Masukข้าวฟ่างงงมากว่าจดหมายจากศาลอะไร เธอตกใจมากเพราะเธอเองก็ไม่เคยไปทำอะไรผิด
“จดหมายอะไร เอามาดูสิ” พูดจบเธอก็ยื่นมือไปรับจดหมาย และเมื่อเปิดดูเธอถึงกับตกใจสุดขีดเพราะ ไม่คิดว่ารูปที่เธอส่งไปเย้ยจารุวีย์จะเป็นหลักฐานให้จารุวีย์ฟ้องชู้เธอ นี่เธอกล้าฟ้องฉันงั้นเหรอ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำแบบนี้ร้ายนักนะจารุวีย์ ทำยังไงดีละฉัน “มีอะไรลูก” พ่อของข้าวฟ่างเห็นลูกสาวของเขาหน้าเครียดเลยถามดู “คุณพ่อคะ หนูโดนภรรยาภูฟ้องชู้ค่ะหนูจะทำยังไงดีคะ” เธอมองไปที่หน้าของพ่อเธอด้วยความเครียด เพราะไม่รู้ข้อกฏหมายอะไรเลยกลัวว่าเธอจะโดนอะไร “แล้วลูกไปทำยังไงถึงโดนฟ้อง อย่าบอกนะว่าลูกกลับไปหาตาภูริทัต” พ่อของข้าวฟ่างพูดด้วยความ เคืองโกรธภูริทัตที่ทิ้งลูกส่าวของตนไป “ใช่ค่ะ ก็หนูรักภูหนิพ่อจะให้หนูทำยังไงปล่อยภูให้ยัยจารุวีย์งั้นเหรอหนูไม่มีวันยอมหรอก” “ภูริทัตทิ้งลูกสาวฉันไปแล้วยังมาทำให้ลูกสาวฉันเดือดร้อนอีก ฉันจะทำยังไงกับแกดี” “ภูไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะหนูผิดเองเพราะหนูไปหาเขาเอง” เธอปกป้องภูริทัตเพราะกลัวว่าถ้าภูมาอยู่ กับเธอจะอยู่ไม่ได้ถ้าพ่อของเธอเกลียดเขา “นี่ลูกยังเข้าข้างมันอีกเหรอ” พ่อของเธอก็โกรธภูริทัตแต่ก็สงสารลูกสาวเห็นเธอรักภูริทัตมากเลย พยายามไม่โกรธ “คุณพ่อหนูอยากได้ภูกลับมา หนูรักกันมาตั้งนานพ่อยอมรับเขาเถอะนะอีกไม่นานเขาก็จะต้องกลับมา หาหนู” ข้าวฟ่างพูดด้วยความมั่นใจเพราะเธอวางแผนไว้แล้ว “เดี๋ยวพ่อจะติดต่อทนายให้อย่าทำให้เรื่องมันแดงนะตะกูลเรามีชื่อเสียงพ่อไม่อยากให้เรื่องแบบนี้ออกไปถึงหูคนอื่น” พ่อของเธอเป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงกลัวเรื่องไม่ดีออกแล้วจะทำให้บริิษัทของเขาได้รับผลด้วย หลังจากนั้นเธอก็โทรไปหาจารุวีย์ด้วยความโกรธ “ฮัลโหลสวัสดีค่ะ” จารุวีย์รับสายและพูดด้วยความนิ่งถึงแม้เธอจะรู้ว่านั่นคือเบอร์ของข้าวฟ่าง “นี่แกกล้าทำอย่างนี้กับฉันเลยเหรอ ร้ายนักนะแกนังจารุวีย์” เธอไปด้วยความโมโหจากที่เคยเป็นคนดีโดนภูริทัตทิ้งจนกลายเป็นนางร้าย “คุณข้าวเหรอคะ ฉันไม่ได้ร้ายนะคะแต่ความเสียใจของฉันมันมีราคาค่ะ” “แล้วแกคิดว่าที่แกมาเอาภูไปฉันไม่เสียใจงั้นเหรอ” เธอพูดก็ถูกของเธอแต่จารุวีย์ก็ไม่ได้ตั้งใจให้เกิดเรื่องแบบนี้ “ฉันไม่ได้ตั้งใจแต่คุณก็ยังไม่มีลูกอย่างฉัน ฉันมีลูกที่อยู่ในท้องเขาก็ต้องการพ่อถ้าเลือกได้ฉันก็ไม่อยากให้เกิิดเรื่องแบบนี้ด้วยซ้ำ” น้ำตาที่ค้างในตาของเธอก็รินไหลออกมาด้วยความทุกข์ตั้งแต่เกิดเรื่องเธอก็เป็นทุกข์มาตลอดมีความสุขแค่แปปเดียวก็กลับมาทุกข์อีก “เธอไปถอนฟ้องชู้ฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ จะทำให้ฉันเสียชื่อเสียงฉันขอร้อง” ข้าวฟ่างเธอขอร้องให้จารุวีย์ถอนฟ้อง “คุณมายั่วฉันเองคุณก็รับผลมันเอง แค่นี้นะคะเสียเวลาทำงานของฉัน” จารุวีย์พูดจบก็ตัดสายทิ้งปล่อยข้าวฟ่างกรี้ดร้องอยู่คนเดียว ฉันทำถูกแล้วแหละฉันจะปล่อยให้เขามาทำให้ฉันเจ็บซ้ำฝ่ายเดียวไม่ได้ แล้วฉันจะทำยังไงต่อดีจะเลิกกับคุณภูแล้วเลี้ยงลูกเพียงลำพังหรือกลับไปให้อภัยเขาดีนะ เขารักฉันจริงๆ รึป่าหรือยังรักคุณข้าวฟ่าง จารุวีย์คุ่นคิดวนไปมา เพราะเธอเองก็อยากให้อภัยเพราะสงสารลูกและยังรักเขา แต่ก็กลัวว่าจะต้องเสียใจอีกถ้าเขายังลืมข้าวฟ่างไม่ได้เธอเองไม่รู้เลยว่าภูริทัตรักเธอกับลูกมาก เธอไปปรึกษากับแม่ของเธอ “ลูกรักเขารึป่าวละ” คำถามจากผู้เป็นแม่ทำเอาน้ำตาเธอค้างที่ในตาเธอเขาน่าจะเป็นรักแรกของเธอด้วยซ้ำ “คือ..รักสิคะเขาเป็นพ่อของลูกหนูหนูก็อยากให้ลูกได้อยู่กับพ่อของเขาด้วย” “งั้นคำตอบทั้งหมดก็อยู่ที่หนูแล้วหนูให้โอกาสเขาแล้วแหละ กลับไปอยู่กับเขานะหนูบอกว่าเขาเมาไม่ใช่เหรอเวลาเขาเมาเขาไม่มีสติหนิตามที่หนูบอกให้โอกาสเขานะอย่างน้อยก็ทำเพื่อหลานแม่” “แต่หนูกลัวเขาจะทำให้หนูเสียใจอีก” เธอสองจิตสองใจ “แต่หนูอยู่แบบนี้ก็เป็นทุกข์ไม่ใช่เหรอถ้าเขาทำผิดอีกหนูค่อยตัดสินใจใหม่นะแม่ดูไปแล้วเขารักหนูมากอยู่นะ เดี๋ยวแม่จะโทรให้เขามารับหนูนะ” พูดจบอมลภัทรก็เดินไปโทรให้ภูริทัตมารับจารุวีย์ “ฮัลโหลครับแม่..” ภูริทัตรับสายและพูดเสียงเบาๆ เพราะเขากำลังจะเข้าประชุม “ภูมารับจารุวีย์กลับไปอยู่ด้วยกันเถอะจารุวีย์ให้อภัยแล้ว” ได้ยินแบบนั้นหน้าของเขายิ้มด้วยความดีใจ “ครับผมจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” เขาวางสายและรีบไปหาเลขาของเขาและบอกยกเลิกปีะชุมนัดประชุมใหม่พรุ่งนี้ บอกไปก็ไม่ได้ฟังคำตอบใดๆ เขารีบออกไปเพื่อที่จะไปรับจารุวีย์ที่บ้าน “เดี๋ยวก่อนค่ะคุณภู” เลขาของเขาเรียกตามหลังแต่ก็ไม่ได้ผลเลย แล้วจะแจ้งกับฝ่ายอื่นๆ ว่าอะไรละทีนี้ บ้านจารุวีย์… “คุณมาทำไม” จารุวีย์แกล้งถามเพราะรู้อยู่แล้วว่าเขาจะมารับกลับบ้าน “มารับเธอกลับบ้านไง เธอให้อภัยฉันแล้วไม่ใช่เหรอ” “แล้วคุณไม่ต้องทำการทำงานหรือยังไงมารับฉันเวลานี้” เธอแปลกใจมากที่แม่เธอโทรไปบอกไม่นานเขาก็มา ..เขาดูรักฉันจริงๆ จังเลยนะแต่ทำไมเขายังไปหาคุณข้าวฟ่างอีก “ฉันยกเลิกประชุมมารับเธอกลับบ้านเพราะฉันคิดถึงเธอมาก ประชุมไม่ได้สำคัญอะไรมากหรอกกลับบ้านกัน” หน้าของเขาดูดีใจมากที่จะได้กลับไปอยู่กับจารุวีย์ “ฉันยังไม่ได้เก็บของคุณรอก่อนละกันขอฉันเก็บของก่อน” พูดเสร็จเธอก็เดินไปที่ห้องเพื่อเก็บข้าวของของเธอเธอทำงานอยู่ที่บ้านไม่ได้เข้าไปบริษัทวันนี้ ภูริทัตก็เดินไปตามหลัง “คุณมาทำไมเนี้ยฉันบอกแล้วไงให้รอก่อนฉันเก็บของก่อน” “ฉันมาช่วยเก็บของไงไหนมีอะไรบ้าง” รอยยิ้มที่ออกจากใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาทำเอาจารุวีย์เผลอยิ้มออกมา “ไม่ต้องค่ะไปนั่งรอนะฉันเก็บเอง” เธอดันเขาออกไปและก็รีบไปหาของเพื่อเก็บ “แต่ฉันขอนั่งรอตรงนี้นะ” พูดจบเขาก็นั่งลงบนที่นอนที่หนานุ่มในห้องจารุวีย์ และมองเธอด้วยความคิดถึงแยกกันอยู่เป็นอาทิตย์เขาคิดถึงเธอมากเขามองไปที่ท้องของจารุวีย์และยิ้มคิดว่าเมื่อไหร่เขาจะได้เจอหน้าลููกของเขา เขาอยากมีลูกมานานแล้วถึงลูกจะไม่ได้เกิดจากความตั้งใจของเขาแต่เขาก็รักและอยากดูแล >>>>>ติดตามต่อต่อไปหลังจากนั้นวุฒิชัยก็เดินเข้าไปในครัว เขากะจะโชว์ฝีมือการทำอาหารให้เมียเขาดูแต่เมื่อหันกลับไปเมียของเขากับนั่งเล่นมือถืออยู่ที่โซฟาไม่เดินตามเขามาเขาเดินกลับไปที่ห้องรับแขกไปยืนอยู่ตรงหน้าผู้เป็นเมีย“ทำไมคุณไม่ตามผมมา” เสียงที่ดังขึ้นทำให้ข้าวฟ่างถึงกับสะดุ้งและเงยหน้ามอง“ไปไหน” เธอถามเพียงสั้นๆ พร้อมหน้าตาที่งงงวย“ไปครัวไงผมจะโชว์ฝีมือ” เธอได้แต่ถอนหายใจแค่ทำอาหารทำไมต้องให้เธอไปดูด้วย“ทำไมฉันต้องไปด้วยคุณทำมาให้กินเฉยๆ ไม่ได้เหรอ”“ก็ได้นั่งรออยู่นี่แหละ” สิ้นสุดเสียงนั้นหนุ่มหล่อผู้เป็นสามีก็เข้าครัวไปทำอาหารและสักพักก็ถือออกมาให้เมียของเขาทาน