“หนูไม่เหนื่อย พ่อพูดมาเถอะ” ความอยากรู้มันแน่นอก นอนพักก็คงไม่หลับ
“แต่แม่ว่า เอ็งพักก่อนก็ได้นะ” สายหยุดทำเหมือนกับว่ายังไม่อยากพูดเรื่องนี้ตอนนี้ และนั่นยิ่งทำให้กัญญาภรณ์อยากรู้มากขึ้น
“พูดมาเถอะแม่ ไม่ว่าจะพูดตอนนี้หรือตอนไหนก็พูดเหมือนกัน”
“ลุงกับป้าก็รีบๆ พูดมาเถอะน่า อยากรู้จะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
ชุติมาพูดขึ้นหลังจากทนไม่ไหว
“มันเกี่ยวอะไรกับเอ็งฮะไอ้ยู นี่มันเรื่องในครอบครัวฉันนะ เอ็งกลับบ้านไปได้แล้ว หมดหน้าที่เอ็งแล้ว” พจน์ไล่ตะเพิดชุติมา
“ไม่กลับหรอก อยากรู้จนอกจะแตกอยู่แล้ว กลับบ้านไปก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ กลับให้โง่ทำไม” ชุติมาเถียงกลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
“เอ็งนี่มันสอดรู้เหมือนแม่เอ็งไม่มีผิด” สายหยุดเป็นพี่สาวสายใจ มารดาของชุติมา
“แหม เชื้อมันก็มาเป็นทอดๆ นั่นแหละ อย่างกับป้าไม่ชอบสอดรู้เรื่องคนอื่นงั้นแหละ” เจอย้อนเข้าไปสายหยุดจึงคว้าห่อกระดาษทิชชู่เขวี้ยงใส่ชุติมาที่รับมันไว้อย่างแม่นยำ
“ปากเอ็งนี่นะ เอาไม้ตีหัวดีไหมเนี่ย”
“เอาน่าแม่ ปล่อยๆ ยูไปเถอะ มาพูดเรื่องของเราดีกว่า ตกลงว่ามีเรื่องอะไรก็รีบพูดมา” กัญญาภรณ์ทำท่าจริงจัง สองสามีภรรยามองหน้ากัน ก่อนที่พจน์จะเป็นคนพูด
“บ้านเราเป็นหนี้เถ้าแก่สันต์” กัญญาภรณ์มองหน้าคนพูด นึกในใจว่าเป็นหนี้เถ้าแก่สันต์ตั้งแต่เมื่อไหร่
“เป็นหนี้เถ้าแก่สันต์เหรอพ่อ พ่อไปเป็นหนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ บ้านเราพอกินพอใช้นะ ถึงไม่มีมากแต่ก็ไม่เดือนร้อน ฉันก็ส่งเงินให้พ่อกับแม่ทุกเดือนๆ ละห้าพัน ไหนจะไหมอีกรวมกันก็ได้หมื่นนึง ข้าวก็มีกินทั้งปี ผักก็มีเต็มสวน ไหนจะรายได้จากค่าสัปปะรดอีกล่ะ มังคุดด้วยมันก็น่าพอใช้นะพ่อ” กัญญาภรณ์พูดยาว “แล้วเป็นหนีเถ้าแก่สันต์เท่าไหร่”
“พ่อเอ็งเอาไปลงทุนทำอย่างอื่นไง อยากรวย ไม่อยากลำบาก” สายหยุดพูด “พ่อแกเลยเอาที่ดินทั้งหมดไปจำนองกับเถ้าแก่สันต์ รวมๆ แล้วก็เป็นหนี้สิบล้าน”
“หา! สิบล้าน” กัญญาภรณ์ตกใจกับจำนวนหนี้สิน ไม่คิดว่าจะสูงลิบลิ่วขนาดนี้ คนที่ตกใจอีกคนคือชุติมาที่อ้าปากค้าง “ที่ดินทั้งหมดของบ้านเราได้ราคาสูงขนาดนี้เลยเหรอพ่อ สิบล้านไม่ใช่น้อยๆ นะ พ่อเอาเงินไปทำอะไร”
“พ่อเอาไปทำบ่อน” พจน์ตอบเสียงเบา ไม่กล้าสบตาลูกสาว
“ทำบ่อน” กัญญาภรณ์ย้ำเสียงสูง “ทำบ่อนอะไร ที่ไหน เมื่อไหร่”
“ทำที่กระบี่ บ่อนถั่ว เสือมังกร ป๊อกเด้งแล้วก็ตู้ปลา ทำมาสองปีแล้วแต่ไม่ได้บอกเอ็ง ทำบ่อนมันต้องใช้เงินเยอะ ไหนจะค่าเช่าที่ ให้ตำรวจ ให้นักเลงในพื้นที่อีก แต่ละเดือนก็หลายแสน พ่อเลยเอาที่ดินไปจำนองไว้กับเถ้าแก่สันต์ นำเงินทั้งหมดที่ได้มาลงในบ่อน เพราะเงินหมุนเวียนต้องมี แรกๆ ก็ดีหรอก หลังๆ นี่สิในที่สุดก็เลยเจ๊ง”
กัญญาภรณ์ได้ยินคำตอบแล้วถึงกับถอนหายใจ กลุ้มหนักมากไม่คิดว่า บิดาจะกล้าทำเปิดบ่อน และที่สำคัญปิดเงียบโดยที่เธอไม่ระแคะระคายสักนิดเดียว เธอพอรู้เรื่องนี้บ้างว่า การเปิดบ่อนต้องมีเงินทุน มีเงินสำรองเพราะต้องจ่ายหลายทาง ทว่าบางบ่อนก็อยู่ได้และอยู่ได้นานด้วย
“เถ้าแก่สันต์บอกว่า ถ้าเราไม่เอาเงินไปคืนภายในวันมะรืนเถ้าแก่จะยึดที่ดินทั้งหมดแล้วก็ยึดของสายใจด้วย เพราะพ่อแกเอาที่ดินของน้าสายใจไปจำนองไว้พร้อมกัน”
คราวนี้ความตกใจเกิดขึ้นกับกัญญาภรณ์อีกทำนบ ชุติมาก็ตกใจเช่นกันที่รู้ว่า ที่ดินของมารดาก็ถูกพจน์นำไปจำนองไว้กับเถ้าแก่สันต์
“ทำไมพ่อทำแบบนี้ล่ะ ที่ดินของน้าใจเป็นที่ดินที่ยายให้น้าใจเอาไว้ทำกิน พ่อทำแบบนี้ได้ไง”
กัญญาภรณ์โวยบิดา ลำพังเอาทรัพย์สมบัติของบ้านไปจำนองว่าแย่แล้ว ยังจะเอาของคนอื่นไปอีก คนพูดถึงกับกลุ้ม
“ยังไม่หมดนะ พ่อเอ็งเอาที่ดินที่ภูเก็ตไปจำนองไว้ด้วย พ่อแกเลยได้เงินมาถึงสิบล้านไง”
สายหยุดบอกเพิ่มเติม เป็นการบอกที่ทำให้กัญญาภรณ์ตกใจอีกรอบ ที่ดินที่สายหยุดพูดคือที่ดินหนึ่งร้อยตารางวามรดกที่ปู่มอบให้ก่อนเสียชีวิต ราคาที่ดินอาจไม่สูงมากทว่าคอนโดมิเนียมที่อยู่ติดกับที่ดินผืนนี้ต้องการทำเพิ่มอีกโครงการหนึ่งจึงคว้านซื้อที่ดินใกล้ๆ หนึ่งในที่ดินที่คอนโดอยากได้คือที่ดินของปู่เธอ
“พ่อนะพ่อ ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้ อยากรวยอะไรหนักหนา สุดท้ายก็เป็นหนี้เป็นสินขนาดนี้”
“เวลานี้ไม่ใช่เวลาที่เอ็งมาโวยวายนะ เอ็งต้องช่วยพ่อ ช่วยบ้านของเรา” พจน์ไม่สนใจคำต่อว่าของบุตรสาวคนโต เขารีบเข้าเรื่องสำคัญ “เถ้าแก่จะยึดที่ดินทั้งหมดของเรา รวมทั้งบ้านหลังนี้ด้วย”
“แล้วหนูจะช่วยอะไรได้ อย่าบอกนะว่าให้หาเงินสิบล้านน่ะ ไม่มีปัญญาหาให้หรอก” กัญญาภรณ์ตอบกลับทันควัน
“ช่วยได้สิ ตามข้อเสนอของเถ้าแก่สันต์” สายหยุดรีบพูด
“ข้อเสนออะไรแม่”
“แกต้องไปเป็นเมียนายหัวสิงห์ ลูกชายของเถ้าแก่สันต์” คนตอบคือพจน์
