Share

บทที่ 27

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2025-02-17 18:54:46

              กิ่งฟ้านั่งพักในห้องหัวหน้านักเรียน  มีเฟอร์นิเจอร์สั่งทำพิเศษดูคลาสสิคทั่วทั้งห้อง  เธอกัดเล็บเพื่อระบายความกระวนกระวาย  ในหัวหาทางทำทุกอย่างให้กลับไปเป็นเหมือนเดิม   ยิ่งคิดยิ่งเหมือนเจอทางตันเข้าไปทุกที  เสียงเคาะประตูดังขึ้นขัดจังหวะ

              "เชิญค่ะ"  กิ่งฟ้าเอ่ยด้วยเสียงอ่อนหวาน  ทั้งที่ใจรำคาญ

              "คุณกิ่งต้องรีบหนีแล้วค่ะ  พวกกบฏจู่โจมพวกเราอีกแล้ว"  อัศวินสาวรายงาน  เธอเป็นมือขวาที่ดีที่สุดของกิ่งฟ้าชื่อตีตี้

              "มากันเยอะไหมตีตี้"  กิ่งฟ้าถาม

              "เยอะค่ะ  แต่ตราบใดที่ยังรักษาชีวิตคุณกิ่งไว้ได้  เราก็ยังรักษาอำนาจไว้ได้ค่ะ"  ตีตี้ตอบ

              กิ่งฟ้าแทบจะกระโดดขึ้นจากเก้าอี้  พวกเธอวิ่งออกจากประตู  เจออัศวินของเธอกำลังต่อสู้กับกบฏ  เสียงคำรามของเหล่าสเลฟดังไปทั่วโรงเรียน  พวกเธอกำลังจะวิ่งไปทางประตูหลัง  แต่กบฏอีกกลุ่มหนึ่งวิ่งมาล้อมกิ่งฟ้าไว้ 

              "สเลฟจงออกมา"  ตีตี้ร้อง  จระเข้เผือกตัวใหญ่กว่าสามเมตรเดินไปประจันหน้ากับกลุ่มกบฏ  พวกเขาตกใจกับขนาดตัวของมัน  คมเขี้ยวสีเหลืองสกปรกเตรียมจู่โจมเต็มที่  "ทอง  ใครเข้ามาขวางกัดให้หมด"

              "สเลฟจงออกมา"  กบฏรายหนึ่งเรียกสเลฟช้างอัฟริกันตัวใหญ่ออกมาจากประตูมิติ  มันร้องคลั่งแล้วพุ่งเข้าทับจระเข้  แต่จระเข้สะบัดหัวหลบแล้วกัดเข้าที่ขาช้าง  แม้จะใหญ่เพียงไร  ผิวหนังก็ไม่อาจทนคมเขี้ยวของจระเข้ได้  ช้างใหญ่ร้องอย่างเสียขวัญก่อนกระทืบเท้าเข้าใส่จระเข้  แต่จระเข้หลบได้อย่างหวุดหวิด  ช้างสะบัดหัวแล้วฟาดงวงเข้าใส่  จระเข้ใช้โอกาสนั้นกัดเข้าที่งวง

              ช้างใหญ่สะดุ้งแล้วสะบัดงวงให้หลุดจากการควบคุม   มันสะบัดอย่างแรงจนจระเข้ลอยไปห้าเมตร  กบฏรายอื่นเห็นความเข้มแข็งของทองแล้วจึงไม่กล้าเรียกสเลฟของตัวเองออกมา  พวกเขายืนอยู่ห่างๆเพื่อดูท่าที

              "กัดให้หมดเลยทอง"  ตีตี้ร้องอีกรอบ  จระเข้ยักษ์วิ่งเข้าใส่  พวกกบฏเห็นท่าไม่ดีจึงวิ่งหนีไป  พวกเขาเรียกกลุ่มเพื่อนที่กำลังต่อสู้ให้ตามกันออกไปด้วย

