ปกรณ์รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งเข้ามาจากความรู้สึกที่พยายามยับยั้งอยู่ภายใน เขามองเธอด้วยความลังเลเพียงชั่วครู่
ดวงตาสีดำขลับหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้ว่าเธอเมาและพูดไปตามอารมณ์
แต่บางสิ่งในตัวเขากลับรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นอย่างไม่สามารถห้ามได้
"พิมพ์ชนก..." เขาพึมพำชื่อของเธออีกครั้งด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะยื่นมือไปจับใบหน้าของเธอเบาๆ
ด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนต่างจากปกติ
พิมพ์ชนกเงยหน้าขึ้น มองเขาในระยะใกล้จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ใกล้ชิด
ริมฝีปากของเขายังคงห่างจากเธอเพียงเสี้ยววินาที ขณะที่เธอก็ยืนนิ่ง มันเหมือนทุกอย่างหยุดลง
และหัวใจของเธอก็เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะออกจากอก
ปกรณ์สูดหายใจลึกๆ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้ามาช้าๆ จนริมฝีปากของเขาแตะกับริมฝีปากของพิมพ์ชนกอย่างเบาๆ
เขาไม่รีบร้อน แต่รู้สึกถึงความร้อนแรงจากการสัมผัสครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงสัมผัสแผ่วเบา
พิมพ์ชนกตอบรับการจูบของปกรณ์ด้วยความไม่ประสีประสา ริมฝีปากของเธอขยับอย่างเก้ๆ กังๆ
แต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ปกรณ์สัมผัสได้ถึงความเขินอายและความไร้เดียงสาในท่าทางของเธอ
เขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก
"คุณ...ไม่เคยจูบใครมาก่อนเหรอ?" เขาถอนริมฝีปากออกเล็กน้อย ถามด้วยเสียงแผ่วเบาที่แฝงไปด้วยความขบขัน
พิมพ์ชนกหน้าร้อนวูบ เธอหลบสายตาเขาอย่างอายๆ ก่อนจะตอบเบาๆ "ใช่…นี่เป็นจูบแรกของฉัน"
คนตัวเล็กตอบอึกๆอักๆปกรณ์หัวเราะในลำคอเบาๆ
น้ำเสียงนั้นเหมือนจะหยอกล้อแต่ก็เต็มไปด้วยความพอใจ เขาโน้มหน้าลงไปกระซิบข้างหูเธอ
"น่ารักดี"
คำพูดของเขาทำให้พิมพ์ชนกรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมา เธอพยายามตั้งสติ
แต่ความใกล้ชิดและสายตาที่จ้องมองเธอราวกับจะกลืนกินนั้นทำให้เธอไม่สามารถขยับตัวได้
ปกรณ์ยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะยื่นมือมาจับคางเธอเบาๆ และกระซิบอีกครั้ง "..ผมช่วยสอนให้ได้นะ"
พิมพ์ชนกเบิกตากว้าง ใบหน้าร้อนผ่าวจนแทบลุกเป็นไฟ เธอพยายามดันตัวเขาออก
แต่ปกรณ์กลับไม่ยอมปล่อยง่ายๆ ความใกล้ชิดครั้งนี้ทำให้เขารู้สึกถึงเสน่ห์บางอย่างในตัวเธอที่เขาไม่เคยสังเกตมาก่อน
"คุณมันคนเจ้าเล่ห์!" เธอพึมพำเบาๆ แต่ปกรณ์กลับยิ้มกว้างกว่าเดิม
"คุณเป็นคนเริ่มก่อนนะ พิมพ์ชนก"
ท่าทางเอียงอายของเธอช่างน่ารักเหลือเกิน เขาประคองใบหน้าอันแดงก่ำของเธออย่างอ่อนโยน
กลิ่นแอลกอฮอล์ จากลมหายใจของเธอปลุกเร้าอารมณ์ของเขาได้เป็นอย่างดี
ริมฝีปากชุ่มชื้นเผยออกเล็กน้อยราวกับเชื้อเชิญให้เขาลิ้มลอง ริมฝีปากหนาของเขาประกบริมฝีปากบางของเธออย่างรวดเร็ว
"ฮื้อ"
