Masukเมื่อจารุวีย์เก็บของเสร็จทั้งคู่ก็เดินไปบอกแม่ของจารุวีย์หลังจากนั้นก็ขึ้นรถกลับไปที่บ้าน เมื่อถึงบ้านแล้วภูริทัตก็เดินลงรถและกำลังไปเปิดประตูให้จารุวีย์
“คุณจาร์กลับมาแล้วสวัสดีค่ะ” เสียงทักทายด้วยความดีใจของป้ามะลิเพราะเธอคิดถึงจารุวีย์ เธอทำตัวน่ารักกับทุกคนไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านหรือใครก็ตาม “สวัสดีค่ะป้ามะลิ เป็นไงบ้างคะสบายดีมั้ยคะ" เธอทักทายแม่บ้านด้วยความน้อมตัว “สบายดีค่ะ คุณจาร์ละคะเป็นยังไงบ้างไม่เจอตั้งหลายวันป้าคิดถีงค่ะ” จารุ์สบายดีค่ะ เดี๋ยวจาร์ขอตัวเอาของไปเก็บก่อนนะคะ “อุ้ย..ไม่ต้องค่ะเดี๋ยวป้าเอาไปเก็บให้” พูดจบมือของเธอก็ยื่นไปหยิบของที่รถของทั้งสองที่นั่งมา “ขอบคุณมากนะคะป้า หนูขอตัวไปพักก่อนนะคะ” “ค่ะ” ภูริทัตมองดูภรรยาตัวเองแล้วยิ้มภูมิใจที่เลือกไม่ผิดเพราะเธออัธยาสัยดีใครอยู่ใกล้ก็รัก ทันใดนั่นเขาก็นึกขึ้นได้ถึงเรื่องประชุมเขาโทรถามเลขาว่าทุกอย่างเรียบร้อยไหมนัดทุกฝ่ายให้มาประชุมภายหลังรึยัง “เรียบร้อยค่ะคุณภู แต่วิวขออนุญาตถามได้ไหมคะ ว่าคุณภูออกไปไหนปกติไม่เคยเห็นรีบไปไหนแล้วทิ้งงานแบบนี้เลย” ถึงเธอจะรู้ว่ามันเป็นการเสียมารยาทที่ไปยุ่งเรื่องเจ้านายแต่ด้วยความอยากรู้เลยถามภูริทัตไป “ผมมีธุระที่ด่วนกว่านี้ครับเลยทิ้งการประชุมไปฝากขอโทษทุกฝ่ายด้วยนะครับ” “อ่อโอเคค่ะ วันนี้คุณภูไม่เข้าบริษัทอีกใช่มั้ยคะ” “ครับพรุ่งนี้ผมถึงจะเข้า ไม่มีอะไรแล้วแค่นี้นะครับ" พูดจบเขาก็ตัดสายเลย เขาเห็นจารุวีย์เดินไปที่ห้องนอนเขาก็เดินไปตาม เขาเข้าไปกอดจารุวีย์จากข้างหลังด้วยความคิดถึงและหอมไปที่แก้มของเธอ “คุณทำอะไรเนี้ย” จารุวีย์หันมาด้วยความตกใจและมองไปที่ตาของเขาทำให้นึกถึงตอนที่เขาไปนอนกับข้าวฟ่าง “ก็ฉันคิดถึงเธอนี่ขอกอดหน่อยนะเมียจ๋า” คำพูดนั่นจบลงเขาก็กอดไปที่เอวของเธออีกรอบแต่เธอดึงมือสะบัดออกด้วยความที่ยังโกรธและนอยที่เขาไปนอนกับแฟนเก่า “อย่ามาใกล้ตัวฉันนะ ฉันยังเคืองคุณไม่หาย” คำพูดและสีหน้าของเธอแสดงถึงความโกรธออกมาได้ชัด ทำให้ภูริทัตไม่รู้จะทำยังไงให้เธอหายโกรธเดาใจก็ยาก “ฉันขอโทษฉันไม่ได้ตั้งใจจริงๆ ไหนแม่บอกว่าเธอหายโกรธแล้วทำไมถึงยังโกรธฉันเหรอ” “แม่ฉันบอกคุณหนิฉันไม่ได้บอกคุณ เรื่องแบบนี้จะให้มาลืมง่ายแบบนี้มันเป็นไปไม่ได้หรอก” เธอพูดพร้อมกับหันหลังให้เขาและเดินไปนั่งเล่นมือถือที่โซฟาใต้แตียงนอน “โอเคงั้นฉันไม่กวนแล้วนะเดี๋ยวฉันไปทำงานก่อนนะ” เขาพูดจบก็เดินเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวของเขาที่อยู่ในห้องนอน หนึ่งเดือนต่อมา…ถึงวันที่ศาลตัดสิน คดีฟ้องชู้ข้าวฟ่าง… ข้าวฟ่างแพ้คดีและต้องจ่ายค่าทดแทนเป็นจำนวนเงิน หนึ่งล้านบาท เธอก็จ่ายให้จารุวีย์ทำให้คดีจบและเธอก็เริ่มแผนของเธอที่ว่าจะให้ภูริทัตมาเป็นพ่อของลูกเธอ เธอได้ซื้อที่ตรวจมาหลายอันและทำการตรวจ ก็นำเอาที่ตรวจครรภ์ที่ขึ้นสองขีดแล้วไปหาภูริทัต ภูริทัตเห็นเธอพยายามจะเดินหนีแต่เธอก็บอกกับเขาว่ามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย ต่อให้ภูริทัตไม่อยากคุยด้วยแต่ก็ต้องเดินนำไปในห้องทำงานของเขาและบอกกับเธอให้ตามมา “ข้าวมีอะไรครับ?” เขาหันไปถามด้วยสายตาที่เย็นชาเพราะเขาไม่มีความรู้สึกอะไรให้เธออีกแล้ว “เรื่องสำคัญแน่นอนค่ะ…อะนี่คุณดูนี่คือลูกของภู” เธอพูดพร้อมยื่นที่ตรวจครรภ์ที่ขึ้นสองขีดให้เขาดู ทำให้ภูริทัตเข่าอ่อนทันทีเพราะที่เธอมาหาแบบนี่คงต้องการให้เขารับผิดชอบแน่นอน การพูดคุยของทั้งสองนี่มีอีหหนึ่งสายตาที่ยืนมองอยู่ ซึ่งสายตาคู่นั้นก็คือสายตาของจารุวีย์เธอได้ยินแบบนั้นทำให้เธอหน้าชาไปหมดเหมือนเอามีดมากรีดที่หัวใจของเธอ เธอมาที่บริษัทของภูริทัตเพื่อที่จะเอาอาหารและขนมหวานที่เธอทำเองมาให้เขา แต่สิ่งที่เธอได้ยินทำเอาของที่เธอถืออยู่นั่นตกหลุดมือไปจนทั้งสองคนที่คุยกันในห้องหันมา ภูริทัตตกใจสุดขีดเขารีบเดินไปหาจารุวีย์ “คืออะไรคะ คุณช่วยตอบฉันทีว่ามันคืออะไร?” เธอพูดพร้อมน้ำตาที่ไหลอาบบนสองแก้มของเธอ สุดท้ายแล้วความเสียใจก็วนกลับมาหาเธออีกครั้ง “คือ ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันแต่หลังจากที่ฉันมาอยู่กับเธอฉันก็ไม่เคยไปมีอะไรกับข้าวอีกเลยนะ” เขาพูดออกไปโดยที่เขาเองก็ลืมว่าหนึ่งเดือนก่อนวันที่เขาไปดื่มกับวุฒิชัยวันนั้นข้าวฟ่างส่งรููปเขาและเธอที่นอนด้วยกันมาหาจารุวีย์ “ภูพูดแบบนี้ได้ยังไงคะ หนึ่งเดือนก่อนคุณยังนอนกับข้าวอยู่เลยจารุวีย์ก็รับรู้คุณพูดแบบนี้จะไม่รับผิดชอบข้าวเหรอ” “ข้าวจะให้ผมรับผิดชอบข้าวยังไง ในเมื่อผมมีเมียและลูกแล้วอีกอย่างวันนั้นผมไม่มั่นใจด้วยซ้ำว่าผมมีอะไรกับคุณเพราะถ้าผมมีอะไรกับคุณจริงผมต้องรู้สึกสิ แต่นี่ผมไม่มีความรู้สึกอะไรเลยเหมือนผมนอนหลับแล้วตื่นมาอีกที” เขาก็พูดไปตามความจริงที่เขารู้สึก