LOGIN
"รอด้วย!" หญิงสาวตัวเล็กในชุดนักศึกษาที่พึ่งวิ่งลงมาจากรถเมล์ตะโกนเรียกเพื่อนดังลั่น สามสาวหันมายิ้มให้เพื่อนจอมแก่นที่วิ่งเอาเป็นเอาตายเพื่ิอให้มาถึงพวกเธอให้ไวที่สุด
"ไม่ต้องวิ่งก็ได้ เดี๋ยวก็ล้ม" ปลายฟ้าเอ่ยบอกเพื่อนที่กำลังเหนื่อยหอบ
"สภาพแกหรอข้าวหอม ผมเพล่าพะรุงพะรังไปหมด" นิรินพูดทั้งจับผมที่ชี้ฟูของเพื่อนไปด้วย ดูก็รู้ว่าคงนั่งโต้ลมริมหน้าต่างรถเมล์มาแน่
"ใครจะมีเวลามานั่งแต่งหน้าแต่งตัวอย่างแกละ แม่คุณหนูไฮโซ"
"พอเลย ตีกันแต่เช้าเลยเนี่ย" ยี่หวาปรามเพื่อนสองคนแล้วส่ายหัว ไม่เคยเลยที่จะไม่ทะเลาะกัน พูดกันทีไรเป็นได้เถียงกันทุกที
ปลายฟ้ากอดแขนข้าวหอมเดินไปแล้วคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ไปด้วย จังหวะข้ามถนนหน้าตึกไม่ทันได้ระวัง กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนรถคันหรูแล่นมาเกือบถึงตัว ข้าวหอมดึงเพื่อนตัวเล็กด้วยความตกใจจนปลายฟ้าล้มลงที่พื้นเต็มแรงแล้วเธอก็ล้มลงตาม
"พวกแกเป็นไงมั่ง" ยี่หวานั่งลงสำรวจร่างกายเพื่อนสองคนให้แน่ใจ ปลายฟ้าไม่มีแผลอะไรแต่เหมือนข้าวหอมจะมีแผลถลอกตรงหัวเข่าเพราะแรงกระแทก
"เจ็บป่ะ?"
"ลองมาล้มเองไหมละนิ ถามมาได้"
"อ้าว ไอข้าว....."
"ขอโทษนะครับ" รามิลนักศึกษาปีสามลูกชายคนเดียวของผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยเดินลงมาเรียกสายตาหญิงสาวให้หันไปมอง เพราะหน้าตาหล่อ แถมบ้านยังรวย ก็เลยเป็นที่หมายปองของรุ่นพี่รุ่นน้องเต็มไปหมด
"ขับยังไง ไม่รู้จักมองทาง ไม่เห็นคนหรอ!"
"ไอข้าว ใจเย็นๆ" ยี่หวารวบตัวเพื่อนเอาไว้ เอะอะก็จะบวกอย่างเดียว ไม่รู้จักดูขนาดตัวบ้างเลย
"ไงว่ะไอมิล น้องปีหนึ่งมาวันแรก มึงก็ขับรถชนเลยหรอ"เป็นทิวเขาที่เดินเข้ามาพร้อมกับคิมหันต์และริว คนตัวสูงเลิ่กคิ้วให้เพื่อนไป ดูเหมือนว่าวันนี้คงเป็นวันซวยของเขาละมั้ง
"เป็นอะไรไหมครับ? พี่ช่วยไหม" ริวส่งมือมาช่วยปลายฟ้าที่ยังนั่งอยู่ที่พื้น แต่โดนข้าวหอมปัดออกเต็มแรง คนตัวเล็กพยุงเพื่อนให้ลุกขึ้นมาเองแล้วมองหน้าพวกเขาอย่างไม่สบอารมณ์
