เช้าวันใหม่มาเยือน พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างในห้องที่เงียบสงบ
พิมพ์ชนกค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ที่โอบล้อมตัวเธออยู่
เธอหันไปมองด้านข้าง ใบหน้าคมเข้มของปกรณ์อยู่ใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆ
ของเขาที่พัดผ่านแก้ม เธอหน้าแดงทันทีที่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา
"นี่ฉัน...ทำอะไรลงไปเนี่ย" พิมพ์ชนกพึมพำเบาๆ กับตัวเอง มือบางพยายามดึงตัวออกจากอ้อมแขนของเขา
แต่ชายหนุ่มกลับกระชับกอดแน่นขึ้นโดยไม่ลืมตา
"จะรีบไปไหนล่ะ พิมพ์" เสียงทุ้มต่ำของปกรณ์ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ทำเอาหญิงสาวยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม
"ปล่อยฉันได้แล้ว" เธอพยายามดันตัวเขาออก แต่เขากลับหัวเราะเบาๆ
"เมื่อคืนยังไม่เห็นพูดแบบนี้เลย" ปกรณ์แกล้งเย้าด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
คำพูดนั้นทำให้พิมพ์ชนกสะอึก เธอจ้องหน้าเขาอย่างโกรธเคือง
แต่ความทรงจำบางส่วนเมื่อคืนกลับผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เธอพูดไม่ออก
ปกรณ์มองสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป ก่อนจะลดรอยยิ้มลง ดวงตาของเขาสบกับเธออย่างจริงจัง
"เมื่อคืนคุณเป็นคนเริ่มนะ" เขายิ้มๆบอกด้วยน้ำเสียงหยอกล้อ
พิมพ์ชนกนิ่งไป หัวใจของเธอเต้นแรงด้วยความสับสน ทั้งอาย ทั้งไม่แน่ใจ
พิมพ์ชนกจ้องมองเขาแน่วนิ่ง ดวงตาเปล่งประกายวาววับเต็มไปด้วยความไม่พอใจปนเขินอาย เธอพูดเสียงดังกลบความสั่นในใจตัวเอง
"คุณก็รู้ว่า ฉันเมาทำไมคุณไม่หักห้ามใจ!ล่ะ"
ปกรณ์เลิกคิ้วขึ้น รอยยิ้มมุมปากผุดขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ ราวกับสนุกที่ได้เห็นเธอในสภาพนี้
"ผมไม่ใช่พระอิฐ พระปูนนะคุณ" เขาเอียงคอมองเธอ ดวงตาวิบวับของเขาเปล่งประกาย
พิมพ์ชนกหน้าแดงจัดเมื่อเจอสายตาเจ้าเล่ห์ของเขา เธอสูดลมหายใจลึก ก่อนจะตะโกนออกมา
"คนบ้า…คนฉวยโอกาส"
คำพูดของเธอทำเอาปกรณ์ถึงกับนิ่งไปชั่วขณะ ดวงตาคมเข้มของเขามองเธออย่างจริงจัง ก่อนจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นแววตาอ่อนโยน
"ผมฉวยโอกาส ตรงไหนพิมพ์ชนก ผมเตือนคุณแล้วนะแต่คุณไม่หยุดเอง"
เขาพูดพลางโน้มตัวเข้าไปใกล้ พิมพ์ชนกถอยกรูดจนหลังชนหัวเตียง หัวใจเธอเต้นแรงจนแทบหลุดออกมา
"คุณมันคนลามก" เธอตวาด แต่เขากลับหัวเราะเบาๆ ก่อนจะพูดเสียงนุ่ม
"ถึงผมจะลามกผมก็ผัวคุณนะ…พิมพ์ชนก ตั้งแต่เมื่อคืน...คุณก็เป็นของผมแล้ว"
คำพูดหนักแน่นของเขาทำให้เธอทั้งตกใจและหวั่นไหวจนทำอะไรไม่ถูก...
