LOGINพวกเขาเดินเข้ามาในเขตโรงเรียนทิศตะวันตกได้สักพักแล้ว ไม่เจอนักเรียนเลยสักคน ทั้งที่เจอเมืองเรียบร้อยแล้ว ที่นี่ไม่มีย่านชุมชน แต่สร้างหอนอนไว้ในโรงเรียน ตัวอาคารเรียนทาสีแดงดำเหมือนแหล่งท่องเที่ยวมากกว่าจะเป็นโรงเรียน
"เอาไงดีอ่ะ" มนสิชาหันมาถามเพื่อนๆ
"ลองขึ้นไปดูในห้องเรียนก่อนดีไหมคะ อาจจะมีห้องพักครูหรืออะไรแบบนั้น" ชูครีมเสนอ
"ตามฉันมาเลย" ปุยฝ้ายร้องแล้ววิ่งเข้าไปในตัวอาคาร เธอไม่เจอห้องพักครูหรือสำนักงานอะไรเลย จนกระทั่งเข้ามาเจอห้องว่างห้องหนึ่ง เมื่อเข้าไปแล้วเจอบันไดให้เดินลงไปอีกครึ่งชั้น มีโคมไฟประดับอยู่ตามผนังห้องที่ทำสีดำสลับกับแดงเหมือนข้างนอก มีโต๊ะตัวเตี้ยๆกับเก้าอี้ให้นั่ง บาร์สำหรับชงเครื่องดื่ม และเวทีเล็กๆที่พอให้วางเครื่องดนตรี
"นี่มันผับนี่นา" มนสิชาร้อง มีนักเรียนกำลังทำความสะอาดอยู่พอดี เขาหันมาทางพวกเธอทั้งสามคน ส่งยิ้มเป็นมิตรมาให้
"มาใหม่เหรอครับ" เขาถาม
"เอ่อ ใช่ค่ะ แล้วที่นี่ไม่มีห้องเรียนเหรอคะ" ชูครีมถามตรงๆ
"มีสิครับ ที่นี่เป็นโรงเรียนนี่ฮะ" นักเรียนหนุ่มตอบ "แต่ว่าค่อยมาใหม่ตอนบ่ายนะครับ"
"ที่นี่มีร้านกาแฟหรือห้องสมุดหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายถาม
"ถ้ายังไงไปนั่งเล่นในห้องเรียนก่อนก็ได้ ตั้งแต่ชั้นสองขึ้นไปเป็นห้องเรียนนะครับ" เขาตอบโดยไม่เงยหน้าอีก
ห้องเรียนที่นี่เป็นห้องเรียนขนาดใหญ่พอจะจุคนได้ร้อยกว่าคน มนสิชาสงสัยว่าครูจะดูแลนักเรียนทั่วถึงได้ยังไง แต่เธอเคยผ่านการเรียนในมหาวิทยาลัยมาแล้ว บางทีที่นี่อาจเป็นการศึกษาแบบผู้ใหญ่ก็ได้ พวกนักเรียนเดินเข้ามานั่งตามจุดต่างๆจนครบ อาจารย์หนุ่มเดินเข้ามาท่าทางกระปลกกระเปลี้ย เขาสอนอยู่กว่าสองชั่วโมง ไม่มีช่วงถามตอบ ไม่มีใครสนใจจะจดเนื้อหาลงสมุด อาจารย์บ่นพึมพำกับกระดาน นักเรียนหลายคนหลับ บางคนถึงกับกรนออกมาด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครคุยกัน อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ตั้งใจสร้างความรำคาญให้ใคร
หลังเรียนไปครบสองชั่วโมง เสียงออดก็ดัง นักเรียนทุกคนดูสดชื่นขึ้น และแยกย้ายกันออกจากห้องเรียน เสียงเพลงจังหวะเร้าใจดังขึ้น มนสิชาเดินตามพวกนักเรียนไป พวกเขาเดินไปนั่งในผับเมื่อเช้า
"เข้าผับแต่วันเนี่ยนะ" มนสิชาร้อง
"ที่ควรตกใจคือนักเรียนม.ปลายเข้าผับต่างหากค่ะ" ชูครีมแย้ง
"ไม่เห็นเป็นไรเลย ไหนๆ ก็มาแล้ว ลองเข้าไปหน่อยจะเป็นไรไป" ปุยฝ้ายเอ่ยแล้วเดินเข้าไปหาที่นั่ง เด็กเสิร์ฟเดินเข้ามาหา เขาเป็นนักเรียนที่ทำความสะอาดผับเมื่อเช้านี้
"รับอะไรดีครับ" เขายื่นเมนูให้