ข้าวฟ่างที่นั่งเล่นมือถืออยู่เมื่อได้ยินเสียงวางอาหารเธอก็รีบวางมือถือเพื่อจะชิม“ฉันรอชิมก่อนนะ” สิ้นสุดเสียงเธอก็ใช้ซ้อมตักโดยไม่รอคำตอบจากสามี เมื่ออาหารเข้าปากคำแรกเธอก็ได้รับรสชาติที่แสนอร่อยและไม่คิดว่าเขาจะทำอาหารได้อร่อยขนาดนี้“เป็นไงบ้าง อร่อยมั้ยครับคุณหนูข้าวฟ่าง” ใบหน้าแห่งความคาดหวังให้เมียชมก็จ้องมองไปที่หน้าของเธอ“ก็ไม่เท่าไหร่นะ ก็พอทานได้ให้สอนคุณทำอาหาร” ต่อให้อาหารจะอร่อยแค่ไหนเธอก็ไม่กล้าบอกเพราะกลัวเสียฟอร์ม“งั้นเห
“คุณไปเอารูปผมมาจากไหน” ใบหน้าที่แทบจะเก็บรอยยิ้มของเขาไว้ไม่อยู่ทั้งพูดทั้งมองหน้าเธอ“ในเฟชบุ๊คและไลนฺ์คุณไง เอามาไม่ได้เหรอ”“ก็ได้แต่แค่แปลกใจเฉยๆ ไหนคุณบอกไม่อยากลบรูปเขาไงกลัวไม่มีโอกาสได้ถ่ายอีก” คำพูดของเขาดูนอยๆ แต่ความจริงก็หายโกรธตั้งแต่เห็นหน้าเธอแล้วแหละแค่แกล้งถามไป“พอมาคิดดูๆ แล้วเขาก็แค่อดีตไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับฉันแล้ว ปัจจุบันนี้ต่างหากที่สำคัญ” เธอพูดและส่งรอยยิ้มหวานให้สามีเธอทำให้หัวใจของเขาพองโตยิ้มออกมาด้วยความเขิน“จริงเหรอผมสำคัญกับคุณขนาดนั้นเลยเหรอ”“เปล่าค่ะ ฉันหมายถึงฉันเองต่างหากที่ยืนอยู่ในปัจจุบันควรที่จะเห็นความสำคัญของตัวเองไม่ควรไปยึดติด” คำพูดของเธอกับทำให้เขาโกรธอีกครั้ง เขาเดินหนีไปนั่งที่โซฟาในห้องทำงานของเขาทำให้ข้าวฟ่างเข้าใจในทันทีว่าเขาน้อยใจอีกแล้ว เธอรีบเดินตามเขาไป“คุณเป็นอะไรคะ” หญิงสาวนั่งลงข้างๆ สามีและยื่นหน้าไปถามเขาทั้งที่เธอรู้อยู่แล้วว่าเขากำลังน้อยใจเธอ“เปล่าครับ”“ฉันล้อเล่น คุณก็สำคัญเหมือนกันนะไม่งั้นฉันไม่มาง้อถึงที่นี่หรอก” ได้ยินแบบนั้นมือทั้งสองข้างของเขาก็กอดไปที่เอวเธออัตโนมัติ และโน้มตัวไปหอมแก้มเธอ“จริงเหรอ”“คุณ
ข้าวฟ่างเดินออกมาจากห้องน้ำก็เห็นเขานั่งนิ่งเงียบและมองหน้าเธอแปลกๆ เธอจึงเอ่ยปากถามเขาด้วยความสงสัย“คุณเป็นอะไรรึเปล่าทำไมมองหน้าฉันแปลกๆ”“เปล่า” สายตาที่แฝงไปด้วยความน้อยใจของเขาก็แสดงออกมาทำให้เธอรู้ได้ในทันทีว่าคำปฏิเสธของเขานั้นต้องมีอะไรแน่ๆ“แน่ใจเหรอคะ” เธอถามทวนเขาอีกรอบเพราะรู้ดีว่าเขาไม่สามารถเก็บความอึดอัดไว้คนเดียวได้เดี๋ยวก็ต้องบอกความต้องการของเขามา ถึงแม้ว่าเธอกับเขาจะอยู่ด้วยกันได้ไม่นานแต่เธอมั่นใจว่าเธอรู้จักเขาดีพอ“ผมถามจริงๆ เถอะคุณยังรักคุณภูริทัตอยู่รึป่าว”“คุณถามทำไม”“ผมแค่อยากรู้” บนใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกังวลกลัวว่าเมียจะยังรักแฟนเก่าอยู่สายตาที่ต้องการคำตอบมองเธอไม่กระพริบสายตา“ฉันไม่รู้แต่ฉันก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรแล้ว ไม่แน่ใจว่าไม่รักแล้วรึเปล่า” เธอยังคงสับสนกับความรู้สึกของตัวเองอาจจะไม่รักแล้วแต่แค่ยังเสียดายเวลาที่ผ่านมาเพราะคบกันมาตั้งหลายปีจะให้ลืมสนิทมันคงเป็นไปได้ยากอาจจะแค่นึกถึงแค่นั้น“คุณแน่ใจนะว่าคุณไม่รักเขาแล้ว ผมยังเห็นรูปเขาอยู่เต็มโทรศัพท์ของคุณอยู่เลย" เขาแสดงอาการของคนที่ขี้น้อยใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดข้าวฟ่างเธอไม่คิิดว่าผู้ช
“สวัสดีน้ำหวาน” เธอทักทายกลับโดยไม่สบอารมณ์สักเท่าไหร่เธอเหล่ตาไปมองที่ข้างๆ ที่ข้าวฟ่างนั่งเห็นวุฒิชัยก็สะดุดตาในความหล่อเหลาของเขา“ภูไปไหนแล้วละทำไมได้มากับผู้ชายอื่น”“เลิกกันแล้ว”“อุ้ย!ทำไมได้เลิกเหรอเห็นรักกันดีอยู่นะรักกันมาตั้งหลายปีเธอปล่อยภูหลุดมือไปได้ยังไงกันอุส่าแย่งไปจากฉัน”“พูดให้มันดีๆ นะฉันไม่เคยแย่งภูมาจากเธอแต่ภูไม่เคยเป็นของเธอเลยต่างหาก” เธอเงยหน้าขึ้นขิงใส่น้ำหวานอย่างเบื่อหน่ายเพราะน้ำหวานตามราวีเธอไม่เลิกจนไม่ได้เจอกันตั้งหลายปีนึกว่าเธอจะเลิกแล้วแต่ก็ยังเหมือนเดิม“อย่าทำมาพูดหน่อยเลย ตอนนี้เป็นไงได้ข่าวว่าภูเขามีลูกมีเมียใหม่แล้วหนิ” เธอพูดเยาะเย้ยใส่ทำให้ข้าวฟ่างโกรธเพราะเหมือนมากรีดแผลใจเธอแต่มันก็ไม่ได้ทำให้เธอเจ็บมากเหมือนเมื่อก่อนอาจเป็นเพราะเธอได้อยู่ใช้ชีวิตกับวุฒิชัยผู้ชายไม่เอาไหนที่เจ้าชู้ไปวันๆ แต่วันนี้เหมือนราวกับว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน“มีใหม่แล้วยังไง ฉันก็มีใหม่แล้วเหมือนกันทั้งหล่อรวยเธอละมีปัญญาหาได้สักคนรึยังมาเที่ยวยุ่งเรื่องคนอื่นนี่ ออกไปจากโต๊ะนี่ได้แล้วไปเกะกะลูกตา” เธอเอนหัวไปที่ไหล่ของวุฒิชัยและกอดแขนเขาเพื่อทำใส่น้ำหวานเธอโกรธและ
