“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา
“ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง
“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง
“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด
“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง
“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู”
“หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น
“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว”
“ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม่มีอะไรแล้ว
“ท่านรองจะไปไหนคะ” เลขาหน้าห้องรีบถามเมื่อชายหนุ่มเดินผ่านหน้าเธอไป
“ผมจะกลับ วันนี้ไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม” สมิติตอบ
“ค่ะ ไม่มีแล้วค่ะ” เลขารีบตอบ เป่าปากอย่างโล่งใจที่เจ้านายกลับเร็ว เธอเองจะได้ทำงานแบบไม่เกร็ง
“ลูกไก่ คุณหมิงเขามาแล้วนะ เขาบอกว่าอยากคุยกับแกก่อนเรื่องรายละเอียด” นาเดียเดินออกจากห้องมาหาเพื่อนที่นั่งเหม่อสายตาทอดมองหน้าต่างอยู่ท่าเดิมมานานแล้ว
“อะไรนะ.. พี่หมิงเหรอ นี่แกอย่าบอกนะว่า” เธอพูดแค่นั้นก็เงียบไป นาเดียพยักหน้าพูดเสียงหนักแน่น
“เท่าที่ฉันคุยกับคุณพีท คุณหมิงดีที่สุดในบรรดาเพื่อนเขา อย่างน้อยเขาก็โสด ไม่มีเมียให้แกกังวลว่าจะมีใครมาตามฉีกอก ปกติเขาสุภาพอาจจะปากจัดนิดหน่อยแต่เขาไม่หยาบคาย และสำคัญที่สุดเขาสนใจแกอยู่แล้วด้วย”
กฤติกาทำหน้าหวานอมขมกลืน นาเดียจึงให้ทางเลือกอีกทาง
“แต่ถ้าแกไม่ไหวกับเขา งั้นก็เหลือแค่คุณพีทแกมาเป็นเด็กของเขาอีกคนได้นะฉันไม่ว่า ถ้าแกตกลงกับเขาก็น่าจะเลี้ยงได้ยาวคุณพีทไม่ชอบมั่วกับใคร แต่ถ้าไม่ใช่คุณพีทกับคุณหมิงฉันก็รับรองไม่ได้ว่าลูกค้าคนแรกของแกจะเป็นไง”
กฤติกาหน้าตื่น “เธอจะบ้าเหรอเดีย เธอก็เป็นเด็กเขาอยู่นะจะให้ฉันไป..”
“จะเป็นไรไป ฉันไม่ใช่เมียเขาอยู่แล้ว ถ้าวันนึงเขาจะมีใครอีกคน ให้คนนั้นเป็นแกฉันก็ยังรู้สึกดีกว่าเป็นคนอื่น” นาเดียพูดหน้าตาเฉย ขณะนั้นโทรศัพท์เธอดังขึ้นหญิงสาวจึงรับสายก่อน
“คะคุณพีท อ่อ..คุณหมิงมาแล้วได้ค่ะ เดี๋ยวจะให้ลูกไก่ลงไป” นาเดียวางสายแล้วหันไปถามกฤติกา
“ถ้าแกไม่อยากไปก็ได้นะ เงินฉันพอมีฉันจะขอคุณพีทมาก่อนได้ ขอเบิกล่วงหน้าเขาน่าจะให้” นาเดียจริงจังมากเพราะทางที่กฤติกาจะเดินมันหันหลังกลับไม่ได้
