อีกฟากหนึ่ง ภายในร้านเสื้อผ้าแบรนด์หรูที่มือชื่อเสียงโด่งดังผู้คนมากมายต่างรู้จัก ชายหญิงคู่หนึ่งเดินควงคู่กันเข้าไปในร้านแห่งนี้ พนักงานต่างคอยดูแลลูกค้าที่เป็นนางแบบสาวแถวหน้าอย่างดีที่เดินควงคู่มากับ
ปริภัทร์ พรหมพิริยะ ที่เพิ่งแต่งานไปเมื่อไม่นาน เขามากับนางแบบสาวแน่นอนไม่วายที่จะมีคนติฉินนินทา“ปัทคะ… ปัทว่าชุดนี้สวยเหมาะกับแพนไหมคะ” แพน กวิตา นางแบบสาวชื่อดังเอ่ยถามความคิดเห็นชายหนุ่ม
“สวยครับแพน ชุดไหนผมว่าก็เหมาะกับแพนทั้งนั้นแหละครับ” เขาว่าพลางสอดส่ายส่ายตาไปรอบ ๆ แต่พลันสายตาสะดุดกับร่างบอบบางของภัคพิญา เมียแต่งของเขาเดินเคียงคู่ควงแขนอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่เขาไม่รู้ว่าใคร สายตาของเขาและเธอสบประสานกันครู่หนึ่งก่อนที่อีกฝ่ายจะเบือนหน้าหนีไปอีกทาง ชายหนุ่มมองตามสองร่างด้วยความสงสัย แล้วค่อยหันมาสนใจคนที่กำลังเลือกของ
“ชุดนี้สวยไหมคะ ปัท” เขามักจะได้ยินคำถามเหล่านี้เสมอเมื่อมาเลือกซื้อของกับเจ้าหล่อน
“สวยครับ ว่าแต่เลือกได้หรือยัง”
“ได้แล้วค่ะ แพนขอไปจ่ายเงินก่อนนะคะ”
“ไม่เป็นไรฉันจัดการให้” กวิตายิ้มพรายออกมาเมื่อได้ยินเช่นนั้น นางแบบสาวว่าไปแบบนั้นเพราะหล่อนรู้เมื่อเธอจะจ่ายทีไรชายหนุ่มมัก
จะเป็นคนจัดการค่าใช้จ่ายให้เสมอ“แต่ว่า” เจ้าหล่อนกำลังจะแย้งแต่ถูกเข้าตัดบทโดยการเดินไปจ่ายเงินและถือถุงเสื้อผ้าของเธอไว้ในมือก่อนจะเอ่ยถามเจ้าหล่อนว่าเวลานี้ก็ใกล้จะเย็นแล้วหิวหรืออยากหาอะไรทานหรือไม่ซึ่งเขาก็ตามใจหล่อนอยากจะกินหรือซื้ออะไรเขาพาเธอไปทุกที่หลังจากที่ทั้งสองรับประทานอาหารเย็นเรียบร้อย ปริภัทร์ขับรถไปส่งกวิตาที่คอนโดมิเนียมหรูของหล่อน
นางแบบสาวออดอ้อนให้ชายหนุ่มนอนค้างกับเธอเหมือนทุกครั้ง
แต่ครั้งนี้เขาปฏิเสธหล่อนไปโดยอ้างเหตุผลว่าเขามีงานที่ต้องจัดการโดยให้ลูกน้องเอาไปให้ที่บ้าน แต่จริง ๆ แล้วเขาอยากจะไปจัดการอะไรบางอย่างเท่านั้น หล่อนจำต้องปล่อยชายหนุ่มไปด้วยความเสียดายแสงสีนวลของดวงจันทร์ที่ลอยเด่นดั่งราชินีเป็นสง่าท่ามกลางท้องฟ้ามืดมิดส่องสว่างเหมือนดั่งเช่นทุกค่ำคืน รถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นแล่นเข้ามาจอดเทียบหน้าประตูเหล็กบานใหญ่ไม่นานร่างเล็กของภัคพิญาก้าวขาลงจากรถคันนั้น หญิงสาวเคาะกระจกรถสองถึงสามครั้งคนภายในรถก็ลดกระจกลงแล้วก้มตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกัน
“ขอบใจนะที่แวะไปรับที่โรงพยาบาลน่ะ” หญิงสาวเอ่ยอย่างขอบคุณคนตรงหน้าหลังจากที่เธอนั้นนัดทานข้าวกับเพื่อนและชอปปิงแล้วภัคพิญาก็กลับไปที่โรงพยาบาลอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงยาย
“ไม่เป็นไรหรอกย่ะ คราวหน้าคราวหลังก็อ้อนผัวให้ผัวซื้อรถให้สิยะ” เอ่ยออกไปอย่างหยอดเย้าเพื่อนของอธิกร
“หยุดพูดเลย ขอบใจที่มาส่งนะ”
“ไม่เป็นไร รีบเข้าบ้านไป เดี๋ยวผัวรอ” หญิงสาวพยักหน้าโบกมือขึ้นไปมาจากนั้นอธิกรเลื่อนกระจกรถขึ้นแล้วขับออกไป แน่นอนว่าเวลานี้สามีของเธอนั้นยังคงไม่กลับบ้านเพราะรถสปอร์ตคันหรูที่เขาใช้ขับประจำของนั้นไม่ได้จอดอยู่ภายในโรงจอดรถ ภัคพิญาเปิดประตูรั้วเหล็กบานเล็กที่อยู่ข้างบ้านออกและเดินเข้าไปโดยไม่ลืมตรวจตราล็อกให้เรียบร้อย
หญิงสาวเดินเข้ามาภายในบ้านซึ่งไร้แสงสว่างจากไฟฟ้า เธอนั้นไม่ได้แปลกใจอะไรเพราะบ้านหลังนี้อยู่กันเพียงสองคนเท่านั้นคือเธอกับปริภัทร์ เดินเข้ามาอย่างไม่ใส่ใจแต่อยู่ ๆ ไฟกลางห้องนั่งเล่นก็สว่างขึ้นทำเอาหญิงสาวตกใจไม่น้อย หันซ้ายแลขวาดูว่าใครกันเป็นคนเปิดมัน แต่แล้วก็ต้องสะดุดกับร่างของปริภัทร์ผู้เป็นสามียืนกอดอกมองเธอแววตาโกรธเกรี้ยวบนเชิงบันใดข้าง ๆ สวิตช์ไฟที่เปิดเมื่อครู่
“คุณปัท!” หญิงสาวเรียกชื่อเขาอย่างตกใจ
“ใช่ฉันเอง… ตกใจขาดนั้นเลยเหรอที่เห็นฉันอยู่บ้าน” ร่างสูงเดินเข้ามาหาร่างบางที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ใกลจากเขา
“ฉันก็ตกใจนิดหน่อยค่ะ ไม่คิดว่าคุณจะกลับมาบ้าน” หญิงสาวตอบกลับเสียงอ่อนเพราะเธอนั้นไม่อยากหาเรื่องเข้าตัวหรือทะเลาะกับเขา
รู้ว่าเขาไม่ชอบหน้าเธอ“ทำไมนี่บ้านฉันทำไมฉันจะกลับมาไม่ได้ หึ...กลับบ้านเอาป่านนี้ไปถึงสวรรค์ชั้นไหนมาล่ะ”
“นี่คุณ… พูดเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ”
“อย่ามาทำเป็นไร้เดียงสา พูดจาทำเป็นไม่รู้เรื่องไปหน่อยเลย ออกจากบ้านไปแต่เช้ากลับกลับบ้านเอาป่านนี้ไปถึงสวรรค์ชั้นไหนมาล่ะ” ชายหนุ่มว่าเสียงแข็งแล้วย่างก้าวเข้าหาเธอช้า ๆ สองมือแกร่งบีบเข้ากับไล่มนของหญิงสาวและจับเขย่าจนหัวสั่นหัวคลอน
“มันจะมากเกินไปแล้วนะ” หญิงสาวพยายามสะบัดให้หลุดจากการเกาะกุมของเขา
“มันไม่มากไปสำหรับผู้หญิงมักง่าย หน้าเงินอย่างเธอหรอก” ว่าแล้วก็กระชากแขนเรียวของภัคพิญาขึ้นไปยังชั้นสองทั้งลากทั้งดึงไปตามแรงของเขาด้วยความโกรธจากเรื่องวันนี้
“คุณปัท… ปล่อยฉันนะ” เธอว่าพยายามรั้งกายเอาไว้แต่ก็ไม่เป็นผล และทันทีที่ประตูห้องปิดลงก็เหวี่ยงเธอลงบนเตียงอย่างแรง
“คุณจะทำอะไร” เธอถามด้วยหน้าตาที่ตื่นตระหนกกับท่าทางของเขา ยันกายขยับตัวให้ออกห่างรังสีอำมหิตที่แผ่ซ่านจากกายคนตรงหน้า
“อย่าทำเป็นไร้เดียงสาไม่เคยไปหน่อยเลย” เขาว่าแล้วกระชากเท้าเรียวให้เข้ามาอยู่ใต้ร่างจากนั้นเขาก็คร่อมเธอเอาไว้แขนสองข้างที่กำลังจะทุบตีเขาถูกรวบตรึงเอาไว้กับเตียงนุ่มก่อนก้มซุกไซ้ลำคอขาวผ่องจนเกิดรอยท่ามกลางเสียงขอร้องอ้อนวนของเธอ
“คุณปัทปล่อยฉันนะ อย่าทำอะไรฉันเลย” อยู่ ๆ น้ำใส ๆ ก็ไหลออกมาเขากำลังจะย่ำยีเธอ
“ฮึ ดีใจถึงกับร้องไห้เลยหรือไง” เขาว่าน้ำเสียงเย้ยหยันคนใต้ร่างอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะผละออกจากร่างบางที่เสื้อผ้าหลุดรุ่ยจากฝีมือของเขา
หญิงสาวได้แต่กอดตัวเองเอาไว้เขามองด้วยความสมเพชกับผู้หญิงหน้าด้านไร้ยางอายอย่างเธอแล้วเอ่ยอีกประโยคหนึ่งก่อนจะเดินออกจากห้องไปปิดประตูลงอย่างแรง
ทิ้งให้ร่างบางนั้นกอดตัวเองนอนร้องไห้อยู่บนเตียง“คืนนี้ฉันไม่มีอารมณ์ อีกอย่างเธอคงอิ่มจากไอ้เวรที่มาส่งแล้วฉันคงไม่ต้องปรนเปรอให้เธอหรอกนะ”
ร่างสูงค่อยขยับเปือกตาขึ้นอย่างอยากลำบากมองดูสิ่งรอบข้างและสายตาก็ต้องสะดุดเข้ากับร่างบางของใครบางคนที่นอนหมอบข้างเตียงของเขาในมือมีหนังสือเล่มเล็ก ๆ หน้าปกมีเด็กทารกหน้าตาหน้ารักส่งยิ้มอยู่แค่พียงมองแวบเดียวก็รู้ว่าหล่อนเป็นใครหัวใจที่แห้งเหี้ยวกลับเหมือนมีน้ำมาล่อเลี้ยงจนรู้สึกชุ่มชื่น มือของเขาถูกกุมด้วยมือบางของเธอไว้แน่นจนต้องเผลอยิ้มออกมา“ดูแลคนอื่นจนลืมดูแลตัวเองอีกแล้ว” ว่าออกมาเบา ๆ แล้วยกมือที่เหลืออีกข้างลูบศีรษะเมียรักเบา ๆ อย่างรักใคร่ การที่เขาขับรถเดินทางกลับกรุงเทพฯ ด้วยความประมาทจนเกิดอุบัติเหตุเฉียดตายแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะอย่างน้อย