"รุ่นพี่คณะไหนว่ะ อย่างหล่อเลยแก"
"เก็บนอบ้างก็ได้นะนิริน"
"ปีหนึ่งวิศวะใช่ไหม?" คิมหันต์ถามขึ้น เป็นนิรินที่พยักหน้าตอบก่อนคนอื่น
"พวกพี่อยู่ปีสามวิศวะเหมือนกัน"
"รุ่นพี่เราหรอว่ะ ไอข้าวเลิกหาเรื่องเหอะ" ยี่หวาลูบแผ่นหลังบางให้ใจเย็นลง ขืนมีเรื่องกับพวกรุ่นพี่ ชีวิตไม่สงบสุขแน่
"สรุปไม่เป็นอะไรมากใช่ไหม? วันหลังก็เดินระวังกันหน่อยสิ"
"พี่ขับรถไม่ดูทาง แถมความเร็วก็น่าจะเกินกำหนดที่ให้ขับในมหาวิทยาลัย ยังจะมาหาว่าพวกเราเดินไม่ดูทางอีก ไม่รู้กฏของมอรึไง"
"แหม่ ไอมิลมันจะไม่รู้ได้ยัง มันเป็นลูกผู้อำนวยการนะ" ยืนอึ้งไปพักใหญ่ก่อนปลายฟ้าจะรีบหาทางเลี่ยงไม่ให้เพื่อนไปต่อล้อต่อเถียงอีก รามิลมองนามคนตัวเล็กที่ถูกเพื่อนดึงให้เดินตามไปด้วยรอยยิ้ม ....น่าสนใจ
@อาคารหน้าตึกคณะ
"วิ่งหน่อย เดี๋ยวก็โดนทำโทษหรอก"
"ก็โดนอยู่แล้วป่ะยี่ นี่เลยเวลามาสิบนาทีละ" ข้าวหอมพูดแล้วส่ายหัว พวกเธอออกมาช้าเพราะรอนิรินทำงานส่งอาจารย์อยู่ ดูจากเวลายังไงก็คงโดนทำโทษที่เข้ารับน้องสาย ไม่รู้เหมือนกันว่าจะรีบให้ได้อะไร
เดินมาถึงจุดรับน้องก็เห็นเพื่อนรุ่นเดียวกันนั่งอยู่อย่าฝเป็นระเบียบ มองรุ่นพี่ที่ยืนคุมอยู่แล้วรอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ จะโดนทำโทษแบบไหนอีกเนี่ย
ยังไม่ทันจะได้ก้าวเดินเข้าไปกลุ่มคนที่เดินเข้ามาใหม่ก็ทำให้รอบกลืนน้ำลายเข้าไปใหญ่ พวกรุ่นพี่ที่เธอมีเรื่องด้วยเมื่อเช้า อย่าบอกนะว่าจะมาคุมรับน้องด้วยอ่ะ...
"สี่คนตรงนั้น จะให้เพื่อนรออีกนานไหมครับ" นั่นไงโดนเข้าให้แล้ว รามิลตะโกนมาเสียงดังลั่นจนทุกคนหันมามองกลุ่มเธอกันทั้งแถบ ข้าวหอมเดินนำเข้าไปก่อน เป็นรุ่นพี่ผู้หญิงปีสามอย่างมิ้นท์ที่เดินเข้ามาถึงตัวพวกเธอพร้อมกับน้องสาวของคนตรงหน้าดาวคณะปีก่อนอย่างนะโม
"ทำไมมาสายขนาดนี้" นะโมถามเธอเสียงนิ่ง ป้ายชื่อที่คอของข้าวหอมกำลังล็อคเป้าให้เธอรู้ว่าคนตรงหน้าเป็นคนที่หลายคนพูดถึงกันว่ารามิลมีเรื่องด้วยเมื่อเช้า
"พวกเราติดทำงานส่งค่ะ"
