ย้อนกลับไปเมื่ออาทิตย์ก่อน
(พี่ยูริ ตอนนี้พี่อย่าเพิ่งกลับบ้านนะ) “ทำไม เกิดอะไรขึ้น!” เธอเอ่ยถามโรมัน น้องชายด้วยความร้อนใจ เพียงวินาทีแรกที่น้องชายบอกว่า ‘อย่าเพิ่งกลับบ้านตอนนี้’ นั่นทำให้เธอเริ่มรู้สึกเป็นห่วงคนทางบ้าน ตอนนี้เธอเลิกงานแล้ว และก็กำลังกลับบ้าน (พวกมันมาอีกแล้ว พ่อบอกให้ผมโทรหาพี่ แล้วบอกให้พี่อย่าเพิ่งกลับบ้าน) “ละ…แล้วตอนนี้พ่ออยู่ไหน?” (พ่อกำลังคุยกับพวกมัน แต่วันนี้หัวหน้ามันมาด้วย น่าจะจบยากอยู่อะ) “ตอนนี้ฉันถึงหน้าปากซอยทางเข้าบ้านแล้ว ฉันจะคุยกับพวกมันเอง” (ห๊ะ? พี่อย่าเพิ่งเข้าบ้านนะ พ่อกลัวว่าพี่จะไม่ปลอดภัย เลยบอกให้ผมโทรหาพี่เนี่ย) “เห็นฉันเป็นคนรักตัวกลัวตายมากรึไง ฉันก็เป็นห่วงพ่อ ห่วงแกนะโรมัน” (แต่ว่า…) “แค่นี้นะ ถึงบ้านแล้ว” เธอตัดสายจากน้องชาย ฝีเท้าชะลอความเร็วลงเมื่อเห็นรถหรูสีดำจอดอยู่หน้าบ้านสามคัน และมีชายชุดดำท่าทางน่ากลัวยืนมองเธออยู่นิ่งๆ แม้กลัว แต่ก็ต้องทำใจดีสู้เสือไว้ก่อน เคร้ง!! เสียงสิ่งของกระแทกพื้น ทำให้เธอรีบวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างไม่คิดชีวิต ทันทีที่เข้าไปในตัวบ้าน ก็เห็นพ่อตัวเองกำลังถูกชายชุดดำรุมกระทืบ ส่วนโรมันที่พยายามเข้าไปช่วยพ่อก็โดนล็อกตัวเอาไว้ “หยุดนะ!!” เธอตะเบ็งเสียงสั่งให้พวกนั้นหยุดการกระทำป่าเถื่อน พวกเขาหยุดเมื่อได้ยินเสียงเธอ แต่ก็เริ่มตวัดเท้าเตะพ่อเธอใหม่เหมือนเดิม นักเลงชัดๆ! “บอกให้หยุดไง!!” ผัวะ! เธอจับไม้เบสบอลของน้องชายฟาดใส่กลางหลังชายชุดดำอย่างไม่กลัวตายสักนิด นาทีนี้เธอไม่สนใจอะไรแล้ว พ่อโดนรุมกระทืบต่อหน้าขนาดนี้ คงยืนมองดูอย่างเลือดเย็นไม่ได้ “ออกไปจากบ้านของฉัน!!” เธอเข้าไปยืนบังพ่อ และใช้ไม้เบสบอลเป็นอาวุธป้องกันตัว พอเหลือบมองวัตถุสีดำที่เหน็บตรงเองคนพวกนี้ หัวใจเธอก็พลอยกระตุกวูบขึ้นมา ถึงอย่างนั้นก็เถอะ พอคนเรามันจนตรอกมากๆ ก็ไม่กลัวอะไรทั้งนั้น! “ต้องถึงขั้นทำแบบนั้นกันเลยเหรอ!” ตะโกนถามทั้งน้ำตา รับรู้ได้ทันทีว่ามือที่ถือไม้เบสบอลของตนกำลังสั่น กลัวก็จริง…แต่เธอไม่อาจทนเห็นใครมาทำร้ายพ่อเธอได้ แกร๊ก “ถ้าไม่อยากตายยกครัว ก็วางไม้เบสบอลโง่ๆ ในมือเธอลงซะ” น้ำเสียงเย็นเยียบจากชายคนหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับวัตถุอันตรายที่จ่อขมับของหญิงสาวอยู่ หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ และพลอยเสียวสันหลังวาบกับน้ำเสียงเย็นเยียบที่ดังเข้าโสตประสาท สิ่งที่กำลังจ่อตนเองอยู่ ไม่บอกก็พอเดาได้ว่าคืออะไร ปืน… “ฉันจะไม่พูดพร่ำเพรื่อ ถ้าได้พูดอีกครั้ง…พ่อเธอได้ลงไปอยู่ในนรกแน่” เธอยอมวางไม้เบสบอลในมือลง ก่อนจะค่อยๆ หันไปมองเจ้าของประโยคเลือดเย็นเมื่อกี้ และแน่นอนมันทำให้เธอช็อคมาก คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าหนี้ของพ่อจะเป็น…เจ้านายเธอ “คุณมาร์ลิกซ์…” มาเฟียหนุ่มลดปืนที่จ่อหน้ายูริลง สายตาเย็นชาปรายมองชนินทร์ ซึ่งเป็นลูกหนี้ ที่นอนไม่ได้สติอยู่พื้น เพราะโดนลูกน้องตัวเองรุมกระทืบจนมีสภาพยับเยิน จากนั้นดึงสายตากลับไปมองยูริ “มันเป็นพ่อเธอเหรอ?” “ใช่ค่ะ พ่อยูริเอง” “พ่อเธอติดหนี้ฉันสองล้านเก้า แถมยังผลัดฉันมาแล้วหลายงวดไม่ยอมจ่ายสักที มีแต่อ้างนั่นอ้างนี่ ปกติฉันจะให้ลูกน้องมาทวง แต่เห็นว่ามันผลัดมาหลายงวด ฉันเลยมาทวงเอง” “ต้องถึงขั้นทุบตีกันเลยเหรอคะ?” “ฉันไม่ฆ่าให้ตายก็ดีแล้วเท่าไรแล้ว” มาร์ลิกซ์พูด ในขณะที่แววตาก็ไร้ความรู้สึกไปด้วย “เงินมากมายขนาดนั้น หามาคืนคุณภายในวันเดียวไม่ได้หรอกนะคะ” “ถ้าหามาจ่ายไม่ได้…” แกร๊ก! มาเฟียหนุ่มขึ้นนกและเล็งปลายกระบอกปืนใส่พ่อยูริ แววตาเย็นชาเลื่อนกลับมามองหญิงสาว ซึ่งใบหน้าสวยหวานนั้นกำลังถอดสีกับการกระทำของมาร์ลิกซ์ “รู้ใช่ไหมจะเกิดอะไรขึ้น?” “ขอร้องนะคะคุณมาร์ลิกซ์ฮึก ยะ…อย่าทำอะไรพ่อ ยูริสัญญาว่าจะหาเงินมาจ่ายคุณให้หมดทุกบาททุกสตางค์ ตะ…แต่ขออย่างเดียว อย่าทำอะไรพ่อยูริเลยนะคะ” เธอคุกเข่าประนมมือขอร้องมาร์ลิกซ์พร้อมกับร้องไห้ออกมา ไม่ได้แสดงละครให้เขาสงสาร แต่ทุกอย่างมันแสดงออกมาเองตามสัญชาตญาณ มาร์ลิกซ์มองยูริที่กำลังอ้อนวอนตนเองทั้งน้ำตา ภาพนี้เห็นบ่อยจนชินไปแล้ว และมันก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกสงสารหรือว่าเห็นใจแต่อย่างใด “ขอร้อง…” เธอร้องไห้ออกมาอย่างหนัก หากในวันนี้เธอไม่อาจรักษาชีวิตพ่อไว้ได้ เธอก็ขอตายแทนพ่อดีกว่า “ก็ได้! ฉันให้เวลาเธอแค่สองอาทิตย์ ถ้าภายในสองอาทิตย์นี้ฉันไม่ได้เงินคืน คงไม่ต้องบอกนะว่าจะเกิดอะไรขึ้น” “สะ…สองอาทิตย์เหรอคะ? มันไม่เร็วไปเหรอ ยูริจะหาจากที่ไหนมาคืนคุณทัน” “นั่นมันคือปัญหาของเธอ ไม่ใช่ปัญหาของฉัน” เขามันเลือดเย็นจริงๆ ให้เวลาแค่สองอาทิตย์ ใครจะหาเงินจำนวนมหาศาลพวกนั้นมาได้ทัน “สามอาทิตย์ไม่ได้เหรอคะ?” เธอเริ่มต่อรอง “กล้าต่อรอง ฉันก็กล้าให้ ภายในสามอาทิตย์ฉันต้องได้เงินสองล้านเก้าคืน ไม่ต้องให้ฉันย้ำอีกรอบใช่ไหม ว่าถ้าไม่ได้เงินคืน…จะเกิดอะไรขึ้น?” “ระ…รู้ค่ะ” “หึ ดี!” เขาลดปืนที่จ่อชนินทร์ ใช้สายตาคมเข้มไล่มองยูริซึ่งนั่งก้มหน้าอยู่ต่อหน้า เสื้อยืดที่เธอสวมใส่คอมันค่อยข้างกว้าง จึงทำให้เขาสามารถมองเห็นเนินอกขาวเนียนที่โผล่พ้นออกมา ยอมรับว่าในหัวกำลังมีความคิดที่ไม่ดี แต่ก็เลือกที่จะนิ่งไว้ก่อน หากภายในสามอาทิตย์เธอไม่สามารถหาเงินมาคืนเขาได้…ค่อยว่ากันอีกที เขาไม่พูดอะไรต่อจากนั้น หมุนตัวแล้วเดินออกไปจากบ้านของยูริมาร์ลิกซ์วิ่งออกกำลังกายบนลู่วิ่งไฟฟ้าคนเดียวในห้องออกกำลังกาย โดยท่อนบนเปลือยเปล่าเผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องที่อัดแน่นเรียงตัวกันสวยงาม ส่วนท่อนล่างสวมใส่กางเกงขาสั้นประมาณเข่า มือหนาเอื้อมไปปิดลู่วิ่งไฟฟ้าหลังจากวิ่งมาได้สักพัก เขาก้าวลงจากลู่วิ่งและหยิบน้ำขึ้นมาดื่ม จากนั้นเดินออกมาจากห้องออกกำลังกายและบังเอิญเห็นควินต์เดินมา จึงเอ่ยถามบางอย่างเกี่ยวกับยูริ“ยูริลงมากินข้าวรึยัง?”“ยังไม่เห็นไปห้องอาหารนะครับ แต่เห็นนั่งอ่านหนังสืออยู่แถวสระว่ายน้ำ”“บอกคนยกอาหารเช้าทั้งของกูและยูริมาให้กูที่สระว่ายน้ำ”“ได้ครับนาย” ควินต์ตอบรับคำสั่งเจ้านายเขาเดินตรงไปยังสระว่ายน้ำที่ควินต์บอกว่ายูริอยู่นั่น พอมาถึงก็เห็นเธอกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียว “ทำไมยังไม่กินข้าว” เสียงมาร์ลิกซ์ที่ดังขึ้นทำให้ยูริเงยหน้าขึ้นมอง“หนูรอเฮียออกกำลังกายเสร็จแล้วจะได้กินด้วยกัน”ร่างกายที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเนื้อของมาร์ลิกซ์ทำให้เธออดเผลอมองไม่ได้ ทำไมแฟนเธอหุ่นดีแบบนี้ น่าลูบ น่าสัมผัสไปหมดเลย ช่วงนี้ยอมรับว่าเธอหลงเขามาก และก็งอนเขาบ่อยมากเช่นกัน “เด็กหื่น!” “อื้ออ มาดีดหน้าผากหนูทำไม” เธอลูบหน้าผากตร