พิมพ์ชนกพยายามลุกขึ้นจากเตียงด้วยความรีบร้อน แต่ร่างกายกลับประท้วงด้วยความเจ็บปวดทั่วทั้งตัว
เธอเผลอร้อง "อ๊ะ" ออกมาเบาๆ ก่อนจะต้องงอตัวลง มือเล็กกดบริเวณเอวพลางขมวดคิ้วแน่น
ปกรณ์ที่ยืนมองอยู่ใกล้ๆ รีบก้าวเข้ามาพยุงเธอไว้ ดวงตาคมกริบของเขาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง
"คุณจะรีบไปไหน …ค่อยๆลุกสิ"เขาพูดเสียงนุ่ม แต่น้ำเสียงนั้นก็เจือแววความรู้สึกผิดเล็กๆ
เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความขุ่นเคืองปนเขินอาย "ก็เพราะคุณนั่นแหละ! ถึงทำให้ฉันเป็นแบบนี้!"
ปกรณ์ยิ้มมุมปาก พลางย่อตัวลงให้อยู่ในระดับเดียวกับเธอ เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงล้อเลียนแต่ก็ยังแฝงความอ่อนโยน
"เมื่อคืนคุณไม่ได้บอกให้ผมหยุดนี่นา"
พิมพ์ชนกหน้าแดงซ่านทันที เธอพยายามผลักเขาออก แต่เรี่ยวแรงที่มีไม่พอ ทำให้เธอเพียงแค่ทุบเขาเบาๆ
"คุณมัน...เจ้าเล่ห์ที่สุด!" เธอกล่าวเสียงสั่น ก้มหน้าหลบสายตาของเขา
กรณ์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะประคองเธอนั่งลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล "โอเค โอเค ผมผิดเอง คราวหน้าผมจะ...อ่อนโยนกว่านี้"
คำพูดนั้นทำเอาพิมพ์ชนกหันขวับ ดวงตาโตของเธอเบิกกว้าง "คราวหน้า?! นี่คุณยังคิดว่าจะมีคราวหน้าอีกเหรอ!"
ปกรณ์หัวเราะลั่นกับท่าทางน่ารักของเธอ มือหนาเอื้อมไปแตะศีรษะเธอเบาๆ ก่อนจะเอ่ยเสียงทุ้ม
"ก็ลองดูแล้วกัน…ว่าจะมีอีกไหม"
คำพูดของเขาทำให้เธอได้แต่นั่งนิ่ง หน้าแดงจัดไปถึงใบหู ใจหนึ่งอยากต่อว่าเขา
แต่อีกใจก็รู้สึกถึงความอบอุ่นแปลกๆ ที่ก่อตัวขึ้นในหัวใจของเธอเอง...
พิมพ์ชนกสูดลมหายใจลึก พยายามรวบรวมความกล้า ก่อนจะพูดออกมาเสียงเบาแต่จริงจัง
"ฉัน...มีเรียนช่วงบ่ายค่ะ ฉันต้องกลับห้องไปแต่งตัว"
ปกรณ์ชะงักเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ เขามองหน้าเธอด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะยกยิ้มมุมปาก
"มีเรียน?" เขาถามเสียงต่ำ พลางเอนตัวพิงขอบเตียงอย่างสบายอารมณ์ "แล้วคุณคิดกลับในสภาพนี้?เนี่ยนะ"
พิมพ์ชนกหน้าแดงวาบ รีบเบือนสายตาหนี "ก็...ฉันเดินได้น่า! ไม่ต้องมายุ่ง!" เธอพยายามลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องกัดฟันกลั้นความเจ็บ
กรณ์ถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "อย่าดื้อสิ "
"ไม่ต้องค่ะ!" เธอพูดอย่างรวดเร็ว "คุณไม่ต้องมายุ่งกับฉันอีกเลย!"