เสียงครางอย่างเย้ายวนของเธอปลุกเร้าของเขา คนตัวเล็กอ่อนระทวยในอ้อมกอดของเขา ชายหนุ่มอุ้มพิมพ์ชนกเดินไปยังอีกห้อง
ปกรณ์ค่อยๆ วางพิมพ์ชนกลงบนเตียงนุ่มในห้องที่เชื่อมกับห้องทำงานของเขาอย่างเบามือ
เสียงลมหายใจหนักหน่วงของเขาผสานกับเสียงหายใจแผ่วเบาของเธอที่ยังเต็มไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
ดวงตาของเขาจับจ้องใบหน้าที่แดงก่ำของเธอ ริมฝีปากบางยังคงเผยอเล็กน้อยราวกับรอคอยจุมพิตจากเขา
ปกรณ์พยายามควบคุมตัวเอง แต่ความรู้สึกที่ถูกกระตุ้นจากเธอนั้นรุนแรงเกินกว่าจะควบคุมได้
"พิมพ์ชนก..." เขาเอ่ยเรียกชื่อเธอเบาๆ ราวกับต้องการให้เธอตอบสนอง แต่หญิงสาวที่อ่อนแรงในอ้อมแขนเขาเพียงหรี่ตามอง
ริมฝีปากของเธอกระซิบอย่างแผ่วเบา
"อื่อ"
เสียงของเธอครางตอบเบาๆ สัมผัสจากร่างบางกระตุ้นความดิบเถื่อนในตัวเขาได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากเขาประกบปากเธออย่างรวดเร็ว
จูบของเขาก็เริ่มรุ่นแรงขึ้น ท่อนแขนแข็งแรง
กอดรัดร่างบางให้เข้ามาประชิดแผ่นอกร้อนแผ่วของเขา การลูบไล้ อย่างไร้เดียงสาของเธอกลายเป็นเชื้อไฟที่ร้อนแรงที่สุด
มือหนาแกะกระดุมเสื้อเชิ้ตของเธอออกที่ละเม็ด จนเผยให้เห็นหน้าอกใหญ่ทรงหยดน้ำ มือหนาอีกข้างที่บีบหน้าอกใหญ่อย่างมันส์มือ
ปกรณ์ผละจากร่างบาง มาจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง และกางเกงยีนส์ของหญิงสาวให้พ้นตัว มืออีกข้างเกี่ยวเพตตี้ตัวน้อยออก
เขาตวัดละเลงลิ้นไปทั่วเรื่อนของเธอ เขาซุกไซ้ซอกคอขาวเนียน ส่วนมืออีกข้างก็ไม่ปล่อยให้ว่าง
จับขาทั้งสองข้างของเธอแยกออกจากกันส่งนิ้วร้อนขยี้ติ่ง ทำเอาร่างบางบิดเร้าด้วยความเสียวซ่านที่แผ่ไปทุกอณู
นิ้วเรียวค่อยๆแทรกเข้าไปในร่องแคบ ความรัดแน่นภายในทำให้ชายหนุ่มพอใจเสียงครางกระเส่าของเธอดังออกมา
"อ๊าส์…อ๊ะ"
กลีบกุหลาบขมิบตอดรัดนิ้วเรียวเขาขยับนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะ
ริมฝีปากของเขาขบทับทิมบนยอดเนินอวบอิ่ม เขาชอบความงดงามของเต้าทรงหยดน้ำของเธอ เสียงครางเบาๆออกจากริมฝีปากบางๆ
"อื้อ…มะ…ไม่ไหวแล้วคะ"
"พะ…พอแล้วค่ะ…อ๊ะ"
เขาจูบไล่ลงมาถึงหน้าท้องแบนราบ กลีบอวบอูบเกรี้ยงเกลา มันแย้มเพียงเล็กน้อยน้ำใสๆไหลออกมาเคลือบกลีบอวบอูมทั้งสองข้าง
ชายหนุ่มใช้นิ้วเรียวสอดเข้าไปในช่องแคบที่เต็มไปด้วยน้ำอุ่นร้อน จนเธอตัวบิดกระตุกปล่อยน้ำหวานออกมา
"อ๊ะ…อาห์"
เขายิ้มออกมาอย่างพอใจที่อีกฝ่ายเสร็จสมด้วยนิ้วเรียวของเขา
"เสร็จ ง่ายจัง"
เขาเอื้อมมือดึงลิ้นชักข้างเตียงออกมาพร้อมกับหยิบซองสี่เหลี่ยมออกมา พร้อมกับฉีกมันออกสวมใส่ถุงยางเนื้อบางกับท่อนลำอันใหญ่
ท่อนขาแข็งแรงดันแยกเรียวขาเล็กออกจากกัน ฝ่ามือใหญ่จับท่อนเอ็นอันใหญ่จ่อถู
เข้ากับร่องเล็ก กดหัวบานลงไปในร่องที่คับแคบแล้วดันเข้าไปทีละนิดๆร่องเล็กตอดรัด แท่งเนื้ออุ่นร้อนเมื่อเขาเริ่มสอดใส่มันเข้าไป
"จะ…เจ็บ…คุณเอามันออกก่อนได้ไหมฉันเจ็บ"
"อ้าส์…ของคุณแนนชะมัด"
"เดี๋ยวก็หายเจ็บนะ"
"เบาๆ…หน่อยนะคะ"
"อ้าส์…อื้อ"
เสียงเธอสั่นเมื่อเขาเริ่มขยับช้าๆ ใจของเขาเต้นแรงและเสียงครางของเธอทำให้สติของปกรณ์เลือนหาย
