LOGINในตอนเช้าตรู่อนัญญาลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหว เธอรู้สึกว่าตนเองมีไข้อ่อนๆ และเวียนศีรษะเล็กน้อย เธอจึงลงไปข้างล่างเพื่อขอยาจากกวาง
“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณแอน”
“เวียนหัวนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก” อนัญญาตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแรง
“มีข่าวดีเหรอคะ” กวางถามแล้วยิ้มให้เล็กน้อย
รู้สึกผิดที่หลายวันก่อน ตนเองรายงานเรื่องเธอคุยโทรศัพท์กับสหชาติให้เจ้านายฟัง ทำให้อนัญญาโดนสหชาติระบายอารมณ์ใส่เธอ และเมินเฉยใส่จนถึงตอนนี้
เธอพอรู้สถานการณ์ว่าอนัญญาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร อดสงสารไม่ได้ แต่ถ้าคิดในมุมของศิวัชเธอก็เข้าใจความคิดของเขาเหมือนกัน เพราะเวลาที่เขาอาละวาดใส่เธอ มักจะพูดออกมาเสมอว่าเธอคือคนที่เป็นต้นเหตุให้อดีตนายหญิงของที่นี่ต้องจบชีวิตลง
“ฉันไม่ยอมมีลูกกับคนใจร้ายอย่างเจ้านายของพี่กวางหรอก” อนัญญากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ แต่ก็อดทนเอาไว้ไม่อยากแสดงความอ่อนแอไปมากกว่านี้
กวางได้แต่ยิ้มบางๆ ไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไร
“ฉันไม่รับอาหารเช้านะ ฉันอยากพักผ่อน” อนัญญาบอกกวางให้รายงานแก่เจ้านายของเธอแล้วเดินขึ้นห้องไป
เธอรู้ว่าสักวันเมื่อเขาตามตัวสหชาติเจอ เธอก็จะได้ไปจากที่นี่ อดีตคนรักที่ทิ้งปัญหาทุกอย่างให้เธอแก้ สามีทางพฤตินัยที่หลอกเธอให้รักแล้วทำให้เธอตกเป็นเครื่องมือในการแก้แค้นของเขา
ชายที่เธอรักทั้งสองคน ทำชีวิตเธอพังไม่เป็นท่า
เธอเฝ้าไปเยี่ยมพ่อแม่ของสหชาติเพื่อถามข่าวคราวจากเขา แต่เขาก็ใจร้ายไม่เคยติดต่อมาแม้กระทั่งครอบครัวของตัวเอง มันทำให้เธอทั้งโกรธและผิดหวังในตัวเขาเป็นอย่างมาก
ความรักที่มีมันได้หมดไปเมื่อเธอต้องรับหน้าแทนเขาในเรื่องอุบัติเหตุที่เกิดขึ้น
ส่วนศิวัชเอง เธอคิดว่าจะเปลี่ยนความเคียดแค้นของเขาด้วยความดีของเธอ จึงยอมเขาทุกอย่าง แต่ว่าเขาก็ร้ายกับเธอไม่เปลี่ยน แต่เพราะความรักที่มีให้เขาตอนที่ถูกเขาตามตื๊อขอความรัก และความสัมพันธ์ทางกายที่ใกล้ชิดกัน มันทำให้เธอรักเขา ทั้งๆ ที่เขานั้นร้ายกับเธอ
“ทำไมเราถึงตัดใจไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเขาทำกับเราขนาดนี้” เธอพึมพำเสียงเบา น้ำตาที่กลั้นเอาไว้เมื่อครู่ไหลรินอาบแก้ม
มันคงเหมือนที่เพื่อนเธอมีแฟน ทั้งถูกทุบตี นอกใจ แต่ก็ไม่ยอมไปไหน ทนอยู่เพราะความรัก คนรอบข้างทุกคนบอกให้เลิก แต่ก็ไม่ยอมเลิก มันก็คงไม่ต่างจากเธอในตอนนี้