แต่วินาทีนั้นจารุวีย์ไม่ฟังอะไรแล้วทั้งนั้นเพราะเธอบอบช้ำไปทั้งหััวใจเธอเงยหน้าไปมองตาภูริทัตด้วยน้ำตา “พอเถอะสุดท้ายแล้วฉันก็ต้องมาเสียใจอะไรแบบนี้อีกแค่สี่เดือนกว่าลูกของฉันก็จะเกิดมาแล้วถ้าเขาต้องมารับรู้อะไรแบบนี้ฉันขอเลี้ยงลูกเพียงลำพังดีกว่า” หลังพูดจบจารุวีย์ก็เดินหนีออกไป ภูริทัตกำลังจะเดินตามแต่ข้าวฟ่างก็ดึงเขาไว้ “เดี๋ยวก่อนสิคะภูมาคุยกันให้รู้เรื่องก่อนข้าวตั้งท้องลูกของเราอยู่นะคะคุณอยากมีลูกไม่ใช่เหรอข้าวก็มีให้ภูแล้วไง” เธอจับแขนภูริทัตและพูดกับเขาด้วยหน้าที่ยิ้มบานทั้งที่ความจริงลูกที่อยู่ในท้องของเธอไม่ใช่ลูกของภูริทัตแต่เป็นของวุฒิชัยผู้ชายที่เจ้าชู้เอาผู้หญิงไปทั่วไม่จริงจังกับใครเลย “คุณแน่ใจเหรอข้าวว่าเป็นลูกของผม?” คำถามนี่ทำเอาข้าวฟ่างชะงักไปพักหนึ่งแต่ก็ยังคงโกหกเหมือนเดิม “แน่ใจสิก็ข้าวมีอะไรกับคุณแค่คนเดียวไม่ใช่ลูกคุณแล้วจะเป็นลูกใครคุณต้องรับผิดชอบข้าวนะข้าวเองก็มีชื่อเสียงคุณต้องแต่งงานกับข้าว” “ถ้าลูกของผมจริงผมจะรับผิดชอบแต่ต้องตรวจดีเอ็นเอให้แน่ใจก่อน เพราะอะไรมั่นใจ” พูดจบเขาก็รีบเดินตามไปหาจารุวีย์ทำให้ข้าวฟ่างยืนนิ่งเพราะถ้าตรวจดีเอ็นเอก็ต้องพบว่าลูกไม่ใช่ลูกของภูริทัต >>>>ติดตามตอนต่อไปหลังจากนั้นวุฒิชัยก็เดินเข้าไปในครัว เขากะจะโชว์ฝีมือการทำอาหารให้เมียเขาดูแต่เมื่อหันกลับไปเมียของเขากับนั่งเล่นมือถืออยู่ที่โซฟาไม่เดินตามเขามาเขาเดินกลับไปที่ห้องรับแขกไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเมีย“ทำไมคุณไม่ตามผมมา” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ข้าวฟ่างถึงกับสะดุ้งและเงยหน้ามอง“ไปไหน” เธอถามเพียงสั้นๆ พร้อมหน้าตาที่งงงวย“ไปครัวไงผมจะโชว์ฝีมือ” เธอได้แต่ถอนหายใจแค่ทำอาหารทำไมต้องให้เธอไปดูด้วย“ทำไมฉันต้องไปด้วยคุณทำมาให้กินเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”“ก็ได้นั่งรออยู่นี่แหละ” สิ้นสุดเสียงนั้นหนุ่มหล่อผู้เป็นสามีก็เข้าครัวไปทำอาหารและสักพักก็ถือออกมาให้เมียของเขาทาน ข้าวฟ่างที่นั่งเล่นมือถืออยู่เมื่อได้ยินเสียงวางอาหารเธอก็รีบวางมือถือเพื่อจะชิม“ฉันรอชิมก่อนนะ” สิ้นสุดเสียงเธอก็ใช้ซ้อมตักโดยไม่รอคำตอบจากสามี เมื่ออาหารเข้าปากคำแรกเธอก็ได้รับรสชาติที่แสนอร่อยและไม่คิดว่าเขาจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้“เป็นไงบ้าง อร่อยมั้ยครับคุณหนูข้าวฟ่าง” ใบหน้าแห่งความคาดหวังให้เมียชมก็จ้องมองไปที่หน้าของเธอ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ ก็พอทานได้ให้สอนคุณทำอาหาร” ต่อให้อาหารจะอร่อยแค่ไหนเธอก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวเสียฟอร์ม“งั้นเห
