Share

บทที่ 14

Author: Me.Daisy
last update Huling Na-update: 2025-01-07 18:46:05

              ตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่ผ่านมามีมอนสเตอร์ออกมาให้ปราบสองครั้ง  นักเรียนคลาสเอสเดินกลับห้องเรียนอย่างเหนื่อยอ่อน  เนื้อตัวมีแต่แผลฟกช้ำ  พวกอัศวินชั้นหนึ่งเดินนำหน้าพร้อมกับคุยกันเสียงดัง  อัศวินชั้นสองเดินตามมาอย่างหงอยๆ

              "ชูครีมนี่สุดยอดไปเลยนะ  เธอบังคับสเลฟแบบนั้นได้ยังไง  บลูฮาร์ทนี่เชื่องสุดๆไปเลย"  ใบเฟิร์นชมเปาะ  "ตอนอยู่ทิศเหนือ  บอกมาเถอะว่าเธอเป็นอันดับหนึ่งหรือเปล่า"

              "เปล่าคะ  ชูครีมไม่ได้เก่งถึงขนาดนั้น  ถามคุณมนดูก็ได้"  ชูครีมโยนให้เพื่อนสาวที่นั่งหมดแรงบนเก้าอี้  ไม่มีใครอยากรู้เรื่องจากปากมนสิชา  จึงเงียบเสียงลง  หญิงสาวอ้าปากเก้อ  รับรู้ถึงบรรยากาศอึดอัดนั้น ก่อนก้มลงมองหนังสือในมือ

              "เดี๋ยวหลังเลิกเรียน  เราจะจัดปาร์ตี้ฉลอง  ชูครีมก็มากับพวกเราด้วยสิ"  อัศวินชั้นหนึ่งอีกคนเดินเข้ามา 

              "ถ้าคุณมนไป.."  ชูครีมเอ่ยไม่ทันจบใบเฟิร์นก็แทรก

              "พวกเราอัศวินชั้นหนึ่งจองห้องจัดเลี้ยงได้เป็นพิเศษ  ยังไงก็ไปกันเถอะนะ"  คนเดิมเอ่ย  มนสิชาพยักหน้าให้ชูครีมเข้าร่วม 

              "ก็..ได้ค่ะ" 

              หลังเลิกเรียนชูครีมถูกดึงไปงานเลี้ยง  ส่วนมนสิชานั่งเหงาๆอยู่บนโต๊ะ  เธอเหม่อลอยจนไม่ได้เก็บของไปไหนสักที  ดาวเหนือยังหลับปุ๋ยอยู่เหมือนเดิม

              "นายน่ะ  หลับแบบนี้ทุกวันไม่เป็นไรเหรอ  ที่นี่โรงเรียนเน้นวิชาการไม่ใช่เหรอ"  มนสิชาเอ่ยพลางสะกิดดาวเหนือ   เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นมองตามเสียงด้วยแววตาอ่านยาก

              "เธอกับฉันก็เหมือนกันแหละน่า  ไม่ได้เรียนเก่งจนมุ่งมั่นไปสายวิชาการ  ไม่ได้ต่อสู้เก่งจนเป็นสายบู๊อันดับต้นๆได้  พวกเราติดอยู่ตรงกลาง  จะไปต่อก็ไปไม่สุด  จะหยุดก็กลัวโดนแซง"

              "แหม  คล้องจองเชียว  ฉันไม่ได้อยากเป็นที่หนึ่งขนาดนั้น  เรื่องแค่นี้ทำร้ายฉันไม่ได้หรอก"  มนสิชาอวด

              "เป็นคำตอบที่ดี"  ดาวเหนือยิ้มเป็นครั้งแรก  "เธอไม่อยากลองเปลี่ยนแปลงโรงเรียนทิศใต้บ้างเหรอ"

              "เปลี่ยนยังไง"  มนสิชาถามมีลางสังหรณ์บางอย่าง

              "ทุ่มหนึ่งมาเจอฉันที่หน้าหอสมุดในเมืองนะ  แล้วฉันจะบอกว่าต้องทำยังไง  ระวังอย่าให้ใครตามมาด้วย"  ดาวเหนือเก็บของเสร็จเมื่อไหร่ไม่รู้  เขาสะพายเป้แล้วเดินออกไป  หน้าตาดูมุ่งมั่นไม่เหมือนตอนอยู่ในห้องเรียน

