LOGIN"พี่ช่วย"รามิลวิ่งเข้ามาหาแล้วดึงเอาลังอุปกรณ์จัดบูธนิทรรศการของอีกคนไปถือให้ เดินเคียงกันไปไม่ได้สนใจเสียงที่กำลังพูดคุยถึงสถานะของเธอกับเขา เพราะรามิลคอยพูดย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าไม่อยากให้เธอไปสนใจ
"พี่ไม่ไปจัดบูธปีสามหรอ?" รับลังอุปกรณ์จากเขามาวางให้เข้าที่ ความจริงรามิลควรต้องอยู่จัดบูธตัวเองที่อยู่ถัดออกไปอีกสองล็อค เหลือบออกไปมองดูเห็นรุ่นพี่สาวสวยมองเธอด้วยแววตาไม่ชอบกันเหมือนเดิมอยู่ตรงนั้นก็พอจะเข้าใจว่าทำไมรามิลถึงไม่อยากไปอยู่
"เดี๋ยวพี่ช่วยจัดไหม?" รามิลหันไปถามรุ่นน้องเพื่อนสนิทของคนตัวเล็ก ทุกคนแค่ยิ้มรับความหวังดีแต่ก็พากันส่ายหน้าปฏิเสธ
"ไม่เป็นไรหรอก ข้าวจัดกันเองได้" ตอบเขาไปแบบนั้นแล้วยิ้มให้ รามิลพยักหน้าตอบอย่างเข้าใจ
"กินอะไรรึยัง?" ก้มมองดูนาฬิการาคาแพงที่ข้อมือบ่งบอกเวลาบ่ายโมงกว่า มันควรจะเป็นเวลาสำหรับมื้อกลางวันแล้วแต่เธอดูยุ่งมากคงยังไม่มีอะไรตกถึงท้องแน่
"พอดียุ่งๆก็เลยยังไม่ได้ไปหาอะไรกินกันเลย"
"งั้นรอแปป เดี๋ยวมานะ" ส่งมือไปลูบหัวแล้วรีบเดินออกไป คนตัวเล็กมองตามอย่างงุนงงแต่ก็ไม่ได้นึกสงสัยอะไร เขาคงมีเรื่องให้ทำเลยรีบออกไปแบบนั้น
ผ่านไปราวยี่สิบนาท่ีรามิลก็เดินกลับมาพร้อมุถุงของกินเต็มมือ วางลงบนพื้นที่ว่างของโต๊ะแล้วเรียกหญิงสาวพากันหันมาสนใจ หยิบกล่องที่ซ้อนกันในถุงออกมาวางเรียงให้ด้วยรอยยิ้ม แล้วหยิบกล่องที่พิเศษที่สุดไว้ในมือ เดินตรงไปหาคนตัวเล็กแล้วยื่นให้พร้อมกับแก้วน้ำแตงโมปั่นด้วย
"พี่เอาวางไว้ก็ได้" ข้าวหอมบอกปัดไปเพราะกำลังยุ่งกับการตัดกระดาษสำหรับจัดบอร์ด
"กินก่อนสิ เดี๋ยวค่อยทำต่อ" คนตัวสูงเอื้อมไปจับข้อมือเธอให้ละความสนใจกับสิ่งทำอยู่ก่อน
"แต่ว่า...."