"อ๊ะส์…"
เสียงครางอยู่ในลำคอของเขาขยับเน้นหนักแรงกระแทกที่ตอกตรึงเนิบช้าขยับร่างอย่างช้าๆ
เพื่อไม่ให้เธอเจ็บปวด ร่างบางแอ่นสะโพกขึ้นรับแรงกระแทกจากเขาอย่างลืมตัว
"อืมม์ ยังเจ็บอยู่ไหม"
หญิงสาวใต้ร่างหนาพยักหน้ารับ เขาตอกตรึงเร่าเร้า รัวสะโพกถี่ขึ้น จนเกิดเสียงดัง ตับๆเป็นจังหวะ
"อ้าส์…ฉะ…ฉันเสียว" เสียงครางแผ่วเบาของเธอด้วยความเขินอาย
ท่อนลำแข็งๆตอกตรึงถี่รัวอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุด
พับ พับ พับ
"อ๊าส์" เสียงคำรามในลำคอแหงนเงยหน้าขึ้น สูดปากด้วยความเสียวซ่าน
เขาขยับเข้าออกเป็นจังหวะสั้นๆ เมื่อน้ำหวานจากช่องรักของหญิงสาวหลั่งชโลมแก่นกายแล้ว
เขาค่อยขยับกายตอกตรึงคนใต้ร่างด้วยจังหวะกระแทกลึก
"อ๊าส์…มะ…ไม่ไหวแล้ว ซี้ดดดด~"
"อ้า…เสียว~"
ร่างบางหอบถี่ภายในกายตอดขมิบรัดท่อนเอ็นของเขาจนแน่นกระตุกถี่ๆ ปล่อยน้ำหวานชโลมท่อนเอ็นของเขาจนชุ่ม
"อ๊าาาาส์"
สันกรามของเขาถูกขบเข้าหากันกระแทกเข้าออกซ้ำๆ
บดคว้างเป็นวงกลมหนักหน่วงจนพิมพ์ชนกร้องครางออกมา
"อะ~อ่า~อ๊าส์"
"อื้มมม…ครางชื่อผมสิ"
"…คุณปกรณ์…ขา"
เขาเร่งจังหวะขึ้นอีกเล็กน้อย เอ็นหนาผุบเข้าออกความคับแน่นตอดรัดจนเนื้อนุ่มปลิ้นเข้าออกตามแรงกระแทก
เขาอยากเอาเธอแรงๆ …แต่นี่มันเป็นครั้งแรกของเธอเซ็กส์ครั้งนี้ไม่ได้รุนแรงแต่ก็ยังดุเดือดเร่าร้อนตามแรง ปรารถนาของทั้งสองคน
" ปัก…ปัก…ปัก"
"เบาๆ …หน่อย…สิฉันจุก"
ลมหายใจทั้งคู่หอบถี่ เสียงครางชื่ออีกฝ่ายไม่ขาด เขาเกี่ยวขาข้างหนึ่งของเธอขึ้นสูงก่อนจะขยับเอวเขาอย่างหนัก
เขาถาโถมแรงกายทั้งหมดตะบี้ตะบันตอกอย่างบ้าคลั่ง ร่องเล็กตอดถี่ขึ้นหลังจากที่เขากระแทกอีกไม่กี่ที่เธอเกร็งกระตุกอีกครั้ง
"อ่าาาาส์"
ทั้งคู่ส่งเสียงออกมาพร้อมกัน น้ำคาวขาวขุ่นฉีดพุ่งเข้าไปสู่เครื่องป้องกันเธอรู้สึกถึงความร้อนของน้ำที่เขาปล่อยออกมา
เขาหายใจหอบถี่ก่อนที่จจะฟุบลงตรงอกนุ่มของเธอหลายครั้งที่ทั้งคู่ตักตวงความสุขจากร่างกายของกันและกัน จนพิมพ์ชนกหมดแรงหลับ
ไปเกือบรุ่งเช้า ปกรณ์มองคนร่างบางที่นอนหลับอย่างอ่อนเพลีย พร้อมกับกระตุกยิ้มที่มุมปาก เขาชักจะติดใจเธอแล้วสิแม่สาวน้อย
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พิมพ์ชนกกลับมาบ้าน เธอหลีกเลี่ยงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้กับแม่ เพราะกลัวว่ามันจะทำให้แม่เป็นห่วงและเธอเองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองทั้งหมด"พิม...คุณปกรณ์เขาไม่ใช่คนที่จะมาดีกับลูกของแม่แบบง่ายๆ นะ เขามีประวัติ...แม่ทำงานกับเขามานานนะลูก"แม่ของเธอหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง"แม่ไม่อยากเห็นลูกต้องเจอกับปัญหาจากคนแบบเขา"พิมพ์ชนกถอนหายใจเงียบๆ แม้เธอจะรู้ว่าแม่เป็นห่วง แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อปกรณ์กลับไม่ได้ง่ายเหมือนที่แม่คิดพิมพ์ชนกไม่อยากให้แม่เห็นภาพที่เขาเป็นแบบนั้น แม้แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจตัวเองดีพอ"แม่คะ... พิมจะระวังตัวค่ะ อย่าห่วงนะคะ" พิมพ์ชนกตอบเสียงเบา แต่ในใจเธอเริ่มท่วมท้นไปด้วยความลังเลและความไม่แน่ใจแม่ของเธอยิ้มอ่อนโยนแต่ยังคงท่าทางกังวล "แม่แค่ห่วงหนูนะลูก"การสนทนาเงียบลงในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แม้พิมพ์ชนกจะอยากให้แม่เข้าใจแต่ก็ยังรู้สึกถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของเธอกับปกรณ์ที่ยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้พิมพ์ชนกคิดคำพูดที่จะตอบแม่อย่างระมัดระวัง ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให
ปกรณ์นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามพิมพ์ชนกในห้อง VIP เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ แต่สายตาที่มองมานั้นเจือแววจริงจัง"พิมพ์ชนก" เสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย"คะ?" เธอเงยหน้ามองเขาอย่างระวัง"ฉันมีคำถามที่อยากรู้" เขาเริ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาของเขานั้นไม่ธรรมดา"เรื่องที่เธอบอกว่าเธอต้องมาหาเงินจ่ายค่าเทอมเอง...มันคงไม่จริงใช่ไหม?"พิมพ์ชนกชะงัก คำถามนี้เหมือนล้วงลึกเข้าไปในส่วนที่เธอไม่อยากพูดถึง"ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร" เธอเลี่ยงตอบตรงๆปกรณ์หัวเราะเบาๆ พลางยกคิ้วขึ้น"แม่ของเธอเป็นเลขาฉัน เงินเดือนแม่เธอไม่น้อยเลยนะ แถมยังได้โบนัสปีละหลายเดือนฉันเองก็รู้ดีว่าแม่เธอไม่มีภาระอะไรหนักหนา แล้วทำไมเธอถึงต้องมาทำงานหาเงินเอง?"เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย พยายามควบคุมสีหน้า"ฉันแค่อยากช่วยแม่แบ่งเบาภาระค่ะ"เขาส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มมุมปากแบบที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขาไม่เชื่อ"เธอไม่ใช่คนโกหกเก่งนะ พิมพ์ชนก" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงขรึม "พูดความจริงกับฉันมาเถอะ"พิมพ์ชนกหลบสายตา เธอรู้ดีว่าการปกปิดอะไรจากเขาไม่ใช่เรื่องง่าย"ฉันแค่ไม่อยากเป็นภาระแม่ค่ะ" เธอตอบด้วยเสียงเบา
เตโชขับรถมารับพิมพ์ชนกตามปกติในเช้าวันใหม่และไปรับหลังจากเธอเสร็จสิ้นการเรียนที่มหาวิทยาลัยแต่วันนี้จุดหมายปลายทางไม่ใช่หอพักของเธอเหมือนเดิม"วันนี้คุณปกรณ์ให้ผมพาคุณไปที่บริษัทครับ" เตโชพูดขึ้นขณะเลี้ยวรถออกจากมหาวิทยาลัย"บริษัท? มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?" พิมพ์ชนกถามด้วยความสงสัย"อันนี้ผมไม่ทราบครับ แต่คุณปกรณ์กำชับให้ผมมารับคุณไปทันทีที่คุณเรียนเสร็จ" เตโชตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามแบบฉบับของเขาเมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ลานจอดรถของบริษัท พิมพ์ชนกก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปอาคารสูงและทันสมัยแห่งนี้เต็มไปด้วยพนักงานที่เดินสวนกันไปมา"เชิญครับ" เตโชเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนจะพาเธอเดินไปยังลิฟต์ส่วนตัวระหว่างทางสายตาของพนักงานหลายคนจับจ้องมาที่เธอด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเมื่อถึงชั้นบนสุด