“พ่อว่าอะไรนะ จะให้ฉันไปเป็นเมียลูกชายเถ้าแก่สันต์เหรอ” น้ำเสียงกัญญาภรณ์บอกถึงความตกใจ ตกใจเรื่องจำนวนหนี้สินยังน้อยกว่าได้ยินวิธีการชำระหนี้ “ไม่เอาหรอก หนูไม่มีทางไปเป็นเมียลูกชายเถ้าแก่สันต์เด็ดขาด”
“เออเอ็งไม่ต้องไปก็ได้ ข้าจะส่งไหมไปแทน” พจน์เอ่ยเสียงเรียบ
Chapter8 ชุติมามีความคิดว่า หากกัญญาภรณ์เป็นเมียนายหัวสิงห์จริง คงได้ฆ่ากันตายแน่นอน เพราะคนหนึ่งก็ร้าย อีกคนหนึ่งก็ไม่ยอม เธอไม่อยากคิดภาพเลย “ไม่มีทางยอมหรอก ใครจะไปยอมเป็นเมียคนที่ไม่รู้จัก แล้วที่หาเมียไม่ได้จนต้องให้พ่อหาให้ หน้าตาอีตานายหัวสิงห์คงดูไม่ได้ สิวเขรอะเต็มหน้า อ้วนลงพุง ตัวดำแน่ๆ เถ้าแก่เลยใช้วิธีนี้หาเมียให้ลูกตัวเอง”ชุติมาหันมามองหน้ากัญญาภรณ์ เธออยากพูดออกไปเหลือเกินว่า นายหัวสิงห์คนนี้ไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวมา ทุกอย่างตรงกันข้าม แต่ก็เลือกจะไม่พูดขับรถมุ่งหน้ากลับบ้าน“ถ้าพี่ยืนกรานว่าไม่ยอมก็ต้องหาเงินหกแสนมาให้เถ้าแก่สันต์วันมะรืนนะพี่” ชุติมาย้ำพูด“เออรู้แล้ว แกจะย้ำทำไมเนี่ย คนยิ่งกลุ้มๆ อยู่”คราวนี้กัญญาภรณ์เหวี่ยงใส่ชุติมา“ฉันไม่ได้ตอกย้ำให้พี่คิดมากหรือกลุ้มใจนะ ฉันเป็นห่วงพี่ เป็นห่วงลุงพจน์ ป้าหยุดแล้วก็แม่ด้วย เพราะทุกคนต่างก็ได้รับผลกระทบกับหนี้ก้อนนี้ทั้งนั้น” ชุติมาให้เหตุผล “ถ้าฉันมีใครให้หยิบยืมเงินหรือว่ากู้ได้ล่ะก็ ฉันทำทันทีเลยพี่ แต่ถ้าเงินสูงขนาดนี้ฉันก็จนปัญญา”ชุติมาก็เหมือนกัญญาภรณ์ ให้ยืมเงินหลักพันหรือหลักหมื่นต้นๆ
Chapter7กัญญาภรณ์กับชุติมาก้าวลงมาจากรถกระบะ ทั้งคู่มาหยุดยืนหน้ารั้วบ้านหลังงามที่ชาตินี้ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสมีบ้านหรูๆ แพงๆ อย่างนี้หรือไม่ แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่เจ้าของบ้านหลังนี้จะร่ำรวย เพราะรากฐานของต้นตระกูลมั่นคงส่งผลต่อลูกหลานที่พลอยสบายตามไปด้วย ไม่มีใครไม่รู้จักเถ้าแก่สันต์ ผู้กว้างขวางในจังหวัดตรัง กระบี่และภูเก็ต เขาเป็นผู้มีอิทธิพลคนหนึ่ง มีคนนับหน้าถือตามาก ขนาดนักการเมืองท้องถิ่นยังต้องนอบน้อม กัญญาภรณ์ไม่รู้จักเถ้าแก่สันต์เป็นการส่วนตัว เคยเจอเพียงแค่สองครั้ง แต่ก็ได้ยินกิตติศัพท์ของเขามาตั้งแต่เด็ก และไม่คิดว่าวันนี้ตนจะเข้ามาหาคนใหญ่คนโตของจังหวัดด้วยเรื่องหนี้สินของบิดา หนี้ก้อนโตเสียด้วย “สวัสดีค่ะเถ้าแก่สันต์ เถ้าแก่เนี้ย” กัญญาภรณ์พนมมือไหว้เจ้าของบ้าน “นั่งสิ” เถ้าแก่สันต์รับไหว้ ก่อนเชิญให้นั่ง “หนูชื่อแพรค่ะ เป็นลูกพ่อพจน์ ลูกหนี้ของเถ้าแก่ค่ะ”กัญญาภรณ์แนะนำตัว “ฉันรู้แล้วว่าหนูคือใคร ไม่อย่างนั้นคงไม่ตั้งเงื่อนไขให้มาเป็นเมียลูกชายฉันหรอก” สันต์ตอบกลับว่าที่ลูกสะใภ้ที่ตนหมายปองให้สิงหนาท “ว่าแต่หนูมาหาฉันทำ