ๆ เขาก็ได้เจอคนตัวเล็ก มาคอยอยู่ข้าง ๆ คิดแบบนี้เขาก็แทบไม่อยากหายกลัวว่าเธอจะไปจากเขาอีกครั้งร่างคนตัวเล็กขยับตัวเล็กน้อยทำให้ร่างสูงของคนป่วยต้องหลับตานิ่งเหมือนเดิมทำเป็นยังไม่ได้สติอีกครั้ง“หนูภัคลงมาทานข้าวเช้าได้แล้วลูก” คุณนายปภาเปิดประตูมาเรียกให้ภัคพิญาลงไปทานอาหารเช้า“เดี่ยวภัคลงไปค่ะตอนนี้ยังไม่หิวเท่าไรค่ะ”“ยังไม่ฟื้นอีกเหรอลูก” หญิงสาวส่ายหน้าเป็นคำตอบ แม่สามีก็พยักหน้ารับแหม... เจ
“เชื่ออะไรคะ”“พี่ว่าคุณปัทเขารักภัคมากนะ รู้ไหมเขาออกตามหาภัคทุกวัน จนวันหนึ่งเขารู้ว่าพี่คือพี่ชายของเรา เขามาหาพี่อ้อนวอนทำทุกอย่างให้พี่ยอมบอกที่อยู่ แววตาของคุณปัทตอนนั้นมันเต็มไปด้วยความรักและความหวังที่จะเจอภัค พอพี่บอกว่าพี่บอกไม่ได้ ไม่รู้แววตาจากที่มีความหวังเหมือนโลกที่พังทลายลงมาต่อหน้าต่อตา เขารักและอยากเจอภัคมาก ทำทุกอย่างเพื่อภัค ช่วงแรก ๆ ที่ยังตามหาไม่เจอปายบอกว่าเขากินเหล้าทุกวันเพ้อถึงภัคตลอดเลยนะ ” ภัคพิญานิ่งฟังในสิ่งที่พี่ชายบอกด้วยหัวใจที่สับสน“ลองให้อภัยเขาแล้วมาเริ่มต้นครอบครัวที่ภัคอยากได้อีกครั้งดีไหม” พิธานบอกด้วยน้ำเสียงจริงจังและอ่อนโยนในเวลาเดียวกัน “ลองคิดดูนะ” ชายหนุ่มลุกขึ้นยืนเต็มความสูงแล้วส่งข้อความเสียงนั่นให้กับปริภัทร์ เขาเพิ่งทราบจากคุณนายปภาว่าปริภัทร์พื้นแล้ว แต่เขายังคงดึงดันที่จะกลับบ้านไม่ยอมนอนพักรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาล ทางคุณชรัชเลยตัดสินใจให้บุตรชายไปพักรักษาตัวที่บ้านแทนเขาช่วยน้องเขยได้เท่านี้แหละหญิงสาวพยักหน้ารับแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร“พี่ว่าเราเข้านอนเถอะ พรุ่งนี้ต้องเดินทางแต่เช้าอีกอย่างน
ภัคพิญานั่งรับลมที่โต๊ะม้าหินอ่อนที่พี่ชายเธอสั่งให้ที่ร้านเอามาลงไว้ให้ข้างแปลงดอกมะลิยามเย็นที่แดดร่มลมตกอากาศกำลังสบายเหมาะแก่การนั่งพักผ่อนอ่านหนังสือคุณแม่มือใหม่ที่เพิ่งซื้อมากับเล่มที่วางอยู่บนโต๊ะสองถึงสามเล่มมาเปิดอ่านเพราะวันนี้ภัคพิญาได้ส่งงานที่ได้รับมอบหมายมาเรียบร้อยแล้ว เธอยังคงทำอาชีพเดิม ตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมาปริภัทร์ยังคงแวะเวียนมาหามาคอยดูแล