หลายวันต่อมา @บ้านกรรณ์ตระกูลเกียรติ (บ้านยูริ)“ผมทำยูริท้องครับ” “…” หลังจากมาร์ลิกซ์สารภาพกับเรญาว่าทำยูริท้อง ความเงียบก็ได้เข้ามาปกคลุมโดยอัตโนมัติ ยูริเมื่อเห็นแม่ตัวเองเอาแต่นั่งเงียบพร้อมสีหน้านิ่งๆ ก็ทำให้เริ่มกังวลขึ้นมา และคิดไปเองต่างๆ นานาว่าแม่จะโกรธหรือเปล่า หรือผิดหวังในตัวเธอไหม มาร์ลิกซ์รู้ว่าคนรักเริ่มกังวลจึงเลื่อนมือไปกุมมืออีกฝ่ายเอาไว้ให้ผ่อนคลาย “ถ้าคุณน้าโกรธที่ผมทำยูริท้อง คุณน้าลงโทษผมก็ได้ แต่ผมขออย่างเดียว อย่าลงโทษยูริก็พอ” เรญาดึงสายตากลับมามองมาร์ลิกซ์แล้วยิ้มมุมปาก หากเธอต้องการลงโทษ เชื่อว่าอีกฝ่ายคงยอมให้ทำอย่างที่ลั่นปากพูดออกมา แววตาและน้ำเสียงหนักแน่นของแฟนลูกสาวทำให้เรญาสัมผัสได้ว่ามาร์ลิกซ์พร้อมรับผิดชอบในสิ่งที่ทำลงไปจริงๆ เรญาวางแก้วน้ำชาที่มักดื่มเป็นประจำลงโต๊ะตรงหน้า “รับผิดชอบโดยการออกไปจากชีวิตลูกสาวฉันดีไหม?”ยูริหน้าถอดสีเมื่อคนเป็นแม่พูดอย่างนั้น ส่วนมาร์ลิกซ์แอบใจแป๋วแต่ไม่ได้แสดงออกมาให้อีกฝ่ายได้เห็น “ถ้ารับผิดชอบด้วยวิธีนั้น ผมขอปฏิเสธ”“ทำไมล่ะ ก็นายบอกเอง ว่าพร้อมให้ฉันลงโทษ และนี่แหละคือบทลงโทษของฉัน”“ผมไม่มีวันเลิกกับยู
มาร์ลิกซ์ลอบมองยูริที่เอาแต่นั่งเขี่ยข้าวในจานเล่นไม่ยอมตักกินมาแล้วสองนาน มาเฟียหนุ่มวางแก้วกาแฟดำในมือลง จากนั้นขยับเรียวปากหยักได้รูปพูดกับคนตรงหน้า“ทำไมไม่กินข้าวหืม”“หนูกินไม่ลง” เขาได้ฟังคำตอบของยูริก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เธอคงคิดมากเรื่องท้อง แม้เขาจะพยายามบอกให้เธอผ่อนคลายไม่ต้องคิดมาก ทว่าก็ไม่สามารถห้ามความคิดของเธอได้ เขาเข้าใจยูริ ถ้าหากเขาเป็นเธอก็คงตกอยู่ในอาการเดียวกัน “เครียดว่าจะบอกพ่อกับแม่ยังไงเหรอ?”