              หอนอนของมนสิชา  ชูครีม  และปุยฝ้ายเป็นห้องเดียวกัน  ตอนนี้ชูครีมไม่อยู่เพราะต้องไปงานเลี้ยงกับพวกอัศวินชั้นหนึ่ง  ในห้องจึงเหลือแต่ปุยฝ้ายกับมนสิชา  มนสิชาลากขาเข้ามาในห้องอย่างเหนื่อยอ่อน

              "หลังจากสู้กับมอนสเตอร์เสร็จ  แทนที่เขาจะปล่อยให้กลับมาพักผ่อน  แต่เชื่อไหมว่าเขาให้พวกพี่ไปเรียนต่อ"  มนสิชาบ่นให้ปุยฝ้ายที่นั่งอยู่บนเตียงฟัง

              "เธอคิดว่าแย่แล้วเหรอ  ลองมาเป็นเด็กเรียนดูบ้างสิ  ต้องเรียนตั้งแต่คาบแรกจนคาบสุดท้าย  กลับมาก็ต้องทำการบ้านถึงสามทุ่ม  แล้วก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบก่อนเรียนด้วย   ฉันเรียนจนผมร่วงหมดแล้วเนี่ย"  ปุยฝ้ายบ่นพลางเอามือทึ้งผมตัวเอง

              "เดี๋ยวพี่ก็ต้องออกไปข้างนอกอีก  มีเรื่องต้องสืบเพิ่ม  ถ้าคนนี้ไว้ใจได้ล่ะก็  เราจะได้ข้อมูลแล้วก็ออกไปจากเมืองนี้ได้สักที"  มนสิชาให้กำลังใจปุยฝ้ายและตัวเอง

              "จริงนะ"  ปุยฝ้ายเข้ามากอดมนสิชา  "เราจะไปกันเมื่อไหร่เหรอ  ให้ฉันเก็บของเลยเปล่า"

              "เร็วๆ นี้แหละ"

              มนสิชารอจนใกล้เวลานัดจึงออกไปจากหอนอน  หอสมุดอยู่ตรงใจกลางเมือง  ทิศใต้วางผังเมืองเหมือนใยแมงมุม  แค่เดินเข้าไปหาใจกลางเมือง  ไม่ว่าจะมาจากทิศไหนก็สามารถเจอหอสมุดได้ทั้งนั้น  หอสมุดของที่นี่เป็นอาคารสีใสรูปทรงหลายเหลี่ยม  แต่ละชั้นมีกระจกใสติดเพื่อรับแสงสว่างตลอดเวลา

              ดาวเหนืออยู่รออยู่หน้าประตูทางเข้า  เขาไม่ได้พกหนังสืออะไรมาเลย  ในขณะที่มนสิชาพกหนังสือใส่กระเป๋ามาด้วย  อย่างน้อยก็ต้องทำให้เนียนไว้ก่อนว่ามาอ่านหนังสือ  บรรณารักษ์ตรงทางเข้าไม่ได้สังเกตเห็นพวกเขา  ดาวเหนือนำทางไปยังลิฟท์  แล้วกดลงไปยังชั้นใต้ดิน  ที่มีป้ายเขียนว่าสำหรับเจ้าหน้าที่เท่านั้น

              "นายจะไปไหน"  มนสิชาประท้วง

              "ตามมาเถอะน่า"  เขาบอก

              ลิฟท์เปิดออกโดยอัตโนมัติเมื่อถึง  แสงไฟสว่างจ้าทำให้ไม่รู้สึกน่ากลัว  มีคนนั่งล้อมวงรอบโต๊ะประชุมอยู่แล้ว  คนมากซะจนล้นออกมานั่งเก้าอี้รอบๆ  ดาวเหนือหาเก้าอี้ให้เธอและเรียกให้เธอมาใกล้ๆ