มิหนำซ้ำยังทำอาหารให้เธอได้ทานอีกแต่เธอนั้นไม่ยอมทานมันแม้แต่คำเดียวแถมยังไล่เขาทุกวัน ปริภัทร์ก็ยังไม่ยอมแพ้ทำทุกอย่างให้เธอทั้งที่รู้ว่าไม่ต้องการสายตาหวานละจากหนังสือคู่มือมองไปยังประตูรั้วอย่างใจจดใจจ่อราวกับว่ากำลังรออะไรบางอย่างแต่รอจนแล้วจนรอดก็ยังไม่พบได้แต่ถอนหายใจแล้วก้มอ่านหนังสือต่อ ท่ามกลางความเงียบสงบก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ เดินตรงเข้ามาทางที่ตนนั่งอยู่แต่ในใจกลับคิดว่าเป็นเขาปริภัทร์! จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วก็พบกับความผิดหวังคนที่มานั้นคือพิธานพี่ชายของเธอกับปิยดาน้องสาวของสามี เห็นแล้วก็ถอนหายใจหนัก ๆ ชายหนุ่มร่างสูงที่เดินมากับปิยดาวางของลงบนโต๊ะแล้วถามขึ้น“อะไรเนี่ยเห็
“ระวังหน่อยสิ” เขาเอ็ดหญิงสาวเบา ๆ ทั้งที่ทั้งหมดคือความผิดของเขาที่ยื้อแย่งเสื้อจากเธอ“อยากซักใช่ไหมก็ซักไป” พูดกับเขาเสียงแข็งแล้วถอนหายใจจากนั้นลุกจากที่ซักผ้าก่อนจะดินเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเขาอีกเลย ปริภัทร์มองตามร่างเล็กของเมียด้วยสายตาละห้อยด้วยความน่าสงสารชายหนุ่มซักเสื้อยืดให้เมียพร้อมทำการตากเป็นที่เรียบร้อยก้อนจะเดินเข้าในบ้านหลังน้อยอย่างถือสิทธิ์แล้วลงมือกวาดบ้านหลังเล็กพื้นที่ใช้สอยกะทัดรัดให้ เพราะไม่อยากให้เมียต้องเหนื่อยในการทำงานบ้าน แต่คนที่ไม่เคยจับไม้กวาดหรือลงมือทำงานบ้านเลยก็จะเก้ ๆ กัง ๆ อย่างมาก ชนข้าวของตรงนั้นตรงนี้ล้มจนภัคพิญาสงสัยคิดว่ามีขโมยขึ้นบ้านเธอหรือเปล่าเลยออกมาดูก็เจอกับเขายืนถือไม้กวาดกับลังเก็บกวาดเศษแก้วอยู่“หยุดวุ่นวายกับบ้านฉันเดี๋ยวนี้นะ”“แต่ผมอยากช่วย ไม่อยากให้คุณเหนื่อย” เขาบอกเสียงอ่อน อยากช่วยแบ่งเบาภาระเธอบ้าง“ไม่ต้องค่ะ ไม่จำเป็นที่คุณต้องมาทำอะไรแบบนี้เพื่อฉัน เพราะฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไรกัน ชาวบ้านแถวนี้เขาจะเข้าใจผิดกันได้” เธอนั้นไม่อยากตกเป็นขี้ปากของชาวบ้านที่เอาเรื่องคนนั้นคนนี้ไปพู
