LOGINรามิลน่ังกอดอกทิ้งตัวฟังแม่เขาบ่นด้วยความเบื่อหน่าย เขาถูกตามตัวกลับมาที่่บ้านทันทีที่แม่กลับมาหลังจากไปดูงานที่ต่างประเทศมาร่วมสองอาทิตย์ เขาเองรู้ดีแต่แรกว่าแม่ต้องการคุยเรื่องอะไรถึงอีกคนจะไม่บอกเขาในตอนที่เรียกตัวให้กลับมา แม่คงจะรู้เรื่องที่เขาไปป่าวประกาศว่าคนตัวเล็กเป็นอะไรกับเขาแล้ว ถึงได้บ่นเป็นฟืนเป็นไฟไม่รู้จบอยู่แบบนี้
เรื่องราวที่แม่พูดมันถูกแต่งเติมซะจนเขาเองได้แต่กรอกตามองบน แค่ฟังก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่เขา ทั้งที่ปกติแม่เขาเป็นคนฉลาดมากจนเขาเองก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรทำให้แม่เขาเชื่อในมารยาของเพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาขนาดนั้น หรือแค่ทำเป็นเชื่อเพราะไม่ชอบคนตัวเล็กของเขากันแน่
คนตัวสูงลุกขึ้นด้วยอารมณ์รุกกรุ่นที่ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงข้าวหอมในทางไม่ดีมาพักใหญ่ บอกปัดผู้เป็นแม่ไปว่าเหนื่อยแล้วรับเดินออกมาจากห้องก่อนที่จะอดไม่ไหว ประตูห้องนอนที่เขาแทบไม่ได้กลับมาเหยียบถูกปิดลงดังลั่น เดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่
เขาคิดไม่ตกมาตลอดว่าควรทำยังไงแม่เขาถึงจะเลิกทิฐิแล้วชอบเธอขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่ามันการันตีได้ดีว่าเขารู้สึกกับเธอแบบไหน ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดว่าสนใจข้าวหอมมาก และยิ่งได้อยู่ด้วยกันก็ยิ่งรู้สึกดีกับเธอเพิ่มขึ้นด้วย ดูจากที่ปกติคนอย่างเขาชอบหาความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนไปทั่ว แต่ไม่เคยทำมันอีกเลยตั้งแต่คนตัวเล็กมาอยู่ด้วยกัน ข้าวหอมมีอิทธิพลกับใจเขามากกว่าที่คิดจนน่าตกใจ
เช้าอีกวันรามิลรีบอาบน้ำแล้วออกจากบ้านทันทีเพราะไม่อยากอยู่พบหน้าคนเป็นแม่อีก ขับรถด้วยความเร็วแล้วไปจอดรอคนตัวเล็กที่หน้าหอของรุ่นน้องอย่างยี่หวา ตั้งแต่วันนั้นข้าวหอมยังไม่ได้ตอบรับอะไรเขา แล้วก็ยังไม่ได้ย้ายกลับมาอยู่ด้วยกัน แค่ยอมคุยกันเยอะขึ้นก็เท่านั้น แต่เขาก็พอจะเข้าใจ อีกคนอาจต้องการเวลา
"พี่รามิลมารอรับอีกแล้ว" ยี่หวาหันไปพูดกับเพื่อนที่เดินตามหลังมา ข้าวหอมมองไปที่รถหรูของรามิลที่จอดอยู่ที่เดิมในทุกวัน คนตัวสูงยืนพิงรถทั้งเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ตรงนั้น รามิลเทียวมารับมาส่งเธอทุกวัน ต่อให้เธอพยายมปฏิเสธเขาไปกี่ครั้งเขาก็ตื๊อจนเธอต้องยอมนั่งรถไปด้วยกัน