ทั้งสามคนสั่งอาหารมากินแทน เด็กเสิร์ฟทำหน้าที่ของตัวเองตามปกติ ผ่านไปราวสามสิบนาที สิ่งที่ไม่คาดหมายก็เกิดขึ้น มีเสียงแก้วแตกดังขึ้น ทั้งสามคนหันไปมองแม้ว่าห้องจะมืดสลัว นักเรียนชายสองคนกำลังประจันหน้ากัน
"สเลฟจงออกมา" พวกเขาเอ่ยพร้อมกัน
นกอินทรีและเสือออกมา สเลฟทั้งสองตัวสู้กัน คนที่นั่งดื่มแอลกอฮอร์อยู่ข้างๆต้องรีบลุกออกไป เสียงเพลงร็อคยังดังไม่หยุด คนที่อยู่ไกลออกไปหน่อยก็หันมาดื่มเหล้าตามปกติ เสือกระโดดตะปบนกอินทรี แต่นกอินทรีบินหลบได้ทันท่วงที มันเอาคืนด้วยการจิกเข้าที่ตาเสือ เจ้าของเสือจึงเก็บสเลฟของตัวเอง ก่อนวิ่งหนีออกไป
"มองอะไรไม่ทราบ" นักเรียนหญิงอีกคนตะโกน "แน่จริงก็เข้ามา"
พวกเธอทึ้งผมกัน ผลักอีกฝ่ายลงบนพื้นแล้วขึ้นคร่อม แล้วตบไม่ยั้ง
"ไม่มีใครคิดจะห้ามด้วยอะ" ปุยฝ้ายใจเสียกับบรรยากาศแบบนี้
สุเมธ หัวหน้านักเรียนทิศตะวันตกเดินเข้ามา แล้วนั่งระหว่างมนสิชากับปุยฝ้าย เขาเอามือโอบเอวมนสิชาเอาไว้ แต่มนสิชาปัดมือออกอย่างรังเกียจ เขาเลิกคิ้วหนาขึ้นในความใจกล้าของหญิงสาว
"เป็นไงครับ ชอบบรรยากาศที่นี่ไหม"
"แปลกไปกว่าทุกที่เลยค่ะ" ชูครีมเป็นคนตอบ เมื่อไม่มีใครคิดอยากโกหก
"พอคนเขารู้กันว่าที่นี่เน้นเที่ยวกลางคืนมากกว่าเรียน ก็มีคนเข้ามาอยู่เต็มไปหมด ไม่ต้องใช้แผนส่งเหยี่ยวไปทำลายเมืองอื่นเลย" เขาเอ่ยอย่างตรงไปตรงมา สามสาวตกใจที่เรื่องถึงหูเขาอย่างรวดเร็ว "เชิญสนุกกันให้เต็มที่นะ อาหารฟรี เครื่องดื่มฟรี แต่ต้องผลัดกันมาทำงานเท่านั้นเอง"
สุเมธเอ่ยเสร็จก็ลุกไปดูแลรอบๆ ทิ้งให้สามสาวมือสั่นที่ถูกจับได้
"เขามีสายในเมืองของเราหรือเปล่า" มนสิชาถาม
"แต่คุณสุเมธก็พูดถูกนะคะ เพราะเขาใช้วิธีที่ไม่เหมือนใครในการเรียกนักเรียนมาอยู่ที่นี่" ชูครีมเห็นด้วย
"ไม่ใช่ที่นี่อีกเหมือนกันเหรอเนี่ย" ปุยฝ้ายถอนหายใจเสียงดัง
บริกรเดินมาเสิร์ฟค็อกเทลตรงหน้าพวกเธอสามแก้ว
"ไม่ได้สั่งนี่คะ" มนสิชาบอก
"โต๊ะนั้นสั่งมาให้ครับ" เขาผายมือไปทางขวามือ หนุ่มสามคนยกแก้วขึ้นเป็นเชิงตอบรับ
ชูครีมและปุยฝ้ายไม่กล้าแตะต้องเหล้า จนมนสิชาต้องเอ่ยอะไรออกมา
"ไม่เป็นไรหรอกมั้ง ตำรวจไม่จับสักหน่อย"
"แต่พวกเรายังอายุไม่ถึง" ปุยฝ้ายบอก
"ใช่ค่ะ แถมที่นี่ยังเป็นถิ่นแปลกหน้า" ชูครีมผสมโรง
"งั้นพี่ดื่มเอง" มนสิชาเอ่ยแล้วกระดกค็อกเทลทั้งสามแก้ว
มนสิชาหัวหมุนไปหมด หมดแรงที่จะตั้งคอตรง เธอจึงแทบจะล้มฟุบลงบนโต๊ะ ชูครีมเห็นท่าไม่ดีจึงประคองเธอออกจากผับ
ข้างนอกผับแสงสว่างจ้าจนแสบตา พวกเธอจึงมองเห็นมนสิชาตาแข็ง มีเส้นเลือดสีแดงขึ้นรอบตาขาว เนื้อตัวเกร็ง และท่าทางเหมือนโมโหตลอดเวลา
"เราพาคุณมนไปนอนก่อนดีไหมคะ" ชูครีมชวนปุยฝ้าย
"นั่นครูเมื่อตอนบ่ายนี่" ปุยฝ้ายชี้ไปที่อาจารย์ชาย เร่งฝีเท้าเดินเข้าไปหา "ครูคะ ไม่ทราบว่าหอนอนของที่นี่อยู่ไหนคะ"