              "ผมพาสมาชิกใหม่มาด้วย  เธอเป็นอัศวินชั้นสอง  มาแนะนำตัวหน่อยสิ"

              "สวัสดีค่ะ  มนสิชา  ภูริเดโชค่ะ"

              เสียงปรบมือดังขึ้นอย่างกระตือรือร้น  มนสิชายังไม่เข้าใจนักว่าพวกเขามารวมตัวกันทำอะไรที่นี่  เธอคิดในใจว่าขายตรงหรือ  หรือว่าแชร์ลูกโซ่

              "อธิบายมาหน่อยสิ  ว่าพวกนายมารวมตัวกันเพื่ออะไร"  มนสิชากระซิบถาม

              "สวัสดีครับทุกคน"  คนที่ท่าทางเหมือนหัวหน้าลุกขึ้นเอ่ย  ผมเขาสีน้ำตาลอ่อน  หน้าตาเหมือนลูกครึ่งตะวันตกกับเอเชีย  เสียงคุยกันเงียบลงในทันที  "วันนี้เราต้องสรุปกันได้แล้วนะครับ  ว่าเราจะยึดอำนาจได้ยังไง"

              "ยึดอำนาจ"  มนสิชาเลิกคิ้วถามดาวเหนือ

              "คุณผู้หญิงครับ  อย่าเพิ่งคุยกันสิครับ"  ผู้นำหันมาทางเธอ  มนสิชายิ้มแห้งๆกลับไป  เขาจึงเอ่ยต่อ  "เราเป็นทิศที่มีการปกครองแบบประชาธิปไตย  แต่หัวหน้านักเรียนกลับใช้ระบบเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม  เขาให้ทุกคนทำงานโดยได้รับส่วนแบ่งอาหาร  เสื้อผ้า  และที่อยู่เท่าๆ กัน  ทั้งที่แต่ละคนทำงานไม่เท่ากัน  เขาใช้อำนาจเด็ดขาดในการบังคับให้นักเรียนทุกคน  เรียน  เรียน  และเรียน  ไม่สนับสนุนให้ทำกิจกรรม  ไม่ให้เริ่มกิจการ  ไม่ให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์  พวกเราจะไม่ทนกับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว"

              เสียงเชียร์ดังกึกก้อง  จนเสียงสะท้อนกลับมา  มนสิชาเกรงว่าฝ่ายหัวหน้านักเรียนจะได้ยิน  เธอรู้สึกไม่สบายใจมากๆ

              "ไม่ต้องห่วงนะ  ที่นี่เก็บเสียง"  ดาวเหนือกระซิบบอก

              "ผมมาคิดดูแล้วว่าเราจะใช้วิธีประชุมกับทั้งสี่ทิศไม่ได้  เพราะเรื่องของเราคงตกตั้งแต่โหวตว่าสมควรได้รับการรับฟังจากนักเรียนทั้งหมดหรือเปล่า  ดังนั้นเราต้องให้นักเรียนทิศใต้เลือกหัวหน้านักเรียนคนใหม่  เราจะแจกใบปลิว  แล้วประท้วงเพื่อขับไล่คุณสุกฤตออกไป"

              เสียงเชียร์ดังขึ้นอีกครั้ง

              หลังจากนั้นมีการคัดเลือกหัวหน้าทีมเพื่อทำงาน  ดาวเหนือดูอารมณ์ดีและมีชีวิตชีวาผิดกับตอนเรียนหนังสือเสียอีก  ที่นี่ทุกคนรู้จักกันหมด  และรักกันเหมือนพี่น้อง  แตกต่างจากในห้องเรียนที่แบ่งออกเป็นกลุ่มๆตามความสามารถ  ดาวเหนือเป็นหัวหน้าทีมใช้กำลังยึดอำนาจ  เพราะเขามีประสบการณ์ด้านการเป็นอัศวินนั่นเอง

              "เราจะเปลี่ยนจากโรงเรียนที่เอาแต่เรียน  มาเป็นโรงเรียนที่ใช้หัวใจดำเนินชีวิต"  ดาวเหนือเอ่ยกับมนสิชา  "เธอก็มาช่วยฉันเถอะนะมน" 