"ถ้าไม่กินเองพี่จะนั่งป้อนนะ" พูดทันทีที่เห็นว่าเธอทำเหมือนว่าจะปฏิเสธ คนตัวเล็กกูลีกูจอลุกขึ้นจนเขาขำออกมา ดูแล้วอีกคนคงกลัวว่าเขาจะป้อนอย่างที่บอกถึงได้รีบวางมือจากทุกอย่างแบบนี้
"อ้าว กินข้าวกันอยู่หรอ พี่นึกว่ายังไม่ได้กินกันเลยซื้อมาให้เต็มเลย" ธีธัชชะงักแล้วยกถุงที่ถือมาเต็มไม้เต็มมือ เขามาช้าเกินไป ช้าไปมากจริงๆ
"เอ่อ....เอามาก็ได้ค่ะ พี่ธีอุตส่าห์ซื้อมา" ยี่หวารีบลุกขึ้นไปรับด้วยความเห็นใจ
"ใครจะดื่มแตงโมปั่นไหมครับ พอดีพี่ซื้อมาเพราะเห็นว่าข้าวชอบ แต่ดูเหมือนจะมีอยู่แล้ว" ข้าวหอมมองตามสายตธีธัชที่มองน้ำแตงโมปั่นในมือเธอ สีหน้าที่ดูผิดหวังแบบนั้นทำให้คนตัวเล็กรู้สึกไม่ดีเท่าไหร่
"เดี๋ยวข้าวดื่มสองแก้วเลยค่ะ สบายมาก"
"ข้าวหอม...." รามิลหันมาขมวดคิ้วใส่แล้วกระซิบให้เธอรู้ว่าเขาไม่พอใจ แต่ถึงอย่างนั้นจะให้เธอปฏิเสธความมีน้ำใจของธีธัชมันก็ดูจะใจร้ายเกินไปหน่อย
"เอาน่า เดี๋ยวพี่ธีเสียน้ำใจ"
"ตามิล" เสียงเรียกที่ไม่คุ้นเคยดังขึ้นขัดจังหวะที่กำลังคุยกันสนุก รามิลหันมามองด้วยตาเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นแม่เขายืนอยู๋ตรงนั้น ปกติแม่ไม่ค่อยลงมาเดินดูอะไรเองนี่นา ทำไมวันนี้ถึงมาได้นะ
สายตาผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยมองคนตัวเล็กตั้งแต่หัวจรดเช้าแล้วแค่นยิ้ม ได้ยินมาสักพักว่าลูกชายกำลังเกี่ยวพันกับเด็กทุนของมหาวิทยาลัยอยู่แต่ไม่ได้ให้ความสนใจอะไร เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็คงเบื่อไปเองอย่างปกติที่ลูกชายเธอเป็น
แต่ดูแล้วความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันมาไกลมากจนหน้าตกใจ ถึงจะดูว่าไม่มีสถานะ แต่รามิลก็ไม่ปกปิดแถมยังตัวติดกันแจ แบบนี้มองดูแล้วยังไงก็ไม่ธรรมดา ถึงเวลาที่ควรต้องตัดไฟแต่ต้นลม
"แม่มาได้ยังไงครับ" เดินไปหาแล้วถามอย่างสงสัย รู้สึกเหมือนมีอะไรไม่ชอบมาพากล
"ทำไมจะมาไม่ได้ละ"
"ก็ไม่ใช่แบบนั้น แค่ปกติแม่ไม่ค่อยมานี่ครับ"
"แม่มีนัด"
"นัด?" รามิลขมวดคิ้ว แม่ของเขาจะมีนัดกับใครที่นี่ ถ้าจะคุยกับอาจารย์ก็ควรเรียกไปหาที่ห้องหรือห้องประชุมมากกว่า
"คุณป้ามาแล้วหรอคะ" เสียงหวานที่ปั้นมาเต็มที่ของใครอีกคนทำรามิลกรอกตาไปทางอื่น คิดไว้แล้วว่าที่แม่เขามาที่นี่มันต้องมีอะไร ยิ่งถ้าบอกว่ามีนัดกับเพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาเอาไว้ ก็ยิ่งไม่น่าไว้ใจเข้าไปใหญ่
"ตามิลไปคุยกับแม่แล้วก็หนูมิ้นท์ที่ห้อง" พยักหน้าตอบรับไปเพราะรู้ดีอยู่แล้วว่าปฏิเสธอะไรไม่ได้
"พี่ไปก่อนนะ เจอกันตอนเย็นครับ" ก้มลงมากระซิบข้างหูคนตัวเล็กที่นิ่งไป อีกคนเงยหน้ามามองเขาก่อนเขาจะยิ้มให้เพราะไม่อยากให้เธอมานั่งกังวล