"เธอเดินไปที่ตึกสามนะ อยู่หลังแรกทางขวามือของอาคารเรียนนั่นแหละ แล้วก็หยิบกุญแจห้องว่างจากโต๊ะยามไปได้เลย" เขาตอบ ไม่แสดงท่าทางรังเกียจหรือตำหนิที่เห็นเด็กนักเรียนเมา
"แล้วยามไม่อยู่เหรอคะ" ชูครีมถาม
"ไม่มีตั้งแต่แรกนั่นแหละ แค่มีโต๊ะไว้ใช้ประโยชน์เท่า
นั้นเอง" ครูหนุ่มตอบ "ผมขอตัวนะ จะไปเตรียมการสอนหน่อย"
ทั้งสองคนพามนสิชาไปถึงห้องพัก มนสิชานอนหลับปุ๋ยทันทีที่หัวถึงหมอน
"ปกติเหล้าทำอะไรพวกเราไม่ได้นี่ เพราะเราไม่ได้ดื่มเข้าไปจริงๆ" ปุยฝ้ายเปิดประเด็นขึ้น
"ก็ใช่ค่ะ แต่เรารู้สึกอิ่มได้เพราะร่างกายจะหลอกตัวเองว่าได้กินดื่มเข้าไปจริงๆ" ชูครีมวิเคราะห์ด้วยอีกคน
"แต่เมาจนเปลี่ยนเป็นคนละคนนี่ คงไม่ใช่เพราะคิดไปเองแล้วมั้ง" ปุยฝ้ายจับคางอย่างครุ่นคิด
"หรือว่า" ชูครีมอ้าปากค้าง
"เวทมนตร์แน่ๆ" ปุยฝ้ายต่อให้
ชุดนักเรียนถูกดัดแปลงใหม่ กระดุมสองเม็ดบนถูกแกะออก ชายเสื้อหลุดลุ่ยออกจากกระโปรง ผมถูกปล่อยสยาย มนสิชาเขียวคิ้วบาง ปากแดง รองพื้นเบอร์อ่อน และปัดแก้มแดงระเรื่อ ฉีดน้ำหอมฟุ้งตั้งแต่หัวจรดเท้า ปุยฝ้ายหันไปมองหน้าชูครีมอย่างแปลกใจ นาฬิกาบอกเวลาเที่ยงครึ่งพอดี
"ไปกันเถอะ" มนสิชาเอ่ยโดยไม่ต้องหันไปมอง
มนสิชาเดินนำหน้าเด็กสาวไปที่ห้องเรียน เด็กนักเรียนชายมองเธอเหลียวหลัง มีคนผิวปากเมื่อเห็นเธอ หญิงสาวยิ้มกริ่มอย่างพอใจ เด็กสาวกลุ่มหนึ่งหันมามองมนสิชาแล้วกลับไปซุบซิบกัน มนสิชาไม่พอใจจึงเดินเข้าไปใกล้ ก่อนแตะผนังห้องเสียงดัง
"ไม่เคยเห็นคนหรือไง" มนสิชาเปิด ชูครีมเข้าไปดึงแขนมนสิชาออกมา
"คุณมนคะ เราไปนั่งที่กันเถอะค่ะ"
กลุ่มเด็กสาวหันมามองเธอแล้วยิ้มเหยียด
"ไม่เคยเห็นพวกเรียกร้องความสนใจ" เด็กสาวตัวสูงที่สุดเอ่ยขึ้น เธอก็แต่งหน้าจัดไม่แพ้มนสิชา เพียงแต่ยังแต่งกายตามระเบียบเท่านั้น
มนสิชาดิ้นจนหลุดจากชูครีม แต่ชูครีมใช้กำลังแขนทั้งหมดล็อคตัวมนสิชาเอาไว้ ปุยฝ้ายเดินมาแทรกระหว่างมนสิชากับคู่อริ แล้วดันหญิงสาวให้กลับไปนั่งที่ในห้องเรียน
"ไม่ได้นะคะ คุณมน ไหนคุณมนบอกว่าตัวเองอายุเยอะกว่าพวกเราไงคะ จะมาทำอะไรเหมือนวัยรุ่นใจเร็วไม่ได้นะคะ" ชูครีมเตือนสติ ซึ่งได้ผลชั่วคราว มนสิชาหยุดในทันที
"ฝากไว้ก่อนเถอะ" มนสิชาตะโกนข้ามห้องไป
หลังเลิกเรียนมนสิชาก็ตรงดิ่งไปที่ผับทันที ปุยฝ้ายและ ชูครีมปรึกษากันอย่างรวดเร็ว มนสิชานั่งดื่มเหล้าไม่รับรู้เรื่องราวอะไรเลย ก่อนเริ่มตามแผน
"คุณมนคะ พวกเราได้ยินมาว่าคนที่คุณมนมีเรื่องด้วย เมื่อกี้ เขานัดคุณมนออกมาค่ะ" ชูครีมบอก
"หน็อย ยัยพวกนั้น"
"งั้นเราไปกันเลยไหมคะ" ชูครีมถาม
มนสิชาเดินตามชูครีมและปุยฝ้ายออกไปหน้าโรงเรียน
ปุยฝ้ายเตรียมเชือกไว้ข้างหลัง ส่วนชูครีมรวบตัวมนสิชาแน่น
"จะทำอะไรน่ะ ปล่อยนะ" มนสิชาดิ้นรน แต่เธอก็หยุดดิ้นเมื่อรู้ว่าแรงสู้ชูครีมไม่ได้ หญิงสาวจึงกระทืบเท้าชูครีม ชูครีมร้องโอดโอยก่อนปล่อยเธอเป็นอิสระ
มนสิชาหยิบท่อนเหล็กได้จากพื้น จึงใช้แท่นเหล็กนั้นฟาดลงไปที่ศีรษะชูครีม ปุยฝ้ายเห็นเธอทุบเพื่อนไม่ยั้ง ไม่รู้จะทำยังไงดี จึงกระโดดเข้าไปขวาง แต่มนสิชากลับทุบเธอแทน ชูครีมเข้ามาอีกครั้งแล้วพยายามจับมือที่มนสิชาใช้ฟาด แต่พี่สาวคนสวยเร็วกว่า ออกแรงฟาดชูครีมจนเธอหัวแตก ชูครีมล้มลงกับพื้น สติรางเลือน ปุยฝ้ายเห็นดังนั้นจึงหยิบคัตเตอร์ในกระเป๋าแล้วแทงเข้าด้านหลังมนสิชา เธอหันมามองอย่างตกใจ แล้วล้มลง ดวงไฟลุกโชนทั่วร่างมนสิชา เธอสลายไปไม่เหลือแม้แต่ธุลี
"คุณปุยฝ้าย คุณฆ่าเธอทำไมคะ" ชูครีมถามทั้งที่เลือดอาบ มือสั่นอย่างคนไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี
"การตายก็คือการรีเซ็ตความทรงจำใหม่ ถ้ากลับกันล่ะ ชูครีมเป็นคนที่ลืมเรื่องทุกอย่าง และมนก็ไม่เป็นตัวของตัวเองแบบนี้ ฉันไม่รู้จะรับมือยังไง แต่ถ้าเป็นแบบนี้ฉันเก็บชูครีมเอาไว้ เราจะสร้างความทรงจำใหม่ให้มนได้"
ทั้งสองคนมองหน้ากันด้วยความลำบากใจ
หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ปุยฝ้ายไปเยี่ยมดนุเดชที่เรือนจำ พวกเขานั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับให้ญาติมาเยี่ยม ดนุเดชดูโทรมไปถนัดตา ขอบตาดำคล้ำอย่างคนนอนไม่หลับ เขาสวมเสื้อสีน้ำตาล หมดแววคุณหมอไฮโซที่ปุยฝ้ายเคยรู้จัก "พ่อทานข้าวบ้างหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายพยายามยิ้มให้พ่อ แต่ทำไม่ได้เลย "กินได้บ้างแล้ว" ดนุเดชตอบคอแห้งเป็นผง "เจ้าหน้าที่เขาเข้ามาคุยกับหนูเมื่อวาน บอกข่าวว่าศาลจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง" ปุยฝ้ายจั่วหัวไปเท่านั้น ดนุเดชดูไม่สนใจฟังว่าคนอื่นจะทำยังไงกับตน "พ่อต้องได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ คนไข้คนอื่นเขาจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่จะไม่มีใครยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกทีมบริหารบอกผ่านคุณย่ามาว่าโรงพยาบาลของเราจะล้มละลาย คุณย่าจะมาจัดการเรื่องขายโรงพยาบาลให้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ดนุเดชดูเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร "แน่นอนว่าคุณพ่อต้องติดคุก แล้วพวกเราจะโดนฉีดยาสลายเวทมนตร์ ไม่เฉพาะเราสองคน แต่เป็นคนใช้เวทมนตร์ทั้งประเทศจะโดนเหมือนกันหมด" ปุยฝ้ายถอนหายใจ "ปกติเราก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กันอยู่แล้ว เรื่
ดนุเดชเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน ผู้ถือหุ้น คนไข้ รวมทั้งลูกสาวกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับการประท้วงที่หน้าโรงพยาบาล นักข่าวเริ่มมาทำข่าวกันแล้ว เวทมนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในเวลานี้ พวกเขามองว่าคนใช้เวทมนตร์เป็นคนไม่ดี แต่สำหรับเขาเวทมนตร์หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ได้เพื่อให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา คำสาปทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้ร่ายคำสาปเสมอ ดนุเดชร่ายเวทมนตร์เก่าแก่อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม คนไข้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังฝัน และฝันก็คือร่องรอยของแต่ละคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด เขาสาปอีกครั้ง เป็นคำสาปที่ไม่รุนแรงนัก มีผลแค่ทำให้คนไข้ทั้งหนึ่งพันกว่าคนฝันร้าย มนสิชาเป็นหนึ่งในผู้ต้องคำสาป เธอเห็นดวงตะวันถูกเมฆบังจนมืดสนิท ยมบาลตัวสีแดงถือไม้ตะบองที่มีหนามแหลมทั่วทั้งอันมาด้วย เขาร้องเสียงดุร้าย "หยุดก่อน!" มนสิชาวิ่งหนี ชายตัวแดงวิ่งตามเธอมาเพียงสามก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้ไม้ตะบองตีหัวเธอ หนามแหลมทะลุเข้าไปในสมอง มนสิชาร้
มนสิชาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มอุ่นห่มให้เธอถึงอก มองไปรอบๆห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องพักในโรงพยาบาล กุมภากำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ น้องสาวกรนเบาๆ "กุมภา" มนสิชาเรียกน้องสาวเสียงแหบ กุมภาคิดว่าฝันไปจึงหลับต่อ แต่เมื่อคิดอีกทีว่าเธออยู่กับพี่สาวตามลำพังจึงเปิดตาขึ้นมอง เห็นมนสิชายันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าขาวซีด "พี่มน!" กุมภาเด้งตัวลุกมาหาพี่สาว "พี่มนๆๆ" "จ้ะ พี่เอง" มนสิชายิ้มให้ รู้สึกตัวหนักไปหมด คอก็แห้งผาด "ขอ..น้ำ" กุมภารินน้ำให้พี่สาว มนสิชาดื่มอย่างกระหาย เสียงเธอกลับมาสดชื่นขึ้นเล็กน้อย "พี่รู้ไหมว่าหนูลำบากมากแค่ไหนตอนพี่ไม่ได้สติ ต้องช่วยพ่อทำงาน ต้องมาเฝ้าพี่ และทำงานพิเศษด้วย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะหาค่ารักษาที่ไหนมาจ่ายให้พี่" กุมภาบอกความในใจทั้งหมดกับพี่สาว มนสิชาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องจริงต้องร้ายแรงกว่าที่คุยกับปริญ มนสิชาพยายามจะตอบ แต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา "...โทษ ขอโทษ" เธอจึงร้องไห้ออกมาแทน