"แต่เพื่อนมากันหมดแล้ว มัวทำอะไร โง่กันหรอไงถึงช้านัก" ข้าวหอมกำมือแน่นด้วยความโมโห อีกคนกล้าดียังไงใช้คำพูดรุนแรงกับปลายฟ้าแบบนี้ ทั้งที่ก็เป็นแค่รุ่นพี่ ไม่ได้สูงส่งอะไรสักหน่อย
"พี่พูดแรงไปป่ะ มีสิทธิ์อะไรมาพูดแบบนี้อ่ะ"
"สิทธิ์ของรุ่นพี่ไง"
"ก็แค่รุ่นพี่ ไม่ใช่พ่อใช่แม่สักหน่อย" ข้าวหอมมองนิรินแล้วพยักหน้าก่อนจะแตะมือกัน ต้องแบบนี้สิ ยามศึกเรารบ ยามสงบเราค่อยรบกันเอง
"มิ้นท์พอ" รามิลเอ่ยปรามเพื่อนสาวแล้วดันให้ห่างจากรุ่นน้องตัวเล็ก ข้าวหอมจ้องหน้าเขาอย่างไม่พอใจราวกลับไม่ชอบกันมาแต่ปางไหนทั้งที่พึ่ฝเจอกันวันนี้แท้ๆ
"แต่พี่มิลคะ ตามกฏแล้วคนมาสายต้องโดนทำโทษนะคะ"นะโมพูดท้วงขึ้นมา
"วันนี้มันเลทมากแล้ว ไว้พรุ่งนี้ค่อยว่ากัน น้องๆไปนั่งครับ"
กว่าจะจบรับน้องก็กินเวลาไปชั่วโมงกว่า ข้าวหอมวิ่งเข้าร้านไปด้วยความรวดเร็ว ปิดประตูลงกลอนห้องน้ำก่อนจะเปลี่ยนจากชุดนักศึกษาเป็นเสื้อเชิ้ตตัดพอดีรูปร่างกับกางเกงสีดำ เดินออกมาส่องกระจกตรงอ่างล้างมือ ผมสวยถูกมัดรวบหางม้าให้ดูเรียบร้อย
"มาสายนะวันนี้ พี่นึกว่าจะไม่มาแล้ว" มาตินผู้จัดการร้านทักขึ้นหลังเห็นเธอรีบวิ่งเข้ามาในบาร์
"พอดีติดรับน้องอ่ะค่ะ อะไรก็ไม่รู้ วุ่นวายชะมัด"
"ชีวิตเด็กปีหนึ่งก็แบบนี้ อย่าลืมละว่าถ้ามีใครถามอายุ ให้บอกว่ายี่สิบแล้วนะ ไม่งั้นไม่ได้ทำงานแน่"
"ทราบแล้วค่า" เธอตอบรับไปด้วยรอยยิ้มแล้วหันไปจัดเตรียมบาร์ ความจริงช่วงอายุของเธอยังไม่เหมาะที่จะทำงานในสถานที่แบบนี้ แต่เพราะความช่วยเหลือของมาตินทำให้เธอได้เข้ามาทำ ชีวิตที่ต้องหาเงินเองมันไม่ได้มีทางเลือกมากนัก ตอนกลางวันต้องเรียนก็เลยต้องหาเงินช่วงกลางคืนแทน
"นึกยังไงชวนมาร้านนี้ กูไม่เห็นเคยมาเลย" ริวถามคิมหันต์ที่เดินนำหน้าเขาอยู่
"กูเห็นคนรีวิวเยอะ เลยอยากลองมา สาวเพียบ ไม่สนใจหรอว่ะ"
"เดี๋ยวก็รู้ว่าดีอย่างที่รีวิวรึเปล่า นั่น...ข้าวหอมป่ะว่ะ"ทิวเขาชะงักไปก่อนจะเอ่ยทักขึ้นมาจนรามิลหันไปมอง ท่าทียิ้มแย้มพูดคุยทั้งสายตาหวานหยาดเยิ้มของบาร์เทนเดอร์ร้านนี้เรียกรอยยิ้มเขาได้ไม่ยากเลย ดูแตกต่างจากตอนที่เจอที่มหาลัยมากจริงๆ
"B52 หน่อยครับ"
"ได้ค่า พี่!"