              "ฉันจะช่วยเท่าที่ทำได้นะ"  มนสิชาตอบทั้งที่ไม่แน่ใจ

              พวกเขาคุยงานกันจนดึก  แล้วแยกย้ายก่อนหอนอนจะปิด  ดาวเหนือเดินไปส่งมนสิชาที่หอนอน  เพื่อคุยอะไรต่ออีกหน่อย

              "นายคิดว่าคุณสุกฤตเขาเป็นคนยังไงเหรอ  เป็นคนดีหรือเปล่า"  มนสิชาถาม

              "ถ้าไม่นับเรื่องที่บังคับให้พวกเราเรียน  ก็ถือว่าเป็นคนใช้ได้คนหนึ่งละนะ"  ดาวเหนือเอ่ยกลางๆ

              "แล้วเป็นไปได้หรือเปล่าที่เขาจะปล่อยเหยี่ยวยักษ์ไปที่ทิศเหนือ"  มนสิชากลั้นใจรอคำตอบ

              "เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก  เพราะมอนสเตอร์ที่บินได้ไม่เคยมีที่ทิศใต้เลยนะ  อย่าว่าแต่เหยี่ยวเลย  แม้แต่แมลงวันยังไม่มีเลย"

              "งั้นเหรอ"  มนสิชาพยักหน้า  พวกเขาเดินมาถึงหอของมนสิชาพอดี  "เจอกันนะดาวเหนือ  ขอบคุณที่ชวนนะ"

              "อืม  เจอกัน"  ดาวเหนือโบกมือให้

              มนสิชาเปิดประตูเข้ามาในห้องอย่างรวดเร็ว  ชูครีมกำลังแต่งตัว  ส่วนปุยฝ้ายนอนพังพาบกับพื้น

              "มีข่าวดีละปุยฝ้าย"  มนสิชาเอาใจคนกำลังเหนื่อยแทบขาดใจ  "พรุ่งนี้เราจะไปจากที่นี่กันแล้ว"

              "ว่าไงนะ"  มุมปากของปุยฝ้ายกระตุกขึ้น  "พูดจริงนะ"

              "ทำไมกระทันหันจังค่ะ  คุณมนได้ข่าวอะไรมาหรือคะ"  ชูครีมถาม  อยู่ในชุดนอนเรียบร้อย

              "ดาวเหนือเขาชวนพี่ไปเข้าร่วมกลุ่มปฏิวัติมาน่ะ  แล้วตอนที่เขาอารมณ์ดี  พี่ก็เลยถามว่าทิศใต้ส่งเหยี่ยวไปที่ทิศเหนือหรือเปล่า  เขาบอกว่าที่นี่ไม่มีมอนสเตอร์ที่มีปีกหรอก  มันก็ชัดเจนแล้วว่าเราต้องไปสืบที่อื่นต่อ"

              "นั่นสินะคะ  ยิ่งเราช้า  ครอบครัวของเราก็ยิ่งทุกข์ใจ" ชูครีมเห็นด้วย

              "พรุ่งนี้เราไปกันแต่เช้าเถอะนะ"  ปุยฝ้ายบอก  ลูบแขนที่ขนลุกเมื่อนึกถึงการเรียน

              มนสิชาหยิบกระดาษมาเขียนจดหมายลาถึงเพื่อนเพียงคนเดียวของเธอที่นี่  เธอหวังว่าดาวเหนือจะไม่โกรธที่เธอไปโดยไม่ลา

Patuloy na basahin ang aklat na ito nang libre
I-scan ang code upang i-download ang App

Pinakabagong kabanata

  • เมืองนิทรา   บทที่ 33 (ตอนจบ)

    หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ปุยฝ้ายไปเยี่ยมดนุเดชที่เรือนจำ พวกเขานั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับให้ญาติมาเยี่ยม ดนุเดชดูโทรมไปถนัดตา ขอบตาดำคล้ำอย่างคนนอนไม่หลับ เขาสวมเสื้อสีน้ำตาล หมดแววคุณหมอไฮโซที่ปุยฝ้ายเคยรู้จัก "พ่อทานข้าวบ้างหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายพยายามยิ้มให้พ่อ แต่ทำไม่ได้เลย "กินได้บ้างแล้ว" ดนุเดชตอบคอแห้งเป็นผง "เจ้าหน้าที่เขาเข้ามาคุยกับหนูเมื่อวาน บอกข่าวว่าศาลจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง" ปุยฝ้ายจั่วหัวไปเท่านั้น ดนุเดชดูไม่สนใจฟังว่าคนอื่นจะทำยังไงกับตน "พ่อต้องได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ คนไข้คนอื่นเขาจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่จะไม่มีใครยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกทีมบริหารบอกผ่านคุณย่ามาว่าโรงพยาบาลของเราจะล้มละลาย คุณย่าจะมาจัดการเรื่องขายโรงพยาบาลให้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ดนุเดชดูเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร "แน่นอนว่าคุณพ่อต้องติดคุก แล้วพวกเราจะโดนฉีดยาสลายเวทมนตร์ ไม่เฉพาะเราสองคน แต่เป็นคนใช้เวทมนตร์ทั้งประเทศจะโดนเหมือนกันหมด" ปุยฝ้ายถอนหายใจ "ปกติเราก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กันอยู่แล้ว เรื่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 32

    ดนุเดชเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน ผู้ถือหุ้น คนไข้ รวมทั้งลูกสาวกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับการประท้วงที่หน้าโรงพยาบาล นักข่าวเริ่มมาทำข่าวกันแล้ว เวทมนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในเวลานี้ พวกเขามองว่าคนใช้เวทมนตร์เป็นคนไม่ดี แต่สำหรับเขาเวทมนตร์หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ได้เพื่อให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา คำสาปทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้ร่ายคำสาปเสมอ ดนุเดชร่ายเวทมนตร์เก่าแก่อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม คนไข้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังฝัน และฝันก็คือร่องรอยของแต่ละคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด เขาสาปอีกครั้ง เป็นคำสาปที่ไม่รุนแรงนัก มีผลแค่ทำให้คนไข้ทั้งหนึ่งพันกว่าคนฝันร้าย มนสิชาเป็นหนึ่งในผู้ต้องคำสาป เธอเห็นดวงตะวันถูกเมฆบังจนมืดสนิท ยมบาลตัวสีแดงถือไม้ตะบองที่มีหนามแหลมทั่วทั้งอันมาด้วย เขาร้องเสียงดุร้าย "หยุดก่อน!" มนสิชาวิ่งหนี ชายตัวแดงวิ่งตามเธอมาเพียงสามก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้ไม้ตะบองตีหัวเธอ หนามแหลมทะลุเข้าไปในสมอง มนสิชาร้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 31

    มนสิชาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มอุ่นห่มให้เธอถึงอก มองไปรอบๆห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องพักในโรงพยาบาล กุมภากำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ น้องสาวกรนเบาๆ "กุมภา" มนสิชาเรียกน้องสาวเสียงแหบ กุมภาคิดว่าฝันไปจึงหลับต่อ แต่เมื่อคิดอีกทีว่าเธออยู่กับพี่สาวตามลำพังจึงเปิดตาขึ้นมอง เห็นมนสิชายันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าขาวซีด "พี่มน!" กุมภาเด้งตัวลุกมาหาพี่สาว "พี่มนๆๆ" "จ้ะ พี่เอง" มนสิชายิ้มให้ รู้สึกตัวหนักไปหมด คอก็แห้งผาด "ขอ..น้ำ" กุมภารินน้ำให้พี่สาว มนสิชาดื่มอย่างกระหาย เสียงเธอกลับมาสดชื่นขึ้นเล็กน้อย "พี่รู้ไหมว่าหนูลำบากมากแค่ไหนตอนพี่ไม่ได้สติ ต้องช่วยพ่อทำงาน ต้องมาเฝ้าพี่ และทำงานพิเศษด้วย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะหาค่ารักษาที่ไหนมาจ่ายให้พี่" กุมภาบอกความในใจทั้งหมดกับพี่สาว มนสิชาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องจริงต้องร้ายแรงกว่าที่คุยกับปริญ มนสิชาพยายามจะตอบ แต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา "...โทษ ขอโทษ" เธอจึงร้องไห้ออกมาแทน

