LOGINกิจกรรมรับน้องวันที่สองยังน่าเบื่อหน่ายอย่างเคย ข้าวหอมนั่งอยู่หลังสุดของแถว ยกมือขึ้นปิดปากหาว รอจนรุ่นพี่เดินออกมาแล้วมองไปข้างหน้า วันนี้ดูเหมือนพวกรามิลจะไม่ได้มาด้วย ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ต้องเจอหน้า
"คนที่ติดทำโทษไว้เมื่อวานอ่ะ ลุกขึ้น" เสียงนะโมสั่งดังลั่น ข้าวหอมกับเพื่อนถอนหายใจแล้วดันตัวเองลุกขึ้นยืนเพราะรู้ดีว่าอีกคนหมายถึงใคร
"ออกไปวิ่งรอบสนามสิบรอบ"
"ว่าไงนะ แค่มาสายเองวิ่งสิบรอบเลยหรอ" นิรินอุทานอย่างหัวเสีย
"หรือจะไม่วิ่ง ก็ได้นะ จะได้เซ็นไม่ผ่านกิจกรรมรับน้องให้"
หญิงสาวยืนกอดอกมองดูคนที่เธอสั่งให้ไปวิ่งรอบสนาม เพราะได้ยินมาว่ารามิลไปเจอกับเด็กข้าวหอมนั่นเมื่อคืน แถมยังไปช่วยเหลือทั้งที่ปกติไม่ชอบยุ่งกับใคร แค่นี้ก็รู้แล้วว่ารามิลคงสนใจอีกคนเป็นพิเศษ แต่ไม่มีทางที่เธอจะยอมให้เป็นแบบนั้น
"มิ้นท์ทำอะไร?"
"มะ มิล ไหนว่าวันนี้มีธุระกันไม่เข้ารับน้องไง" มองดูคนตัวเล็กกับเพื่อนที่วิ่งจนเหงื่อโซกเต็มใบหน้าแล้วขมวดคิ้ว
"สั่งลงโทษน้องหรอ เรื่องอะไร"
"ก็เรื่องที่มาสายเมื่อวานไง"
"ให้วิ่งกี่รอบอ่ะ" ริวถามหาคำตอบเพราะดูจากท่าทีอิดโรยกับเหงื่อเต็มตัวแบบนี้น่าจะวิ่งมาสักพักแล้ว
"สิบรอบ"
"ห๊ะ! จะบ้าหรอมิ้นท์ ให้น้องวิ่งกันขนาดนั้นได้ยังไง"คิมหันต์พูดท้วง
"กูว่าบอกให้น้องหยุดวิ่งกันเหอะ" ทิวเขาหันไปปรึกษาเพื่อนแล้วเอ่ยขึ้นเพราะดูท่าแล้วพวกรุ่นน้องจะไม่ไหวกันอยู่แล้ว นี่ถ้าพวกเขาไม่มาแล้ววิ่งกันจนครบสิบรอบจะเป็นไงเนี่ย
"ทำแบบนั้นไม่ได้นะ รุ่นน้องอยู่เยอะแยะ แบบนี้คำสั่งของมิ้นท์ก็ไม่มีความหมายสิ"
"แต่นี่มันเกินไป...." รามิลยังไม่ทันพูดจบเสียงโหวกเหวกก็ทำให้เขาหันไปมอง ก่อนจะเห็นใครบางคนที่เป็นลมล้มฟุบที่พื้นสนามไปแล้ว
"ชิบหาย ใครเป็นลมว่ะ" ริวพูดแล้ววิ่งตามเพื่อนอย่างรามิลที่วิ่งออกไปก่อนใคร
รามิลวิ่งไปถึงกลุ่มรุ่นน้องก่อนเพื่อนก่อนจะเห็นว่าเป็นอย่างที่เขาคิด ข้าวหอมคือคนที่เป็นลมอยู่ตรงนั้น ไม่พูดอะไรเยอะก็ช้อนคนตัวเล็กขึ้นอุ้มเรียกสายตาทุกคนให้มองมา ก้มดูคนที่สลบอยู่ทั้งใบหน้าซีด นั่งลงบนม้าหินแล้วโอบคนตัวเล็กให้นอนพิงเขาไว้ก่อนยาดมจะถูกยื่นมาให้
"ข้าวหอมไม่สบายมาก่อนรึเปล่า?" ทิวเขาหันไปถามสามสาวที่ยังทำหน้าตกใจแต่ได้รับการส่ายหัวปฏิเสธ
"อาจจะเพราะพักผ่อนน้อยค่ะ ข้าวหอมทำงานเลิกดึกทุกวัน" ปลายฟ้าพูดขึ้นมาก่อนจะนั่งลงบีบนวดตามแขนให้เพื่อน รามิลถือยาดมให้คนตัวเล็กรู้สึกดีขึ้น ไม่ทันได้หันไปสังเกตเพื่อนสาวที่ยืนกอดอกมองอย่างไม่พอใจ ไม่นานนักเปลือกตากลมก็ขยับลืมตาตื่นขึ้น รามิลเช็ดซับเหงื่อตามใบหน้ารุ่นน้องตัวเล็กออกให้
"พี่...."
"เป็นไงบ้างครับ?"
"เวียน...หัว" มือบางจับที่หัวของตัวเองแล้วหลับตาลงราวกลับอาการเวียนหัวมันมากซะจนเธอทนไม่ไหว รามิลลุกขึ้นยืนอุ้มคนตัวเล็กขึ้นอีกครั้ง เสียงซุบซิบนินทาดังมาจากด้านหลังจนเขาต้องหันมอง
"ปีหนึ่งอยู่ในความสงบด้วยครับ มิ้นท์กับนะโมดูรุ่นน้องนะ"
"แล้วมิลจะไปไหน"
"พาข้าวหอมไปโรงพยาบาล" พูดจบก็เดินออกไปไม่รอฟังหญิงสาวที่จะพูดค้าน สามสาวมองเพื่อนที่ถูกรามิลอุ้มออกไปไกลอย่างงุนงงแล้ววิ่งตามไป
"ไปรถนิได้นะคะ นิเอารถมา"
"รถพี่จอดอยู่แค่ตรงนี้ ไปรถพี่แหละ ส่วนเรากับเพื่อนขับตามไปพร้อมพวกไอริวนะ" อ้าปากค้างแล้วไม่ได้พูดอะไร รู้ตัวอีกทีเพื่อนตัวเล็กก็ถูกรามิลวางลงบนเบาะรถคันหรูแล้วอีกคนไม่ลืมจะคาดเข็มขัดนิรภัยให้ด้วย
หันมองคนที่เบาะข้างคนขับเป็นระยะเพื่อเช็คดูอาการ คนตัวเล็กยังคงหลับตาอยู่ เรียวคิ้วที่ขมวดเป็นปมทำให้เขาพอจะเดาได้ว่าคงอาการไม่สู้ดีเท่าไหร่ ไม่นานนักก็มาถึงโรงพยาบาลเอกชนที่ใกล้ที่สุด คุณหมอรับเคสของเขาได้ทันทีเพียงแค่บอกชื่อและนามสกุลออกไป
@ห้องพิเศษ
ดวงตากลมลืมตื่นขึ้นมาแล้วหลับลงปรับการมองเห็นจากแสงไฟภายในห้อง หันมองบรรยากาศในห้องกับกลิ่นยาแบบนี้เดาไม่ผิดว่าคงจะอยู่ที่โรงพยาบาล ยกมือบางข้างที่มีสายน้ำเกลือขึ้นดู ดันตัวเองลุกขึ้นนั่งแล้วมองออกไปด้านนอก เหมือนจะเป็นข่วงค่ำแล้วเพราะฟ้าด้านนอกมืดสนิท
"ห้องพิเศษเลยหรอ จะเอาเงินที่ไหนจ่ายเนี่ย"
"เดี๋ยวพี่จ่ายให้" สะดุ้งตกใจที่จู่ๆก็มีเสียงใครพูดขึ้นมา หันไปมองถึงจะเห็นร่างสูงของใครบางคนนอนอยู่บนโซฟาทั้งมีหนังสือปิดหน้าเอาไว้ อีกคนลุกขึ้นนั่งทำให้เธอขมวดคิ้วทันทีที่เห็นเขา....มาอยู่ที่นี่ได้ยังไง
"พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง"
"ก็พี่เป็นคนอุ้มเรามาอ่ะ ทำไมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้"
"ห๊ะ"
"เราวิ่งแล้วเป็นลมไป อาการดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่ พี่เลยพามาโรงพยาบาล ส่วนเพื่อนเรากลับกันไปหมดแล้วแหละ เห็นว่ามีงานกลุ่มต้องทำ"
"นี่กี่โมงแล้วอ่ะ"
"สองทุ่ม"
"แย่แล้ว ที่ร้านต้องว่าแน่ๆ"
"ไม่หรอก พี่ให้พวกไอริวไปลาให้แล้ว" ถอนหายใจอย่างโล่งอกขืนโดนไล่ออก ไม่มีงานทำแน่ แถมงานที่นี่ก็เงินดีที่สุดเท่าที่เคยทำมาด้วย