"ครับน้องข้าวหอม"
"พี่รู้ชื่อฉันได้ยังไง"
"ตอนรับน้องก็ใส่ป้ายชื่อไม่ใช่หรอ เราต่างหากจำชื่อพี่ไม่ได้"
"แค่ไม่อยากจำ" ประโยคแทงใจดำแต่กลับทำให้เขายิ้มออกมา คนตรงหน้าน่าสนใจมากจริงๆนั่นแหละ
"ทำไมมาทำงานที่นี่ได้ละ อายุไม่ถึงไม่ใช่หรอ"
"สมัยนี้พวกเด็กอายุไม่ถึงยังมาเที่ยวเลย แปลกตรงไหนว่ะไอริว" ทิวเขาหันไปพูดกับเพื่อนแบบไม่รอให้ข้าวหอมได้เอ่ยปากตอบ
"ว่าแต่มีเหล้าที่แรงกว่า B52 ไหมคะคนสวย"
"พี่ริวคะ"
"ขาาาา"
"ไปหม้อที่อื่นเลยไป"
"แรงอ่ะ"
ข้าวหอมยืนชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าทั้งมีรามิลนั่งอยู่หน้าบาร์ไม่ห่าง เขาได้แต่รอบสังเกตใบหน้าที่มีเครื่องสำอางค์แต่งเติมนิดหน่อย ยิ่งมองก็ยิ่งมีเสน่ห์ แปลกมากจริงๆ
"พี่มาตินคะ ข้าวขอตัวไปเข้าห้องน้ำแปปนึงนะคะ"
รามิลมองตามข้าวหอมที่เดินออกไป ดูก็รู้ว่าอีกคนคงหนีเขาที่เอาแต่นั่งมองอยู่แบบนี้ ถึงอย่างนั้นก็ยิ่งน่าแกล้งเข้าไปใหญ่ ตัดสินใจลุกเดินตามคนตัวเล็กออกไป แต่ต้องหยุดชะงักเพราะเห็นเธอกำลังถูกใครบางคนฉุดกระชากอยู่
"ปล่อยได้แล้ว"
"จะเล่นตัวไปถึงเมื่อไหร่เนี่ย"
"ก็บอกแล้วไงว่าข้าวไม่ได้ทำงานอย่างว่า ปล่อยสิโว้ย!" สะบัดมือแล้วผลักคนตรงหน้าให้ออกห่าง เวกัสเป็นรุ่นพี่แถวบ้านที่ตามตื๊อเธอมานาน ยิ่งเห็นเธอมาทำงานที่แบบนี้เขาก็ยิ่งตามรังควานไม่เลิก ถึงจะทำงานกลางคืนแต่ก็ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่าสักหน่อย
"แค่ยอมพี่ก็สบายละ ไม่ต้องลำบากทำงาน"
"เผื่อพี่จะยังไม่รู้นะ ข้าวยอมลำบากทำงานจนตาย ดีกว่ายอมทำเรื่องอย่างว่ากับคนแบบพี่" ข้อมือถูกคนตรงหน้ากระชากเพราะความถือดี แรงบีบทำให้ใบหน้าเหยเกด้วยความเจ็บ พยายามกระชากตัวเองออกแต่ก็สู้แรงของเวกัสไม่ได้
"ผู้หญิงไม่เล่นด้วยก็ปล่อยสิว่ะ" เสียงรามิลดังมาจากข้างหลังทำให้หันไปมอง คนตัวสูงเดินตรงมากระชากเวกัสจนกระเด็นออกไป แขนแกร่งดันข้าวหอมให้ไปหลบอยู่ด้านหลัง