Chapter6 “ก็กว่าจะรอแกมีเมียเองอีกกี่ปีกว่าจะมีหลานให้ฉันอุ้มอีก ฉันก็แก่ขึ้นไปทุกปี ฉันรอแกอย่างไม่มีกำหนดไม่ได้หรอก แกต้องมีเมียตามที่ฉันบอก แกจะได้มีหลานให้ฉันกับแม่แกเลี้ยง”เถ้าแก่สันต์ไม่เคยบังคับลูกชาย เขาปล่อยให้ทำตามใจอิสระมาตลอด แต่คราวนี้เขารอต่อไปไม่ได้จึงต้องบังคับให้ทำตามความต้องการของตนบ้าง“ไม่ ผมไม่ทำตามที่พ่อบอกแน่นอน ยังไงผมก็ไม่มีเมีย ถ้าเมียคนนั้นผมไม่ได้เป็นคนเลือกเอง”น้ำเสียงสิงหนาทแข็งขึงไม่ต่างกับบิดา ตามองตาอย่างไม่มีใครยอมใคร“สิงห์ลูก ทำเพื่อแม่สักครั้งไม่ได้เหรอลูก แม่ไม่เคยขอร้องอะไรสิงห์เลยนะ ตามใจมาตลอด แต่ครั้งนี้แม่ขอนะลูก แม่อยากมีหลาน แม่อยากเลี้ยงหลาน...ฮือ” ปานวาดที่นั่งฟังอยู่นานพูดขึ้นบ้าง พูดไปน้ำตาไหลไป สิงหนาทใจอ่อนยวบเมื่อเห็นมารดาร้องไห้ และยิ่งได้ยินคำขอร้องของมารดาด้วยแล้ว เขาใจไม่ดีเอาเสียเลย “แล้วหลานที่แม่อยากได้ก็ต้องเกิดกับผู้หญิงที่พ่อหาให้ด้วย แกก็รู้นี่ว่า ถ้าพ่อไม่เลือกเองผลจะเป็นยังไง”ประโยคนี้เองที่ทำให้สิงหนาทสะอึกไปคำโต“ดูสิดู แม่แกเคยร้องไห้ไหม แต่ต้องมาร้องไห้ขอร้องแกเนี่ยนะ” เถ้าแก่สันต์เห็นเมียร้องไห้ก็โวยใส่
Chapter5“พ่อทำแบบนั้นไม่ได้นะ เดือนหน้าไหมจะแต่งงานแล้ว ทำอย่างนี้ทำร้ายจิตใจไหมมากเลยนะ” กัญญาภรณ์รีบค้านความคิดบิดา“แล้วจะให้ทำยังไง เอ็งก็ไม่ยอมทำตามที่เถ้าแก่บอกก็ต้องให้ไหมไปเป็นเมียนายหัวสิงห์แทน ไม่งั้นเราไม่เหลืออะไรแน่”พจน์กลัดกลุ้มไม่น้อย นึกโทษตัวเองที่ไม่น่าหวังรวยทางลัดและเชื่อคำพูดของป๋าจิตมากเกินไป หลงลมจนตั้งบ่อนขึ้นมา“เรื่องหนี้เจรจาไม่ได้เหรอพ่อ ขอผ่อนผันเขาไปก่อน”ผู้พูดพยายามทำใจเย็นและทำให้ตัวเองมีสติมากที่สุดมีความคิดที่ว่า ปัญหาทุกอย่างแก้ไขได้“ถ้าเจรจาได้จะเรียกเอ็งกลับมาบ้านทำไม ไม่จนปัญญาก็คงไม่กวนเอ็งหรอก” พจน์ทำหน้าเครียดจัด “เถ้าแก่เป็นคนดีมาก ผัดผ่อนให้หลายครั้งแล้ว ให้จ่ายแต่ดอก แต่ที่ต้องยึดเพราะสัญญาระบุไว้ว่า ภายในหนึ่งปีครึ่งถ้าหาเงินต้นมาให้ไม่ได้ครึ่งหนึ่งที่ดินทั้งหมดจะถูกยึด แล้วก็ถึงกำหนดแล้วด้วย”น้ำเสียงพจน์เศร้าหนักขึ้นไปอีก“พ่อเอ็งก็กลุ้มนะ ไม่รู้จะหาเงินจากที่ไหน ไปหยิบยืมใครจะมีเงินตั้งสิบล้าน พอดีเถ้าแก่เสนอวิธีนี้ แม่ก็เลยเรียกเอ็งกลับบ้านไง” สายหยุดรู้นิสัยลูกสาวคนโตดีว่าดื้อรั้นมากแค่ไหน ไม่ยอมคนถ้าไม่จนตรอกจริงๆ ยิ่งเรื่องที่ให