"มากันแล้วหรอ ขึ้นรถสิ" รามิลเอ่ยทักทายแล้วเดินอ้อมไปเปิดประตู้รถฝั่งข้างคนขับออก ผายมือให้คนตัวเล็กเข้าใจว่าเขาอยากให้อีกคนนั่งตรงนี้ หลังจากที่มารับทุกวันแต่ข้าวหอมก็เอาแต่หนีไปนั่งข้างหลังตลอด
"มารับทุกวันแบบนี้ ข้าวไม่มีค่าน้ำมันให้หรอกนะ" น้ำเสียงประชดประชันพูดใส่เขาอย่างที่วันแต่ไม่ได้ทำให้นึกโกรธอะไร ออกจะตลกอีกคนซะมากกว่า
"เคยเก็บเงินหรอครับ" พูดแค่นั้นแล้วพยักเพยิดหนาให้คนตัวเล็กเข้าไปนั่งเบาะข้างคนขับ แต่อีกคนกับเดินไปเปิดประตูหลังรถเหมือนอย่างทุกวัน
"ข้าวนั่งหน้านะ ยี่จะนั่งข้างหลัง" ยี่หวาเดินมาคว้าข้อมือเพื่อนแล้วดันประตูรถปิดลงอย่างเก่าจนคนตัวเล็กขมวดคิ้วใส่
"แต่ข้าวอยากนั่งข้างหลังด้วย"เธอเองก็นั่งหลังมาทุกวัน ทำไมวันนี้ยี่หวาถึงเอาแต่มาคะยั้นคะยอให้นั่งเบาะหน้าอยู่ได้นะ ในขณะที่กำลังคิดกายบางก็ถูกเพื่อนดันให้ไปยืนอยู่ตรงข้างรามิลแล้ว
"แบบนั้นพี่รามิลก็เหมือนเป็นคนขับรถสิ มันดูไม่ดีนะ ข้าวนั่งข้างหน้าเถอะ" ประโยคชวนคิดนี่ทำให้หยุดยืนนิ่ง มันก็จริงอยู่ ถ้าพากันนั่งหลังหมดคงดูไม่ดีแน่ เขาไม่ได้เป็นคนขับรถของเธอกับเพื่อนนี่นา แบบนี้แล้วจะทำอะไรได้ นอกจากยอมนั่งตามที่เขาบอก รามิลก้มลงดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้คนตัวเล็ก ผละหันมามองคนที่เมินหน้าไปทางอื่นพอถ้าเธอหันมาทางเขาจมูกคงหางจากแก้มเขาเพียงไม่กี่เซน
"ขอบคุณนะครับน้องยี่" ปิดประตูเสร็จก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณรุ่นน้องอีกคนที่ยืนรออยู่
"เห็นแก่ที่พี่ทำตัวดี สู้ๆนะคะ" เพื่อนสนิทของคนตัวเล็กยกสองนิ้วบอกให้เขาสู้ด้วยรอยยิ้ม แบบนี้ก็ทำให้สบายใจขึ้นหน่อยว่าเพื่อนของข้าวหอมคงรู้สึกดีและให้อภัยเขาคฃขึ้นมาบ้างแล้ว นึกว่าจะเกลียดเขากันหมดจนไม่ยอมให้เจอคนตัวเล็กแล้วซะอีก
รามิลเดินตามหลังคนตัวเล็กที่เดินคล้องแขนเพื่อนอยู่ด้านหน้า ภาพที่คนมองราวกับเป็นบอร์ดี้การ์ดให้เธอ ตาคมมองจ้องเขม็งยามได้ยินเสียงนินทาของใครเล็ดรอดออกมาจนบางกลุ่มวงแตกกันไป คนตัวเล็กโบกมือให้ปลายฟ้าที่นั่งรออยู่ตรงม้าหินหน้าคณะ