กฤติกาส่ายหน้า “ฉันลงไปคุยกับเขาก่อน อาจจะไม่ได้ตกลงใจอะไรก็ได้” เธอฝืนยิ้มให้เพื่อนแต่เสียงร้องไห้ของน้องสาวเมื่อเช้ายังดังก้องในหู เกศราเพิ่งอายุสิบห้าไปเมื่อเดือนก่อนเธอจะยอมให้น้องหมดอนาคตไม่ได้
#############
กฤติกานั่งเกร็งในรถยนต์คันที่เธอเคยนั่งมาแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา สมิติยังไม่ได้พูดอะไร เขาเปิดประตูให้เธอขึ้นรถและขับพาออกไปข้างนอก จวบจนชายหนุ่มจอดรถที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง
“ลงไปทานข้าวกันก่อน ลูกไก่กินอะไรมารึยัง”
“ทานข้าวเที่ยงมาแล้วค่ะ” เธอตอบ
“ตอนนี้จะเย็นแล้ว ไปเถอะต้องกินยาไม่ใช่เหรอ” เขาลงจากรถเดินอ้อมไปเปิดประตูให้เธอ
เมื่อเข้ามานั่งในร้านแล้ว เธอมองไปรอบๆ ร้านนี้ค่อนข้างมีความเป็นส่วนตัวสูง แต่ละโต๊ะห่างกันอย่างน้อยสองถึงสามเมตร สมิติสั่งอาหารให้ตัวเองและกฤติกาเมื่อถามแล้วเธอไม่อยากทานอะไรเป็นพิเศษ
“พี่พีทบอกพี่ว่าลูกไก่ต้องใช้แสนสอง ทำไมเมื่อเช้าไม่บอกพี่เอง”
เธอเงยหน้ามองเขา รวบรวมกำลังใจข่มความอดสูใจก่อนจะสนทนากับเขา
“ตอนนั้นไก่ยังคิดไม่ออกค่ะ ว่าจะทำอะไรยังไง”
“ไหนลองเล่ามาให้พี่ฟังซิว่าเรื่องเป็นไง” สมิติถามน้ำเสียงสบายๆ ไม่คาดคั้น หญิงสาวจึงเล่าเรื่องให้เขาฟังในส่วนที่เธอสามารถพูดได้
“แล้วแม่เราไปไหน ทำไมสร้างหนี้แล้วไม่รับผิดชอบ” สมิติถามตามตรง
“แม่ไปทำงานก่อสร้างค่ะ ต้องย้ายไปเรื่อยๆ อยู่ไม่เป็นที” ไปทีก็ได้สามีใหม่มาคนนึงทุกรอบ กฤติกาคิดในใจไม่ได้พูดออกไป
“แล้วไก่คิดรึเปล่าว่าจะทำงานแบบเดียกี่ครั้ง ถึงจะได้แสนสอง” สมิติถามตรงๆ กฤติกาหน้าร้อนจากความอายกลายเป็นความโกรธ
“ไม่ได้คิดหรอกค่ะ แต่มันต้องหาหรือว่าพี่หมิงจะให้ไก่ยืมเงินเหรอคะ” ใครจะอยากมาทำอะไรแบบนี้ถ้าไม่จำเป็น กฤติกาคิดในใจ
“พี่ชอบทำบุญ แต่ไม่ใช่คนดีขนาดจะยอมจ่ายเงินมากขนาดนั้นเพื่อความอิ่มใจ”
กฤติกากัดริมฝีปาก เธอลุกขึ้นจากโต๊ะโกรธตัวเองที่มาให้เขาดูถูกแต่จะว่าเขาก็ไม่ได้ เพราะเธอทำตัวเอง
“ไม่เป็นไรค่ะ งั้นไก่ขอตัวนะคะ” เธอเดินออกไปแต่ต้องอุทานเมื่อถูกกระชากข้อมือจนหมุนคว้างกลับไปหาอกกว้างที่เดินตามมาทันที
“ถ้าไม่เอาจากพี่ ไก่จะไปให้ใครช่วย พี่พีทเหรอ” ถามเองและเขาก็ไม่พอใจเอง เมื่อนึกภาพว่ากฤติกาจะเป็นเด็กอีกคนของพีรพัทย์
“เดียบอกไว้ว่าคุณพีทเต็มใจช่วยค่ะ” กฤติกาดันตัวออกแต่เขาจับตัวเธอให้นั่งลงที่เดิม
“กินข้าว ถ้าพี่ไม่คิดจะตอบตกลงก็คงไม่มาหาไก่ถึงนี่หรอก แต่เรามีเรื่องที่ต้องคุยกันก่อน”