ข้าวฟ่างยังคงยืนนิ่งกับคำถามของวุฒิชัยอยู่“ขึ้นรถเถอะ”“ตอบผมมาก่อนสิ” สายตาแห่งความคาดหวังมองไปที่หน้าของเธออย่างจริงจังแต่เธอกลับหลบสายตาเขา“ขึ้นรถไปก่อนแล้วฉันจะตอบ” พูดจบขาทั้งสองข้างของเธอก็ก้าวขึ้นรถและยังคงนั่งนิ่งเงียบคิดเรื่องที่เขาถามเธอความสับสนมากมายอยู่ในใจของเธอ“ว่าไงครับ” เขายังคงต้องการคำตอบจากเธออยู่จี้ถามให้เธอตอบ“ฉันไม่รู้เหมือนกัน คุณมันเจ้าชู้ฉันไม่รู้จะเอาคุณอยู่รึเปล่าฉันไม่กล้าเปิดใจเพราะกลัวจะเป็นแบบภูอีก” เธอพูดพร้อมก้มหน้าลง“แต่ผมไม่ใช่เขา ถึงเวลาที่ผมหยุดผมก็หยุดได้ที่ผมทำตัวเจ้าชู้เพราะผมยังไม่เจอคนที่ใช่ แต่ตอนนี้ผมอยากใช้ชีวิตครอบครัวที่มีความสุขกับคุณ” เขาพูดด้วยหน้าตาที่จริงจัง“ฉันยังไม่กล้าเปิดใจกับคุณหรอกพูดจริงๆ นะฉันเข็ดกับความรักจริงๆ” สองสายตาของเธอมองไปที่เขาด้วยความรู้สึกที่ดีแต่เธอกลัวจริงๆ เพราะเขาเจ้าชู้จริงๆ ในขณะที่เธอท้องไปหาเขายังนัวเนียกับผู้หญิงอื่นไปทั่วเลย“ก็บอกแล้วไงว่าผมไม่ใช่ไอ้หมอนั้น!” เขาพูดเสียงดังด้วยความเคืองที่เธอเอาแต่นึกถึงภูริทัต“ก็คุณเจ้าชู้ไง ผู้หญิงมาหาคุณไม่ซ้ำหน้าจะให้ฉันเชื่อใจคุณได้ยังไง” เธอพูดออกไปแบบนั้
05 : 20 น.เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็พบว่าร่างกายเธอเหมือนมีอะไรมากอดอยู่เมื่อก้มลงมามองดูก็เห็นเป็นแขนของวุฒิชัยที่กำลังกอดเธออยู่เธอรีบลุงขึ้นและแขนของเขากับกอดเธอลงไปนอนอีก“นี่คุณมานอนกอดฉันได้ยังไงกันใครอนุญาตให้กอดไม่ทราบ” เธอหันหน้าไปถามเขาด้วยเสียงดุใส่“ไม่มีอะ ผมอยากกอดก็กอดเลยคุณมีปัญหาเหรอนี่เมียผม” เขาพูดหน้าตาเฉยใส่เธอ“แค่เมียในนามเท่านั้นแหละ ฉันเป็นแค่แม่ของลูกคุณเท่านั้น”“ไม่อ่ะ คุณเป็นเมียผมคืนนั้นยังร่วมรักกันอยู่เลย” สิ้นสุดเสียงนั้นก็มีฝามือเล็กๆ ตีลงที่หน้าอกของเขาโอ้ยยยย!! เสียงที่ทำเขาสะดุ้งอาจไม่เจ็บสักเท่าไหร่แต่ก็แสบไม่น้อย“นี่คุณอย่ามาพูดทะลึงนะ คุณมันชอบฉวยโอกาส” เธอโกรธที่เขาพูดเรื่องนี่หรือเขินก็ไม่แน่ใจ“ใจร้ายจังแค่พูดความจริงก็รับไม่ได้” เขากอดเธอให้แน่นกว่าเดิม ยิ่งเธอทำเหมือนหวงตัวแบบนี้ยิ่งชอบเขาไม่ชอบผู้หญิงง่ายๆ แต่เขาก็เอาเหมือนเดิมแต่กับข้าวฟ่างเขารู้สึกว่ามันน่าค้นหาดีเล่นตัวแบบนี้“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้!!” เธอพูดเสียงแข็งให้เขาเลิกกอดเธอ“ไม่นะ ขอนอนกอดก่อน”เปี๊ยะ!! เสียงตีไปที่หน้าอกเขาอีกรอบ ทำให้เขาคายกอดออกอย่างรวดเร็ว“เอะอะก็ตีเป็นลูกเลี้ยงเ