คนตัวสูงได้แต่ขมวดคิ้วยามได้เห็นว่าทิวเขาเพื่อนของเขาก็นั่งอยู่ตรงนั้นด้วย พักหลังมานี้สองคนนี้ตัวติดกันจนหน้าแปลก คงไม่ใช่ว่ามีสัมพันธ์ลับเกิดขึ้นระหว่างสองคนนั้นอีกนะ ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาคิดต้องแย่แน่ เขาเองก็มองออกว่านิรินชอบทิวเขามากแค่ไหน แถมยังเป็นคู่หมั้นกันด้วย ถ้าเพื่อนกันต้องมาทะเลาะกันเพราะผู้ชายคงจะไม่ดีเท่าไหร่นัก
"ข้าวระวัง!" เพล้ง!! เสียงเตือนของปลายฟ้าดังขึ้นก่อนรามิลจะพุ่งไปดึงอีกคนออกตมสัญชาตญาณ เสียงของกระแทกพื้นแตกดังลั่น กระถางต้นไม้ตกแตกห่างจากพวกเขาเพียงน้อยนิด ถ้ารามิลดึงอีกคนไว้ไม่ทันคงแย่แน่
"เป็นอะไรไหม" หมุนคนตัวเล็กไปมาเพื่อสำรวจว่าเธอได้รับบาดเจ็บไหม ก่อนจะเงยมองด้านบนก็เห็นเพียงแค่ใครก้มลงหลบพวกเขาไป
"เล่นแรงขนาดนี้เลยหรอว่ะ ขนาดมึงอยู่ตรงนี้ด้วยนะ" ทิวเขาลุกมาดูรุ่นน้องตัวเล็กด้วยอีกคน นึกไม่ออกเลยว่าถ้ารามิลไม่อยู่ข้าวหอมจะต้องเจออะไร ขนาดเพื่อนเขายืนอยู่ไม่ไกลยังโดนขนาดนี้เลย
"ยี่พี่ฝากข้าวหน่อย เดี๋ยวพี่มา" ส่งคนตัวเล็กให้ยี่หวาดูแลต่อแล้ววิ่งขึ้นไปชั้นบนทันที ทิวเขาวิ่งตามเพื่อนไปเผื่อว่าจะได้ช่วยอะไรได้บ้าง
รามิลขึ้นมาถึงชั้นบนทันเห็นหลังของใครบางคนวิ่งออกไป ก้าวจ้ำด้วยความเร็วก่อนจะคว้าตัวได้ทัน ดึงอีกคนให้หมุนหันมาก่อนจะขมวดคิ้ว อีกคนเป็นเพียงเพื่อนร่วมคลาสของคนตัวเล็กที่เขาแค่คุ้นหน้าเท่านั้น อะไรทำให้คนตรงหน้าเขาคิดจะทำร้ายข้าวหอมด้วยวิธีที่รุนแรงแบบนี้
"ใครส่งเธอมา" ส่งแรงบีบไปที่ข้อมือบางอย่างไม่มีความปราณีเลยสักนิด เขาเพียงแค่ต้องการคาดคั้นคำตอบจากคนตรงหน้าให้ได้ก็เท่านั้น
"ปะ เปล่านะคะ"
"ฉันให้โอกาสเธอสารภาพแล้วนะ ถ้าไม่พูดแล้วฉันหาหลักฐานได้เองก็เตรียมตัวเข้าไปนอนคุกได้เลย" พูดให้อีกคนได้ครุ่นคิดตมที่เขาบอก มันไม่ใชแค่คำขู่ แต่ถ้าอีกคนไม่ให้ความร่วมมือเขาคงต้องทำแบบนั้นจริงๆ
"หนูไม่ได้ทำนะคะ" ยังคงปฏิเสธหัวชนฝาจนเขาแทบจะเก็บความโมโหเอาไว้ไม่อยู่ ทิวเขาเดินมาจับไหล่เพื่อนให้ใจเย็นลงและไม่วู่วามไปกว่าเดิม
"ที่นี่มีกล้องวงจรปิดนะ เผื่อเธอจะไม่รู้" เป็นทิวเขาที่หันไปพูดกับคนที่รามิลจับแขนเอาไว้อยู่ แล้วก็ดูเหมือนว่ามันจะได้ผลเพราะอีกคนเริ่มตัวสั่นแล้วมีสีหน้ากังวลขึ้นมา
"อย่าทำอะไรหนูเลยค่ะ หนูจำเป็นต้องทำจริงๆ ไม่งั้นทุนหนูก็จะโดนยึดคืน" หลังจบประโยคนั้นรามิลก็ต้องพรูลมหายใจ แค่นี้ก็ไม่ต้องเดาแล้วว่าใครเป็นคนให้ทำ มันจะมีสักกี่คนที่จะสามารถยึดทุนจากเด็กทุนคืนไป