เขาเลิกคิ้วขึ้น พลางกอดอกมองเธอด้วยรอยยิ้มบางๆ
"เมื่อคืนคุณยังไม่พูดแบบนี้เลยนะ พิมพ์ชนก"
“คุณเลิกพูดถึงเมื่อคืนได้แล้ว!” พิมพ์ชนกพยายามเบี่ยงสายตาหลบหน้าเขา แต่ความเขินอายก็ทำให้แก้มของเธอแดงระเรื่อยิ่งขึ้น
เขายิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะอุ้มเธอขึ้นในอ้อมแขนโดยไม่ทันให้เธอตั้งตัว
“คุณจะทำอะไร!?” เธอตะโกนเสียงหลง แต่เขาไม่ตอบ นอกจากพาเธอตรงไปยังห้องน้ำ
“คุรต้องอาบน้ำ เดี๋ยวผมช่วย” เขาพูดหน้าตาย ขณะเปิดน้ำอุ่นลงในอ่าง
“ฉันอาบเองได้ คุณออกไปเดี๋ยวนี้เลย!”
“สายไปแล้ว” เสียงทุ้มของเขากระซิบข้างหู พร้อมรอยยิ้มที่ทำเอาเธอใจเต้นไม่เป็นจังหวะ
บรรยากาศในห้องน้ำเต็มไปด้วยไอน้ำอุ่น หญิงสาวกอดตัวเองไว้แน่น ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น รอยยิ้มของเขาดูทั้งอบอุ่นและขี้เล่น
“อย่าหน้าแดงขนาดนั้นสิ พิมพ์ชนก... ผมไม่ได้จะทำอะไรคุรหรอกน่า” แต่แววตาของเขากลับไม่ได้ช่วยให้เธอเชื่อคำพูดนั้นเลย!
หลังจากอาบน้ำเสร็จ ไอน้ำยังคงลอยอ้อยอิ่งในอากาศ ร่างของพิมพ์ชนกถูกอุ้มขึ้นจากอ่างน้ำโดยไม่ทันตั้งตัว
เธอกรีดร้องเบาๆ ด้วยความตกใจ
“คุณปล่อยฉันลงเถอะ!” เธอพยายามดิ้น แต่แรงของเขามากกว่าจนเธอต้องยอมอยู่นิ่ง
“อยู่นิ่งๆ เถอะ เดี๋ยวผมช่วยแต่งตัวให้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย แต่สายตากลับเจือด้วยความอบอุ่น
พิมพ์ชนกหน้าแดงจัด ยิ่งเมื่อรู้ว่าเขากำลังถือชุดตัวเดิมของเธออยู่ เธอรีบคว้าชุดนั้นมาแนบตัวทันที
“ฉันแต่งเองได้!” เธอพยายามดันเขาออกไป แต่เขายังคงยืนอยู่ตรงนั้น ไม่ยอมถอย
“เมื่อกี้ยังให้อาบน้ำด้วยกันเลย ตอนนี้อายอะไรอีกล่ะ” เขาแกล้งเย้าด้วยน้ำเสียงขี้เล่น
“คุณนี่มัน…” เธอพูดไม่ออก ได้แต่หันหลังหนีเพื่อใส่เสื้อผ้า แต่เขากลับจับมือเธอไว้เบาๆ
“อย่าหันหลังให้ผมสิ พิมพ์ชนก” น้ำเสียงของเขาอ่อนโยนลง แต่แฝงด้วยความหมายบางอย่างที่ทำให้หัวใจเธอสั่นไหว
“คุณเลิกแกล้งฉันได้แล้ว!” เธอตอบเสียงสั่น ก่อนจะรีบแต่งตัวด้วยความรวดเร็ว โดยไม่กล้าหันกลับไปมองเขาอีก…
ปกรณ์หัวเราะเบาๆ ก่อนจะหยิบกุญแจรถจากโต๊ะ "ถ้าคุณไม่อยากเดินทั้งๆ ที่เจ็บอยู่แบบนี้ ผมไปส่งคุณเอง"เขาเดินมาช้อนตัวเธออุ้มขึ้น
เธออ้าปากจะเถียง แต่ความเจ็บทั่วตัวทำให้เธอไม่กล้าฝืน ท้ายที่สุดก็ยอมให้เขาอุ้มไปพร้อมกับพึมพำเบาๆ
"คุณมันเจ้าเล่ห์ที่สุด..."