"หมั้นหรอครับ!!?" รามิลลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วตะโกนเสียงดังลั่น แม่เขากำลังพูดถึงว่าจะให้เขาหมั้นกับมิ้นท์ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ มัดมือชกชัดๆ
"ใช่ ยังไงเรียนจบก็ต้องแต่งกันอยู่แล้ว"
"ผมไม่ได้บอกว่าจะแต่งกับมิ้นท์นะครับแม่"เรียวคิ้วขมวดแน่นแล้วปฏิเสธเสียงแข็ง เขาไม่เคยแสดงออกว่าชอบหรืออยากสานสัมพันธ์เกินเลยไปกว่าคู่นอนกับมิ้นท์ด้วยซ้ำ อะไรทำให้อยู่ดีๆแม่เขาถึงปักคู่หมั้นให้แบบนี้ได้
"ไม่แต่งกับหนูมิ้นท์แล้วจะแต่งกับใคร นังเด็กทุุนคนนั้นหรือไง"
"แม่รู้ได้ยังไงครับ? มิ้นท์ไปพูดอะไรกับแม่เรา"คำพูดประชดประชันจากแม่ทำให้เขานึกสงสัย หันไปมองหน้าคนที่เขาคิดว่าเป็นคนเดียวที่จะพูดเรื่องนี้ได้ แต่อีกคนก็เสมองไปทางอื่น
"หนูมิ้นท์แค่บอกสิ่งที่แม่ควรรู้ แม่ไม่เคยว่าแกเลยนะต่อให้แกไปนอนกับใครก็ตาม เพราะคิดว่าแกก็แค่รักสนุก แต่กับเด็กผู้หญฺงคนนี้มันยังไง"
"มันไม่มีอะไรเลยครับ อีกอย่างมันก็เรื่องส่วนตัวของผม"พูดขึ้นมาเสียงแข็ง เขาไม่เคยชอบให้ใครมายุ่งเรื่องส่วนตัวของเขา ไม่ว่าคนๆนั้นจะอยู่ในสถานะไหนของชีวิตเขาก็ตาม
"แต่เงินที่แกใช้โอนให้เด็กนั่นมันเป็นของแม่ มันตั้งใจจับแก มองไม่ออกหรอ" ถอนหายใจเฮือกใหญ่ใส่คนตรงหน้าที่คิดไปไกลจนอดสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนสาวคู่ขาเก่าของเขาเอาอะไรไปพูดให้ฟังบ้าง
"ข้าวหอมไม่ใช่คนแบบนั้นนะครับแม่"
"งั้นบอกมาหน่อยว่าแกโอนเงินค่าอะไรไปให้เด็กนั่นเยอะแยะ ถ้ามันไม่ได้มาจับแก" เอกสารการเดินบัญชีของเขาที่มีรายชื่อโอนออกเป็นข้าวหอมอยู่นับไม่ถ้วนถูกโยนลงบนโต๊ะ
"ผมเป็นคนให้เองครับ" รามิลรู้ดีกว่าใครถึงที่มาที่ไปของจำนวนเงินทั้งหมดนั้น คนตัวเล็กไม่ได้หลอกเขา เป็นเขาต่างหากที่ตั้งใจให้ ก็ทำข้อตกลงกันไว้แล้วนิ
"กับเด็กผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีเลยเนี่ยนะ แกยอมเสียเงินขนาดนี้เลยหรอ"
"เอาเป็นว่าข้าวหอมไม่เหมือนคนอื่นก็แล้วกัน แล้วแม่ก็อย่ามายุ่งกับน้อง ไม่งั้นผมไม่ยอมแน่" ยืนคำขาดกับผู้เป็นแม่แล้วเสมองคนที่นั่งอยู่นิดหน่อยก่อนจะเดินออกไปอย่างเสียอารมณ์ ไว้คงต้องหาเวลาคุยกับมิ้นท์อย่างชัดเจนสักที ถ้าจะทำถึงขนาดนี้
รถแล่นไปด้วยความเร็วบนท้องถนนที่คุ้นชินของทางกลับคอนโดหรู รามิลเหลือบมองคนตัวเล็กที่นิ่งเงียบตั้งแต่เขารีบมาหจากหลังมหาวิทยาลัย อีกคนเอาแน่นอนพิงประตูแล้วไม่หันมาสสใจแม้ว่าเขาพยายามจะต่อบทสนทนามากแค่ไหน
"อยากกินอะไรไหม?" ลองถามอีกคนออกไปหวังให้เธอตอบเขากลับมาบ้าง
"ไม่หิว"
"วันนี้จัดบูธเหนื่อยไหม?"