“คุณไปเอารูปผมมาจากไหน” ใบหน้าที่แทบจะเก็บรอยยิ้มของเขาไว้ไม่อยู่ทั้งพูดทั้งมองหน้าเธอ“ในเฟชบุ๊คและไลนฺ์คุณไง เอามาไม่ได้เหรอ”“ก็ได้แต่แค่แปลกใจเฉยๆ ไหนคุณบอกไม่อยากลบรูปเขาไงกลัวไม่มีโอกาสได้ถ่ายอีก” คำพูดของเขาดูนอยๆ แต่ความจริงก็หายโกรธตั้งแต่เห็นหน้าเธอแล้วแหละแค่แกล้งถามไป“พอมาคิดดูๆ แล้วเขาก็แค่อดีตไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันแล้ว ปัจจุบันนี้ต่างหากที่สำคัญ” เธอพูดและส่งรอยยิ้มหวานให้สามีเธอทำให้หัวใจของเขาพองโตยิ้มออกมาด้วยความเขิน“จริงเหรอผมสำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยเหรอ”“เปล่าค่ะ ฉันหมายถึงฉันเองต่างหากที่ยืนอยู่ในปัจจุบันควรที่จะเห็นความสำคัญของตัวเองไม่ควรไปยึดติด” คำพูดของเธอกับทำให้เขาโกรธอีกครั้ง เขาเดินหนีไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานของเขาทำให้ข้าวฟ่างเข้าใจในทันทีว่าเขาน้อยใจอีกแล้ว เธอรีบเดินตามเขาไป“คุณเป็นอะไรคะ” หญิงสาวนั่งลงข้างๆ สามีและยื่นหน้าไปถามเขาทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังน้อยใจเธอ“เปล่าครับ”“ฉันล้อเล่น คุณก็สำคัญเหมือนกันนะไม่งั้นฉันไม่มาง้อถึงที่นี่หรอก” ได้ยินแบบนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็กอดไปที่เอวเธออัตโนมัติ และโน้มตัวไปหอมแก้มเธอ“จริงเหรอ”“คุณ
ข้าวฟ่างเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งนิ่งเงียบและมองหน้าเธอแปลกๆ เธอจึงเอ่ยปากถามเขาด้วยความสงสัย“คุณเป็นอะไรรึเปล่าทำไมมองหน้าฉันแปลกๆ”“เปล่า” สายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของเขาก็แสดงออกมาทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าคำปฏิเสธของเขานั้นต้องมีอะไรแน่ๆ“แน่ใจเหรอคะ” เธอถามทวนเขาอีกรอบเพราะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเก็บความอึดอัดไว้คนเดียวได้เดี๋ยวก็ต้องบอกความต้องการของเขามา ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นานแต่เธอมั่นใจว่าเธอรู้จักเขาดีพอ“ผมถามจริงๆ เถอะคุณยังรักคุณภูริทัตอยู่รึป่าว”“คุณถามทำไม”“ผมแค่อยากรู้” บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลกลัวว่าเมียจะยังรักแฟนเก่าอยู่สายตาที่ต้องการคำตอบมองเธอไม่กระพริบสายตา“ฉันไม่รู้แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรแล้ว ไม่แน่ใจว่าไม่รักแล้วรึเปล่า” เธอยังคงสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอาจจะไม่รักแล้วแต่แค่ยังเสียดายเวลาที่ผ่านมาเพราะคบกันมาตั้งหลายปีจะให้ลืมสนิทมันคงเป็นไปได้ยากอาจจะแค่นึกถึงแค่นั้น“คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่รักเขาแล้ว ผมยังเห็นรูปเขาอยู่เต็มโทรศัพท์ของคุณอยู่เลย" เขาแสดงอาการของคนที่ขี้น้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดข้าวฟ่างเธอไม่คิิดว่าผู้ช
“สวัสดีน้ำหวาน” เธอทักทายกลับโดยไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่เธอเหล่ตาไปมองที่ข้างๆ ที่ข้าวฟ่างนั่งเห็นวุฒิชัยก็สะดุดตาในความหล่อเหลาของเขา“ภูไปไหนแล้วละทำไมได้มากับผู้ชายอื่น”“เลิกกันแล้ว”“อุ้ย!ทำไมได้เลิกเหรอเห็นรักกันดีอยู่นะรักกันมาตั้งหลายปีเธอปล่อยภูหลุดมือไปได้ยังไงกันอุส่าแย่งไปจากฉัน”“พูดให้มันดีๆ นะฉันไม่เคยแย่งภูมาจากเธอแต่ภูไม่เคยเป็นของเธอเลยต่างหาก” เธอเงยหน้าขึ้นขิงใส่น้ำหวานอย่างเบื่อหน่ายเพราะน้ำหวานตามราวีเธอไม่เลิกจนไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนึกว่าเธอจะเลิกแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิม“อย่าทำมาพูดหน่อยเลย ตอนนี้เป็นไงได้ข่าวว่าภูเขามีลูกมีเมียใหม่แล้วหนิ” เธอพูดเยาะเย้ยใส่ทำให้ข้าวฟ่างโกรธเพราะเหมือนมากรีดแผลใจเธอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บมากเหมือนเมื่อก่อนอาจเป็นเพราะเธอได้อยู่ใช้ชีวิตกับวุฒิชัยผู้ชายไม่เอาไหนที่เจ้าชู้ไปวันๆ แต่วันนี้เหมือนราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน“มีใหม่แล้วยังไง ฉันก็มีใหม่แล้วเหมือนกันทั้งหล่อรวยเธอละมีปัญญาหาได้สักคนรึยังมาเที่ยวยุ่งเรื่องคนอื่นนี่ ออกไปจากโต๊ะนี่ได้แล้วไปเกะกะลูกตา” เธอเอนหัวไปที่ไหล่ของวุฒิชัยและกอดแขนเขาเพื่อทำใส่น้ำหวานเธอโกรธและ
ข้าวฟ่างยังคงยืนนิ่งกับคำถามของวุฒิชัยอยู่“ขึ้นรถเถอะ”“ตอบผมมาก่อนสิ” สายตาแห่งความคาดหวังมองไปที่หน้าของเธออย่างจริงจังแต่เธอกลับหลบสายตาเขา“ขึ้นรถไปก่อนแล้วฉันจะตอบ” พูดจบขาทั้งสองข้างของเธอก็ก้าวขึ้นรถและยังคงนั่งนิ่งเงียบคิดเรื่องที่เขาถามเธอความสับสนมากมายอยู่ในใจของเธอ“ว่าไงครับ” เขายังคงต้องการคำตอบจากเธออยู่จี้ถามให้เธอตอบ“ฉันไม่รู้เหมือนกัน คุณมันเจ้าชู้ฉันไม่รู้จะเอาคุณอยู่รึเปล่าฉันไม่กล้าเปิดใจเพราะกลัวจะเป็นแบบภูอีก” เธอพูดพร้อมก้มหน้าลง“แต่ผมไม่ใช่เขา ถึงเวลาที่ผมหยุดผมก็หยุดได้ที่ผมทำตัวเจ้าชู้เพราะผมยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่ตอนนี้ผมอยากใช้ชีวิตครอบครัวที่มีความสุขกับคุณ” เขาพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง“ฉันยังไม่กล้าเปิดใจกับคุณหรอกพูดจริงๆ นะฉันเข็ดกับความรักจริงๆ” สองสายตาของเธอมองไปที่เขาด้วยความรู้สึกที่ดีแต่เธอกลัวจริงๆ เพราะเขาเจ้าชู้จริงๆ ในขณะที่เธอท้องไปหาเขายังนัวเนียกับผู้หญิงอื่นไปทั่วเลย“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ไอ้หมอนั้น!” เขาพูดเสียงดังด้วยความเคืองที่เธอเอาแต่นึกถึงภูริทัต“ก็คุณเจ้าชู้ไง ผู้หญิงมาหาคุณไม่ซ้ำหน้าจะให้ฉันเชื่อใจคุณได้ยังไง” เธอพูดออกไปแบบนั้
05 : 20 น.เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าร่างกายเธอเหมือนมีอะไรมากอดอยู่เมื่อก้มลงมามองดูก็เห็นเป็นแขนของวุฒิชัยที่กำลังกอดเธออยู่เธอรีบลุงขึ้นและแขนของเขากับกอดเธอลงไปนอนอีก“นี่คุณมานอนกอดฉันได้ยังไงกันใครอนุญาตให้กอดไม่ทราบ” เธอหันหน้าไปถามเขาด้วยเสียงดุใส่“ไม่มีอะ ผมอยากกอดก็กอดเลยคุณมีปัญหาเหรอนี่เมียผม” เขาพูดหน้าตาเฉยใส่เธอ“แค่เมียในนามเท่านั้นแหละ ฉันเป็นแค่แม่ของลูกคุณเท่านั้น”“ไม่อ่ะ คุณเป็นเมียผมคืนนั้นยังร่วมรักกันอยู่เลย” สิ้นสุดเสียงนั้นก็มีฝามือเล็กๆ ตีลงที่หน้าอกของเขาโอ้ยยยย!! เสียงที่ทำเขาสะดุ้งอาจไม่เจ็บสักเท่าไหร่แต่ก็แสบไม่น้อย“นี่คุณอย่ามาพูดทะลึงนะ คุณมันชอบฉวยโอกาส” เธอโกรธที่เขาพูดเรื่องนี่หรือเขินก็ไม่แน่ใจ“ใจร้ายจังแค่พูดความจริงก็รับไม่ได้” เขากอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ยิ่งเธอทำเหมือนหวงตัวแบบนี้ยิ่งชอบเขาไม่ชอบผู้หญิงง่ายๆ แต่เขาก็เอาเหมือนเดิมแต่กับข้าวฟ่างเขารู้สึกว่ามันน่าค้นหาดีเล่นตัวแบบนี้“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” เธอพูดเสียงแข็งให้เขาเลิกกอดเธอ“ไม่นะ ขอนอนกอดก่อน”เปี๊ยะ!! เสียงตีไปที่หน้าอกเขาอีกรอบ ทำให้เขาคายกอดออกอย่างรวดเร็ว“เอะอะก็ตีเป็นลูกเลี้ยงเ