"ไม่! ผมทำไม่ได้ ผมปล่อยคุณไปไม่ได้ ได้โปรดเถอะภัค ขอโอกาสให้ผมได้ทำหน้าที่พ่อและสามีที่ดีสักครั้งนะ""สามี!" เธอทวนคำของเขาอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง“ใช่ภัค ผมขอทำหน้าที่พ่อและหน้าที่สามีอีกสักครั้งนะ” พูดอ้อนวอนคนตัวเล็กตรงหน้า“ไม่ค่ะ เชิญคุณออกไปจากพื้นที่ส่วนตัวของฉันได้แล้ว”“ผมจะไม่ไปไหนทั้งนะ จะอยู่ที่นี่จนกว่าคุณกับลูกจะยอมกลับกรุงเทพฯ กับผม” ปริภัทร์บอกอย่างแน่วแน่“ลูกอะไรของคุณ” หญิงสาวถามอย่างไขสือไม่ยอมรับ“คุณท้องลูกของผม” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนกว่าทุกครั้งไม่มีคำพูดที่ร้ายกาจใด ๆ แต่พูดออกมาด้วยความรู้สึกที่กลั่นจากหัวใจของเขา“เขาไม่ใช่ลูกของคุณอาจจะเป็นลูกของคนอื่นหรือไม่ก็คุณพิธานก็ได้”“ไม่จริง คุณก็รู้ว่าผมเป็นพ่อของลูกในท้องคุณ แล้วอย่าเอาคนอื่นมาเป็นพ่อของลูกผม” เธอมองใบหน้าคมที่จริงจังด้วยท่าทางนิ่งสงบ“เพราะมันคงเป็นได้แค่พี่ชายเท่านั้น”เขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง “คุณรู้ได้ยังไง”“รู้ได้ยังไงไม่สำคัญ ตอนนี้ขอแค่คุณกลับไปกับผมเถอะนะ ผมขอโทษสำหรับทุกเรื่อง” หญิงสาวส่ายหน้าน้อย ๆ รวบรวมพลังทั
ปริภัทร์ยืนมองร่างเล็กของเมียตัวน้อยที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้หลังบ้านหลังเก่า ผมยาวสลวยถูกรวบขึ้นปล่อยผมที่เหลือด้านหลังเหมือนหางม้า เพื่อไม่ให้ปรกใบหน้ายามที่เธอทำสวน ความสวยของเธอนั้นยังคงอยู่เช่นเคย รอยยิ้มที่มองดอกไม้ด้วยความสุข ใบหน้างามก้มลงดอมดมกลิ่นของดอกมะลิมันเป็นดอกไม้ชนิดเดียวที่ทำให้ไม่แพ้ท้อง แต่พอลองดมดอกอื่นที่ไม่ใช่เท่านั้นแหละรีบวิ่งออกไปอาเจียนทุกครั้งวันนี้ก็เช่นกันที่ภัคพิญาได้กลิ่นดอกไม้อื่นจึงทำให้อาเจียน คนที่แอบดูอยู่หน้าประตูรั้วที่สูงเท่าเอวของเขาเท่านั้นตกใจไม่น้อยที่ได้เห็นอยากเสนอหน้าเข้าไปหาแต่ก็ไม่กล้าพอชายหนุ่มแอบมองดูหญิงสาวแบบนี้มานานเกือบหนึ่งสัปดาห์พลอยทำให้เขารู้ว่าครอบครัวของเขาและเหล่าเพื่อนของเธอรวมทั้งสิงหะและพีระที่รวมหัวจงใจปิดบังที่อยู่ของภัคพิญาตลอดเกือบสองเดือนที่ผ่านมาคิดแล้วมั่นน่าโมโหนักภัคพิญาออกจากบ้านหลังน้อยพร้อมกับกระเป๋าสะพายใบเล็กและถุงผ้าเวลานี้ก็ได้เวลาจ่ายตลาดของเธอแล้ว ก่อนจะเดินออกจากบ้านหญิงสาวเด็ดดอกมะลิขึ้นมาสองดอกเอาไว้ดมระหว่างทางที่เดินไปตลาด วันนี้เธอเกิดอยากกินชานมมะลิไข่มุกขึ้นมาจ