"นิดหน่อย"
"อ่า...." คำตอบสั้นเพียงน้อยนิดกับการถามคำตอบคำแบบนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ หรืออีกคนจะรู้อะไรมา
ขาเรียวพยายามก้าวหนีเขาจนเขาแอบนึกขำในใจ เพราะคนตัวเล็กความสูงต่างจากเขามากก็เลยต้องใช้ความเร็วในการเดินหนีกัน กลายเป็นว่าพอมองแล้วมันดันน่ารักซะงั้น
"จับได้แล้ว" เขารวบเธอมากอดเอาไว้ทันทีเมื่อถึงห้อง คนตัวเล็กพยายามแกะแขนเขาออกแต่เป็นเขาที่ยิ่งออกแรงรัดเอาไว้แน่น
"พี่รามิลปล่อย"
"พี่ไม่ได้อยากหมั้นสักหน่อย" ท่าทีเรียบนิ่งไปของเธอทำให้รู้ว่าเขาคิดไม่ผิด
"พี่จะขัดคำสั่งแม่พี่ได้หรอ"
"ก็ขัดคำสั่งมาตลอดนะ ว่าแต่เรารู้เรื่องนี้ได้ยังไง"
"พี่นะโมเดินประกาศซะขนาดนั้น คนรู้กันทั้งคณะ" ว่าแล้วเชียวว่าต้องมีใครพูดอะไร เรื่องวันนี้แม่เขาเรียกไปคุยทั้งที่ไม่มีคุยรู้ แต่ดันมีคนเอาไปพูดจนรู้กันให้ทั่ว
"หึงหรอ" ถามเย้าไปอย่างนึกแกล้ง
"ได้หรอ"
"หึ รู้ไหมว่าน่ารัก" เอ่ยคำชมแสนหวานแล้วหอมลงแก้มนิ่มให้ชื่นใจ
"ไม่ต้องมาพูดเลย" คนตัวเล็กผลักเขาออกก่อนเขาจะดึงเข้ามาหาอีกรอบ จับมือบางขึ้นมาให้แบออกแล้ววางของบางอย่างให้
"พี่ให้"
"แต่นี่มันเกียร์......"
"ฝากไว้หน่อยนะครับ"
"แต่ปกติเขาให้คนสำคัญ"
"แล้วคนนอนด้วยกันทุกวันไม่สำคัญยังไง" แก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อทำให้เขาไม่สามารถละสายตาไปไหนได้ ก้มลงแนบจูบหวานแต่ได้เพียงสักพักเธอก็ผลักเขาออก
"จะทำอะไร ดะ เดี๋ยวข้าวต้องทำมื้อเย็นให้"
"ไม่หิวไม่ใช่หรอ"
"แล้วพี่ไม่หิวหรอ"
"หิวครับ แต่จะไปหิวอย่างอื่นทำไม ก็นี่ไงข้าว" ปลายนิ้วจิ้มที่แก้มนิ่มสื่อในสิ่งที่เขารู้ว่าเธอก็เข้าใจก่อนจะช้อนตัวเธอขึ้นอุ้ม ในชุดนักศึกษาแบบนี้ก็ยังไม่เคยลองเหมือนกันแฮะ
ข้าวหอมเหลือบมองคนตัวสูงที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง ร่วมอาทิตย์แล้วตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น เธอตัดสินตอบรับคบกับรามิลและยอมกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดอย่างที่เขาต้องการ ก่อนหน้านี้เพราะเอาแต่กังวลเรื่องแม่อีกคนก็เลยคิดหนัก แต่ในเมื่อจะเล่นกันแรงแบบนี้ ก็เผชิญหน้ากันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย รามิลสัญญาว่าจะปกป้องเธอ คำพูดเขามันทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวนิดหน่อย เพราะแบบนั้นเธอถึงกล้าตัดสินใจที่จะลองเริ่มต้นกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ดู ก็อยากจะรู้ว่าถ้าแม่ของรามิลที่หวงลูกชายมากจะรู้สึกยังไงยามได้รู้ว่าเธอกับรามิลกำลังคบหากัน นั่งลงข้างเตียงแล้วส่งมือไปลูบตามกรอบหน้าของรามิล ใบหน้าราวกับฟ้าประทานแบบนี้มันก็ไม่แปลกที่ใครจะหลงรัก เธอเองก็เป็นอีกคนที่เผลอใจไปให้เขาเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่แค่เพราะเขาหน้าตาดีเพียงเท่านั้น ถ้าตัดเรื่องที่เขาถ่ายรูปพวกนั้นเอาไว้จนทำให้เธอเจอเรื่องแย่ในชีวิต เขาก็เป็นอีกคนที่ดูแลเธอดีมากที่สุด มือบางถูกรามิลจับไว้แล้วดึงไปหอมลงที่หลังมือ คนนอนอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวเข้าใกล้เพื่อหอมแก้มเธอ เขายิ้มสดใสออกมาจนข้าวหอมเองก็ยังได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมถึงได้ดูมีคยามสุขมากขนา
รามิลน่ังกอดอกทิ้งตัวฟังแม่เขาบ่นด้วยความเบื่อหน่าย เขาถูกตามตัวกลับมาที่่บ้านทันทีที่แม่กลับมาหลังจากไปดูงานที่ต่างประเทศมาร่วมสองอาทิตย์ เขาเองรู้ดีแต่แรกว่าแม่ต้องการคุยเรื่องอะไรถึงอีกคนจะไม่บอกเขาในตอนที่เรียกตัวให้กลับมา แม่คงจะรู้เรื่องที่เขาไปป่าวประกาศว่าคนตัวเล็กเป็นอะไรกับเขาแล้ว ถึงได้บ่นเป็นฟืนเป็นไฟไม่รู้จบอยู่แบบนี้เรื่องราวที่แม่พูดมันถูกแต่งเติมซะจนเขาเองได้แต่กรอกตามองบน แค่ฟังก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่เขา ทั้งที่ปกติแม่เขาเป็นคนฉลาดมากจนเขาเองก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรทำให้แม่เขาเชื่อในมารยาของเพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาขนาดนั้น