ประตูห้องทำงานใหญ่ของปกรณ์เปิดกว้างออก เขายืนรออยู่ด้านใน สวมชุดสูทสีดำที่เสริมให้เขาดูทรงอำนาจยิ่งกว่าเดิม"มานี่สิ พิมพ์ชนก" น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่กลับดึงดูดใจจนเธออดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา"คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?" เธอถามพลางนั่งลงตรงข้ามเขาปกรณ์เอนตัวพิงเก้าอี้ สายตาม
ค่ำคืนเดียวกัน ปกรณ์นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของผับรอบโต๊ะใหญ่มีชายหนุ่มอีกสามคนที่แต่ละคนล้วนเป็นนักธุรกิจชื่อดังในแวดวงสังคมแต่ภายใต้ภาพลักษณ์เหล่านั้น ทุกคนต่างเป็นคนสำคัญในโลกธุรกิจมืด"นายดูไม่ค่อยมีสมาธิเลยนะกรณ์" หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น เป็นชายหนุ่มผมยาวเรียบแปล้ในชุดสูทไร้ที่ติชื่อว่า ธีรธร เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกเงินและเป็นคนที่มีเครือข่ายใหญ่ในหลายประเทศปกรณ์ละสายตาจากแก้วเหล้าตรงหน้า ก่อนจะยิ้มมุมปาก "ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย เรื่องของที่เราส่งไปใต้เรียบร้อยดีไหม?""เรียบร้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ" ชายอีกคนตอบขึ้น เป็นชายหนุ่มผิวเข้มชื่อ คณิน เจ้าของท่าเรือที่ใช้เป็นทางผ่านของสินค้าผิดกฎหมาย"แต่ข่าวจากตำรวจเริ่มเข้มขึ้นนะ เราอาจต้องลดปริมาณในล็อตหน้าลง" ธีรธรพูดพร้อมโยนแฟ้มเอกสารไปให้ปกรณ์ปกรณ์รับมาเปิดดูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่ใช่คนพูดมากในที่ประชุมแบบนี้ แต่ทุกคำพูดของเขามักชี้นำการตัดสินใจของทั้งกลุ่ม"ทำเหมือนเดิม แต่ระวังมากขึ้น ถ้าตำรวจเริ่มได้กลิ่น เราต้องหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันไปที่อื่น"ชายหนุ่มคนสุดท้ายที่นั่งเงียบมานาน ชื่อว่า อัคคี ซึ่งเป็นผู้จัดการด้านอาวุธผิด
ขวัญข้าวนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ม้านั่งหน้าคณะ พลางก้มมองโทรศัพท์ในมือแต่หางตาเหลือบเห็นรถคันหรูจอดเทียบอยู่ไม่ไกล เธอเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะเห็นพิมพ์ชนกเปิดประตูรถลงมา"เฮ้ย! ยัยพิม!" ขวัญข้าวลุกพรวดขึ้นมา มองเพื่อนรักด้วยสายตาแปลกใจปนสงสัยพิมพ์ชนกยืนปรับกระโปรงพลางส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อน แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงขวัญข้าวก็ลอยมาอีก"รถใครอะ? หรือว่า..."เธอหยุดพูดเมื่อเห็นชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงสแลคสุดเนี้ยบก้าวลงมาจากฝั่งคนขับปกรณ์ยืนตรงหน้ารถ มองพิมพ์ชนกด้วยสายตานิ่งๆ แต่กลับมีแววเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ขวัญข้าวแทบหลุดกรี๊ด"โอ๊ยยย! นี่ใครกันยะ หล่อขนาดนี้?" ขวัญข้าวถามเสียงสูง ยืนจ้องปกรณ์ราวกับตื่นเต้นเกินเหตุพิมพ์ชนกรีบหันไปมองเขาแล้วขมวดคิ้ว "คุณกลับไปได้แล้วค่ะ!"