ปกรณ์ยิ้มมุมปากอีกครั้ง แต่คราวนี้สายตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยน "แล้วจะคอยดูว่าคุณจะหลีกหนีผมได้อีกนานแค่ไหน พิมพ์ชนก"
วันนี้ก็เป็นอีกวันที่พิมพ์ชนกกลับมาบ้าน เธอหลีกเลี่ยงไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้กับแม่ เพราะกลัวว่ามันจะทำให้แม่เป็นห่วงและเธอเองก็ยังไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเองทั้งหมด"พิม...คุณปกรณ์เขาไม่ใช่คนที่จะมาดีกับลูกของแม่แบบง่ายๆ นะ เขามีประวัติ...แม่ทำงานกับเขามานานนะลูก"แม่ของเธอหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง"แม่ไม่อยากเห็นลูกต้องเจอกับปัญหาจากคนแบบเขา"พิมพ์ชนกถอนหายใจเงียบๆ แม้เธอจะรู้ว่าแม่เป็นห่วง แต่ความรู้สึกที่เธอมีต่อปกรณ์กลับไม่ได้ง่ายเหมือนที่แม่คิดพิมพ์ชนกไม่อยากให้แม่เห็นภาพที่เขาเป็นแบบนั้น แม้แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจตัวเองดีพอ"แม่คะ... พิมจะระวังตัวค่ะ อย่าห่วงนะคะ" พิมพ์ชนกตอบเสียงเบา แต่ในใจเธอเริ่มท่วมท้นไปด้วยความลังเลและความไม่แน่ใจแม่ของเธอยิ้มอ่อนโยนแต่ยังคงท่าทางกังวล "แม่แค่ห่วงหนูนะลูก"การสนทนาเงียบลงในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความห่วงใย แม้พิมพ์ชนกจะอยากให้แม่เข้าใจแต่ก็ยังรู้สึกถึงความซับซ้อนในความสัมพันธ์ของเธอกับปกรณ์ที่ยากจะอธิบายให้ใครเข้าใจได้พิมพ์ชนกคิดคำพูดที่จะตอบแม่อย่างระมัดระวัง ก่อนจะเปิดปากพูดด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให
ปกรณ์นั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามพิมพ์ชนกในห้อง VIP เขาเอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างสบายๆ แต่สายตาที่มองมานั้นเจือแววจริงจัง"พิมพ์ชนก" เสียงทุ้มนุ่มของเขาทำให้เธอสะดุ้งเล็กน้อย"คะ?" เธอเงยหน้ามองเขาอย่างระวัง"ฉันมีคำถามที่อยากรู้" เขาเริ่มขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สายตาของเขานั้นไม่ธรรมดา"เรื่องที่เธอบอกว่าเธอต้องมาหาเงินจ่ายค่าเทอมเอง...มันคงไม่จริงใช่ไหม?"พิมพ์ชนกชะงัก คำถามนี้เหมือนล้วงลึกเข้าไปในส่วนที่เธอไม่อยากพูดถึง"ฉันไม่เข้าใจว่าคุณหมายถึงอะไร" เธอเลี่ยงตอบตรงๆปกรณ์หัวเราะเบาๆ พลางยกคิ้วขึ้น"แม่ของเธอเป็นเลขาฉัน เงินเดือนแม่เธอไม่น้อยเลยนะ แถมยังได้โบนัสปีละหลายเดือนฉันเองก็รู้ดีว่าแม่เธอไม่มีภาระอะไรหนักหนา แล้วทำไมเธอถึงต้องมาทำงานหาเงินเอง?"