Share

บทที่ 16

Author: Me.Daisy
last update Huling Na-update: 2025-01-16 18:56:35

              คทาเป็นชายอายุหกสิบปี  ผมหงอกหมดทั้งหัว  ผิวขาว  ดูสะอาดสะอ้าน  เขาเคยมีครอบครัวที่อบอุ่น  แต่ภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน  ทิ้งลูกสาวสองคนให้เขาดูแลตามลำพัง     คนโตคือมนสิชาและคนเล็กคือกุมภา  มนสิชาไม่เคยมีเรื่องให้เขาลำบากใจเพราะเธอตั้งใจเรียนและช่วยเขาทำงานมาตั้งแต่เด็กๆ จะมีเรื่องให้กลุ้มใจบ้างก็ตรงที่เธอมีผู้ชายมาชอบเยอะ  ตั้งแต่ตอนเรียนมหาวิทยาลัยก็มีชายแก่ร่ำรวยมากมายเข้ามาเสนอช่วยออก ค่าเทอมให้  ส่วนน้องคนเล็กนั้นแทบจะตรงข้าม  เพราะเธอหน้าตาไม่รับแขก  จึงไม่ค่อยมีปัญหาเรื่องผู้ชาย  ดังนั้นคนส่วนใหญ่รอบตัวเธอจึงมีแต่คนไม่ชอบหน้าตั้งแต่แรกเห็น  แต่เธอเป็นเด็กดี  ไม่เคยเกเรทำให้เขาต้องเป็นห่วง

              เขาเลี้ยงลูกอย่างเข้มงวดทุกคน  ไม่อยากให้ใครโตขึ้นมาแบบไม่เอาจริงเอาจัง  ทั้งดุจนร้องไห้แล้วค่อยปลอบทีหลังก็เคยมาแล้ว  เขารู้ว่าลูกๆไม่เคยเกลียดเขา  เพราะทุกครั้งที่ดุที่จะบอกเหตุผลทุกครั้ง 

              คทาเป็นคนตรงไปตรงมา  ชอบพูดในสิ่งที่คิด  ทำให้ลูก

สาวทั้งสองคนได้รับอิทธิพลเรื่องการพูดตรงจากเขาไปไม่น้อย  แรกๆคนไม่ค่อยพอใจที่เขาพูดตรงๆ  แต่คนที่รับได้ก็กลายเป็นมิตรแท้  เพราะไม่มีเรื่องต้องโกหกหลอกลวงกัน 

              เขาในวัยไม้ใกล้ฝั่งกลับมาลำบากอีกครั้งเพราะเสาหลักในบ้านอีกคนกำลังป่วย  และไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้ตลอดไปหรือเปล่า  คทาพยายามจะไม่น้อยใจในชะตาของตัวเอง  เขาหาทางเปลี่ยนอารมณ์  ด้วยการจดจ้องไปที่โทรทัศน์  ช่องสี่กำลังฉายข่าวเที่ยงวันพอดี  ชายแก่เพิ่มเสียงขึ้นอีกเพื่อให้ได้ยินอย่างเต็มที่

              "เรื่องต่อไปเป็นเรื่องข่าวเตือนภัยครับ  เมื่อวานนี้เวลายี่สิบสามนาฬิกาสี่สิบนาที  เกิดเหตุโจรจี้ชิงทรัพย์บริเวณตู้เอทีเอ็มธนาคารนครไทย  แต่ไม่ได้เป็นการชิงทรัพย์ธรรมดา  เพราะคนร้ายใช้การสะกดจิตให้เหยื่อกดเงินให้ตนจนหมดบัญชี  เหยื่อคือนายอัศวะ  ไทยธรรมอายุยี่สิบแปดปี  กลับจากสังสรรค์กับเพื่อนแล้วกำลังจะเดินไปกดเงินจากตู้เอทีเอ็ม  ปรากฎว่าโดนคนร้ายเดินเข้าไปสะกดจิต  ไปดูภาพจากกล้องวงจรปิดกันเลยครับ