เธอจำใจนั่งเมื่อสบตาที่มีแววขึ้งโกรธของสมิติ บริกรเริ่มนำอาหารมาเสริฟจากนั้นทั้งสองจึงยุติการสนทนาและทานอาหารกันเงียบๆ
“ไก่ต้องการแสนสองใช่ไหม พี่จะให้สองแสนแล้วไม่ต้องไปทำงานที่ร้านเฮียพีทแล้วนะ แต่ไก่ต้องย้ายมาอยู่ห้องพี่”
“แล้วเรื่องเรียน..” เธอพูดแต่เขาขัดขึ้นว่า
“มีเรียนไก่ก็ไปเรียนตามปกติ คณะนี้เรียนหนักไก่ไม่มีเวลาทำงานพิเศษหรอก ถึงทำก็ไม่พอค่าใช้จ่ายพี่จะให้ไก่รายเดือนทุกเดือนเอง” สมิติหยุดพูดเมื่อเธอไม่ถามอะไรจึงพูดต่อ
“แต่พี่บอกไก่ไว้ว่า ถ้าเราจะอยู่ด้วยกัน ข้อแรกไก่ต้องคุมกำเนิดเอง พี่ปลอดโรคไม่มีเชื้ออะไรเดี๋ยวจะเอาใบตรวจมาให้ดู ส่วนข้อสองไก่มีเพื่อนได้ มีสังคมได้ตามปกติแต่ในระหว่างที่พี่ดูแลไก่ห้ามมีแฟน ถ้าวันไหนอยากมีแฟนก็บอกพี่ตรงๆ เราจะได้แยกย้ายกันไปพี่ไม่ห้าม”
“ค่ะ” กฤติกาพยักหน้า เมื่อเขาทำเหมือนเป็นการเจรจาซื้อขายอะไรสักอย่าง เธอก็ควรทำแบบนั้นเช่นกัน
“แต่ไก่ต้องไปลำปางค่ะ ไปจัดการเรื่องบ้านที่จำนอง”
“พรุ่งนี้วันอาทิตย์ ไก่พักก่อนดีกว่ามันให้เวลาสามวันไม่ใช่เหรอ แล้วเราเปิดเทอมวันไหน” สมิติถามต่อ
“เปิดวันจันทร์ค่ะไปรายงานตัว แต่เรียนจริงๆ อาทิตย์ต่อไป”
“งั้นวันนี้ไก่ไปย้ายของออกจากหอไปคอนโดพี่ พี่จะไปช่วยเก็บของ วันจันทร์ไปรายงานตัวแล้ววันอังคารพี่จะพาไปลำปาง”
สมิติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา “พี่ขอเลขบัญชี”
“ตอนนี้ไก่ยังไม่ได้เปิดบัญชีเลยค่ะ” เธอตอบตามตรง
“งั้นไปเก็บของแจ้งย้ายออกจากหอ แล้วไปเปิดบัญชีธนาคารในห้าง” สมิติดูเวลาแล้วเขาคิดว่าน่าจะทัน
คืนนั้นกฤติกาได้กลับมาเหยียบคอนโดฯ ที่เธอได้มานอนเมื่อคืนวานอีกครั้ง สมิติส่งคีย์การ์ดให้เธอหลังจากที่สอนวิธีใช้ให้ เขาพาเธอไปเก็บของและเปิดบัญชีเงินฝากได้ทันเวลาก่อนธนาคารปิดได้แบบฉิวเฉียดโอนเงินให้เธอตามที่บอกเรียบร้อย
“ไปอาบน้ำเถอะ มียาก่อนนอนไหม” เขาถามเมื่อเห็นกฤติกาเก้ๆ กังๆ อยู่กลางห้อง
“มีค่ะ”
“มานี่สิ มาหาพี่ก่อน” เธอเดินมาหาเขาและร้องเบาๆ เมื่อถูกดึงให้นั่งบนตักของสมิติ
ชายหนุ่มเลิกชายเสื้อที่เธอสวมขึ้นดูผิวเนื้อที่เธอถูกชกเมื่อคืน ก่อนจะลูบเบาๆ เมื่อเห็นรอยเขียวเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วง กฤติกาเกร็งร่างรู้สึกว่ามือไม้เกะกะไปหมด ไม่รู้จะวางตรงไหน
“เดี๋ยวก็หาย ช่วงนี้รักษาตัวให้แผลหายก่อนพี่ยังไม่ทำอะไรหรอก”