ปกรณ์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย "โอเคครับ แต่ถ้าคุณต้องการอะไร โทรหาผมนะ พิมพ์"คำพูดนั้นทำเอาขวัญข้าวหันมามองพิมพ์ชนกตาโต "เดี๋ยวนะ! เขาเรียกเธอว่าอะไรนะ?"พิมพ์ชนกหน้าแดง เธอรีบดันขวัญข้าวให้ถอยออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับปกรณ์เสียงดุ"กลับไปเถอะค่ะ แล้วไม่ต้องมาแถวนี้อีก!"ปกรณ์หัวเราะเบาๆ "ได้สิ แต่ผมไม่สัญญานะว่าจะไม
เช้าวันใหม่มาเยือน พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างในห้องที่เงียบสงบพิมพ์ชนกค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ที่โอบล้อมตัวเธออยู่เธอหันไปมองด้านข้าง ใบหน้าคมเข้มของปกรณ์อยู่ใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเขาที่พัดผ่านแก้ม เธอหน้าแดงทันทีที่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา"นี่ฉัน...ทำอะไรลงไปเนี่ย" พิมพ์ชนกพึมพำเบาๆ กับตัวเอง มือบางพยายามดึงตัวออกจากอ้อมแขนของเขาแต่ชายหนุ่มกลับกระชับกอดแน่นขึ้นโดยไม่ลืมตา"จะรีบไปไหนล่ะ พิมพ์" เสียงทุ้มต่ำของปกรณ์ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ทำเอาหญิงสาวยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม"ปล่อยฉันได้แล้ว" เธอพยายามดันตัวเขาออก แต่เขากลับหัวเราะเบาๆ"เมื่อคืนยังไม่เห็นพูดแบบนี้เลย" ปกรณ์แกล้งเย้าด้วยน้ำเสียงขี้เล่นคำพูดนั้นทำให้พิมพ์ชนกสะอึก เธอจ้องหน้าเขาอย่างโกรธเคือง แต่ความทรงจำบางส่วนเมื่อคืนกลับผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เธอพูดไม่ออกปกรณ์มองสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป ก่อนจะลดรอยยิ้มลง ดวงตาของเขาสบกับเธออย่างจริงจัง"เมื่อคืนคุณเป็นคนเริ่มนะ" เขายิ้มๆบอกด้วยน้ำเสียงหยอกล้อพิมพ์ชนกนิ่งไป หัวใจของ
ปกรณ์รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งเข้ามาจากความรู้สึกที่พยายามยับยั้งอยู่ภายใน เขามองเธอด้วยความลังเลเพียงชั่วครู่ดวงตาสีดำขลับหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้ว่าเธอเมาและพูดไปตามอารมณ์แต่บางสิ่งในตัวเขากลับรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นอย่างไม่สามารถห้ามได้"พิมพ์ชนก..." เขาพึมพำชื่อของเธออีกครั้งด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะยื่นมือไปจับใบหน้าของเธอเบาๆด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนต่างจากปกติพิมพ์ชนกเงยหน้าขึ้น มองเขาในระยะใกล้จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ใกล้ชิดริมฝีปากของเขายังคงห่างจากเธอเพียงเสี้ยววินาที ขณะที่เธอก็ยืนนิ่ง มันเหมือนทุกอย่างหยุดลงและหัวใจของเธอก็เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะออกจากอกปกรณ์สูดหายใจลึกๆ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้ามาช้าๆ จนริมฝีปากของเขาแตะกับริมฝีปากของพิมพ์ชนกอย่างเบาๆเขาไม่รีบร้อน แต่รู้สึกถึงความร้อนแรงจากการสัมผัสครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงสัมผัสแผ่วเบาพิมพ์ชนกตอบรับการจูบของปกรณ์ด้วยความไม่ประสีประสา ริมฝีปากของเธอขยับอย่างเก้ๆ กังๆแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ปกรณ์สัมผัสได้ถึงความเขินอายและความไร้เดียงสาในท่าทางของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก"คุณ...ไม่เค