              ภาพจากกล้องจะเห็นเลยว่านายอัศวะถอนเงินมาจากตู้แล้วกำลังจะเดินกลับออกไป  แต่คนร้ายเดินมาข้างหน้าแล้วดูภาพให้ดีๆครับ  จะเห็นแสงสว่างออกมาจากมือคนร้าย  จากนั้น คุณอัศวะก็ส่งเงินทั้งหมดให้คนร้ายไป  แล้วก็เดินกลับไปกดเงินจากตู้อีกครั้งหนึ่ง  ซึ่งทราบทีหลังว่าเป็นเงินสามหมื่นห้าพันบาท  ไปฟังเสียงเหยื่อกันเลยครับ"

              ภาพตัดมาที่ชายหนุ่มหน้าตาหมองคนหนึ่ง  สวมเสื้อเชิ้ตสีดำ  ขอบตาดำคล้ำเหมือนไม่ได้นอน  กำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าว

              "ผมไม่รู้ตัวเลยครับว่าโดนใช้เวทมนตร์สะกด  ไม่รู้ตัวเลยจนตื่นเช้าแล้วเดินไปกดเงินที่เอทีเอ็ม  ปรากฎว่าเงินในบัญชีหายไปหมด  ผมเอาสมุดบัญชีไปอัพที่ธนาคาร  เห็นเงินถูกถอนไปจนเกลี้ยง  ผมเลยขอภาพจากวงจรปิดก็เห็นตัวเอง..."

              ภาพตัดกลับมาที่นักข่าวชายอีกครั้ง

              "ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังติดตามหาคนร้ายอย่างเต็มความสามารถ" 

              ภาพซูมไปที่นักข่าวหญิงที่นั่งข้างๆ

              "ทางตำรวจบอกว่าคดีนี้เป็นคดีใช้เวทมนตร์ชิงทรัพย์เป็นคดีที่แปดแล้วในเดือนนี้  เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ตกต่ำ  ทำให้อาชญากรที่มีพลังพิเศษออกมาใช้เวทมนตร์ก่ออาชญากรรม     ท่านนายกออกมาให้สัมภาษณ์ว่ากำลังผลักดันกฎหมายห้ามใช้  เวทมนตร์ภายในประเทศ  พร้อมขึ้นทะเบียนผู้ใช้เวทมนตร์ทุกคน  โดยจะเพิ่มบทลงโทษถึงขั้นให้ยาสลายเวทมนตร์แก่ผู้ที่ก่ออาชญากรรม"  นักข่าวสาวเม้มปากอย่างมีอารมณ์แล้วเอ่ยออกมาอย่างห้ามปากไม่ได้  "นี่นะคะ  ก็ต้องมีผู้เสียหายก่อน  ถึงเริ่มล้อมคอกออกกฎหมายมากันไว้นะคะ"

              นักข่าวชายสะดุ้งกับคำพูดนั้นเล็กน้อย  ก่อนพูดเพื่อแก้สถานการณ์

              "เราไปพักชมโฆษณากันสักครู่นะครับ  ข่าวต่อไปเป็นความคืบหน้าเรื่องแก้ปัญหาภัยแล้งครับ"

              กุมภาเปิดประตูเข้ามาในห้องพักพร้อมกับปริญา  ว่าที่พี่เขยของเธอ  คทาเห็นหน้าลูกสาวก็ทำหน้าไม่พอใจ

              "ทำไมไม่บอกพ่อก่อนว่าจะมา  พ่อจะได้กลับบ้านไปพลางๆ  ปิดร้านแบบนี้เดี๋ยวก็เสียรายได้หมดหรอก"  คทาเอ็ดลูกสาวคนเล็ก

              "ก็หนูอยากเจอพ่อด้วยนี่นา"  กุมภาแก้ตัว  ตาแดงเหมือนจะร้องไห้ที่พ่อให้ความสำคัญกับพี่สาวมากกว่าตน

              ปริญมองเหตุการณ์อย่างอึดอัดใจ  เขาไม่สามารถช่วยพวกเขาได้เต็มที่เพราะยังไม่ได้เป็นครอบครัวเดียวกัน  ชายหนุ่มมองสถานการณ์อย่างไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร

              "เราต้องหาเงินมารักษาพี่เขา  จะเอาแต่ใจไม่ได้นะกุมภา"  ชายแก่พูดเสียงเข้ม  ก่อนหันมาปรับอารมณ์  "ขอโทษทีนะปริญ  เดี๋ยวพ่อขอตัวกลับก่อน  ขอบใจที่มาเยี่ยมมนนะ"