รามิลดึงให้คนสร้างเรื่องเดินตามเขามาจนมาถึงที่คนตัวเล็กกับเพื่อนนั่งอยู่ คนตัวเล็กตกใจนิดหน่อยตอนรามิลดันให้ใครบางคนนั่งลงข้างเธอ เพื่อนร่วมคลาสที่ไม่ได้สนิทกันยกมือไหว้ขอโทษจนเธอต้องยกมือรับอย่างไม่เข้าใจ
"นี่มันอะไรเนี่ยพี่รามิล" หันไปถามคนตัวสูงที่ยังยืนอยู่ด้วยใบหน้าบึ้งตึงอย่างคาดเดาอารมณ์ไม่ได้
"คนที่โยนกระถางใส่เราเมื่อกี้นี้ไง" พอได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งขมวดคิ้วไม่เข้าใจมากกว่าเก่า แต่เธอกับเพื่อนร่วมคลาสคนนี้ไม่เคยมีปัญหากันมาก่อน ไม่เคยคุยกันเลยด้วยซ้ำ แถมเท่าที่จำได้อีกคนยังเป็นคนเงียบๆไม่ชอบสุงสิงกับใคร แล้วคนแบบนี้เนี่ยนะที่คิดจะทำร้ายเธอ
"จับส่งตำรวจดีไหมข้าว พยายามฆ่าได้เลยนะแบบนี้" ยี่หวาเสนอเพื่อนไปทั้งในใจยังครุกกรุ่นอยู่ ถ้ากระถางใบนั้นพลาดดดนเข้าที่หัวของข้าวหอม ป่านนี้อีกคนคงไม่ได้มานั่งพูดอยู่ตรงนี้หรอก
"อย่าทำเราเลยนะ เราขอโทษ เราจำเป็นต้องทำจริงๆ ไม่งั้นเราก็จะไม่มีทุนเรียน" ข้าวหอมคว้าคนที่คุกเข่าลงจะกราบเธอด้วยความตกใจ ถึงจะนึกโกรธแค่ไหนแต่พอพูดเรื่องทุนเรียนเธอเองก็รู้สึกเห็นใจ อีกคนคงไม่มีทางเลือก แล้วใครจะไปเข้าใจเรื่องนี้ไปมากกว่าเด็กทุนอย่างเธออีก
"ลุกขึ้นเถอะ" พยุงให้อีกคนลุกขึ้นยืน หลับตาข่่มความรู้สึกก่อนจะบอกออกไปว่าเธอไม่อยากให้เรื่องมันถึงตำรวจ คนตรงหน้าจับมือเธอแล้วขอบคุณยกใหญ่ก่อนจะเดินไป
"แบบนี้จะดีหรอ" ทิวเขาถามย้ำรุ่นน้องตัวเล็กอีกรอบ ถึงจะดูน่าเห็นใจ แต่ว่าถ้าตัดสินใจแบบนี้ไปแล้วอาจจะแก้ไขอะไรไม่ได้อีก
"แค่นี้ก็คงกดดันมากแล้ว เรื่องทุนเรียนกับบางคนมันอาจจะไม่สำคัญ แต่กับเด็กที่ไม่มีทางหาเงินให้ตัวเองได้เรียนในที่ดีๆ มันสำคัญมากเลยนะ แล้วข้าวว่าข้าวเข้าใจที่สุด"
"แล้วมึงจะเอาไงต่อไอมิล เรื่องนี้ไม่พ้นแม่มึงแน่ๆอ่ะ"
"ถึงจะเป็นแม่ แต่ถ้าเล่นกันแรงขนาดนี้ กูก็ไม่โอเคเหมือนกันนะ"
ข้าวหอมเหลือบมองคนตัวสูงที่ยังนอนหลับอยู่บนเตียง ร่วมอาทิตย์แล้วตั้งแต่เกิดเรื่องวันนั้น เธอตัดสินตอบรับคบกับรามิลและยอมกลับมาอยู่กับเขาที่คอนโดอย่างที่เขาต้องการ ก่อนหน้านี้เพราะเอาแต่กังวลเรื่องแม่อีกคนก็เลยคิดหนัก แต่ในเมื่อจะเล่นกันแรงแบบนี้ ก็เผชิญหน้ากันให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย รามิลสัญญาว่าจะปกป้องเธอ คำพูดเขามันทำให้ใจดวงน้อยสั่นไหวนิดหน่อย