ปกรณ์มองตามเธอจนลับสายตา ความรู้สึกที่ซับซ้อนกำลังตีกันอยู่ในอก เขารู้ดีว่าการปล่อยเธอไปเช่นนี้คือสิ่งที่ควรทำ แต่ความคิดอีกด้านกลับย้ำเตือนว่าเธอคือคนที่เขาไม่อาจปล่อยมือได้ง่ายๆในขณะเดียวกัน หญิงสาวตัวเล็กแต่เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงพิมพ์ชนกที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากผับของปกรณ์ จู่ๆเสียงแจ้งเตือนของแอปธนาคาร แจ้งมียอดเงินโอนเข้าในบัญชีของเธอ" คงเป็นค่าจ้าง ทำงานสองวันมั่ง"หญิงสาวคิดในใจพรางเปิดดูยอดเงินในบัญชีของเธอ พิมพ์ชนกถึงกับตาค้างกับยอดเงินที่โอนเข้ามา"ห๊ะ! สองแสน!"พิมพ์ชนกยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูผับ ดวงตาเบิกกว้างมองจอโทรศัพท์มือถือราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็น"ใครโอนมาเนี่ย?" เธอพึมพำด้วยเสียงสั่น มือเลื่อนลงมองชื่อผู้โอนที่ปรากฏในแอป"คุณปกรณ์!"ชื่อของเจ้าของผับที่เธอเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่ปรากฏชัดเจนหัวใจของพิมพ์ชนกเต้นแรงด้วยความสับสน ทำไมเขาถึงโอนเงินมาให้เธอเป็นจำนวนมากขนาดนี้?เธอเม้มปากแน่น ก่อนตัดสินใจหันหลังกลับเข้าไปในผับอีกครั้งเพื่อหาคำตอบ...พิมพ์ชนกเดินกระแทกส้นรองเท้าเข้ามาในโถงทางเดินของผับ ตรงไปยังห้องส่วนตัวที่เธอเพิ่งออกมาเมื่อครู่แต่ก่อนที่มือเธอจะ
พิมพ์ชนกเดินไปยังโต๊ะอื่นเพื่อให้บริการตามหน้าที่ ขณะที่เธอวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะหนึ่งในลูกค้า ซึ่งดูเหมือนจะดื่มหนักไปแล้ว ยื่นมือมาคว้าข้อมือของเธอ"น้องคนสวย ทำไมไม่มานั่งกับพี่บ้างล่ะ?จ๊ะ" เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งเชียร์และแซวกันอย่างสนุกพิมพ์ชนกสะดุ้งและพยายามดึงมือกลับ แต่เขากลับจับไว้แน่นกว่าเดิม "ปล่อยฉันนะ!" เธอพูดเสียงแข็ง พยายามถอยห่างชายคนนั้นยิ้มเยาะและพูดอย่างไม่ใส่ใจ "อย่าดื้อสิ แค่นั่งคุยด้วยนิดหน่อยเอง ทำเป็นเล่นตัวไปได้!"เสียงของพิมพ์ชนกดังเริ่มดึงดูดความสนใจของลูกค้าโต๊ะอื่น และพี่พนักงานบางคนเริ่มมองมาแต่ยังลังเลที่จะเข้ามายุ่ง เพราะชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นลูกค้าขาประจำที่มีอิทธิพลพอสมควร ปกรณ์ที่ยืนมองอยู่บนชั้นสองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและแข็งกร้าว เขาหันไปสั่งลูกน้องทันที"เตโชไปจัดการ อย่าให้มันแตะต้องเธออีกแม้แต่นิดเดียว" น้ำเสียงของเขาเด็ดขาดจนเตโชรีบปฏิบัติตามชายร่างใหญ่ในชุดสูทดำสองคนเดินตรงไปที่โต๊ะนั้นทันที หนึ่งในพวกเขาคว้าข้อมือของชายที่ลวนลามพิมพ์ชนก บีบแรงจนเขาต้องปล่อยมือ"