เธอกัดริมฝีปากเล็กน้อย พยายามควบคุมสีหน้า"ฉันแค่อยากช่วยแม่แบ่งเบาภาระค่ะ"เขาส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มมุมปากแบบที่ทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขาไม่เชื่อ"เธอไม่ใช่คนโกหกเก่งนะ พิมพ์ชนก" เขากล่าวด้วยน้ำเสียงขรึม "พูดความจริงกับฉันมาเถอะ"พิมพ์ชนกหลบสายตา เธอรู้ดีว่าการปกปิดอะไรจากเขาไม่ใช่เรื่องง่าย"ฉันแค่ไม่อยากเป็นภาระแม่ค่ะ" เธอตอบด้วยเสียงเบา
เตโชขับรถมารับพิมพ์ชนกตามปกติในเช้าวันใหม่และไปรับหลังจากเธอเสร็จสิ้นการเรียนที่มหาวิทยาลัยแต่วันนี้จุดหมายปลายทางไม่ใช่หอพักของเธอเหมือนเดิม"วันนี้คุณปกรณ์ให้ผมพาคุณไปที่บริษัทครับ" เตโชพูดขึ้นขณะเลี้ยวรถออกจากมหาวิทยาลัย"บริษัท? มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ?" พิมพ์ชนกถามด้วยความสงสัย"อันนี้ผมไม่ทราบครับ แต่คุณปกรณ์กำชับให้ผมมารับคุณไปทันทีที่คุณเรียนเสร็จ" เตโชตอบด้วยสีหน้าเรียบนิ่งตามแบบฉบับของเขาเมื่อรถเคลื่อนเข้าสู่ลานจอดรถของบริษัท พิมพ์ชนกก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปอาคารสูงและทันสมัยแห่งนี้เต็มไปด้วยพนักงานที่เดินสวนกันไปมา"เชิญครับ" เตโชเปิดประตูรถให้เธอ ก่อนจะพาเธอเดินไปยังลิฟต์ส่วนตัวระหว่างทางสายตาของพนักงานหลายคนจับจ้องมาที่เธอด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นเธอมาก่อนเมื่อถึงชั้นบนสุด ประตูห้องทำงานใหญ่ของปกรณ์เปิดกว้างออก เขายืนรออยู่ด้านใน สวมชุดสูทสีดำที่เสริมให้เขาดูทรงอำนาจยิ่งกว่าเดิม"มานี่สิ พิมพ์ชนก" น้ำเสียงของเขาเรียบนิ่ง แต่กลับดึงดูดใจจนเธออดไม่ได้ที่จะเดินเข้าไปหา"คุณมีธุระอะไรกับฉันหรือคะ?" เธอถามพลางนั่งลงตรงข้ามเขาปกรณ์เอนตัวพิงเก้าอี้ สายตาม
ค่ำคืนเดียวกัน ปกรณ์นั่งอยู่ในห้องส่วนตัวของผับรอบโต๊ะใหญ่มีชายหนุ่มอีกสามคนที่แต่ละคนล้วนเป็นนักธุรกิจชื่อดังในแวดวงสังคมแต่ภายใต้ภาพลักษณ์เหล่านั้น ทุกคนต่างเป็นคนสำคัญในโลกธุรกิจมืด"นายดูไม่ค่อยมีสมาธิเลยนะกรณ์" หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น เป็นชายหนุ่มผมยาวเรียบแปล้ในชุดสูทไร้ที่ติชื่อว่า ธีรธร เขาเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฟอกเงินและเป็นคนที่มีเครือข่ายใหญ่ในหลายประเทศปกรณ์ละสายตาจากแก้วเหล้าตรงหน้า ก่อนจะยิ้มมุมปาก "ก็แค่เหนื่อยนิดหน่อย เรื่องของที่เราส่งไปใต้เรียบร้อยดีไหม?""เรียบร้อยกว่าเดิมด้วยซ้ำ" ชายอีกคนตอบขึ้น เป็นชายหนุ่มผิวเข้มชื่อ คณิน เจ้าของท่าเรือที่ใช้เป็นทางผ่านของสินค้าผิดกฎหมาย"แต่ข่าวจากตำรวจเริ่มเข้มขึ้นนะ เราอาจต้องลดปริมาณในล็อตหน้าลง" ธีรธรพูดพร้อมโยนแฟ้มเอกสารไปให้ปกรณ์ปกรณ์รับมาเปิดดูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เขาไม่ใช่คนพูดมากในที่ประชุมแบบนี้ แต่ทุกคำพูดของเขามักชี้นำการตัดสินใจของทั้งกลุ่ม"ทำเหมือนเดิม แต่ระวังมากขึ้น ถ้าตำรวจเริ่มได้กลิ่น เราต้องหาวิธีเบี่ยงเบนความสนใจพวกมันไปที่อื่น"ชายหนุ่มคนสุดท้ายที่นั่งเงียบมานาน ชื่อว่า อัคคี ซึ่งเป็นผู้จัดการด้านอาวุธผิด
ขวัญข้าวนั่งไขว่ห้างอยู่ที่ม้านั่งหน้าคณะ พลางก้มมองโทรศัพท์ในมือแต่หางตาเหลือบเห็นรถคันหรูจอดเทียบอยู่ไม่ไกล เธอเลิกคิ้วสงสัย ก่อนจะเห็นพิมพ์ชนกเปิดประตูรถลงมา"เฮ้ย! ยัยพิม!" ขวัญข้าวลุกพรวดขึ้นมา มองเพื่อนรักด้วยสายตาแปลกใจปนสงสัยพิมพ์ชนกยืนปรับกระโปรงพลางส่งยิ้มเจื่อนๆ ให้เพื่อน แต่ยังไม่ทันพูดอะไร เสียงขวัญข้าวก็ลอยมาอีก"รถใครอะ? หรือว่า..."เธอหยุดพูดเมื่อเห็นชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงสแลคสุดเนี้ยบก้าวลงมาจากฝั่งคนขับปกรณ์ยืนตรงหน้ารถ มองพิมพ์ชนกด้วยสายตานิ่งๆ แต่กลับมีแววเจ้าเล่ห์ที่ทำให้ขวัญข้าวแทบหลุดกรี๊ด"โอ๊ยยย! นี่ใครกันยะ หล่อขนาดนี้?" ขวัญข้าวถามเสียงสูง ยืนจ้องปกรณ์ราวกับตื่นเต้นเกินเหตุพิมพ์ชนกรีบหันไปมองเขาแล้วขมวดคิ้ว "คุณกลับไปได้แล้วค่ะ!"ปกรณ์ยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย "โอเคครับ แต่ถ้าคุณต้องการอะไร โทรหาผมนะ พิมพ์"คำพูดนั้นทำเอาขวัญข้าวหันมามองพิมพ์ชนกตาโต "เดี๋ยวนะ! เขาเรียกเธอว่าอะไรนะ?"พิมพ์ชนกหน้าแดง เธอรีบดันขวัญข้าวให้ถอยออกมา ก่อนจะหันไปพูดกับปกรณ์เสียงดุ"กลับไปเถอะค่ะ แล้วไม่ต้องมาแถวนี้อีก!"ปกรณ์หัวเราะเบาๆ "ได้สิ แต่ผมไม่สัญญานะว่าจะไม
เช้าวันใหม่มาเยือน พร้อมกับแสงแดดอ่อนๆ ส่องลอดผ่านม่านหน้าต่างในห้องที่เงียบสงบพิมพ์ชนกค่อยๆ ลืมตาขึ้นอย่างอ่อนล้า แต่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อสัมผัสได้ถึงอ้อมกอดอุ่นๆ ที่โอบล้อมตัวเธออยู่เธอหันไปมองด้านข้าง ใบหน้าคมเข้มของปกรณ์อยู่ใกล้จนเธอรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆของเขาที่พัดผ่านแก้ม เธอหน้าแดงทันทีที่นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา"นี่ฉัน...ทำอะไรลงไปเนี่ย" พิมพ์ชนกพึมพำเบาๆ กับตัวเอง มือบางพยายามดึงตัวออกจากอ้อมแขนของเขาแต่ชายหนุ่มกลับกระชับกอดแน่นขึ้นโดยไม่ลืมตา"จะรีบไปไหนล่ะ พิมพ์" เสียงทุ้มต่ำของปกรณ์ดังขึ้นพร้อมรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้า ทำเอาหญิงสาวยิ่งหน้าแดงกว่าเดิม"ปล่อยฉันได้แล้ว" เธอพยายามดันตัวเขาออก แต่เขากลับหัวเราะเบาๆ"เมื่อคืนยังไม่เห็นพูดแบบนี้เลย" ปกรณ์แกล้งเย้าด้วยน้ำเสียงขี้เล่นคำพูดนั้นทำให้พิมพ์ชนกสะอึก เธอจ้องหน้าเขาอย่างโกรธเคือง แต่ความทรงจำบางส่วนเมื่อคืนกลับผุดขึ้นมาในหัว ทำให้เธอพูดไม่ออกปกรณ์มองสีหน้าของเธอที่เปลี่ยนไป ก่อนจะลดรอยยิ้มลง ดวงตาของเขาสบกับเธออย่างจริงจัง"เมื่อคืนคุณเป็นคนเริ่มนะ" เขายิ้มๆบอกด้วยน้ำเสียงหยอกล้อพิมพ์ชนกนิ่งไป หัวใจของ
ปกรณ์รู้สึกถึงความร้อนที่พุ่งเข้ามาจากความรู้สึกที่พยายามยับยั้งอยู่ภายใน เขามองเธอด้วยความลังเลเพียงชั่วครู่ดวงตาสีดำขลับหรี่ลงเล็กน้อย เขารู้ว่าเธอเมาและพูดไปตามอารมณ์แต่บางสิ่งในตัวเขากลับรู้สึกเหมือนถูกกระตุ้นอย่างไม่สามารถห้ามได้"พิมพ์ชนก..." เขาพึมพำชื่อของเธออีกครั้งด้วยเสียงทุ้มต่ำ ก่อนจะยื่นมือไปจับใบหน้าของเธอเบาๆด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนต่างจากปกติพิมพ์ชนกเงยหน้าขึ้น มองเขาในระยะใกล้จนสามารถสัมผัสได้ถึงลมหายใจของเขาที่ใกล้ชิดริมฝีปากของเขายังคงห่างจากเธอเพียงเสี้ยววินาที ขณะที่เธอก็ยืนนิ่ง มันเหมือนทุกอย่างหยุดลงและหัวใจของเธอก็เต้นแรงจนรู้สึกเหมือนจะออกจากอกปกรณ์สูดหายใจลึกๆ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวเข้ามาช้าๆ จนริมฝีปากของเขาแตะกับริมฝีปากของพิมพ์ชนกอย่างเบาๆเขาไม่รีบร้อน แต่รู้สึกถึงความร้อนแรงจากการสัมผัสครั้งนี้ แม้จะเป็นเพียงสัมผัสแผ่วเบาพิมพ์ชนกตอบรับการจูบของปกรณ์ด้วยความไม่ประสีประสา ริมฝีปากของเธอขยับอย่างเก้ๆ กังๆแต่เต็มไปด้วยความตั้งใจ ปกรณ์สัมผัสได้ถึงความเขินอายและความไร้เดียงสาในท่าทางของเธอ เขาอดไม่ได้ที่จะกระตุกยิ้มบางๆ ที่มุมปาก"คุณ...ไม่เค