เพราะแบบนั้นเธอถึงกล้าตัดสินใจที่จะลองเริ่มต้นกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ดู ก็อยากจะรู้ว่าถ้าแม่ของรามิลที่หวงลูกชายมากจะรู้สึกยังไงยามได้รู้ว่าเธอกับรามิลกำลังคบหากัน นั่งลงข้างเตียงแล้วส่งมือไปลูบตามกรอบหน้าของรามิล ใบหน้าราวกับฟ้าประทานแบบนี้มันก็ไม่แปลกที่ใครจะหลงรัก เธอเองก็เป็นอีกคนที่เผลอใจไปให้เขาเหมือนกัน แต่มันไม่ใช่แค่เพราะเขาหน้าตาดีเพียงเท่านั้น ถ้าตัดเรื่องที่เขาถ่ายรูปพวกนั้นเอาไว้จนทำให้เธอเจอเรื่องแย่ในชีวิต เขาก็เป็นอีกคนที่ดูแลเธอดีมากที่สุด มือบางถูกรามิลจับไว้แล้วดึงไปหอมลงที่หลังมือ คนนอนอยู่ลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วขยับตัวเข้าใกล้เพื่อหอมแก้มเธอ เขายิ้มสดใสออกมาจนข้าวหอมเองก็ยังได้แต่นึกสงสัยว่าทำไมถึงได้ดูมีคยามสุขมากขนา
รามิลน่ังกอดอกทิ้งตัวฟังแม่เขาบ่นด้วยความเบื่อหน่าย เขาถูกตามตัวกลับมาที่่บ้านทันทีที่แม่กลับมาหลังจากไปดูงานที่ต่างประเทศมาร่วมสองอาทิตย์ เขาเองรู้ดีแต่แรกว่าแม่ต้องการคุยเรื่องอะไรถึงอีกคนจะไม่บอกเขาในตอนที่เรียกตัวให้กลับมา แม่คงจะรู้เรื่องที่เขาไปป่าวประกาศว่าคนตัวเล็กเป็นอะไรกับเขาแล้ว ถึงได้บ่นเป็นฟืนเป็นไฟไม่รู้จบอยู่แบบนี้เรื่องราวที่แม่พูดมันถูกแต่งเติมซะจนเขาเองได้แต่กรอกตามองบน แค่ฟังก็รู้แล้วว่าใครเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอกแม่เขา ทั้งที่ปกติแม่เขาเป็นคนฉลาดมากจนเขาเองก็ไม่เข้าใจเลยสักนิดว่าอะไรทำให้แม่เขาเชื่อในมารยาของเพื่อนสาวคู่ขาเก่าเขาขนาดนั้น หรือแค่ทำเป็นเชื่อเพราะไม่ชอบคนตัวเล็กของเขากันแน่คนตัวสูงลุกขึ้นด้วยอารมณ์รุกกรุ่นที่ได้ยินผู้เป็นแม่พูดถึงข้าวหอมในทางไม่ดีมาพักใหญ่ บอกปัดผู้เป็นแม่ไปว่าเหนื่อยแล้วรับเดินออกมาจากห้องก่อนที่จะอดไม่ไหว ประตูห้องนอนที่เขาแทบไม่ได้กลับมาเหยียบถูกปิดลงดังลั่น เดินไปนั่งลงบนเตียงแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่เขาคิดไม่ตกมาตลอดว่าควรทำยังไงแม่เขาถึงจะเลิกทิฐิแล้วชอบเธอขึ้นมาบ้าง ดูเหมือนว่ามันการันตีได้ดีว่าเขารู้สึกกับเธอแบบไหน ก่อนหน้านี้เ