"แล้วมึงมาเสือกอะไร หรือว่าอยากได้มันเหมือนกัน"
"ปากมึงนี่มีแต่หมาหรอว่ะ"
"แล้วยุ่งเหี้ยอะไรด้วย คนเขาจะคุยกัน"
"ก็ผู้หญิงเขาไม่ชอบมึงไง ไม่เข้าใจอ่อ" ผลักแขนคนตรงหน้าที่พยายามขยับมาดึงข้าวหอมให้ออกไปหา คอเสื้อถูกเวกัสกระชากเข้าไปเต็มแรง รามิลถอนหายใจเพราะหงุดหงิดกับไอพวกกร่างไม่เป็นที่
"มึงจะเอาใช่ป่ะ"
"ปล่อยกู ก่อนที่กูจะซัดหน้ามึง"
"กล้าก็เอาดิ....โอ๊ยย!!" หมัดหนักซัดเข้าที่ใบหน้าเวกัสทั้งที่ยังไม่ทันพูดจบ รามิลสะบัดมือคลายความเจ็บนิดหน่อย คนที่ล้มลงทำท่าจะลุกมาสวนแต่เพื่อนเขาเดินเข้ามาซะก่อน
"ฝากไว้ก่อนเถอะ ไอพวกหมาหมู่"
"ทำตัวเป็นพี่พระเอกหรอมึงอ่ะ เกิดมันมีพวกแล้วโดนยำขึ้นมา อายเขาตายห่า" ทิวเขาพูดเย้าๆแล้วส่ายหัว
"เป็นไงบ้างเรา ไม่เจ็บตรงไหนใช่เปล่า" ริวหันมาถามข้าวหอมที่ยืนจับข้อมือตัวเองอยู่
"ไม่อ่ะ ขอบคุณแล้วกันที่มาช่วย"
"พูดได้แค่นี้หรอ คนอุตส่าห์มาช่วย"
"ไม่ได้ขอสักหน่อย"
"น่าจะปล่อยให้มันลากไปเนอะ ทำดีไม่ได้ดีแท้ๆ"
"จิ๊ พี่จะเอาอะไร"
"แค่พูดขอบคุณหวานๆสักประโยคก็พอ แบบ...พี่รามิลขา ขอบคุณที่มาช่วยข้าวนะคะ พี่รามิลเท่ห์ที่สุดในโลกเลยค่ะ อะไรแบบนี้" ข้าวหอมหลับตาลงข่มอารมณ์ ไอที่ให้พูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงหวานหยดย้อยยังไม่หนักเท่าให้ชมอีกคนว่าเท่ห์เลย อยากจะอ้วก...ไม่ถูกชะตาเลยสักนิด
"มึงก็ไปแกล้งน้องเนอะ" คิมหันต์พูดแล้วถอนหายใจใส่ ดูจากอาการแล้วเหมือนว่ารามิลจะสนใจรุ่นน้องคนนี้เป็นพิเศษ
"กูเปล่าแกล้ง พูดจริงๆ ไหนครับ..พี่รอฟังอยู่" เอาว่ะ เห็นว่ามาช่วยจากไอบ้านั่นหรอกนะ
"พี่รามิลขาาาา......" น้ำเสียงที่ดูไม่เต็มใจสักนิดแต่ก็ยังเรียกรอยยิ้มของรามิลได้เป็นอย่างดี
"ขอบคุณที่มาข่วยข้าวนะคะ!"
"อีกประโยคนึงละ"
"พี่รามิล.....พี่่ คือพี่"
"ว่ายังไงครับ"
"พี่! รา! มิล! เท่ห์! ที่สุด! ในโลก! เลยค่ะ!"