ปกรณ์มองตามเธอจนลับสายตา ความรู้สึกที่ซับซ้อนกำลังตีกันอยู่ในอก เขารู้ดีว่าการปล่อยเธอไปเช่นนี้คือสิ่งที่ควรทำ แต่ความคิดอีกด้านกลับย้ำเตือนว่าเธอคือคนที่เขาไม่อาจปล่อยมือได้ง่ายๆในขณะเดียวกัน หญิงสาวตัวเล็กแต่เต็มไปด้วยความหยิ่งทะนงพิมพ์ชนกที่เดินกระฟัดกระเฟียดออกมาจากผับของปกรณ์ จู่ๆเสียงแจ้งเตือนของแอปธนาคาร แจ้งมียอดเงินโอนเข้าในบัญชีของเธอ" คงเป็นค่าจ้าง ทำงานสองวันมั่ง"หญิงสาวคิดในใจพรางเปิดดูยอดเงินในบัญชีของเธอ พิมพ์ชนกถึงกับตาค้างกับยอดเงินที่โอนเข้ามา"ห๊ะ! สองแสน!"พิมพ์ชนกยืนตัวแข็งอยู่หน้าประตูผับ ดวงตาเบิกกว้างมองจอโทรศัพท์มือถือราวกับไม่เชื่อสิ่งที่เห็น"ใครโอนมาเนี่ย?" เธอพึมพำด้วยเสียงสั่น มือเลื่อนลงมองชื่อผู้โอนที่ปรากฏในแอป"คุณปกรณ์!"ชื่อของเจ้าของผับที่เธอเพิ่งเดินออกมาเมื่อครู่ปรากฏชัดเจนหัวใจของพิมพ์ชนกเต้นแรงด้วยความสับสน ทำไมเขาถึงโอนเงินมาให้เธอเป็นจำนวนมากขนาดนี้?เธอเม้มปากแน่น ก่อนตัดสินใจหันหลังกลับเข้าไปในผับอีกครั้งเพื่อหาคำตอบ...พิมพ์ชนกเดินกระแทกส้นรองเท้าเข้ามาในโถงทางเดินของผับ ตรงไปยังห้องส่วนตัวที่เธอเพิ่งออกมาเมื่อครู่แต่ก่อนที่มือเธอจะ
พิมพ์ชนกเดินไปยังโต๊ะอื่นเพื่อให้บริการตามหน้าที่ ขณะที่เธอวางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะหนึ่งในลูกค้า ซึ่งดูเหมือนจะดื่มหนักไปแล้ว ยื่นมือมาคว้าข้อมือของเธอ"น้องคนสวย ทำไมไม่มานั่งกับพี่บ้างล่ะ?จ๊ะ" เสียงของชายคนนั้นดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนร่วมโต๊ะทั้งเชียร์และแซวกันอย่างสนุกพิมพ์ชนกสะดุ้งและพยายามดึงมือกลับ แต่เขากลับจับไว้แน่นกว่าเดิม "ปล่อยฉันนะ!" เธอพูดเสียงแข็ง พยายามถอยห่างชายคนนั้นยิ้มเยาะและพูดอย่างไม่ใส่ใจ "อย่าดื้อสิ แค่นั่งคุยด้วยนิดหน่อยเอง ทำเป็นเล่นตัวไปได้!"เสียงของพิมพ์ชนกดังเริ่มดึงดูดความสนใจของลูกค้าโต๊ะอื่น และพี่พนักงานบางคนเริ่มมองมาแต่ยังลังเลที่จะเข้ามายุ่ง เพราะชายคนนั้นดูเหมือนจะเป็นลูกค้าขาประจำที่มีอิทธิพลพอสมควร ปกรณ์ที่ยืนมองอยู่บนชั้นสองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง สายตาของเขาเปลี่ยนเป็นเย็นชาและแข็งกร้าว เขาหันไปสั่งลูกน้องทันที"เตโชไปจัดการ อย่าให้มันแตะต้องเธออีกแม้แต่นิดเดียว" น้ำเสียงของเขาเด็ดขาดจนเตโชรีบปฏิบัติตามชายร่างใหญ่ในชุดสูทดำสองคนเดินตรงไปที่โต๊ะนั้นทันที หนึ่งในพวกเขาคว้าข้อมือของชายที่ลวนลามพิมพ์ชนก บีบแรงจนเขาต้องปล่อยมือ"