“หนูทำใจเรื่องบอกพ่อกับแม่ได้สักพักแล้วล่ะค่ะ”“ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้แล้วเครียดเรื่องอะไร ระบายมาให้ฉันฟังได้นะ” เขาพร้อมรับฟังทุกเรื่องจากยูริ หากมันจะช่วยแบ่งเบาความเครียดของเธอให้ลดน้อยลง “หนูไม่เคยมีลูกมาก่อน แค่กลัวว่าจะเลี้ยงเขาได้ไม่ดีพอ อีกอย่างหนูยังไม่ได้เตรียมตัวเรื่องการมีลูก ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมากจนหนูตั้งรับไม่ทัน” “ฉันเองก็ไม่เคยมีลูกมาก่อนเหมือนกัน เรายังใหม่เรื่องนี้กันทั้งคู่ ฉันเชื่อว่าเราสองคนช่วยกันเลี้ยงดูเขาได้ดีแน่นอน พออยู่ในสถานการณ์จริง สัญชาตญาณความเป็นพ่อกับแม่มันจะแสดงออกมาเองโดยอัตโนมัติ” ก่อนหน้านี้เขาโทรไปบอกพ่อกับแม่ว่ายูริท้อง
“อ้วกก~” เสียงดังโอ้กอ้ากในช่วงเวลาเช้ามืดปลุกให้มาร์ลิกซ์ซึ่งนอนหลับอยู่ตื่นขึ้น มาเฟียหนุ่มในสภาพเปลือยท่อนบนสวมเพียงกางเกงวอร์มสีเทาตัวเดียวเดินตรงไปยังห้องน้ำและเห็นยูริกำลังนั่งเกาะขอบชักโครกอาเจียนอย่างหนัก “ไหวไหม” น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามคนรักสาวด้วยความห่วงใยพลางเดินเข้าไปลูบหลังให้ ยูริเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้ว และดูเหมือนจะหนักขึ้นเรื่อยๆ อีกด้วย จะพาไปหาหมอก็ไม่ยอม เข้าประเด็นนี้ทีไรเป็นต้องโดนเธองอนใส่ทุกที “อึก! อ้วกก~” ยูริไม่ทันตอบในสิ่งที่มาร์ลิกซ์ถาม ก็ต้องหันกลับไปโก่งคออาเจียนอีกครั้ง ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน กลัวว่าถ้าไปตรวจที่โรงพยาบาลแล้วเป็นอย่างอื่นขึ้นมาจะทำให้เธอวิตกกังวล อีกประเด็นหนึ่งที่กำลังสงสัยตัวเองก็คือ หรือเธออาจจะท้องตอนนี้ยังไม่แน่ใจอะไรทั้งนั้น แต่อาการของเธอมันเข้าข่าย ‘ท้อง’ มากกว่า เธอลองโทรไปเล่าให้แวนด้าฟัง แวนด้าก็บอกว่าลองซื้อที่ตรวจครรภ์มาตรวจจะได้แน่ใจ เธอยังไม่กล้าบอกมาร์ลิกซ์เรื่องนี้ อยากรอให้แน่ใจก่อนถึงจะบอก“ไปหาหมอเถอะ เธอเป็นแบบนี้มาหลายวันแล้วนะ ฉันเป็นห่วง”“ไม่เอา~” “ทำไมดื้อแบบนี้ ครั้
@Mar.L Club“เห็นคุณมาร์ลิกซ์ไหม?” ยูริเดินเข้าไปถามควินต์ที่เพิ่งคุยกับพนักงานในคาสิโนเสร็จ“นายอยู่กับคุณเซบาสเตียนที่ห้องVIPครับ”“ใครคือคุณเซบาสเตียนเหรอคะ?” “นักธุรกิจจากฮ่องกงครับ และเป็นลูกค้ารายใหญ่ของนาย วันนี้คุณเซบาสเตียนมาหานายที่คาสิโน นายเลยต้องไปนั่งดื่มเป็นเพื่อนเขาน่ะครับ”“อ๋อ ขอบคุณนะคะ”“ครับ นายฝากให้ผมดูแลคุณยูริ ถ้าต้องการอะไรเรียกหาผมได้ตลอดเลยนะครับ”“ค่ะ” เธอตอบควินต์ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะเดินไปสูดอากาศอยู่มุมหนึ่งของคาสิโนซึ่งเป็นจุดชมวิว สายลมที่พัดผ่านทำให้เธอรู้สึกเย็นสบายมากไม่น้อย ทว่าการมาของใครบางคนมันทำให้บรรยากาศดีๆ ตอนนี้เสียไปอย่างดื้อๆ“มุมนี้ก็เป็นมุมโปรดของฉันเหมือนกัน”“…” เธอไม่ได้พูดอะไรกับอีกฝ่าย แอบลอบถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ เมลดามาทำอะไรที่คาสิโนมาร์ลิกซ์อีกหมู่นี้เมลดามาหาแฟนของเธอบ่อยๆ โดยอ้างเสมอว่ามาคุยเรื่องธุรกิจ มาร์ลิกซ์ปฏิเสธไปหลายครั้งแต่ก็ยังไม่ยอมแพ้ จะให้เขาเป็นพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจกับครอบครัวตัวเองให้ได้ หากเธอเป็นเมลดาคงไม่กล้ามาอีก เพราะโดนปฏิเสธครั้งเดียวมันก็ทำให้อายจนไม่กล้าสู้หน้าอีกแล้ว“ฉันมาหามาร์ทน่ะ แต่เขาดันติดแขกคนสำคั
“ทำข้าวต้มมาให้ค่ะ” เจย์สันนั่งพิงหัวเตียงมองแวนด้าที่ยกข้าวต้มมาให้ ตอนนี้กลับมารักษาตัวอยู่บ้านโดยมีแวนด้าตามมาดูแล ตอนแรกเธอไม่ยอมมา แต่เจย์สันขอยูริให้ช่วยพูดจนสุดท้ายแวนด้าก็ยอมมาดูแล หญิงสาวเดินไปเปิดผ้าม่านสีดำออกจนแสงแดดยามเช้าสาดส่องเข้ามาในห้องนอน “ทำไมไม่กินล่ะคะ” เธอหันไปถามเจย์สันหลังจากเปิดผ้าม่านออกเสร็จแล้ว “ข้าวต้มนั่นแวนด้าทำเองนะคะ ไม่ได้บอกแม่ครัวทำ ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะอร่อยถูกปากพี่ไหม”“พี่ยังไม่ค่อยหิว”“แต่พี่ต้องกินยานะคะ”“ไม่เป็นไร กินยาเลยก็ได้” เธอมองเขาอย่างรูัทัน เจย์สันมักใช้แผนการนี้เพื่อให้เธอป้อนข้าว อ้างทุกวันว่าไม่ค่อยหิว แต่พอเธอป้อนก็กินจนหมดเกลี้ยง วันนี้ก็คงอยากให้เธอป้อนข้าวอีกเช่นเคย“ถ้าแวนด้าป้อนพี่จะกินไหม?”“กิน” เขาตอบอย่างไม่ลังเล แวนด้าเดินมานั่งลงข้างๆ หยิบถาดที่มีถ้วยข้าวต้มมาวางไว้บนตักตัวเอง เจย์สันลอบยิ้มอย่างพอใจ เพราะอยากให้แวนด้าป้อนข้าวทุกวันจึงต้องใช้แผนการแบบนี้กับเธอ “พี่ชอบข้าวต้มฝีมือเรา ทำให้กินแบบนี้ทุกวันเลยได้ไหม”“ถ้าไม่อร่อยก็พูดมาตรงๆ เถอะค่ะ ไม่ต้องทำเหมือนอร่อย”“อร่อยจริงๆ อร่อยจนพี่…ติดใจ” หัวใจดวงน้อย