“ความรักมันทำให้คนปิดหูปิดตาได้ทุกเรื่องจริงๆ เหรอ ทำไมเราสอนเพื่อนได้ แต่พอเจอกับตัวเอง เรากลับโง่งมคิดว่าเขาจะเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น ทำไมต้องเป็นเราด้วย” อนัญญาตัดพ้อออกมา นอนร้องไห้อย่างตรอมตรม
**********************
ศิวัชทานอาหารเช้าคนเดียวด้วยความหงุดหงิด เขาเมินเฉยต่อเธอมาหลายวันแล้วเพราะการติดต่อมาของสหชาติ ทำให้เขามั่นใจว่าเธอและสหชาตินั้นยังแอบติดต่อกันลับหลังเขาอยู่โดยที่เขาไม่รู้
‘ทำแม่ฉันตายไม่พอ ยังนอกใจฉันอีกเหรอ ผู้หญิงแพศยา’ เขานึกในใจด้วยความโมโห ทั้งๆ ที่จุดประสงค์แรกของเขาคือใกล้ชิดเธอเพื่อสืบหาตัวสหชาติ
แต่พอเขารู้ว่าทั้งคู่ยังติดต่อกันจริง ก็อดโมโหไม่ได้
เขาทานอาหารเช้าตรงหน้าแทบไม่ลง เมื่อจินตนาการไปถึงตอนที่สหชาติกับอนัญญาแอบคุยกันลับหลังเขามาตลอด
ศิวัชอดยอมรับไม่ได้ว่าตนเองนั้นก็หวั่นไหวกับเธอ ความน่ารัก อ่อนหวาน และช่างเอาใจ แม้เขาจะร้ายกับเธอและบอกจุดประสงค์ชัดเจนว่าต้องการแก้แค้นเธอและใช้เป็นเครื่องมือหลอกสหชาติให้ปรากฏตัวก็ตาม
ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้น และเสน่ห์ในตัวเธอยามชิดใกล้ มันก็ทำให้เขาฉกฉวยโอกาสกับเธอโดยอ้างถึงการแก้แค้นอย่างไม่สมเหตุสมผล แต่มีหรือว่าคนอย่างเขาจะกล้ายอมรับออกมาตรงๆ ว่าเขาพอใจในตัวของเธอมากแค่ไหน แต่ต้องร้ายใส่เธอเพราะโมโหที่ยังตามตัวสหชาติไม่เจอ และเธอมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย
เสียงโทรศัพท์มือถือของเขาดังขึ้นในตอนนั้น ศิวัชเห็นเป็นเบอร์แปลก แต่ก็กดรับสายตามปกติ
เขาทำคิ้วขมวดเข้าหากัน แล้วเริ่มทำหน้าเคร่งเครียดขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะลุกขึ้นด้วยความโกรธหลังจากวางสายไปแล้ว
“เก็บโต๊ะ อย่าให้ใครขึ้นไปชั้นสอง ถ้าฉันไม่เรียก” เขาพูดขึ้นมาเสียงกร้าว
คนรับใช้ทั้งสองพยักหน้ารับคำแล้วก้มหน้าลง ขณะที่เขาเดินผ่านขึ้นห้องไป
“คุณแอนโดนอีกแน่เลยป้า”
“ฉันก็ว่าอย่างนั้นแหละ”
สาวรับใช้ต่างวัยทั้งสองพูดคุยกัน รีบไปเก็บโต๊ะอาหาร แล้วรีบไปหลบอยู่ในครัว ไม่อยากยุ่งเรื่องของเจ้านาย
ปัง ปัง ปัง!
“เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้” เขาบอกเธอเสียงกร้าว
เสียงทุบประตูห้องและเสียงโวยวายของเขาทำให้เธอตื่น เธอค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยังสะลึมสะลือจากฤทธิ์ยา แต่ก็ต้องฝืนตัวลุกไปเปิดประตูให้แก่เขา
“มีอะ...ว้าย” เธอยังถามไม่ทันจบเขาก็ผลักเธอจนล้มลงไปที่พื้น จนเธอร้องเสียงหลง
“วางแผนกันมาดีมากนะ คุยอะไรกับมันบ้างล่ะ มันถึงได้เอาตัวรอดเก่งขนาดนี้” เขาตวาดเธอเสียงดัง ก่อนจะปิดประตูห้องตามหลังเสียงดังจนเธอสะดุ้งด้วยความกลัว
“คุณพูดอะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ไม่รู้เรื่องเหรอ ผัวเก่าของคุณมันกลับมาแล้ว มันไปมอบตัวในคดีชนแล้วหนี แต่ว่าตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะรอด เพราะมันอ้างว่าความจำเสื่อม พร้อมหลักฐานกับพยานแวดล้อมแน่นหนา ทุเรศสิ้นดี” เขาพูดแล้วก้มมองอนัญญาที่ยังนั่งประคองร่างตัวเองอยู่บนพื้นตรงหน้า ด้วยสายตาที่โกรธแค้น
“ฉันไม่รู้เรื่องอะไรทั้งนั้น เลิกคิดว่าฉันกับเขาแอบติดต่อกันเสียที” เธอพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเหมือนคนที่อ่อนแรง
“พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปไกล่เกลี่ยกับมัน ถ้ามันรอดจากคดีนี้ คนที่จะรับกรรมก็คือคุณ”
“ในเมื่อคุณเจอเขาแล้วก็ไปเคลียร์กันเอง ฉันจะได้เป็นอิสระเสียที” เธอรวบรวมความกล้าตอบกลับเขาไปแล้วลุกขึ้นมายืนตรงหน้าเขา จ้องมองเขาอย่างไม่ยอมลดรา
“จะกลับไปหามันเหรอ พรุนขนาดนี้มันคงจะเอา”
เพียะ! เสียงฝ่ามือเล็กๆ นั่นฟาดเข้าที่ใบหน้าของศิวัชเต็มฝ่ามือ
“ฉันอยู่ชดใช้ความรู้สึกผิดของตัวเองมามากพอแล้ว ฉันโง่มาตลอดที่คิดว่าสักวันคุณจะคิดทุกอย่างอย่างมีเหตุมีผล ฉันน่าจะรู้ว่าเปลี่ยนความคิดคนอย่างคุณไม่ได้ ... คุณไม่เจอกับตัวคุณไม่เข้าใจหรอกว่าในสถานการณ์จริงแล้วมันตกใจและใจหายมากแค่ไหน คุณโทษว่าชาติชนแล้วหนี โทษว่าฉันทำให้แม่คุณตาย แต่กลับไม่ดูหลักฐานว่าพวกท่านเองที่ขับรถข้ามเลนมาชนพวกฉัน ตามกฎหมายพวกท่านต่างหากที่ผิด..”
เพียะ! ศิวัชตบหน้าเธอสุดแรงด้วยความโมโหที่เธอล่วงเกินบุพการีของเขา
อนัญญาล้มลงกับพื้น กลิ่นคาวเลือดและรสเค็มปะแล่มของมันติดที่ริมฝีปาก เจ็บและชาใบหน้าไปทั้งแถบ ที่ผ่านมาถึงเขาจะด่าทอเธอ ผลักเธอ แต่ก็ไม่เคยตบตีเธอเลยสักครั้ง ทำให้เธอรู้สึกว่า เธอควรพอกับผู้ชายคนนี้เสียที
เธอจ้องหน้าเขา ตาลอยเพราะอาการป่วยและถูกเขาตบจนล้มลง แล้วสติของอนัญญาก็ค่อยๆ ดับวูบไป
เขามองมือตัวเองที่พลั้งมือตบเธอไป ทั้งๆ ที่เธอดูเหมือนกำลังป่วยอยู่ แล้วช้อนร่างเธอไปนอนที่เตียง หลับตาลงและกำหมัดแน่น ข่มใจไม่ให้ใจอ่อนกับเธอไปมากกว่านี้
เขาไม่สามารถทำใจว่าพ่อแม่ของตนเองผิดได้จริงๆ แม้หลักฐานจะชี้ชัดก็ตาม เพราะการสูญเสียพ่อแม่ และสูญเสียงานที่เขารักเพราะต้องมารับช่วงต่อจากพวกท่าน มันทำให้หัวใจเขาดำดิ่งสู่ความมืด และไม่ฟังเหตุผลใดๆ
“คุณโชคร้าย ที่มาเจอคนอย่างผม” เขาพึมพำออกมาเสียงเบา ก่อนจะมองดูเธอด้วยสายตาที่สับสน แล้วตัดสินใจเดินหันหลังออกไป
**********************
อนัญญานอนในห้องทั้งวันจนถึงตอนค่ำ โดยมีกวางขึ้นไปดูแลเรื่องอาหารและยาให้เธอ พอเห็นรอยแผลที่มุมปากก็รู้สึกสงสารและเห็นใจ แต่ก็ต้องแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกอับอาย
“ทานอีกหน่อยนะคะคุณแอน จะได้ทานยา” กวางบอกเสียงเบา
“ไม่ไหวแล้ว” อนัญญาบอกเสียงเบา
“งั้นทานยาแล้วนอนพักผ่อนนะคะ”
อนัญญารับยาจากกวางมาทานแล้วค่อยๆ ทิ้งตัวนอนตะแคงหันหลัง น้ำตาไหลลงมาด้วยความน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง
กวางเปิดประตูกำลังยกถาดเดินออกไปก็เจอกับศิวัชที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง เขาอยู่ในสภาพที่เมาเล็กน้อย เพราะนั่งดื่มเหล้าภายในบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นหลังจากกลับมาจากไร่แล้ว เธอจึงก้มหน้าลงแล้วเดินผ่านเขาไป
ศิวัชมองเข้าไปในห้องของอนัญญา แล้วเดินเข้าไปข้างในด้วยความรู้สึกสับสนที่เธอบอกว่าจะไปจากที่นี่
เสียงปิดประตูดังขึ้นจากด้านหลัง ทำให้เธอเข้าใจว่ากวางออกไปแล้ว และก็ต้องสะดุ้งตัวด้วยความตกใจเมื่อศิวัชทิ้งตัวลงนอนข้างหลังเธอแล้วกอดเธอเอาไว้จากด้านหลัง
กลิ่นแอลกอฮอล์ที่ออกมาจากตัวเขาทำให้เธอรู้ว่าเขาดื่มมาพอสมควร ฝ่ามือร้อนเลื่อนมาโอวกอดเธอแล้วซุกหน้าลงที่แผ่นหลัง จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ที่รดรินตรงลาดไหล่ของตน
“พรุ่งนี้ผมต้องไปไกล่เกลี่ยกับเขา” เขาพูดเสียงด้วยน้ำเสียงอย่างคนเมาที่ควบคุมลิ้นตัวเองไม่ได้
“ฉันจะไปจากที่นี่ รับรองว่าเมื่อคุณกลับมาจะไม่เห็นหน้าฉันอีก” เธอบอกเขาเสียงสั่น คุมน้ำเสียงเอาไว้ไม่ให้เขาต้องสมเพชไปมากกว่านี้
“ชีวิตนี้ผมไม่เหลือใครแล้ว อย่าไปนะแอน อย่าไปจากผม” เขาพูดจบแล้วก็หลับไป ได้ยินเพียงเสียงหายใจที่สม่ำเสมอของเขา
อนัญญาร้องไห้ออกมาด้วยความสับสน อยู่ๆ เขาก็พูดดีกับเธอแบบนี้ ให้ความหวังเหมือนว่าเขากำลังจะเปลี่ยนไป แล้วจะให้เธอตัดใจจากเขาได้อย่างไรกันเล่า
**********************
ในตอนเช้าตรู่อนัญญาลุกขึ้นจากเตียงไม่ไหว เธอรู้สึกว่าตนเองมีไข้อ่อนๆ และเวียนศีรษะเล็กน้อย เธอจึงลงไปข้างล่างเพื่อขอยาจากกวาง“เป็นอะไรมากหรือเปล่าคะคุณแอน”“เวียนหัวนิดหน่อย ไม่เป็นไรหรอก” อนัญญาตอบด้วยน้ำเสียงที่ดูอ่อนแรง“มีข่าวดีเหรอคะ” กวางถามแล้วยิ้มให้เล็กน้อยรู้สึกผิดที่หลายวันก่อน ตนเองรายงานเรื่องเธอคุยโทรศัพท์กับสหชาติให้เจ้านายฟัง ทำให้อนัญญาโดนสหชาติระบายอารมณ์ใส่เธอ และเมินเฉยใส่จนถึงตอนนี้เธอพอรู้สถานการณ์ว่าอนัญญาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร อดสงสารไม่ได้ แต่ถ้าคิดในมุมของศิวัชเธอก็เข้าใจความคิดของเขาเหมือนกัน เพราะเวลาที่เขาอาละวาดใส่เธอ มักจะพูดออกมาเสมอว่าเธอคือคนที่เป็นต้นเหตุให้อดีตนายหญิงของที่นี่ต้องจบชีวิตลง“ฉันไม่ยอมมีลูกกับคนใจร้ายอย่างเจ้านายของพี่กวางหรอก” อนัญญากล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือคล้ายจะร้องไห้ แต่ก็อดทนเอาไว้ไม่อยากแสดงความอ่อนแอไปมากกว่านี้กวางได้แต่ยิ้มบางๆ ไม่รู้จะปลอบใจเธออย่างไร“ฉันไม่รับอาหารเช้านะ ฉันอยากพักผ่อน” อนัญญาบอกกวางให้รายงานแก่เจ้านายของเธอแล้วเดินขึ้นห้องไปเธอรู้ว่าสักวันเมื่อเขาตามตัวสหชาติเจอ เธอก็จะได้ไปจากที่นี่ อดีตคนรักที่ทิ้