"พักผ่อนให้มากหน่อย หมอบอกว่าเราพักผ่อนไม่พอ"
"ปกติก็แบบนี้อยู่แล้ว วันนี้เพราะพวกพี่นั่นแหละมาสั่งให้วิ่งอ่ะ"
"ไม่เกี่ยวกับพี่สักหน่อย อย่าพาลสิ อีกอย่างถ้าคิดว่าไม่ไหวก็พูดสิ ยอมวิ่งอยู่ได้"
"แบบนั้นก็เสียหน้าแย่" รามิลขำหึในลำคอหลังได้ยิน คงเพราะเขาขำดังเกินไปถึงได้รับสายตาคาดโทษมองมา
"ส่วนที่กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายอ่ะ ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวพี่จ่ายเอง"
"พี่จะมาจ่ายให้ชั้นทำไม เดี๋ยวชั้นยืมนิรินก่อนก็ได้"
"ไม่คิดว่ารบกวนเพื่อนเกินไปหรอ นิรินอาจมีเรื่องต้องใช้เหมือนกัน"
"นิรินรวยมาก"
"พี่ว่าพี่รวยกว่านะ" แขนแกร่งสองข้างค้ำยันที่เตียงแล้วก้มหน้ามาใกล้จนเธอต้องล่นคอหนี รามิลยิ้มออกมาเพราะพวงแก้มที่ขึ้นสีแดงระเรื่อ อย่างน้อยก็มีความรู้สึกเขินอายอยู่บ้างแฮะ
"พี่กลับไปก็ได้ ชั้นอยู่คนเดียวได้"
"เรียกแทนตัวเองว่าข้าวหรือหนูจะน่ารักมากเลยนะ" ให้เรียกแทนตัวเองว่าข้าวก็พอทนแต่ถ้าหนูคือพอเลย แล้วก็นะ...ใครมันจะไปอยากน่ารักในสายตาเขากันว่ะ
"ข้าวอยู่คนเดียวได้"
"ค่ะด้วยสิ"
"จิ๊ ข้าวอยู่คนเดียวได้ค่ะ"
"ดี...แต่พี่ไม่กลับหรอก"
"เอ้า"
"ถ้าพี่กลับแล้วใครจะอยู่เป็นเพื่อน ผีเยอะนะในโรงพยาบาลอ่ะ"
"ข้าวไม่ใช่เด็กๆแล้ว"
"แล้วอยากเป็นเด็กไหม"
"อะไรของพี่"
"ตำแหน่งเด็กพี่ยังว่างนะครับ"
"เพ้อเจ้อ" ให้ตาย เป็นคำปฏิเสธที่เจ็บมาถึงหัวใจพี่รามิลคนนี้เลย อยากจะบ้า
รามิลเดินเอากระเป๋าเสือผ้าที่ขนไปเฝ้าคนตัวเล็กที่โรงพยาบาบเข้าไปไว้ในห้อง เขาเดินออกมาแล้วเห็นว่าเธอกำลังยืนมองออกไปนอกระเบียงด้วยรอยยิ้ม รามิลเดินไปโอบกอดอีกคนจากด้านหลัง เขาโน้มลงไปหอมแก้มนิ่มฟอดใหญ่จนเะอหัวเราะออกมา "คิดถึงห้องของเราไหมครับ?" "ห้องของพี่ต่างหาก" ข้าวหอมพูดเถียงขึ้น สุดท้ายก็เลยโดนรามิลจับให้หมุนไปหาแล้วดันตัวเธอชิดเอาไว้กับบานกระจก นิ้วยาวจิ้มที่ริมฝีปากเธออย่างไม่ชอบใจกับสิงที่เธอพูดเท่าไหร่นัก แต่เธอกลับเอาแต่ยิ้มทั้งที่รู้ว่าเขาไม่พอใจอยู่ "ไม่ต้องมายิ้มเลย" รามิลขมวดคิ้วใส่แต่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจอาการของเขาแม้สักนิดแถมยังจะเอาแต่ยิ้มไม่ยอมหยุดอีก แขนเรียวยกขึ้นคล้องคอเขาเอาไว้แล้วเขย่งเท้าขึ้นไปกดจูบคนที่เอาแต่ทำหน้าไม่พอใจอยู่ รามิลยังคงตีหน้านิ่งอยู่อย่างนั้นจนเธอต้องลองทำอย่างเดิมอีกรอบ แต่เหมือนว่ามันจะไม่ได้ผลอีกตามเคย ข้าวหอมยืนคิดพักใหญ่ก็พอจะคิดอะไรออก มือเล็กจับไล้ตั้งแต่กลางอกเขาจนมาถึงหน้าท้อง ลูบลงไปจนถึงเป้ากางเกงก่อนจะถูกรามิลรวบมือเอาไว้ "พึ่งนะหายดีก็หาเรื่องใส่ตัวเลยหรอ?" "หรือว่าพี่ไม่ชอบละ" สายตาเย้ายวนแบบนั้นนั่นมันอะไร จะเล่นกับใจขอ
รามิลอุ้มร่างที่เปียกชุ่มไปด้วยเลือดเข้ามาด้านใน เขาพอจะมีสติขึ้นแล้วถึงได้อุ้มเธอไหว เตียงคนไข้เข็นเข้ามารับร่างไร้เรี่ยวแรงจากมือเขา รามิลวิ่งตามเตียงที่เข็นไปด้วยความเร็ว ก่อนจะต้องหยุดในตอนที่พยาบาลดันเขาออกมาแล้วประตูห้องฉุกเฉิดก็ปิดลงเขาทิ้งตัวลงเต็มแรงราวกับคนที่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปดี ใจของเขาหลุดลอยออกไปตั้งแต่ได้เห็นเลือดสีแดงสดเต็มตัวข้าวหอมแล้ว เขานั่งนิ่งสมองไม่อาจประมวลผลก่อนเพื่อนจะเดินเข้ามาหา พร้อมแม่เขาที่นั่งลงข้างกายแล้วลูบแผ่นหลัง"แม่ขอโทษนะลูก แม่ไม่คิดว่าหนูมิ้นท์จะทำถึงขนาดนี้""น้องจะตายไหมครับแม่ ข้างหอมจะตายไหมครับ""แม่ไม่ยอมให้ลูกสะใภ้แม่ตายหรอก""แม่...."รามิลมองหน้าแม่ของเขาอย่างไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน ความดีของข้างหอมกับแสดงออกให้เธอได้รับรู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้รักลูกชายเธอมากแค่ไหน และนั่นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องขัดขวางความรักของทั้งสองคนอีกบายประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกมา เป็นพยาบาลที่วิ่งมาหาด้วยสีหน้าตกใจจนรามิลใจล่วงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม"เกิดอะไรขึ้นหรอครับ?""กระสุนถูกจุดสำคัญ แล้วคนไข้ก็เสียเลือดมาก เราจำเป็นต้องผ่าตัดโดยด่วนค่ะ""รักษาได้เลยค่ะ ช่
รามิลลืมตาขึ้นมาด้วยความมึนงง อาการปวดหนึบที่หัวทำให้เขาต้องสะบัดไปมาเพื่อคลายมันลง กว่าจะปรับการมองเห็นได้ก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ภาพแรกทำให้ทำเขาเบิกตากว้าง คนตัวเล็กถูกมัดเอาไว้ติดกับเก้าอี้ตรงหน้าเขาทั้งมีผ้ามัดที่ปากเอาไว้ด้วย รามิลพยายามขยับสุดแรงแต่แขนที่ถูกมัดไขว้หลังไว้ทำให้เขาทำตามใจได้ลำบากเขาได้แต่กัดฟันกรอดด้วยความโมโหถึงขีดสุด มุมปากสวยมีรอยแผลอยู่ด้วย สถานการณ์ที่เขาสองคนกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้ ไม่ต้องบอกจะะรามิลก็รู้ดีว่าใครเป็นคนทำ"ข้าวหอม ไหวไหมครับ?" คนตัวเล็กพยักหน้าตอบรับเขาเพราะไม่สามารถพูดออกมาได้ ก่อนบานประตูจะเปิดขึ้นแล้วคนที่เขาคิดไว้ว่าเป็นคนทำจะเดินเข้ามา"มิ้นท์จับเรากับน้องมาทำไม?""เราแค่มีเรื่องคุยกับมิลหน่อย ส่วนนังเด็กนี่....""อย่าทำอะไรข้าวหอมนะ!" คนตรงหน้าเดินแสยะยิ้มมาหาเขาแล้วมองนิ่ง แววตาแสนอาฆาตแค้นนั้นเขาแทบไม่เคยเห็นมันมาก่อน เขาคิดผิดไปสินะที่เข้าไปพัวพันกับผู้หญิงคนนี้ ถึงมาคิดได้ในเวลานี้มันก็สายเกินไปแล้ว"ห่วงมันเหลือเกินนะ ความจริงมันควรจะตายไปตั้งแต่รอบที่แล้วด้วยซ้ำ""เราไม่เคยคิดเลยนะ ว่ามิ้นท์จะเป็นคนแบบนี้""ก็มิลนั่นแหละที่ทำให้เราเ
"สุดท้ายก็แพ้ลูกอ้อนไม่ไหว""มึงก็ลองมีเมียมาอ้อนดูบ้างสิว่ะ" รามิลสวนกลับทิวเขาทันควัน ปกติข้าวหอมไม่ใช่คนขี้อ้อนอะไร แต่พออ้อนขึ้นมาทีใจเขาก็อ่อนยวบไปหมด สุดท้ายก็ต้องแพ้ทางทุกที"กูก็มีแล้วไงเมีย""ปากดีเข้าไปเถอะ คนไหนละเมียมึงอ่ะ" เขาพูดเย้าเพื่อนไปแต่เหมือนว่าอีกคนจะหัวเสีบ ก็กำลังพูดความจริงอยู่นี่ นิรินที่เป็นว่าที่คู่หมั้น หรือว่าปลายฟ้าที่มันได้ไปแล้วทั้งตัวทั้งใจละที่เป็นเมีย"อาหารมาแล้ว" คนตัวเล็กจาเป็นประกายทันทีที่อาหารมาเสิร์ฟ ดูแล้วคงจะหิวมากเพราะนั่งทำงานกับเพื่อนมาหลายชั่วโมง"เป็นครั้งแรกเลยนะที่มาร้านเหล้าแล้วสั่งอาหารเยอะขนาดนี้อ่ะ" ข้าวหอมหันไปมองริวแล้วเกาต้นคอแก้เขิน ก็คนมันหิวจะให้ทำยังไงละ ที่อยากมาที่นี่ก็แค่อยากจะดูหน่อยว่าบรรยากาศร้านเปลี่ยนไปบ้างหรือเปล่าก็เท่านั้น"ทานกันได้เลยนะสาวๆ เดี๋ยวพี่เลี้ยงเอง""ก็นึกว่ามีเงินพอเลี้ยงข้าวคนเดียว เลี้ยงเพื่อนข้าวไหวด้วยหรือไง""สบายมาก""เลี้ยงเพื่อนข้าวได้ แต่ห้ามเลี้ยงสาวคนอื่นเชียว""ดูสภาพเพื่อนพี่ มันจะไปเลี้ยงสาวที่ไหนได้" คิมหันต์ขำแล้วส่ายหัว ข้างหอมน่าจะเป็นคนแรกที่เอาเพื่อนเขาอยู่ขนาดนี้ รามิลแทบไม่มอง
"มึงคิดว่าจะเป็นยังไงต่อ?" รามิลมองไปที่ทิวเขาแล้วหยุดนิ่ง คำถาของเพื่อนทำให้นึกคิดอยู๋แต่ก็พอจะเดาได้ไม่อยาก แม่ของคนที่เขาพึ่งแจ้งตำรวจจับคงไม่ยอมปล่อยไปแบบนี้แน่ แต่ในเมื่อเขาเลือกที่จะทำแล้วก็แค่ต้องรอรับมือกับมันให้ได้ "จะเป็นยังไงก็ให้เป็นไป กูแค่อยากจะปกป้องคนของกู""พี่รามิล" พูดไม่ทันจบเสียงหวานจากคนของเขาก็ดังขึ้นพอดี ข้าวหอมโบกมืออยู่ไม่ไกลแล้วเดินเข้ามาพร้อมกลุ่มเพื่อนของเธอ วันนี้เขาไม่มีเรียนแต่ก็มานั่งรอรับน้องตั้งแต่เช้า ไม่อยากให้ละสายตาไปไหนอีกแล้ว"เลิกแล้วหรอครับ เรียนเป็นไงบ้าง?""เหนื่อยมาก มีงานต้องทำด้วย" รามิลลูบหัวคนที่ปากยู่ลงยามเราให้เขาฟัง ดูจากสีหน้าแล้วเธฮคงเหนื่อยกับการเรียนมากอย่างที่บอก"พี่รามิลนี่ดีจัง มารอรับข้าวหอมทุกวันเลย" ยี่หวาอดไม่ได้ที่จะเอ่ยแซว ไม่ว่าจะมีเรียนหรอไม่มี ยุ่งมากแค่ไหนทุกครั้งที่เรียนเสร็จแล้วเดินลงมาก็จะเห็นรามิลมารอเพื่อนเธอแบบนี้ตลอด น่าจะเริ่มตั้งแต่ที่ข้าวหอมโดนแทงจนเข้าโรงพยาบาลวันนั้นละมั้ง"เมียทั้งคนก็ต้องมารอสิครับ""พี่รามิลพูดอะไรเนี่ย!?" อดไม่ได้ที่จะะบีบแก้มเนียนด้วยความหมั่นเขี้ยว ยิ่งในยามที่มันกำลังแดงระเรื่อด
เสียงเรียกจากพนักงานส่งอาหารดังขึ้นจังหวะเดียวกันกับที่รามิลออกมาจากห้องน้ำพอดี พอรับของมาจ่ายเงินเสร็จแล้วก็เตรียมมันใส่จานเอาไว้ เหลือมองนาฬิกาตอนนี้ก็เกือบจะเที่ยงแล้ว เดินกลับไปในห้องก็ยังเห็นคนตัวเล็กนอนคุดคู้อยู่บนเตียง รามิลนั่งลงแล้วหอมแก้มเธอแทนการเอ่ยปลุกแต่เหมือนว่าจะไม่ได้ผล เลยเปลี่ยนมานั่งลูบหัวเธอแทนอย่างเอ็นดูเวลาอาทิตย์กว่าที่เขายุ่งกับการจัดการเรื่องที่คนตัวเล็กเจอมา ขุนเขายอมเปิดปากทั้งหมดว่ามิ้นท์เป็นคนสั่ง จริงๆก็ไม่ใช่ว่ายแมหรอกแต่เป็นเขาที่ไปขู่ต่างหาก ตอนนี้น้องชายของคนตัวเล็กถูกคุมตัวเอาไว้ เหลือก็แค่เพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาที่เขาอยากจะเป็นคนจัดการด้วยตัวเอง รามิลก็แค่อยากลองให้โอกาสอีกคนเป็นครั้งสุดท้าย ถือว่าชดใช้ที่เป็นต้นเหตุของความแค้นในครั้งนี้เอนตัวลงนอนแล้งดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอด หอมแก้มเธออยู่หลายครั้งเป็นการก่อกวนให้คนขี้เซาลืมตาตื่น ครั้งนี้ได้ผลข้าวหอมลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งมุ่ยหน้าใส่คงจะหงุดหงิดที่เขาไปกวนเวลาฝันหวาน"ทำไมงอแงครับ?""ข้าวเปล่างอแงก็แค่ยังนอนสบายอยู่เลย""ขี้เซาจัง จะเที่ยงแล้วครับ ลุกมาทานข้าวได้แล่ว" คนตัวเล็กผุดตัวลุกขึ้นนั่งทั้งยังทำห