วันรุ่งขึ้นเธอเห็นสมิติเจริญอาหารเป็นพิเศษ“เมื่อวานพี่เห็นไก่ซื้อขนมมาใช่ไหม ยังมีอยู่รึเปล่า” “ขนมเหรอคะ ขนมไทยนะคะพี่จะทานเหรอ” กฤติกาไม่เคยเห็นเขาชอบของหวานเลยสักครั้ง“อืม อยากกินน่ะยังมีอยู่รึเปล่า” สมิติตอบหญิงสาวจึงเปิดตู้เย็นดูขนมที่ว่า“มีค่ะเป็นทองหยิบกับฝอยทองนะคะ” เธอซื้อมาจัดชุดถวายข้าวพระพุทธ จึงมีเหลือในกล่องไม่มากเธอนำมันมาจัดจานไปใส่คนที่นั่งรอ“อร่อย” สมิติจิ้มทองหยิบใส่ปากสีหน้าดูชื่นอกชื่นใจ ส่วนกฤติกาทำหน้าแหยง“มันหวานมากเลยนะคะ พี่หมิงว่าพอดีเหรอ” สมิติหันมาพยักหน้า ทำสีหน้าจริงจัง“พอดี ไม่เห็นหวานไปเลยจ้ะ เอาอีกนะอันนี้ไก่ซื้อร้านไหนมา”“ร้านหน้าคอนโดนี่เองค่ะ พี่หมิงไม่สบายรึเปล่าคะ” เธอมองเขาอย่างกังวล พักนี้รู้สึกว่าเขาไม่ปกติหลายๆ อย่าง เหมือนผีเด็กเข้าสิงแต่เธอแน่ใจว่าแถวนี้ไม่มีใครเลี้ยงกุมาร“ไม่นี่ พี่ปกติ” สมิติตอบ เขาไม่รู้สึกว่าเขาเป็นอะไรภรรยาคิดมากไปเองหญิงสาวป้อนโจ๊กให้น้องแมทจนหมดถ้วย 'กินเก่งทั้งพ่อทั้งลูก' เธอคิดในใจ กฤติกาลุกขึ้นจะเข้าไปในครัวแต่ก็ต้องเซเมื่อเธอรู้สึกเหมือนจะเป็นลม“ไก่..” สมิติเรียกเสียงดัง เขารีบมาป
“พี่หมิงคะ ลูกร้อง” กฤติกาตะโกนบอกสามี เด็กชายกรกันต์หรือน้องแมทวัยแปดเดือน กำลังแผดเสียงร้องจ้าเมื่อตื่นมาไม่พบใครในห้อง“จ้า พี่ไปเดี๋ยวนี้ละ” สมิติรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไปดูลูกชาย ส่วนกฤติกากำลังเคี่ยวข้าวผักห้าสีให้ลูกในครัว“โอ๋.. ไม่ร้องนะครับ พ่อเปลี่ยนเพิสให้นะลูก” ชายหนุ่มเปลี่ยนผ้าอ้อมสำเร็จให้ลูกชายอย่างคล่องแคล่วเพราะทำมาตั้งแต่น้องแมทเกิด พ่อลูกอ่อนอุ้มลูกชายมาไว้ในคอก ตอนนี้น้องแมทคลานได้คล่องแล้ว บางครั้งไปไวมากจนพ่อแม่จับไม่ทัน“มาแล้ว” กฤติกายกถ้วยข้าวบดมาให้ลูก เธอคนๆ วางทิ้งไว้สักครู่เพื่อให้คลายความร้อนลง“มาค่ะน้องแมท” เธออุ้มเด็กชายขึ้นจากคอกมานั่งที่เก้าหัดกินข้าวของเด็ก หญิงสาวหัดให้ลูกชายนั่งได้เองเพื่อที่ว่าเวลาไปไหนจะได้ไม่ต้องคอยอุ้มตลอดเวลา“พี่หมิงหิวหรือยังคะ” เธอหันไปถามสามี “หิวจ้ะ แต่ไม่รู้อยากกินอะไร” สมิติทำท่าเพลีย “นอนน้อยรึเปล่าคะ มีไข้ไหม” หญิงสาวลุกมาหาเขาเธอใช้มืออังหน้าผากพบว่าเขาตัวเย็น “พี่ไม่เป็นอะไรหรอก” สมิติจับมือเธอไว้ “คืนนี้ไม่ต้องลุกมาดูแมทนะคะ ไก่จัดการเอง” เธอเริ่มฝึกให้ลูกเลิกมื้อดึกและนอนยาวแล้วตามที่คุยกับค