คนตัวเล็กพรูลมหายใจออกมาคลายความกังวลในใจ เธอตัดสินใจมาเรียนตามปกติหลังจากรู้จากเพื่อนว่ารามิลไปเคลียจนไม่มีการยึดทุนคืน เมื่อวานเธอเข้าไปเยี่ยมแม่แล้วได้รับกำลังใจมาเยอะแยะ แม่ของเธอเอาแต่ย้ำใซ้ำไปซ้ำมาว่ารามิลดีกับเธอมาก และเชื่อว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นกับเธอแน่ ได้แต่ยิ้มรับตอบแม่ไปทั้งที่ในใจยังไม่ได้สบายใจมากนัก เดินผ่านผู้คนที่พากันพูดถึงเรื่องราวของเธอแบบไม่ได้เรียกว่าเป็นกันนินทาแต่เหมือนตั้งใจให้ได้ยินมากกว่า กว่าจะเดินมาถึงใต้คณะก็รู้สึกอัดอัดแทบแย่ พยักหน้ากับตัวเองว่าเก่งมากแล้วที่เดินมาถึงตรงได้ ก้าวเดินต่อได้เพียงไม่กี่ก้าวก็มีใครบางคนมายืนขวางเธอเอาไว้คนตัวเล็กเงยมามองแล้วทำหน้าเซ็งเพราะคนที่มาดักเธอว่าคือรุ่นพี่สาวสวยคู่ขาเก่าของรามิล อีกคนยิ้มเยาะเธออย่างสะใจที่เห็นเธออยู่ในสภาพนี้ บางทีก็อยากพุ่งเขาไปหยุมหัวให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย น่ารำคาญเป็นบ้า"ยังกล้ามาเรียนอีกหรอ" คนตรงหน้าเดินเข้ามาใกล้ขึ้นแล้วตั้งคำถามที่ชวนหงุดหงิดขึ้นมา "แล้วทำไมต้องไม่กล้าด้วยละ" คนตัวเล็กพูดสวนกลับไปแล้วกอดอกมองอย่างไม่สบอารมณ์ แค่ใช้ชีวิตในแต่ละวันก็เหนื่อยมากพอแล้ว ยังต้องมาเจอคนแบบนี้
รามิลตักข้าวในชามที่พยาบาลพึ่งเอาเข้ามาให้ป้อนคนบนเตียงผู้ป่วย คนตัวเล็กเบี่ยงหน้าหนีแล้วไม่ยอมอ้าปากรับที่เขาพยายามป้อน ลองทำแบบนั้นซ้ำไปซ้ำมาสักพักก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีประโยชน์เลยสักนิด อีกคนยังเอาแต่หลบกัน ไม่กิน ไม่พูดคุย เขาเองรู้ดีว่าสิ่งที่ข้าวหอมเจอมันไม่ใช่เรื่องเล็ก และต้นสายปลายเหตุมันก็มาจากที่เขาถ่ายรูปภาพพวกนั้นเอาไว้ "กินหน่อยสิครับ จะได้กินยา เดี๋ยวหายแล้วจะได้ไปเรียนไง" คนตัวเล็กหันมาแล้วกรอกตาใส่เขา เธอโดนมาขนาดนี้ ยังคิดว่าเธอยังจะสามารถพบเจอใครได้แบบปกติอีกหรอ เพราะเขาไม่ใช่คนถูกกระทำสินะถึงได้พูดอะไรแบบนั้นออกมาได้"คิดว่าข้าวจะยังมีหน้าไปเรียนได้อีกหรอ" น้ำเสียงติดกระแทกกระทั้นให้เขารู้อารมณ์ภายในใจที่กำลังครุกกรุ่นทำให้รามิลคว้าเอามือบางเข้ามากอบกุมไว้ ลูบไปมาอย่างขอความเห็นใจและสื่อให้เธอรู้ว่าเขาไม่เคยมีเจตนาจะให้เรื่องนี้มันเกิดขึ้นเสียด้วยซ้ำ"พี่ขอโทษ ข้าวจะมองว่ามันเป็นความปิดพี่ก็ได้ แต่ว่า...." เอ่ยพูดคำขอโทษที่เขาไม่รู้ว่าพูดมันไปแล้วกี่สิบรอบตั้งแต่คนตัวเล็กฟื้นขึ้นมา แต่ถึงอย่างนั้นก็เป็นวิธีที่ดีที่สุดแล้วที่เขาจะสามารทำได้ในตอนนี้"มันก็เป็นความผิด
"พี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม" รามิลยังคงเดินตามคนตัวเล็กแล้วเอ่ยปากขอพูดคุยแบบที่เขาพยายามทำมาทุกวัน ปฏิกิริยาเรียบนิ่งไม่ปฏิเสธแต่ก็ไม่ยอมให้เขาคุยด้วยเป็นเครื่องการันตีว่าอีกคนโกรธเขามากแค่ไหนร่วมอาทิตย์ที่พยายามเข้าหาเพื่อขอโทษหรืออธิบาย แต่ดูเหมือนว่าอีกคนจะไม่ยอมให้เขาได้เข้าใกล้เลย ทุกครั้งที่ดักรอหน้าคณะอีกคนก็จะหนีไป ยามที่ไปดักรอหน้าหอของยี่่หวาเพื่อนของคนตัวเล็กก็เอาแต่ขวางเขาเอาไว้"คุยกันหน่อยได้ไหมครับ" คนตัวสูงเอ่ยปากถามอีกรอบแล้วจับมือคนตรงหน้ามากอบกุมไว้ ข้าวหอมดึงมือออกอย่างไม่อยากให้เขามาแตะต้องตัวเธอ "ข้าวไม่อยากคุย" พูดปฏิเสธแล้วเตรียมเดินหนีแต่รามิลก็ยังวิ่งมาดักข้างหน้าเอาไว้ คนตัวเล็กหลับตาลงแล้วก้มหน้าหนี ถอนหายใจด้วยความเหนื่อยที่ต้องคอยเอาแต่เดินหนีเขาอยู่แบบนี้"ให้พี่อธิบายหน่อย พี่ไม่ได้ส่งต่อภาพพวกนั้นไปให้ใครนะ""แต่มันก็คือรูปที่พี่ถ่ายใช่ไหมละ!" เขาอธิบายออกมาง่ายดายขนาดนี้ได้ยังไง เรื่องนี้มันใหญ่มากสำหรับเธอแต่ดูเหมือนกับรามิลจะไม่ใช่แบบนั้น "พี่ก็แค่ถ่ายไว้...." "แบล็คเมล์" พูดขัดทันทีแบบไม่รอให้เขาได้พูดต่อ คนตรงหน้าดูไม่ได้สะทกสะท้านอะไรทั้งที่ในใ
รามิลนอนเล่นโทรศัพท์ทั้งมีคนตัวเล็กนอนอยู่ในอ้อมกอดด้วย อีกคนยังคงหลับสนิทหลังจากผ่านค่ำคืนแสนเร่าร้อนมาด้วยกันทั้งคืน ภาพของเธอกับเขาในยามร่วมรักทุกครั้งถูกเลื่อนดู ใครรู้คงคิดว่าเขาเป็นพวกโรคจิตที่เก็บรูปพวกนี้เอาไว้ แต่เขาเพียงแค่อยากเอาไว้เพื่อเป็นข้อต่อรองในวันที่ข้าวหอมเริ่มดื้อกับเขาแล้วก็แค่นั้นเอง กดเข้าหน้าบัญชีธนาคารแล้วจิ้มรายการโปรดที่เขาบันทึกเอาไวั จัดการโอนเงินเข้าบัญชีของเธอในจำนวนตามที่ตกลงกัน ก่อนจะโอนแยกอีกสลีปเป็นเงินส่วนตัวที่ตั้งใจอยากให้เธอเอาไว้ใช้จ่าย เกิดเป็นคนรวยนี่มันก็ดีเหมือนกัน เพราะถ้าไม่ใช่แบบนั้น ก็ไม่รู้จะเอาอีกคนเข้ามาครองได้ยังไงส่งนิ้วเรียวเกลี่ยปลายจมูกของคนนอนหลับ เขาเคยพาผู้หญิงมากินที่นี่แทบนับไม่ถ้วน เพื่อนสาวคนสนิทก็เคยมาตั้งหลายครั้ง แต่ทว่ายังไม่เคยชวนใครมาอยู่ด้วยแบบนี้เลยสักที ใบหน้าที่มองยามไหนก็รู้สึกว่าสวยขึ้นในทุกๆวัน กับความรู้สึกที่อยากกอดเธอทุกทีที่ได้อยู่ด้วยกันนี่มันคืออะไร บางครั้งก็แปลกใจในความรู้สึกตัวเองซะจนคิดไม่ตก ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าอาการแบบนี้มันเป็นเพราะอะไรเขาซื้อกินมากมายแต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเรื่องที่ผู้หญิง