  • เมืองนิทรา   บทที่ 30

    สุกฤตเดินเล่นกับเทพทัตในสนามหญ้าของโรงเรียนทิศเหนือ พวกเขายิ้มให้กับนักเรียนที่เดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนักเพราะสุกฤตค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เทพทัตรับตำแหน่งประธานนักเรียน "ผมอยากให้คุณเทพทัตผลิตเงินให้เยอะขึ้นครับ บอกตามตรงว่าชนชั้นแรงงานไร้ฝีมือค่อนข้างเยอะ แล้วพวกเขาก็ประท้วงกันบ่อยครั้งว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น" สุกฤตปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น "ถ้าผมทำอย่างนั้น เงินจะมีค่าน้อยลง ของทุกอย่างจะแพงขึ้นนะครับ" เทพทัตอธิบายเศรษฐศาสตร์แบบง่ายๆ "แค่ให้คนรู้สึกว่ามีเงินในมือเยอะขึ้น เท่านั้นก็พอแล้วครับ พวกเราก็ค่อยโทษว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของกันแพง จนทำให้พวกเขาซื้อของได้น้อยลง แต่ข้อดีคือพวกอสังหาริมทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ละทิศที่ก่อสร้างบ้านขึ้นมาก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ แถมค่าเช่าก็จะขึ้นได้อีก" สุกฤตเอ่ย "นั่นสินะครับ" เทพทัตหัวเราะอย่างพอใจ "ผมไม่นึกว่าคุณสุกฤตจะมีหัวการค้าขนาดนี้" "ผมเองก็มักจะใช้เวลาใคร่ครวญสิ่งต่างๆเสมอ มันคงเป

  • เมืองนิทรา   บทที่ 29

    ย่านการค้าทิศตะวันออกกลับมาคึกคักอีกครั้ง มนสิชาได้โอกาสเดินไปคุยกับแม่ค้าแอปเปิ้ลที่นั่งอยู่ เธอเป็นหญิงร่างท้วมตัวสูง หน้าตาซีเรียส มนสิชาแอบคิดว่าแผงของเธอคงไม่ต้องการใครมาปกป้อง เพราะเธอท่าทางจะปกป้องตัวเองได้แน่ๆ "ลูกละสิบห้าบาทจ้า กรอบหวานทุกลูกเลยนะ" แม่ค้าเอ่ย "เรามาถามเรื่องคนที่ชื่อโอ๊ตน่ะคะ" ปุยฝ้ายถามแทน ชูครีมเดินตามมาทีหลัง เพราะถือของกินพะรุงพะรัง "เขาตื่นไปนานแล้วนี่" แม่ค้าสาวบอก ดูแปลกใจที่มีคนมาถามเรื่องโอ๊ต "ค่ะ เพราะเขาตื่นแล้ว เราเลยอยากได้ข้อมูลของเขาไงคะ" มนสิชาบอก "แล้วแม่ค้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องโอ๊ตด้วย" "ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าก่อนมาที่นี่เขากระโดดให้รถชน พอรู้ตัวอีกทีก็ติดอยู่ในความฝันแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอนาคตและไม่นึกถึงอดีต เขาพอใจที่สามารถเริ่มต้นชีวิตในความฝันใหม่ได้ เคยมาคุยกับฉันว่าจะไม่ตามหาวิธีตื่น แต่แค่สามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็ตื่นขึ้นค่ะ" ทั้งสามคนเงียบฉี่ ต่างคนต่างนึกว่าต้องถามอะไรอีก แต่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

Higit pang Kabanata
Galugarin at basahin ang magagandang nobela
Libreng basahin ang magagandang nobela sa GoodNovel app. I-download ang mga librong gusto mo at basahin kahit saan at anumang oras.
Libreng basahin ang mga aklat sa app
I-scan ang code para mabasa sa App
DMCA.com Protection Status