สหชาติไม่ได้หลบหนีไปไหน ในความเป็นจริงแล้วพอรถชนกันศีรษะเขาก็ได้รับการกระแทกอย่างรุนแรง เขาเห็นอนัญญาเดินมาทางเขา เขาหวาดกลัวแล้วปัดมือเธอออกไปให้พ้นตัวแล้วเดินไปตามถนนเรื่อยๆเขาหมดสติแล้วกลิ้งหล่นไปริมถนน กว่าจะมีคนพบเห็นก็เป็นเวลาเช้าแล้วและนำตัวส่งโรงพยาบาลสหชาติจำอะไรไม่ได้ เขาไม่มีอะไรติดตัวมายืนยันตัวตนของเขา หมอวิเคราะห์อาการของเขาพบว่าสมองได้รับความกระทบกระเทือนและความจำเสื่อมชั่วคราว มีโอกาสที่ความจำจะกลับคืนมาภายในเวลาสั้นๆในตอนนั้นพลเมืองดีที่เจอเขาจึงต้องรับผิดชอบดูแลเขาและตั้งชื่อเขาว่า ‘หลง’สหชาติตอนนี้กลายเป็นลูกจ้างของร้านอาหารเล็กๆ แห่งหนึ่ง เขาทำหน้าที่ล้างจานอยู่หลังร้านแลกกับที่พักและอาหารมาเป็นเวลาสองปีแล้วแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าความจำของเขาจะกลับคืนมา“พี่หลง ขับรถเอาข้าวกล่องไปส่งลูกค้าที”เขารีบเช็ดมือแล้วเดินไปตามเสียงเรียกของลูกสาวเจ้าของร้าน พ่อของเธอเป็นพลเมืองดีที่ส่งเขาไปโรงพยาบาลและรับดูแลเขาในช่วงที่ความจำเสื่อมนี้“ไปส่งที่ไหน”“บ้านหลังใหญ่ท้ายซอย ขับรถระวังๆ นะพี่ ยิ่งไม่มีใบขับขี่อยู่” เธอบอกเขาอย่างห่วงใยสหชาติเองก็รู้ว่าเธอนั้นมีใจให้เขา แต่เขาไม่
หลังจากที่ศิวัชระบายความโกรธกับอนัญญาเรื่องที่เธอบอกแขกผู้มาเยือนอย่างอลินว่าเธอเป็นภรรยาของเขาแล้ว หญิงสาววัยยี่สิบสี่ก็รีบสวมเสื้อผ้ากลับเข้าที่แล้วเดินกลับไปที่ห้องนอนของตนเธอยอมรับว่าเธอมีความสุขกับการระบายความใคร่ของเขาที่ถึงจะหนักหน่วง และมีขนาดที่ทำให้เธอบวมแดงทุกครั้งที่ร่วมรักเป็นเวลานานๆ แต่มันก็เต็มไปด้วยความหฤหรรษ์สิ่งเดียวที่เธอรู้สึกไม่สบายใจก็คือคำพูดของเขาเวลาที่เสร็จกิจแล้ว ที่มักจะหาเรื่องมาต่อว่าต่อขานเธอ พานไปจนถึงการเลี้ยงดูของครอบครัว ทั้งๆ ที่เธอก็ยอมแต่งงานกับเขาเพื่อให้เขาทรมานเธออย่างที่เขาต้องการแล้วแท้ๆ แต่มันก็ยังไม่จบเธอกลับเข้าไปยังห้องนอนเล็กที่เชื่อมต่อกับห้องนอนของเขาแล้วได้แต่ทอดถอนหายใจระหว่างทั้งคู่มันไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่อกัน เธอเองในตอนนี้ก็ทั้งรักทั้งเกลียดเขา ยอมรับว่าช่วงเวลาก่อนหน้านี้ตอนที่เขาหลอกลวงเธอ มันทำให้เธอมอบใจให้แก่เขา ได้แต่หวังว่าสักวันความดีของเธอจะสามารถเปลี่ยนหัวใจที่แข็งกระด้างของเขาได้แต่มันก็เป็นเพียงความฝันลมๆ แล้งๆ เพราะเขาเองก็ไม่มีวันรักเธอ เขาทำกับเธอเพื่อแก้แค้น ส่วนเธอยอมให้เขากระทำเพราะอยากชดเชยความรู้สึกผิดให้