"ถึงจะดูฝืนไปหน่อยแต่ก็โอเค ขอบคุณที่ชมนะครับ น้องข้าวหอม"
ข้าวหอมเหลือบมองคนตัวสูงที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง ร่วมอาทิตย์แล้วตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น เธอตัดสินตอบรับคบกับรามิลและยอมกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดอย่างที่เขาต้องการ ก่อนหน้านี้เพราะเอาแต่กังวลเรื่องแม่อีกคนก็เลยคิดหนัก แต่ในเมื่อจะเล่นกันแรงแบบนี้ ก็เผชิญหน้ากันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย รามิลสัญญาว่าจะปกป้องเธอ คำพูดเขามันทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวนิดหน่อย เพราะแบบนั้นเธอถึงกล้าตัดสินใจที่จะลองเริ่มต้นกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ดู ก็อยากจะรู้ว่าถ้าแม่ของรามิลที่หวงลูกชายมากจะรู้สึกยังไงยามได้รู้ว่าเธอกับรามิลกำลังคบหากัน นั่งลงข้างเตียงแล้วส่งมือไปลูบตามกรอบหน้าของรามิล ใบหน้าราวกับฟ้าประทานแบบนี้มันก็ไม่แปลกที่ใครจะหลงรัก เธอเองก็เป็นอีกคนที่เผลอใจไปให้เขาเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่แค่เพราะเขาหน้าตาดีเพียงเท่านั้น ถ้าตัดเรื่องที่เขาถ่ายรูปพวกนั้นเอาไว้จนทำให้เธอเจอเรื่องแย่ในชีวิต เขาก็เป็นอีกคนที่ดูแลเธอดีมากที่สุด มือบางถูกรามิลจับไว้แล้วดึงไปหอมลงที่หลังมือ คนนอนอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวเข้าใกล้เพื่อหอมแก้มเธอ เขายิ้มสดใสออกมาจนข้าวหอมเองก็ยังได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมถึงได้ดูมีคยามสุขมากขนา
รามิลน่ังกอดอกทิ้งตัวฟังแม่เขาบ่นด้วยความเบื่อหน่าย เขาถูกตามตัวกลับมาที่่บ้านทันทีที่แม่กลับมาหลังจากไปดูงานที่ต่างประเทศมาร่วมสองอาทิตย์ เขาเองรู้ดีแต่แรกว่าแม่ต้องการคุยเรื่องอะไรถึงอีกคนจะไม่บอกเขาในตอนที่เรียกตัวให้กลับมา แม่คงจะรู้เรื่องที่เขาไปป่าวประกาศว่าคนตัวเล็กเป็นอะไรกับเขาแล้ว ถึงได้บ่นเป็นฟืนเป็นไฟไม่รู้จบอยู่แบบนี้เรื่องราวที่แม่พูดมันถูกแต่งเติมซะจนเขาเองได้แต่กรอกตามองบน แค่ฟังก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่เขา ทั้งที่ปกติแม่เขาเป็นคนฉลาดมากจนเขาเองก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรทำให้แม่เขาเชื่อในมารยาของเพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาขนาดนั้น หรือแค่ทำเป็นเชื่อเพราะไม่ชอบคนตัวเล็กของเขากันแน่คนตัวสูงลุกขึ้นด้วยอารมณ์รุกกรุ่นที่ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงข้าวหอมในทางไม่ดีมาพักใหญ่ บอกปัดผู้เป็นแม่ไปว่าเหนื่อยแล้วรับเดินออกมาจากห้องก่อนที่จะอดไม่ไหว ประตูห้องนอนที่เขาแทบไม่ได้กลับมาเหยียบถูกปิดลงดังลั่น เดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เขาคิดไม่ตกมาตลอดว่าควรทำยังไงแม่เขาถึงจะเลิกทิฐิแล้วชอบเธอขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่ามันการันตีได้ดีว่าเขารู้สึกกับเธอแบบไหน ก่อนหน้านี้เ