Chapter4 “หนูไม่เหนื่อย พ่อพูดมาเถอะ” ความอยากรู้มันแน่นอก นอนพักก็คงไม่หลับ “แต่แม่ว่า เอ็งพักก่อนก็ได้นะ” สายหยุดทำเหมือนกับว่ายังไม่อยากพูดเรื่องนี้ตอนนี้ และนั่นยิ่งทำให้กัญญาภรณ์อยากรู้มากขึ้น “พูดมาเถอะแม่ ไม่ว่าจะพูดตอนนี้หรือตอนไหนก็พูดเหมือนกัน” “ลุงกับป้าก็รีบๆ พูดมาเถอะน่า อยากรู้จะแย่อยู่แล้วเนี่ย”ชุติมาพูดขึ้นหลังจากทนไม่ไหว “มันเกี่ยวอะไรกับเอ็งฮะไอ้ยู นี่มันเรื่องในครอบครัวฉันนะ เอ็งกลับบ้านไปได้แล้ว หมดหน้าที่เอ็งแล้ว” พจน์ไล่ตะเพิดชุติมา “ไม่กลับหรอก อยากรู้จนอกจะแตกอยู่แล้ว กลับบ้านไปก็ไม่รู้เรื่องน่ะสิ กลับให้โง่ทำไม” ชุติมาเถียงกลับนั่งอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน “เอ็งนี่มันสอดรู้เหมือนแม่เอ็งไม่มีผิด” สายหยุดเป็นพี่สาวสายใจ มารดาของชุติมา “แหม เชื้อมันก็มาเป็นทอดๆ นั่นแหละ อย่างกับป้าไม่ชอบสอดรู้เรื่องคนอื่นงั้นแหละ” เจอย้อนเข้าไปสายหยุดจึงคว้าห่อกระดาษทิชชู่เขวี้ยงใส่ชุติมาที่รับมันไว้อย่างแม่นยำ “ปากเอ็งนี่นะ เอาไม้ตีหัวดีไหมเนี่ย” “เอาน่าแม่ ปล่อยๆ ยูไปเถอะ มาพูดเรื่อง
Chapter3 ย้อนกลับไปเมื่อห้าปีหกเดือนก่อน ร่างสมส่วนท่าทางทะมัดทะแมงสวมเสื้อยืดสีชมพูอ่อนทับในกางเกงยีนทรงเดฟสวมรองเท้าผ้าใบ เส้นผมยาวดัดเป็นลอนใหญ่ช่วงปลายผมถูกรวบมัดเป็นหางม้าสูงกว่าท้ายทอยเล็กน้อยก้าวลงมาจากรถบขส. เมื่อนำเธอมาถึงท่ารถอย่างปลอดภัย เธอกระชับเป้ที่สะพายอยู่บนหลัง ก่อนเดินไปยังหน้าสถานีขนส่งระหว่างเดินเสียงมือถือได้ดังขึ้น กัญญาภรณ์ไม่ได้หยุดเดิน เธอก้าวเดินไปด้วยก้มหน้าหยิบมือถือในกระเป๋าสะพายข้าง จึงไม่ทันระวังคนที่วิ่งหน้าตั้งราวกับหนีใครมา ชนตัวเธอมือถือเกือบหลุดมือ ส่วนคนชนล้มลงไปนั่งกับพื้น ก่อนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเผ่น “เฮ้ย! อะไรวะ” กัญญาภรณ์หัวเสียเล็กน้อยที่ไม่ได้รับคำขอโทษจากคนชน วินาทีต่อมาเธอเข้าใจแล้วว่า เหตุใดคนชนจึงไม่มีคำขอโทษให้ “จับมันให้ที มันกระชากสร้อยทองฉัน”เจ้าของเสียเป็นสตรีวัยห้าสิบกว่าปีร้องตะโกนไปด้วยวิ่งไปด้วย ทว่าไม่มีใครให้ความช่วยเหลือ คนที่ได้ยินเพียงแค่มองดูชายหนุ่มที่บอกว่าเป็นคนร้ายกระชากทองวิ่งผ่านไปเท่านั้น จะมีเพียงคนเดียวที่พร้อมช่วยเหลือ เมื่อได้ยินเสียงพูด กัญญาภรณ์รีบวิ่งตามคนกระชากทองทันท