หรือแค่ทำเป็นเชื่อเพราะไม่ชอบคนตัวเล็กของเขากันแน่คนตัวสูงลุกขึ้นด้วยอารมณ์รุกกรุ่นที่ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงข้าวหอมในทางไม่ดีมาพักใหญ่ บอกปัดผู้เป็นแม่ไปว่าเหนื่อยแล้วรับเดินออกมาจากห้องก่อนที่จะอดไม่ไหว ประตูห้องนอนที่เขาแทบไม่ได้กลับมาเหยียบถูกปิดลงดังลั่น เดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เขาคิดไม่ตกมาตลอดว่าควรทำยังไงแม่เขาถึงจะเลิกทิฐิแล้วชอบเธอขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่ามันการันตีได้ดีว่าเขารู้สึกกับเธอแบบไหน ก่อนหน้านี้เ
คนตัวเล็กพรูลมหายใจออกมาคลายความกังวลในใจ เธอตัดสินใจมาเรียนตามปกติหลังจากรู้จากเพื่อนว่ารามิลไปเคลียจนไม่มีการยึดทุนคืน เมื่อวานเธอเข้าไปเยี่ยมแม่แล้วได้รับกำลังใจมาเยอะแยะ แม่ของเธอเอาแต่ย้ำใซ้ำไปซ้ำมาว่ารามิลดีกับเธอมาก และเชื่อว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอแน่ ได้แต่ยิ้มรับตอบแม่ไปทั้งที่ในใจยังไม่ได้สบายใจมากนัก เดินผ่านผู้คนที่พากันพูดถึงเรื่องราวของเธอแบบไม่ได้เรียกว่าเป็นกันนินทาแต่เหมือนตั้งใจให้ได้ยินมากกว่า กว่าจะเดินมาถึงใต้คณะก็รู้สึกอัดอัดแทบแย่ พยักหน้ากับตัวเองว่าเก่งมากแล้วที่เดินมาถึงตรงได้ ก้าวเดินต่อได้เพียงไม่กี่ก้าวก็มีใครบางคนมายืนขวางเธอเอาไว้คนตัวเล็กเงยมามองแล้วทำหน้าเซ็งเพราะคนที่มาดักเธอว่าคือรุ่นพี่สาวสวยคู่ขาเก่าของรามิล อีกคนยิ้มเยาะเธออย่างสะใจที่เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ บางทีก็อยากพุ่งเขาไปหยุมหัวให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย น่ารำคาญเป็นบ้า"ยังกล้ามาเรียนอีกหรอ" คนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นแล้วตั้งคำถามที่ชวนหงุดหงิดขึ้นมา "แล้วทำไมต้องไม่กล้าด้วยละ" คนตัวเล็กพูดสวนกลับไปแล้วกอดอกมองอย่างไม่สบอารมณ์ แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันก็เหนื่อยมากพอแล้ว ยังต้องมาเจอคนแบบนี้
รามิลตักข้าวในชามที่พยาบาลพึ่งเอาเข้ามาให้ป้อนคนบนเตียงผู้ป่วย คนตัวเล็กเบี่ยงหน้าหนีแล้วไม่ยอมอ้าปากรับที่เขาพยายามป้อน ลองทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาสักพักก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์เลยสักนิด อีกคนยังเอาแต่หลบกัน ไม่กิน ไม่พูดคุย เขาเองรู้ดีว่าสิ่งที่ข้าวหอมเจอมันไม่ใช่เรื่องเล็ก และต้นสายปลายเหตุมันก็มาจากที่เขาถ่ายรูปภาพพวกนั้นเอาไว้ "กินหน่อยสิครับ จะได้กินยา เดี๋ยวหายแล้วจะได้ไปเรียนไง" คนตัวเล็กหันมาแล้วกรอกตาใส่เขา เธอโดนมาขนาดนี้ ยังคิดว่าเธอยังจะสามารถพบเจอใครได้แบบปกติอีกหรอ เพราะเขาไม่ใช่คนถูกกระทำสินะถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้"คิดว่าข้าวจะยังมีหน้าไปเรียนได้อีกหรอ" น้ำเสียงติดกระแทกกระทั้นให้เขารู้อารมณ์ภายในใจที่กำลังครุกกรุ่นทำให้รามิลคว้าเอามือบางเข้ามากอบกุมไว้ ลูบไปมาอย่างขอความเห็นใจและสื่อให้เธอรู้ว่าเขาไม่เคยมีเจตนาจะให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ"พี่ขอโทษ ข้าวจะมองว่ามันเป็นความปิดพี่ก็ได้ แต่ว่า...." เอ่ยพูดคำขอโทษที่เขาไม่รู้ว่าพูดมันไปแล้วกี่สิบรอบตั้งแต่คนตัวเล็กฟื้นขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะสามารทำได้ในตอนนี้"มันก็เป็นความผิด
"พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม" รามิลยังคงเดินตามคนตัวเล็กแล้วเอ่ยปากขอพูดคุยแบบที่เขาพยายามทำมาทุกวัน ปฏิกิริยาเรียบนิ่งไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมให้เขาคุยด้วยเป็นเครื่องการันตีว่าอีกคนโกรธเขามากแค่ไหนร่วมอาทิตย์ที่พยายามเข้าหาเพื่อขอโทษหรืออธิบาย แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้เลย ทุกครั้งที่ดักรอหน้าคณะอีกคนก็จะหนีไป ยามที่ไปดักรอหน้าหอของยี่่หวาเพื่อนของคนตัวเล็กก็เอาแต่ขวางเขาเอาไว้"คุยกันหน่อยได้ไหมครับ" คนตัวสูงเอ่ยปากถามอีกรอบแล้วจับมือคนตรงหน้ามากอบกุมไว้ ข้าวหอมดึงมือออกอย่างไม่อยากให้เขามาแตะต้องตัวเธอ "ข้าวไม่อยากคุย" พูดปฏิเสธแล้วเตรียมเดินหนีแต่รามิลก็ยังวิ่งมาดักข้างหน้าเอาไว้ คนตัวเล็กหลับตาลงแล้วก้มหน้าหนี ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยที่ต้องคอยเอาแต่เดินหนีเขาอยู่แบบนี้"ให้พี่อธิบายหน่อย พี่ไม่ได้ส่งต่อภาพพวกนั้นไปให้ใครนะ""แต่มันก็คือรูปที่พี่ถ่ายใช่ไหมละ!" เขาอธิบายออกมาง่ายดายขนาดนี้ได้ยังไง เรื่องนี้มันใหญ่มากสำหรับเธอแต่ดูเหมือนกับรามิลจะไม่ใช่แบบนั้น "พี่ก็แค่ถ่ายไว้...." "แบล็คเมล์" พูดขัดทันทีแบบไม่รอให้เขาได้พูดต่อ คนตรงหน้าดูไม่ได้สะทกสะท้านอะไรทั้งที่ในใ
รามิลนอนเล่นโทรศัพท์ทั้งมีคนตัวเล็กนอนอยู่ในอ้อมกอดด้วย อีกคนยังคงหลับสนิทหลังจากผ่านค่ำคืนแสนเร่าร้อนมาด้วยกันทั้งคืน ภาพของเธอกับเขาในยามร่วมรักทุกครั้งถูกเลื่อนดู ใครรู้คงคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตที่เก็บรูปพวกนี้เอาไว้ แต่เขาเพียงแค่อยากเอาไว้เพื่อเป็นข้อต่อรองในวันที่ข้าวหอมเริ่มดื้อกับเขาแล้วก็แค่นั้นเอง กดเข้าหน้าบัญชีธนาคารแล้วจิ้มรายการโปรดที่เขาบันทึกเอาไวั จัดการโอนเงินเข้าบัญชีของเธอในจำนวนตามที่ตกลงกัน ก่อนจะโอนแยกอีกสลีปเป็นเงินส่วนตัวที่ตั้งใจอยากให้เธอเอาไว้ใช้จ่าย เกิดเป็นคนรวยนี่มันก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น ก็ไม่รู้จะเอาอีกคนเข้ามาครองได้ยังไงส่งนิ้วเรียวเกลี่ยปลายจมูกของคนนอนหลับ เขาเคยพาผู้หญิงมากินที่นี่แทบนับไม่ถ้วน เพื่อนสาวคนสนิทก็เคยมาตั้งหลายครั้ง แต่ทว่ายังไม่เคยชวนใครมาอยู่ด้วยแบบนี้เลยสักที ใบหน้าที่มองยามไหนก็รู้สึกว่าสวยขึ้นในทุกๆวัน กับความรู้สึกที่อยากกอดเธอทุกทีที่ได้อยู่ด้วยกันนี่มันคืออะไร บางครั้งก็แปลกใจในความรู้สึกตัวเองซะจนคิดไม่ตก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอาการแบบนี้มันเป็นเพราะอะไรเขาซื้อกินมากมายแต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่ผู้หญิง