              "แล้วหนูล่ะ  พ่อไม่เป็นห่วงคนที่อยู่กับพ่อบ้างล่ะ"  กุมภาเอ่ยตามหลังพ่อไป  แต่เขาไม่เหลียวหลังกลับมามองด้วยซ้ำ

              ปริญคิดว่าการปลอบใจตรงๆอาจทำให้เธออายที่แสดงความอ่อนแอให้คนอื่นเห็น  เขาจึงชวนคุยเรื่องอื่นเพื่อปรับอารมณ์เศร้าแทน

              "ใกล้เปิดเทอมหรือยัง  ปีนี้ปีสองแล้วใช่ไหม"

              "เดือนหน้าก็เปิดเทอมแล้วค่ะ  ความจริงพี่มนไม่สบายแบบนี้  หนูก็เห็นใจพ่อเหมือนกันนะคะ  อยู่บ้านก็ต้องเฝ้าร้าน     มาโรงพยาบาลก็ไม่ได้มาพักผ่อน  แต่ต้องมาดูพี่มน  ทำงานหนักทั้งที่อายุก็มากแล้ว  หนูเองจะมาเฝ้าได้บ่อยๆ แบบนี้ก็เฉพาะตอนปิดเทอม  ถ้าเปิดเทอมแล้วคงลำบาก  แถมหนูคงต้องกู้เงินมาเรียนก่อนค่ะ"  เธอเล่าด้วยสีหน้าซึม

              "ให้พี่ช่วยไหม  ทั้งเรื่องค่ารักษาแล้วก็ค่าเทอม"  ปริญเสนอตัวด้วยความเต็มใจ

              "ยิ่งเวลาผ่านไปพี่มนก็มีโอกาสฟื้นน้อยลง  พวกเราอาจไม่ได้เป็นอะไรกันอีกแล้วก็ได้  ความจริงพี่ปริญไม่ต้องมาแล้วก็ได้นะคะ  พวกเราเข้าใจนะ  ถ้าพี่จะไปมีชีวิตของตัวเอง"

              ปริญหันไปมองหน้ามนสิชาที่หลับตาสนิทไร้การตอบสนองใดๆ

              "มนต้องฟื้นแน่  กุมภาไม่ต้องห่วง"

              ทั้งสองคนนั่งเงียบอยู่บนโซฟาโดยไม่พูดอะไรกัน  เสียงข่าวดังกลบเสียงความหดหู่ในใจคนทั้งสอง  กุมภารู้สึกหิวขึ้นมาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยก่อน

              "พี่ปริญทานอะไรมาหรือยังคะ"

              "ยังเลย  กำลังหิวอยู่พอดี"

              "งั้นเดี๋ยวกุมภาไปซื้อข้าวมานะ"  เธอเอ่ยแล้วเดินออกไปนอกห้อง

              ปริญลุกขึ้นเดินมาที่ข้างเตียงมนสิชา  ตัดสินใจมาจากบ้านแล้วว่าต้องทำแบบนี้  แม้ว่าจะเสี่ยงแค่ไหนก็ต้องทำ  เขาจับมือเธอไว้  นึกถึงการดำรงอยู่ของเวทมนตร์  แล้วท่องคาถาโบราณออกมา  ลำแสงสีเหลืองทองพวยพุ่งออกมาจากฝ่ามือเขา  กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่งลงระหว่างเขาสองคน  พลังเวทถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายของมนสิชา  อุณหภูมิในห้องสูงขึ้นจนเหงื่อออก  ระหว่างนั้นปริญรู้สึกถึงเวทมนตร์อีกแขนงหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่รอบศีรษะเธอ  มันเชื่อมต่อเธอกับโลกแห่งความฝัน  เป็นเวทมนตร์เก่าแก่ที่เขาไม่รู้จัก  แต่ทรงพลังจนเขาไม่อาจต่อกรได้  เขาสามารถสรุปจากการสัมผัสได้ว่านั่นคือเหตุผลที่เธอไม่ตื่นเสียที

              หน้าของมนสิชามีเลือดฝาดขึ้น  มีเสียงดังกรอบแกรบใต้เฝือก  กระดูกกำลังต่อกันดังเดิม  แผลฟกช้ำหายไปจากหน้าและลำตัว  เธอฟื้นฟูร่างกายกลับมาร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว

              กุมภาเห็นแสงไฟสว่างวาบออกมาจากห้องพักพี่สาวจึงย้อนกลับมาดู  เธอเห็นลำแสงเวทมนตร์ออกมาจากมือปริญไหลเวียนเข้าร่างพี่สาว  กุมภาทำกระเป๋าสตางค์ตก  ปริญาได้ยินเสียงจึงหันมาดู  ทั้งคู่มองหน้ากันอย่างตื่นตะลึง

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เมืองนิทรา   บทที่ 33 (ตอนจบ)

    หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ปุยฝ้ายไปเยี่ยมดนุเดชที่เรือนจำ พวกเขานั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับให้ญาติมาเยี่ยม ดนุเดชดูโทรมไปถนัดตา ขอบตาดำคล้ำอย่างคนนอนไม่หลับ เขาสวมเสื้อสีน้ำตาล หมดแววคุณหมอไฮโซที่ปุยฝ้ายเคยรู้จัก "พ่อทานข้าวบ้างหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายพยายามยิ้มให้พ่อ แต่ทำไม่ได้เลย "กินได้บ้างแล้ว" ดนุเดชตอบคอแห้งเป็นผง "เจ้าหน้าที่เขาเข้ามาคุยกับหนูเมื่อวาน บอกข่าวว่าศาลจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง" ปุยฝ้ายจั่วหัวไปเท่านั้น ดนุเดชดูไม่สนใจฟังว่าคนอื่นจะทำยังไงกับตน "พ่อต้องได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ คนไข้คนอื่นเขาจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่จะไม่มีใครยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกทีมบริหารบอกผ่านคุณย่ามาว่าโรงพยาบาลของเราจะล้มละลาย คุณย่าจะมาจัดการเรื่องขายโรงพยาบาลให้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ดนุเดชดูเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร "แน่นอนว่าคุณพ่อต้องติดคุก แล้วพวกเราจะโดนฉีดยาสลายเวทมนตร์ ไม่เฉพาะเราสองคน แต่เป็นคนใช้เวทมนตร์ทั้งประเทศจะโดนเหมือนกันหมด" ปุยฝ้ายถอนหายใจ "ปกติเราก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กันอยู่แล้ว เรื่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 32

    ดนุเดชเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน ผู้ถือหุ้น คนไข้ รวมทั้งลูกสาวกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับการประท้วงที่หน้าโรงพยาบาล นักข่าวเริ่มมาทำข่าวกันแล้ว เวทมนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในเวลานี้ พวกเขามองว่าคนใช้เวทมนตร์เป็นคนไม่ดี แต่สำหรับเขาเวทมนตร์หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ได้เพื่อให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา คำสาปทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้ร่ายคำสาปเสมอ ดนุเดชร่ายเวทมนตร์เก่าแก่อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม คนไข้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังฝัน และฝันก็คือร่องรอยของแต่ละคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด เขาสาปอีกครั้ง เป็นคำสาปที่ไม่รุนแรงนัก มีผลแค่ทำให้คนไข้ทั้งหนึ่งพันกว่าคนฝันร้าย มนสิชาเป็นหนึ่งในผู้ต้องคำสาป เธอเห็นดวงตะวันถูกเมฆบังจนมืดสนิท ยมบาลตัวสีแดงถือไม้ตะบองที่มีหนามแหลมทั่วทั้งอันมาด้วย เขาร้องเสียงดุร้าย "หยุดก่อน!" มนสิชาวิ่งหนี ชายตัวแดงวิ่งตามเธอมาเพียงสามก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้ไม้ตะบองตีหัวเธอ หนามแหลมทะลุเข้าไปในสมอง มนสิชาร้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 31

    มนสิชาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มอุ่นห่มให้เธอถึงอก มองไปรอบๆห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องพักในโรงพยาบาล กุมภากำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ น้องสาวกรนเบาๆ "กุมภา" มนสิชาเรียกน้องสาวเสียงแหบ กุมภาคิดว่าฝันไปจึงหลับต่อ แต่เมื่อคิดอีกทีว่าเธออยู่กับพี่สาวตามลำพังจึงเปิดตาขึ้นมอง เห็นมนสิชายันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าขาวซีด "พี่มน!" กุมภาเด้งตัวลุกมาหาพี่สาว "พี่มนๆๆ" "จ้ะ พี่เอง" มนสิชายิ้มให้ รู้สึกตัวหนักไปหมด คอก็แห้งผาด "ขอ..น้ำ" กุมภารินน้ำให้พี่สาว มนสิชาดื่มอย่างกระหาย เสียงเธอกลับมาสดชื่นขึ้นเล็กน้อย "พี่รู้ไหมว่าหนูลำบากมากแค่ไหนตอนพี่ไม่ได้สติ ต้องช่วยพ่อทำงาน ต้องมาเฝ้าพี่ และทำงานพิเศษด้วย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะหาค่ารักษาที่ไหนมาจ่ายให้พี่" กุมภาบอกความในใจทั้งหมดกับพี่สาว มนสิชาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องจริงต้องร้ายแรงกว่าที่คุยกับปริญ มนสิชาพยายามจะตอบ แต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา "...โทษ ขอโทษ" เธอจึงร้องไห้ออกมาแทน

  • เมืองนิทรา   บทที่ 30

    สุกฤตเดินเล่นกับเทพทัตในสนามหญ้าของโรงเรียนทิศเหนือ พวกเขายิ้มให้กับนักเรียนที่เดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนักเพราะสุกฤตค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เทพทัตรับตำแหน่งประธานนักเรียน "ผมอยากให้คุณเทพทัตผลิตเงินให้เยอะขึ้นครับ บอกตามตรงว่าชนชั้นแรงงานไร้ฝีมือค่อนข้างเยอะ แล้วพวกเขาก็ประท้วงกันบ่อยครั้งว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น" สุกฤตปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น "ถ้าผมทำอย่างนั้น เงินจะมีค่าน้อยลง ของทุกอย่างจะแพงขึ้นนะครับ" เทพทัตอธิบายเศรษฐศาสตร์แบบง่ายๆ "แค่ให้คนรู้สึกว่ามีเงินในมือเยอะขึ้น เท่านั้นก็พอแล้วครับ พวกเราก็ค่อยโทษว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของกันแพง จนทำให้พวกเขาซื้อของได้น้อยลง แต่ข้อดีคือพวกอสังหาริมทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ละทิศที่ก่อสร้างบ้านขึ้นมาก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ แถมค่าเช่าก็จะขึ้นได้อีก" สุกฤตเอ่ย "นั่นสินะครับ" เทพทัตหัวเราะอย่างพอใจ "ผมไม่นึกว่าคุณสุกฤตจะมีหัวการค้าขนาดนี้" "ผมเองก็มักจะใช้เวลาใคร่ครวญสิ่งต่างๆเสมอ มันคงเป

  • เมืองนิทรา   บทที่ 29

    ย่านการค้าทิศตะวันออกกลับมาคึกคักอีกครั้ง มนสิชาได้โอกาสเดินไปคุยกับแม่ค้าแอปเปิ้ลที่นั่งอยู่ เธอเป็นหญิงร่างท้วมตัวสูง หน้าตาซีเรียส มนสิชาแอบคิดว่าแผงของเธอคงไม่ต้องการใครมาปกป้อง เพราะเธอท่าทางจะปกป้องตัวเองได้แน่ๆ "ลูกละสิบห้าบาทจ้า กรอบหวานทุกลูกเลยนะ" แม่ค้าเอ่ย "เรามาถามเรื่องคนที่ชื่อโอ๊ตน่ะคะ" ปุยฝ้ายถามแทน ชูครีมเดินตามมาทีหลัง เพราะถือของกินพะรุงพะรัง "เขาตื่นไปนานแล้วนี่" แม่ค้าสาวบอก ดูแปลกใจที่มีคนมาถามเรื่องโอ๊ต "ค่ะ เพราะเขาตื่นแล้ว เราเลยอยากได้ข้อมูลของเขาไงคะ" มนสิชาบอก "แล้วแม่ค้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องโอ๊ตด้วย" "ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าก่อนมาที่นี่เขากระโดดให้รถชน พอรู้ตัวอีกทีก็ติดอยู่ในความฝันแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอนาคตและไม่นึกถึงอดีต เขาพอใจที่สามารถเริ่มต้นชีวิตในความฝันใหม่ได้ เคยมาคุยกับฉันว่าจะไม่ตามหาวิธีตื่น แต่แค่สามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็ตื่นขึ้นค่ะ" ทั้งสามคนเงียบฉี่ ต่างคนต่างนึกว่าต้องถามอะไรอีก แต่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status