สมิติไม่ทำอะไรเธอตามที่เขาพูดจริง แต่ชายหนุ่มถือโอกาสช่วงที่รอแผลเธอหายช้ำสร้างความคุ้นเคยให้เธอด้วยการสัมผัสแตะต้อง โอบบ้าง กอดบ้างจนกฤติกาเริ่มชินเช้าวันอาทิตย์เขาออกไปข้างนอกและกลับมาทานข้าวเย็นกับเธอ พบว่ากฤติกาไม่ได้ออกไปไหนเลย“ออกไปเดินเล่นบ้างก็ได้นะไก่” “ไม่เป็นไรค่ะ ไก่อยากพักพรุ่งนี้ต้องไปมหาวิทยาลัย” สมิติพยักหน้าเข้าใจ เขาขยับตัวลุกขึ้นเตรียมตัวจะกลับที่พัก “งั้นไก่พักพี่จะกลับก่อน เช้าวันอังคารเจอกันพี่จะมารับไปลำปาง” “ค่ะ” ###############สมิติพาเธอไปจัดการธุระเรื่องบ้านที่ลำปางในเช้าวันอังคาร โดยที่เขาไปคุยกับเจ้าหนี้ให้เองและนำโฉนดบ้านกลับคืนมา จากนั้นเขาปล่อยให้กฤติกาเข้าบ้านไปหาน้องๆ หญิงสาวซื้อของจำเป็นเข้าบ้านจำนวนหนึ่งพอใช้ไปนาน และซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ไว้ให้น้อง ๆ โทรหาตนเอง ไม่ต้องยืมโทรศัพท์เพื่อนบ้านใช้อีกทั้งคู่กลับมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนเที่ยงคืน สมิติขึ้นมาบนห้องด้วยเขาวางของลงบนโต๊ะ ขณะที่บอกเธอให้ไปอาบน้ำกฤติกาออกมาจากห้องน้ำ ไฟในห้องนอนถูกปิดแล้วเหลือไฟเล็กหัวเตียงเท่านั้น สมิตินอนบนเตียงอยู่ในชุดนอนเขาคงไปใช้ห้องน้ำด้านนอก“พี่จะ
“พี่ว่าอะไรนะ” สมิติทวนคำหลังจากที่พีรพัทย์โทรหาเขา “ก็อย่างที่บอกไป เดียโทรมาปรึกษากูว่าเพื่อนเขาจำเป็นต้องใช้เงินแสนสองภายในสามวัน กูพอจะมีเพื่อนดีๆ ที่สนใจน้องเขาไหม น้องเขายอมทุกอย่างแต่ขอให้ชัวร์เพราะเขาเดือดร้อนมาก” พีรพัทย์ทวนอีกครั้ง“แล้วถ้าผมบอกว่าไม่สนล่ะ” สมิติหยั่งเชิง“กูก็อาจจะหาคนอื่นให้น้องเขา หรือไม่กูก็อาจจะบริจาคให้น้องเขาเอง เงินแค่นี้มึงก็รู้ว่ากูไม่มีปัญหา” พีรพัทย์แกล้งพูด“พี่ว่าไงนะ พี่มีเดียอยู่แล้วไง” สมิติแย้ง“แล้วไงลูกไก่ก็เพื่อนเดีย เพื่อนสนิทกันมาก สองสาวจะได้มีเพื่อนเวลาปรนนิบัติกูไง เดียเขาอาจจะวางใจก็ได้ที่คนนั้นเป็นกู” “หยุด พี่บ้าไปแล้วไหนว่าจริงจังกับเด็กมันจะไปทำให้เดียเสียใจทำไม เอางี้ผมรับเองแต่ผมขอคุยกับลูกไก่ก่อน” สมิติรีบห้ามก่อนที่เพื่อนรุ่นพี่จะจินตนาการบรรเจิดไปมากกว่านั้น ได้ยินเสียงอีกฝ่ายหัวเราะจึงรู้ว่าฝ่ายนั้นล้อเล่น“ก็มาสิ คืนนี้ลูกไก่ต้องมาทำงานที่ร้านอยู่แล้ว” “ไม่ต้องเลย บอกเด็กพี่นะว่าให้บอกลูกไก่เลิกทำงานที่ร้าน เดี๋ยวผมจะออกไปรับตอนนี้เขาอยู่ที่คอนโดของเดียใช่ไหม” สมิติลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน วันนี้งานเขาไม
สมิติกลับมาขึ้นรถ เขาหันมามองกฤติกาที่ยังหน้าซีดเผือดจากเหตุการณ์เมื่อครู่“เจ็บตรงไหนบ้าง เดี๋ยวพี่จะพาไปตรวจที่โรงพยาบาล” เธอส่ายหน้า “ไม่เป็นไรค่ะ จุกเดี๋ยวก็คงหายถ้าจะกรุณา ไปส่งที่ห้องเดียได้ไหมคะ” “ห้องเดียนั่นมันเป็นของเฮียพีท เขาซื้อให้เดียอยู่” สมิติเปรยขึ้นมา กฤติกาเม้มปากแน่น“งั้นไปหอของไก่ก็ได้ค่ะ แต่ถ้ามันไกลไปเกรงใจเดี๋ยวไปแท็กซี่เองค่ะ” “ยังไม่เข็ดเหรอ” สมิติถามเสียงเรียบ เขาออกรถพาเธอออกจากตรงนั้น ถนนที่ค่อนข้างมืดในตอนหนึ่งนาฬิกาทำให้กฤติกามองทางไม่ชัดเจน ประกอบกับเธอยังจำทางได้ไม่แม่นทำให้เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาไปไหน“พี่หมิงจะไปไหนคะ” หญิงสาวนิ่วหน้าเมื่อเริ่มรู้สึกว่าเส้นทางไปไกลกว่าขามา “หอที่ไก่อยู่เป็นหอพักนักศึกษาหรืออพาร์ตเมนท์” เขาย้อนถาม“เอ่อ หอพักนักศึกษาค่ะ อยู่หน้า...” เธอบอกชื่อสถาบันทำให้สมิติเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจเมื่อรู้ว่าเธอเรียนที่ไหน “พี่ก็เคยเรียนที่นี่ เราเรียนคณะไหน” “สถาปัตยฯ ค่ะ” “อืมม” เขาทำเสียงในลำคอแบบที่เธอไม่เข้าใจ “เป็นรุ่นน้องพี่ คณะเดียวกันถ้าหมายถึงหอหญิงหน้าสถาบันตอนนี้ประตูคงปิดแล้ว เข้าไม่ได้หรอก” ฟังแล้ว
“ชื่ออะไรครับน้อง อายุครบสิบแปดแล้วใช่ไหม” สุธนผจก.ร้านสัมภาษณ์กฤติกา หลังจากที่นาเดียสาวตัวท็อปของร้านพาเพื่อนมาสมัครงาน“ชื่อกฤติกาค่ะ สิบแปดแล้ว” เธอส่งบัตรประชาชนให้ผจก.ร้านดู“โอเค เด็กใหม่งั้นพี่จะให้เราชงเหล้า เสริฟที่โซนวีไอพีนะฝากน้องเดียเป็นพี่เลี้ยงให้แล้วกัน มีชื่อสั้นๆ ไหมครับน้อง” สุธนส่งบัตรประชาชนคืนและยื่นใบสมัครให้กฤติกาเขียน เธอรับมากรอกรายละเอียดทันที“ลูกไก่ค่ะพี่” นาเดียตอบแทน สุธนพยักหน้าพอใจ“ปกติเด็กเราหน้าที่ชงเหล้า เสริฟก็คือทำตามนั้น เรื่องงานพิเศษร้านปล่อยฟรีสไตล์แล้วแต่ความสมัครใจ แต่ต้องไม่ใช่ทำในร้านนะครับ แล้วถ้าน้องไม่อยากไปต่อกับใครแต่มีแขกเซ้าซี้แจ้งพี่หรือการ์ดร้านได้เลย” สุธนบอกทำให้เธอสบายใจขึ้นเมื่อเสร็จธุระเรื่องเอกสารและสุธนแจ้งค่าตอบแทนแล้ว นาเดียจึงพากฤติกาไปที่ห้องพักของพนักงาน เป็นห้องรวมสำหรับเตรียมตัว แต่งหน้าหรือทำผมมีห้องน้ำสองห้อง นาเดียพาเพื่อนสาวไปที่มุมประจำของเธอ“ทำงานที่นี่ยิ้มไว้เยอะๆ กับแขก ส่วนเพื่อนร่วมงานด้วยกันคบได้พอผ่านๆ อย่าสนิทมากไม่มีใครอยากให้เราได้ดีเกินหน้าหรอกไก่” เธอกระซิบสอน พร้อมกับพาไปเบิกชุดสำ