คนตัวเล็กพรูลมหายใจออกมาคลายความกังวลในใจ เธอตัดสินใจมาเรียนตามปกติหลังจากรู้จากเพื่อนว่ารามิลไปเคลียจนไม่มีการยึดทุนคืน เมื่อวานเธอเข้าไปเยี่ยมแม่แล้วได้รับกำลังใจมาเยอะแยะ แม่ของเธอเอาแต่ย้ำใซ้ำไปซ้ำมาว่ารามิลดีกับเธอมาก และเชื่อว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอแน่ ได้แต่ยิ้มรับตอบแม่ไปทั้งที่ในใจยังไม่ได้สบายใจมากนัก เดินผ่านผู้คนที่พากันพูดถึงเรื่องราวของเธอแบบไม่ได้เรียกว่าเป็นกันนินทาแต่เหมือนตั้งใจให้ได้ยินมากกว่า กว่าจะเดินมาถึงใต้คณะก็รู้สึกอัดอัดแทบแย่ พยักหน้ากับตัวเองว่าเก่งมากแล้วที่เดินมาถึงตรงได้ ก้าวเดินต่อได้เพียงไม่กี่ก้าวก็มีใครบางคนมายืนขวางเธอเอาไว้คนตัวเล็กเงยมามองแล้วทำหน้าเซ็งเพราะคนที่มาดักเธอว่าคือรุ่นพี่สาวสวยคู่ขาเก่าของรามิล อีกคนยิ้มเยาะเธออย่างสะใจที่เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ บางทีก็อยากพุ่งเขาไปหยุมหัวให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย น่ารำคาญเป็นบ้า"ยังกล้ามาเรียนอีกหรอ" คนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นแล้วตั้งคำถามที่ชวนหงุดหงิดขึ้นมา "แล้วทำไมต้องไม่กล้าด้วยละ" คนตัวเล็กพูดสวนกลับไปแล้วกอดอกมองอย่างไม่สบอารมณ์ แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันก็เหนื่อยมากพอแล้ว ยังต้องมาเจอคนแบบนี้
รามิลตักข้าวในชามที่พยาบาลพึ่งเอาเข้ามาให้ป้อนคนบนเตียงผู้ป่วย คนตัวเล็กเบี่ยงหน้าหนีแล้วไม่ยอมอ้าปากรับที่เขาพยายามป้อน ลองทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาสักพักก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์เลยสักนิด อีกคนยังเอาแต่หลบกัน ไม่กิน ไม่พูดคุย เขาเองรู้ดีว่าสิ่งที่ข้าวหอมเจอมันไม่ใช่เรื่องเล็ก และต้นสายปลายเหตุมันก็มาจากที่เขาถ่ายรูปภาพพวกนั้นเอาไว้ "กินหน่อยสิครับ จะได้กินยา เดี๋ยวหายแล้วจะได้ไปเรียนไง" คนตัวเล็กหันมาแล้วกรอกตาใส่เขา เธอโดนมาขนาดนี้ ยังคิดว่าเธอยังจะสามารถพบเจอใครได้แบบปกติอีกหรอ เพราะเขาไม่ใช่คนถูกกระทำสินะถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้"คิดว่าข้าวจะยังมีหน้าไปเรียนได้อีกหรอ" น้ำเสียงติดกระแทกกระทั้นให้เขารู้อารมณ์ภายในใจที่กำลังครุกกรุ่นทำให้รามิลคว้าเอามือบางเข้ามากอบกุมไว้ ลูบไปมาอย่างขอความเห็นใจและสื่อให้เธอรู้ว่าเขาไม่เคยมีเจตนาจะให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ"พี่ขอโทษ ข้าวจะมองว่ามันเป็นความปิดพี่ก็ได้ แต่ว่า...." เอ่ยพูดคำขอโทษที่เขาไม่รู้ว่าพูดมันไปแล้วกี่สิบรอบตั้งแต่คนตัวเล็กฟื้นขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะสามารทำได้ในตอนนี้"มันก็เป็นความผิด
"พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม" รามิลยังคงเดินตามคนตัวเล็กแล้วเอ่ยปากขอพูดคุยแบบที่เขาพยายามทำมาทุกวัน ปฏิกิริยาเรียบนิ่งไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมให้เขาคุยด้วยเป็นเครื่องการันตีว่าอีกคนโกรธเขามากแค่ไหนร่วมอาทิตย์ที่พยายามเข้าหาเพื่อขอโทษหรืออธิบาย แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้เลย ทุกครั้งที่ดักรอหน้าคณะอีกคนก็จะหนีไป ยามที่ไปดักรอหน้าหอของยี่่หวาเพื่อนของคนตัวเล็กก็เอาแต่ขวางเขาเอาไว้"คุยกันหน่อยได้ไหมครับ" คนตัวสูงเอ่ยปากถามอีกรอบแล้วจับมือคนตรงหน้ามากอบกุมไว้ ข้าวหอมดึงมือออกอย่างไม่อยากให้เขามาแตะต้องตัวเธอ "ข้าวไม่อยากคุย" พูดปฏิเสธแล้วเตรียมเดินหนีแต่รามิลก็ยังวิ่งมาดักข้างหน้าเอาไว้ คนตัวเล็กหลับตาลงแล้วก้มหน้าหนี ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยที่ต้องคอยเอาแต่เดินหนีเขาอยู่แบบนี้"ให้พี่อธิบายหน่อย พี่ไม่ได้ส่งต่อภาพพวกนั้นไปให้ใครนะ""แต่มันก็คือรูปที่พี่ถ่ายใช่ไหมละ!" เขาอธิบายออกมาง่ายดายขนาดนี้ได้ยังไง เรื่องนี้มันใหญ่มากสำหรับเธอแต่ดูเหมือนกับรามิลจะไม่ใช่แบบนั้น "พี่ก็แค่ถ่ายไว้...." "แบล็คเมล์" พูดขัดทันทีแบบไม่รอให้เขาได้พูดต่อ คนตรงหน้าดูไม่ได้สะทกสะท้านอะไรทั้งที่ในใ
รามิลนอนเล่นโทรศัพท์ทั้งมีคนตัวเล็กนอนอยู่ในอ้อมกอดด้วย อีกคนยังคงหลับสนิทหลังจากผ่านค่ำคืนแสนเร่าร้อนมาด้วยกันทั้งคืน ภาพของเธอกับเขาในยามร่วมรักทุกครั้งถูกเลื่อนดู ใครรู้คงคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตที่เก็บรูปพวกนี้เอาไว้ แต่เขาเพียงแค่อยากเอาไว้เพื่อเป็นข้อต่อรองในวันที่ข้าวหอมเริ่มดื้อกับเขาแล้วก็แค่นั้นเอง กดเข้าหน้าบัญชีธนาคารแล้วจิ้มรายการโปรดที่เขาบันทึกเอาไวั จัดการโอนเงินเข้าบัญชีของเธอในจำนวนตามที่ตกลงกัน ก่อนจะโอนแยกอีกสลีปเป็นเงินส่วนตัวที่ตั้งใจอยากให้เธอเอาไว้ใช้จ่าย เกิดเป็นคนรวยนี่มันก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น ก็ไม่รู้จะเอาอีกคนเข้ามาครองได้ยังไงส่งนิ้วเรียวเกลี่ยปลายจมูกของคนนอนหลับ เขาเคยพาผู้หญิงมากินที่นี่แทบนับไม่ถ้วน เพื่อนสาวคนสนิทก็เคยมาตั้งหลายครั้ง แต่ทว่ายังไม่เคยชวนใครมาอยู่ด้วยแบบนี้เลยสักที ใบหน้าที่มองยามไหนก็รู้สึกว่าสวยขึ้นในทุกๆวัน กับความรู้สึกที่อยากกอดเธอทุกทีที่ได้อยู่ด้วยกันนี่มันคืออะไร บางครั้งก็แปลกใจในความรู้สึกตัวเองซะจนคิดไม่ตก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอาการแบบนี้มันเป็นเพราะอะไรเขาซื้อกินมากมายแต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่ผู้หญิง