หลังจากที่เจอกันครั้งนั้น ไม่ว่าอนัญญาจะไปที่ไหนก็พบกับศิวัชแทบทุกที่ราวกับว่าเขานั้นติดตามเธออยู่ แต่ในตอนนั้นสำหรับอนัญญามันคือพรหมลิขิต“เจอกันบ่อยไปแล้วนะครับ ผมว่าเราต้องเป็นเนื้อคู่กันแล้วล่ะ” เขาพูดขึ้นมาแล้วถือวิสาสะนั่งร่วมโต๊ะเดียวกับเธอในร้านคาเฟ่แห่งหนึ่ง“ฉันไม่มีอะไรให้คุณหลอกเอาไปหรอกนะคะ บ้านฉันจน และตอนนี้บริษัทที่ทำงานอยู่ก็กำลังคัดคนออก เลิกยุ่งกับฉันสักทีเถอะค่ะ” เธอบอกเขาตามตรง“งั้นไปทำงานที่ไร่ของผมก็ได้นะ ไม่ได้มีแต่งานในไร่ มีงานเอกสารวุ่นวายน่าปวดหัวเลยทีเดียว ถ้าได้คุณไปช่วยงานก็คงดีไม่น้อย” เขาบอกเธอแล้วสั่งกาแฟมาให้ตัวเอง พร้อมทั้งสั่งเค้กมาให้เธออีกชิ้น“คุณเป็นเจ้าของไร่ส้ม จริงๆ เหรอคะ” เธอถามเพื่อความแน่ใจว่าเขาไม่ใช่คนโรคจิตที่คอยติดตามเธอ ไม่ใช่ว่าเห็นแก่ความร่ำรวยของเขา“ผมจะหลอกคุณไปทำไมกัน”“ฉันคิดว่าคุณโกหกเพราะจะเข้ามาหลอกฉันนะสิคะ”“ผมชอบคุณจริงๆ นะ และยิ่งเจอคุณบ่อยๆ แบบนี้ ผมยิ่งคิดว่ามันคือพรหมลิขิต” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่น แววตาชวนฝันจนเธออดเขินไม่ได้“เรายังไม่รู้จักกันแต่มาบอกว่าชอบฉัน คุณคิดว่าฉันควรเชื่อคุณเหรอคะ” เธอถามเขากลับแล้วอ
อนัญญาลุกจากเตียงนอนด้วยความเมื่อยล้า เมื่อคืนนี้สามีของเธอได้ร่วมรักนานกว่าปกติถึงสองชั่วโมงจนเธอรู้สึกได้ถึงการเดินที่ติดขัดเพราะอาการบวมแดงนั้น‘สามีเหรอ’ เธอนึกในใจเมื่อพยายามนึกถึงสถานะระหว่างเขากับเธอศิวัชไม่ได้ยกย่องเธอให้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของเขาเลยด้วยซ้ำ มีเพียงงานแต่งงานเล็กๆ ที่เขาปรานีจัดเพื่อความประสงค์ของครอบครัวเธอเท่านั้นแขกเหรื่อในงานก็มีเพียงคนในครอบครัวของเธอ ญาติสนิท และเพื่อนของเธอไม่กี่คนเท่านั้น ไม่มีแขกฝ่ายของเขาเลยสักคนอนัญญาพยุงร่างของตนไปอาบน้ำแล้วเปลี่ยนลงมาข้างล่าง แม่บ้านจัดเตรียมอาหารเช้าทุกอย่างไว้หมดแล้ว ตอนนี้สามีของเธอกำลังมองมาที่เธอด้วยแววตาที่ดูแคลน“กว่าจะลงมาได้นะ ตื่นสายแบบนี้จะไปทันกินอะไร” ศิวัชพูดขึ้นมาเสียงเรียบ เขาหงุดหงิดที่ต้องรอทานอาหารเช้าพร้อมเธอ“จริงๆ คุณทานก่อนแอนก็ได้นะคะ ไม่ต้องรอ” เธอบอกเขาเสียงเบาแล้วขยับไปนั่งที่เก้าอี้ด้านขวามือของเขา“ฉันไม่ได้รอทานพร้อมเธอ แต่บ้านนี้มีกฎว่าคนในบ้านต้องทานอาหารพร้อมกัน บ้านเธอไม่ได้สอนมารยาทมาเหรอ จริงสิครอบครัวชั้นต่ำแบบนั้นคงสอนใครไม่ได้” เขาพูดแล้วเหยียดยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย







