสามี เห็นแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมากับปิยดาวางของลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้น“อะไรเนี่ยเห็
“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดหญิงสาวเบา ๆ ทั้งที่ทั้งหมดคือความผิดของเขาที่ยื้อแย่งเสื้อจากเธอ“อยากซักใช่ไหมก็ซักไป” พูดกับเขาเสียงแข็งแล้วถอนหายใจจากนั้นลุกจากที่ซักผ้าก่อนจะดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเขาอีกเลย ปริภัทร์มองตามร่างเล็กของเมียด้วยสายตาละห้อยด้วยความน่าสงสารชายหนุ่มซักเสื้อยืดให้เมียพร้อมทำการตากเป็นที่เรียบร้อยก้อนจะเดินเข้าในบ้านหลังน้อยอย่างถือสิทธิ์แล้วลงมือกวาดบ้านหลังเล็กพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดให้ เพราะไม่อยากให้เมียต้องเหนื่อยในการทำงานบ้าน แต่คนที่ไม่เคยจับไม้กวาดหรือลงมือทำงานบ้านเลยก็จะเก้ ๆ กัง ๆ อย่างมาก ชนข้าวของตรงนั้นตรงนี้ล้มจนภัคพิญาสงสัยคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเธอหรือเปล่าเลยออกมาดูก็เจอกับเขายืนถือไม้กวาดกับลังเก็บกวาดเศษแก้วอยู่“หยุดวุ่นวายกับบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“แต่ผมอยากช่วย ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” เขาบอกเสียงอ่อน อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอบ้าง“ไม่ต้องค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน เพราะฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ชาวบ้านแถวนี้เขาจะเข้าใจผิดกันได้” เธอนั้นไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านที่เอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพู
"ไม่! ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ได้โปรดเถอะภัค ขอโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดีสักครั้งนะ""สามี!" เธอทวนคำของเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“ใช่ภัค ผมขอทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะ” พูดอ้อนวอนคนตัวเล็กตรงหน้า“ไม่ค่ะ เชิญคุณออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณกับลูกจะยอมกลับกรุงเทพฯ กับผม” ปริภัทร์บอกอย่างแน่วแน่“ลูกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามอย่างไขสือไม่ยอมรับ“คุณท้องลูกของผม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าทุกครั้งไม่มีคำพูดที่ร้ายกาจใด ๆ แต่พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กลั่นจากหัวใจของเขา“เขาไม่ใช่ลูกของคุณอาจจะเป็นลูกของคนอื่นหรือไม่ก็คุณพิธานก็ได้”“ไม่จริง คุณก็รู้ว่าผมเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ แล้วอย่าเอาคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกผม” เธอมองใบหน้าคมที่จริงจังด้วยท่าทางนิ่งสงบ“เพราะมันคงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง “คุณรู้ได้ยังไง”“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่คุณกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่อง” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ รวบรวมพลังทั
ปริภัทร์ยืนมองร่างเล็กของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้หลังบ้านหลังเก่า ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นปล่อยผมที่เหลือด้านหลังเหมือนหางม้า เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้ายามที่เธอทำสวน ความสวยของเธอนั้นยังคงอยู่เช่นเคย รอยยิ้มที่มองดอกไม้ด้วยความสุข ใบหน้างามก้มลงดอมดมกลิ่นของดอกมะลิมันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่ทำให้ไม่แพ้ท้อง แต่พอลองดมดอกอื่นที่ไม่ใช่เท่านั้นแหละรีบวิ่งออกไปอาเจียนทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกันที่ภัคพิญาได้กลิ่นดอกไม้อื่นจึงทำให้อาเจียน คนที่แอบดูอยู่หน้าประตูรั้วที่สูงเท่าเอวของเขาเท่านั้นตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นอยากเสนอหน้าเข้าไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอชายหนุ่มแอบมองดูหญิงสาวแบบนี้มานานเกือบหนึ่งสัปดาห์พลอยทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเขาและเหล่าเพื่อนของเธอรวมทั้งสิงหะและพีระที่รวมหัวจงใจปิดบังที่อยู่ของภัคพิญาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคิดแล้วมั่นน่าโมโหนักภัคพิญาออกจากบ้านหลังน้อยพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและถุงผ้าเวลานี้ก็ได้เวลาจ่ายตลาดของเธอแล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านหญิงสาวเด็ดดอกมะลิขึ้นมาสองดอกเอาไว้ดมระหว่างทางที่เดินไปตลาด วันนี้เธอเกิดอยากกินชานมมะลิไข่มุกขึ้นมาจ