สุกฤตเดินเล่นกับเทพทัตในสนามหญ้าของโรงเรียนทิศเหนือ พวกเขายิ้มให้กับนักเรียนที่เดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนักเพราะสุกฤตค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เทพทัตรับตำแหน่งประธานนักเรียน "ผมอยากให้คุณเทพทัตผลิตเงินให้เยอะขึ้นครับ บอกตามตรงว่าชนชั้นแรงงานไร้ฝีมือค่อนข้างเยอะ แล้วพวกเขาก็ประท้วงกันบ่อยครั้งว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น" สุกฤตปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น "ถ้าผมทำอย่างนั้น เงินจะมีค่าน้อยลง ของทุกอย่างจะแพงขึ้นนะครับ" เทพทัตอธิบายเศรษฐศาสตร์แบบง่ายๆ "แค่ให้คนรู้สึกว่ามีเงินในมือเยอะขึ้น เท่านั้นก็พอแล้วครับ พวกเราก็ค่อยโทษว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของกันแพง จนทำให้พวกเขาซื้อของได้น้อยลง แต่ข้อดีคือพวกอสังหาริมทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ละทิศที่ก่อสร้างบ้านขึ้นมาก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ แถมค่าเช่าก็จะขึ้นได้อีก" สุกฤตเอ่ย "นั่นสินะครับ" เทพทัตหัวเราะอย่างพอใจ "ผมไม่นึกว่าคุณสุกฤตจะมีหัวการค้าขนาดนี้" "ผมเองก็มักจะใช้เวลาใคร่ครวญสิ่งต่างๆเสมอ มันคงเป
ย่านการค้าทิศตะวันออกกลับมาคึกคักอีกครั้ง มนสิชาได้โอกาสเดินไปคุยกับแม่ค้าแอปเปิ้ลที่นั่งอยู่ เธอเป็นหญิงร่างท้วมตัวสูง หน้าตาซีเรียส มนสิชาแอบคิดว่าแผงของเธอคงไม่ต้องการใครมาปกป้อง เพราะเธอท่าทางจะปกป้องตัวเองได้แน่ๆ "ลูกละสิบห้าบาทจ้า กรอบหวานทุกลูกเลยนะ" แม่ค้าเอ่ย "เรามาถามเรื่องคนที่ชื่อโอ๊ตน่ะคะ" ปุยฝ้ายถามแทน ชูครีมเดินตามมาทีหลัง เพราะถือของกินพะรุงพะรัง "เขาตื่นไปนานแล้วนี่" แม่ค้าสาวบอก ดูแปลกใจที่มีคนมาถามเรื่องโอ๊ต "ค่ะ เพราะเขาตื่นแล้ว เราเลยอยากได้ข้อมูลของเขาไงคะ" มนสิชาบอก "แล้วแม่ค้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องโอ๊ตด้วย" "ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าก่อนมาที่นี่เขากระโดดให้รถชน พอรู้ตัวอีกทีก็ติดอยู่ในความฝันแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอนาคตและไม่นึกถึงอดีต เขาพอใจที่สามารถเริ่มต้นชีวิตในความฝันใหม่ได้ เคยมาคุยกับฉันว่าจะไม่ตามหาวิธีตื่น แต่แค่สามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็ตื่นขึ้นค่ะ" ทั้งสามคนเงียบฉี่ ต่างคนต่างนึกว่าต้องถามอะไรอีก แต่
วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื


![Evil Engineerร้ายรักวิศวะเลว [ไนต์]](https://acfs1.goodnovel.com/dist/src/assets/images/book/43949cad-default_cover.png)




