Mag-log inภูริทัตดึงข้าวฟ่างออก ข้าวฟ่างแปลกใจปกติเขาไม่เคยเป็นแบบนี้
“ภูเป็นอะไรรึป่าว? ทำไมภูไม่เหมือนเดิม” “คือ..คือว่าถ้าคุณไม่เป็นอะไรแล้วผมขอกลับก่อนนะครับผมมีธุระต่อ” ภูริทัตนึกว่าข้าวฟ่างจะเป็นอะไรมากเห็นเธอโทรมาบอกเหมือนไม่สบายมากแถมอยู่คอนโดคนเดียว แต่พอมาถึงเธอไม่ได้เป็นอะไรมากจึงรีบจะกลับไปหาจารุวีย์ “ทำไมเหรอคะ? ..อยู่เป็นเพื่อนข้าวก่อนไม่ได้เหรอคะ” ข้าวฟ่างชักสีหน้าเริ่มนอยๆ และงอนเพราะภูริทัตไม่เคยเป็นแบบนี้ “ผมรีบจริงๆ ผมไปก่อนนะ” ภูริทัตพูดจบก็รีบเดินออกไปโดยไม่ได้ฟังคำตอบจากข้าวฟ่าง อะไรกันพักนี้ภูเป็นอะไรไปทำไมไม่เหมือนเดิมหรือภูจะหลงรักจารุวีย์เข้าแล้ว เขามีลูกด้วยกันด้วยฉันจะทำยังไงดีข้าวฟ่างน้ำตาไหลกลัวจะเสียคนรักไปจริงๆ บ้านภูริทัต.. ภูริทัตกลับมาถึงบ้านก็จะตรงไปห้องของจารุวีย์แต่เดินผ่านแม่ของเขาพอดีดาราวรรณเลยเรียกถาม “มาจากไหนตาภู แล้วจะไปไหน?” “คือข้าวฟ่างไม่สบายครับผมเลยไปดูแต่ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว…แล้วจารุวีย์ละครับ?” “กลับไปแล้ว มีอะไรรึป่าว” หน้าของภูริทัตดูใจหายเขามารับจารุวีย์ไปส่งที่บ้านไม่ทันจารุวีย์ต้องโกรธเขาแน่ๆ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะเขาปากแข็งไม่กล้าพูดว่ารู้สึกกับจารุวีย์จึงนั่งลงและก็เข้าไปทำงานในห้องทำงานเงียบๆ คิดอะไรเรื่อยเปลื่อยตอนนี้เขาสับสนว่าเขารักใครกันแน่ระหว่างข้าวฟ่างกับจารุวีย์แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะแคร์จารุวีย์มากกว่าข้าวฟ่างซะอีก ตอนเย็นภูริทัตจะเดินไปห้องจารุวีย์ให้ไปดื่มนมเขาก็พึ่งนึกได้ว่าเธอไม่อยู่แล้วเขาได้แต่คิดถึงเธอแต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวก็แต่งงานกันแล้วเขากลับไปนอน ส่วนจารุวีย์กลับไปอยู่กับพ่อแม่เธอมีความสุขมากขึ้นคลายความทุกข์มาในระดับหนึ่ง วันรุ่งขึ้น.. 07:20น… รถหรูคันหนึ่งขับเข้ามาที่บ้านของภูริทัตภูริทัตกำลังทานอาหารเช้าแต่คนที่ขับมานั้นก็คือ.วีรภัทรทำให้ภูริทัตแปลกใจเพราะปกติวีรภัทรจะไม่ค่อยมาที่บ้านส่วนมากจะเจอที่ทำงาน “ไงตาภัทรลมอะไรพัดพาแกมาที่นี่ได้ ปกติไม่เคยเห็นมา” ภูริทัตทักทายน้องชายที่ป็นลูกพี่ลูกน้องของเขาด้วยความสงสัย “พอดีผมผ่านมาแถวนี้เลยแวะมาหาคุณจาร์ครับ..คุณจาร์อยู่มั้ยครับ?” วีรภัทรตอบและยิ้มแห้งๆ คำตอบของเขาทำให้ภูริทัตเปลี่ยนสีหน้าจากยิ้มกลายเป็นหน้านิ่ง “มาหาเธอทำไม” ภูริทัตพูดด้วยน้ำเสียงไม่น่าฟังสักเท่าไหร่ “ผมก็มาเยี่ยมเธอนี่แหละครับ สรุปเธออยู่มั้ย?” “ไม่อยู่ ทีพี่แกไม่เห็นมาหาแบบนี้บ้างเลยแกชอบจาวีย์เหรอ?” “ใช่ครับชอบมากด้วยพี่ก็เห็นว่าผมไม่เคยสนใจใครมาก่อนผู้หญิงมากมายมาชอบผมแต่ผมก็ปฏิเสธแต่คุณจาร์ถูกตาต้องใจผมตั้งแต่ที่ผมเห็นเธอเลย” ภูริทัตได้ยินแบบนั้นทำให้เคืองวีรภัทรไม่น้อย “แกจะชอบจารุวีย์ไม่ได้!!” น้ำเสียงของเขาดูจริงจังมาก “ทำไมละคุณจาร์มีแฟนแล้วเหรอ?” วีรภัทรถามด้วยความสงสัย “พี่กำลังจะแต่งงานกับเธอ เธอท้องลูกของพี่อยู่” “อะไรกันพี่ก็มีข้าวฟ่างอยู่แล้วจะมามีลูกกับคุณจาร์ได้ยังไง พี่ไม่ได้รักเธอจะแต่งงานกับเธอได้ยังไง” วีรภัทรเองไม่เชื่อในสิ่งที่ภูริทัตพูดเพราะภูริทัตดูรักข้าวฟ่างมากจะมามีลูกกับจารุวีย์ได้ยังไง “ก็พี่พลาดไปทำเธอท้องตอนเมา พี่ก็ต้องรับผิดชอบเธอ” “แล้วข้าวฟ่างละครับ ถ้าพี่รักข้าวฟ่างและไม่รักคุณจาร์ให้ผมดูแลให้ก็ได้นะผมรับได้กว่าผมจะเจอคนที่ถูกใจมันไม่ใช่ง่ายๆ เลย” วีรภัทรพูดด้วยความจริงจังเขาไม่เคยสนใจใครขนาดนี้ ภูริทัตได้ยินแบบนั้นยิ่งรู้สึกว่าจารุวีย์มีค่ามากแค่ไหนขนาดท้องยังมีผู้ชายมารักและอยากดูแลทำไมแต่ก่อนตัวเองถึงเกลียดขี้หน้าและทำร้ายจิตใจเธอได้ขนาดนั้นทั้งที่เธออุ้มท้องลูกของเขาอยู่ เขารู้สึกอยากดูแลจารุวีย์ให้ดีกว่านี้ “ไม่ได้หรอกนั้นมันลูกของพี่จะให้แกมาดูแลได้ยังไง” เขามักจะอ้างถึงลูกเสมอแม้ความจริงเขาจะรักแม่ของลูกด้วยก็ตามแต่ความปากแข็งของเขาทำให้เขาไม่กล้าพูดบอกใครเลยว่าเขารักจารุวีย์แม้แต่จารุวีย์เองเขาก็ไม่บอก “พี่แน่ใจเหรอว่าจะดูแลเธอได้ดี ถ้าพี่พลาดมาเมื่อไหร่ผมจะดูแลต่อแน่นอน” วีรภัทรพุดและเดินกลับไปด้วยความผิดหวัง แม่ของภูริทัตเดินมาพอดี “นั่นตาภัทรใช่มั้ยนั่น ลมอะไรพัดพามาถึงที่นี่” ดาราวรรณถามภูรทัตที่กำลังยืนเหม่ออยู่ “ใช่ครับ ตาภัทรมาหาจารุวีย์” “อ้าว! ตาภัทรรู้จักหนูจาร์ด้วยเหรอ” “ครับ” ภูริทัตพูดเสร็จก็เดินออกไปขึ้นรถออกไปทำงานเลย 17:04น. … ภูริทัตขับรถออกไปที่บ้านจารุวีย์ด้วยความคิดถึง รถแล่นไปจอดที่บ้านและแม่บ้านก็มาเปิดเขาขับเข้าไปจารุวีย์กำลังนั่งทำงานบริษัทช่วยแม่ของเธออยู่ที่สวนหย่อมอยู่ได้ยินเสียงรถและหันไปเธอจำได้ว่าเป็นรถของภูริทัต เขามาทำไมกันนะจะมาหาเรื่องอะไรฉันอีกฉันเหนื่อยที่จะเสียใจแล้วนะ จารุวีย์อยู่คนเดียวภูริทัตก็เดินเข้าไปในบ้านแต่พ่อแม่ของจารุวีย์ยังไม่กลับมาจากบริษัทเขาจึงถามหาจารุวีย์กับแม่บ้าน..แม่บ้านก็บอกว่าอยู่ที่สวนหย่อมเขาจึงเดินตรงไปหา “คุณมาทำไมมีธุระอะไรรึป่าว?” จารุวีย์ถามด้วยสีหน้าบึ้งตึ้งใส่เพราะยังโกรธที่เขาทิ้งเธอไปหาข้าวฟ่าง “ฉันก็มาหาเมียกับลูกของฉันไง” ภูริทัตพูดและยิ้มข้างหนึ่งอย่างเจ้าเล่ห์ จารุวีย์ได้ยินแบบนั้นทำให้ยิ้มออกมาด้วยไม่รู้ตัวแต่ก็รีบเก็บอาการกลัวเขาจะรู้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับเขา “พูดบ้าอะไรใครเมียคุณ?” จารุวีย์พูดแบบเขินนิดๆ “ก็เธอไงเมียนอกหัวใจของฉันเมียที่เป็นแม่ของลูกฉัน” ยังคงปากแข็งเพราะกลัวเสียฟอร์ม คำพูดนี่ทำให้จารุวีย์เปลี่ยนสีหน้าทันที “แล้วมาหาเพื่ออะไร” จารุวีย์พูดด้วยอาการน้อยใจเพราะภูริทัตชอบพูดอะไรออกมาโดยไม่คิดก่อนทำให้เธอเสียความรู้สึก “ก็มาดูว่าเธอดูแลลูกฉันดีรึป่าว” “ลูกฉันฉันดูแลดีอยู่แล้วไม่ต้องห่วงหรอก” จารุวีย์หันหน้าหนี “ฉันพูดเล่นฉันก็เป็นห่วงเธอเหมือนกันอย่าใส่ใจกับคำพูดของฉันที่มันไม่ดีเลยนะ” ภูริทัตจับมือจารุวีย์มาและพูดกับเธอ เขาเป็นอะไรของเขาสรุปเขาจะเอายังไงกันแน่บางครั้งก็ทำเหมือนรู้สึกดีกับฉันแต่บางครั้งก็ทำเหมือนฉันไม่มีความรู้สึก >>>>>ติดตามตอนต่อไปหลังจากนั้นวุฒิชัยก็เดินเข้าไปในครัว เขากะจะโชว์ฝีมือการทำอาหารให้เมียเขาดูแต่เมื่อหันกลับไปเมียของเขากับนั่งเล่นมือถืออยู่ที่โซฟาไม่เดินตามเขามาเขาเดินกลับไปที่ห้องรับแขกไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเมีย“ทำไมคุณไม่ตามผมมา” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ข้าวฟ่างถึงกับสะดุ้งและเงยหน้ามอง“ไปไหน” เธอถามเพียงสั้นๆ พร้อมหน้าตาที่งงงวย“ไปครัวไงผมจะโชว์ฝีมือ” เธอได้แต่ถอนหายใจแค่ทำอาหารทำไมต้องให้เธอไปดูด้วย“ทำไมฉันต้องไปด้วยคุณทำมาให้กินเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”“ก็ได้นั่งรออยู่นี่แหละ” สิ้นสุดเสียงนั้นหนุ่มหล่อผู้เป็นสามีก็เข้าครัวไปทำอาหารและสักพักก็ถือออกมาให้เมียของเขาทาน ข้าวฟ่างที่นั่งเล่นมือถืออยู่เมื่อได้ยินเสียงวางอาหารเธอก็รีบวางมือถือเพื่อจะชิม“ฉันรอชิมก่อนนะ” สิ้นสุดเสียงเธอก็ใช้ซ้อมตักโดยไม่รอคำตอบจากสามี เมื่ออาหารเข้าปากคำแรกเธอก็ได้รับรสชาติที่แสนอร่อยและไม่คิดว่าเขาจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้“เป็นไงบ้าง อร่อยมั้ยครับคุณหนูข้าวฟ่าง” ใบหน้าแห่งความคาดหวังให้เมียชมก็จ้องมองไปที่หน้าของเธอ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ ก็พอทานได้ให้สอนคุณทำอาหาร” ต่อให้อาหารจะอร่อยแค่ไหนเธอก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวเสียฟอร์ม“งั้นเห
“คุณไปเอารูปผมมาจากไหน” ใบหน้าที่แทบจะเก็บรอยยิ้มของเขาไว้ไม่อยู่ทั้งพูดทั้งมองหน้าเธอ“ในเฟชบุ๊คและไลนฺ์คุณไง เอามาไม่ได้เหรอ”“ก็ได้แต่แค่แปลกใจเฉยๆ ไหนคุณบอกไม่อยากลบรูปเขาไงกลัวไม่มีโอกาสได้ถ่ายอีก” คำพูดของเขาดูนอยๆ แต่ความจริงก็หายโกรธตั้งแต่เห็นหน้าเธอแล้วแหละแค่แกล้งถามไป“พอมาคิดดูๆ แล้วเขาก็แค่อดีตไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันแล้ว ปัจจุบันนี้ต่างหากที่สำคัญ” เธอพูดและส่งรอยยิ้มหวานให้สามีเธอทำให้หัวใจของเขาพองโตยิ้มออกมาด้วยความเขิน“จริงเหรอผมสำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยเหรอ”“เปล่าค่ะ ฉันหมายถึงฉันเองต่างหากที่ยืนอยู่ในปัจจุบันควรที่จะเห็นความสำคัญของตัวเองไม่ควรไปยึดติด” คำพูดของเธอกับทำให้เขาโกรธอีกครั้ง เขาเดินหนีไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานของเขาทำให้ข้าวฟ่างเข้าใจในทันทีว่าเขาน้อยใจอีกแล้ว เธอรีบเดินตามเขาไป“คุณเป็นอะไรคะ” หญิงสาวนั่งลงข้างๆ สามีและยื่นหน้าไปถามเขาทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังน้อยใจเธอ“เปล่าครับ”“ฉันล้อเล่น คุณก็สำคัญเหมือนกันนะไม่งั้นฉันไม่มาง้อถึงที่นี่หรอก” ได้ยินแบบนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็กอดไปที่เอวเธออัตโนมัติ และโน้มตัวไปหอมแก้มเธอ“จริงเหรอ”“คุณ
ข้าวฟ่างเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งนิ่งเงียบและมองหน้าเธอแปลกๆ เธอจึงเอ่ยปากถามเขาด้วยความสงสัย“คุณเป็นอะไรรึเปล่าทำไมมองหน้าฉันแปลกๆ”“เปล่า” สายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของเขาก็แสดงออกมาทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าคำปฏิเสธของเขานั้นต้องมีอะไรแน่ๆ“แน่ใจเหรอคะ” เธอถามทวนเขาอีกรอบเพราะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเก็บความอึดอัดไว้คนเดียวได้เดี๋ยวก็ต้องบอกความต้องการของเขามา ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นานแต่เธอมั่นใจว่าเธอรู้จักเขาดีพอ“ผมถามจริงๆ เถอะคุณยังรักคุณภูริทัตอยู่รึป่าว”“คุณถามทำไม”“ผมแค่อยากรู้” บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลกลัวว่าเมียจะยังรักแฟนเก่าอยู่สายตาที่ต้องการคำตอบมองเธอไม่กระพริบสายตา“ฉันไม่รู้แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรแล้ว ไม่แน่ใจว่าไม่รักแล้วรึเปล่า” เธอยังคงสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอาจจะไม่รักแล้วแต่แค่ยังเสียดายเวลาที่ผ่านมาเพราะคบกันมาตั้งหลายปีจะให้ลืมสนิทมันคงเป็นไปได้ยากอาจจะแค่นึกถึงแค่นั้น“คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่รักเขาแล้ว ผมยังเห็นรูปเขาอยู่เต็มโทรศัพท์ของคุณอยู่เลย" เขาแสดงอาการของคนที่ขี้น้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดข้าวฟ่างเธอไม่คิิดว่าผู้ช
“สวัสดีน้ำหวาน” เธอทักทายกลับโดยไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่เธอเหล่ตาไปมองที่ข้างๆ ที่ข้าวฟ่างนั่งเห็นวุฒิชัยก็สะดุดตาในความหล่อเหลาของเขา“ภูไปไหนแล้วละทำไมได้มากับผู้ชายอื่น”“เลิกกันแล้ว”“อุ้ย!ทำไมได้เลิกเหรอเห็นรักกันดีอยู่นะรักกันมาตั้งหลายปีเธอปล่อยภูหลุดมือไปได้ยังไงกันอุส่าแย่งไปจากฉัน”“พูดให้มันดีๆ นะฉันไม่เคยแย่งภูมาจากเธอแต่ภูไม่เคยเป็นของเธอเลยต่างหาก” เธอเงยหน้าขึ้นขิงใส่น้ำหวานอย่างเบื่อหน่ายเพราะน้ำหวานตามราวีเธอไม่เลิกจนไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนึกว่าเธอจะเลิกแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิม“อย่าทำมาพูดหน่อยเลย ตอนนี้เป็นไงได้ข่าวว่าภูเขามีลูกมีเมียใหม่แล้วหนิ” เธอพูดเยาะเย้ยใส่ทำให้ข้าวฟ่างโกรธเพราะเหมือนมากรีดแผลใจเธอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บมากเหมือนเมื่อก่อนอาจเป็นเพราะเธอได้อยู่ใช้ชีวิตกับวุฒิชัยผู้ชายไม่เอาไหนที่เจ้าชู้ไปวันๆ แต่วันนี้เหมือนราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน“มีใหม่แล้วยังไง ฉันก็มีใหม่แล้วเหมือนกันทั้งหล่อรวยเธอละมีปัญญาหาได้สักคนรึยังมาเที่ยวยุ่งเรื่องคนอื่นนี่ ออกไปจากโต๊ะนี่ได้แล้วไปเกะกะลูกตา” เธอเอนหัวไปที่ไหล่ของวุฒิชัยและกอดแขนเขาเพื่อทำใส่น้ำหวานเธอโกรธและ
ข้าวฟ่างยังคงยืนนิ่งกับคำถามของวุฒิชัยอยู่“ขึ้นรถเถอะ”“ตอบผมมาก่อนสิ” สายตาแห่งความคาดหวังมองไปที่หน้าของเธออย่างจริงจังแต่เธอกลับหลบสายตาเขา“ขึ้นรถไปก่อนแล้วฉันจะตอบ” พูดจบขาทั้งสองข้างของเธอก็ก้าวขึ้นรถและยังคงนั่งนิ่งเงียบคิดเรื่องที่เขาถามเธอความสับสนมากมายอยู่ในใจของเธอ“ว่าไงครับ” เขายังคงต้องการคำตอบจากเธออยู่จี้ถามให้เธอตอบ“ฉันไม่รู้เหมือนกัน คุณมันเจ้าชู้ฉันไม่รู้จะเอาคุณอยู่รึเปล่าฉันไม่กล้าเปิดใจเพราะกลัวจะเป็นแบบภูอีก” เธอพูดพร้อมก้มหน้าลง“แต่ผมไม่ใช่เขา ถึงเวลาที่ผมหยุดผมก็หยุดได้ที่ผมทำตัวเจ้าชู้เพราะผมยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่ตอนนี้ผมอยากใช้ชีวิตครอบครัวที่มีความสุขกับคุณ” เขาพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง“ฉันยังไม่กล้าเปิดใจกับคุณหรอกพูดจริงๆ นะฉันเข็ดกับความรักจริงๆ” สองสายตาของเธอมองไปที่เขาด้วยความรู้สึกที่ดีแต่เธอกลัวจริงๆ เพราะเขาเจ้าชู้จริงๆ ในขณะที่เธอท้องไปหาเขายังนัวเนียกับผู้หญิงอื่นไปทั่วเลย“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ไอ้หมอนั้น!” เขาพูดเสียงดังด้วยความเคืองที่เธอเอาแต่นึกถึงภูริทัต“ก็คุณเจ้าชู้ไง ผู้หญิงมาหาคุณไม่ซ้ำหน้าจะให้ฉันเชื่อใจคุณได้ยังไง” เธอพูดออกไปแบบนั้
05 : 20 น.เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าร่างกายเธอเหมือนมีอะไรมากอดอยู่เมื่อก้มลงมามองดูก็เห็นเป็นแขนของวุฒิชัยที่กำลังกอดเธออยู่เธอรีบลุงขึ้นและแขนของเขากับกอดเธอลงไปนอนอีก“นี่คุณมานอนกอดฉันได้ยังไงกันใครอนุญาตให้กอดไม่ทราบ” เธอหันหน้าไปถามเขาด้วยเสียงดุใส่“ไม่มีอะ ผมอยากกอดก็กอดเลยคุณมีปัญหาเหรอนี่เมียผม” เขาพูดหน้าตาเฉยใส่เธอ“แค่เมียในนามเท่านั้นแหละ ฉันเป็นแค่แม่ของลูกคุณเท่านั้น”“ไม่อ่ะ คุณเป็นเมียผมคืนนั้นยังร่วมรักกันอยู่เลย” สิ้นสุดเสียงนั้นก็มีฝามือเล็กๆ ตีลงที่หน้าอกของเขาโอ้ยยยย!! เสียงที่ทำเขาสะดุ้งอาจไม่เจ็บสักเท่าไหร่แต่ก็แสบไม่น้อย“นี่คุณอย่ามาพูดทะลึงนะ คุณมันชอบฉวยโอกาส” เธอโกรธที่เขาพูดเรื่องนี่หรือเขินก็ไม่แน่ใจ“ใจร้ายจังแค่พูดความจริงก็รับไม่ได้” เขากอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ยิ่งเธอทำเหมือนหวงตัวแบบนี้ยิ่งชอบเขาไม่ชอบผู้หญิงง่ายๆ แต่เขาก็เอาเหมือนเดิมแต่กับข้าวฟ่างเขารู้สึกว่ามันน่าค้นหาดีเล่นตัวแบบนี้“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” เธอพูดเสียงแข็งให้เขาเลิกกอดเธอ“ไม่นะ ขอนอนกอดก่อน”เปี๊ยะ!! เสียงตีไปที่หน้าอกเขาอีกรอบ ทำให้เขาคายกอดออกอย่างรวดเร็ว“เอะอะก็ตีเป็นลูกเลี้ยงเ