              "ทำดีมาก  ตีตี้"  กิ่งฟ้าชม

              "เท่านี้เราก็อยู่อย่างสงบไปอีกสักพักนะคะ"

              กิ่งฟ้ายิ้ม  นึกขอบคุณคำสอนของพ่อที่บอกให้เธอรักษาน้ำใจของทีมงานเอาไว้เสมอ  ไม่ว่ายามทุกข์หรือยามสุขพวกลูกน้องก็จะไม่ทิ้งเธอไปไหน

              "เห็นที  เราต้องออกกฎเพิ่มซะแล้วล่ะ"  กิ่งฟ้าเอ่ยอย่างเฉียบขาด

              "ได้ค่ะ"  ตีตี้ตอบรับ

              "ห้ามนักเรียนในเขตทิศตะวันออกออกจากบ้านยามวิกาล  ตั้งแต่หกโมงเย็นถึงหกโมงเช้า  ห้ามทุกคนพกอาวุธ  ห้ามเรียก สเลฟออกมาโดยไม่มีมอนสเตอร์ในรัศมีสิบเมตร  และห้ามชุมนุมภายใต้อาคารเดียวกันเกินห้าคนขึ้นไป"

              "รับทราบค่ะ  ตีตี้จะไปประกาศเดี๋ยวนี้เลยค่ะ"

              "ขอบคุณมากตีตี้"

              สถานการณ์ภายใต้การประกาศกฎใหม่ของกิ่งฟ้าเปลี่ยนไป  ในตัวเมืองแทบจะไม่มีคนมาซื้อของเหมือนอย่างเคย  นักเรียนที่ยังอยู่ถึงทุกวันนี้  คือพวกที่เสียดายบ้านและทรัพย์สินต่างๆที่อุตส่าห์สร้างมา  ส่วนคนที่ไม่มีสมบัติอะไรก็ยังเสียดายสังคมเพื่อนที่มีมานานหลายเดือน  แต่คนที่ตัดสินใจออกจากเมืองก็เกือบครึ่งไปแล้ว  บรรยากาศในตัวเมืองจึงเงียบเหงาและความไม่พอใจในตัวผู้นำก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

              มนสิชา  ปุยฝ้าย  และชูครีมเดินทางมาถึงเขตทิศตะวันออกเวลาเช้าตรู่  คนบางตาอย่างเห็นได้ชัด  พวกเธอเดินไปยังร้านกาแฟโบราณที่เคยมาสืบข่าว  มีคนนั่งอยู่ในร้านแค่สองคน  เจ้าของร้านหน้าซีดเผือกเมื่อเห็นสามสาวเดินมา

              "ซื้อได้  แต่นั่งโต๊ะไม่ได้นะครับ"  เขาบอกน้ำเสียงเกรงใจ

              "ทำไมล่ะคะ  โต๊ะยังว่างอีกเยอะ"  ปุยฝ้ายถาม

              "เขาห้ามชุมนุมเกินกว่าห้าคนไงครับ  ผมไม่อยากมีเรื่องกับหัวหน้านักเรียนหรอกนะครับ  ถึงจะอยากได้รายได้ก็เถอะ"  เจ้าของร้านบอก  ขยับผ้ากันเปื้อนให้เข้าที่แก้เก้อ  กลัวจะโดนลูกค้าต่อว่า

              แทนที่จะนั่งร้านพวกเธอเดินไปตามถนนในย่านการค้า  มองเห็นชายหนุ่มเดินขายหนังสือพิมพ์  มือซ้ายถือหนังสือพิมพ์  ส่วนข้างขวาถือกระดาษกับปากกา  ความอยากรู้อยากเห็นทำให้เข้าไปดูใกล้ๆ

              "ร่วมลงชื่อกันขับไล่คุณกิ่งฟ้าออกจากทิศตะวันออกนะครับ  หนึ่งเสียงของท่านจะเป็นพลังทำให้ทิศตะวันออกของเราดีขึ้นครับ"  เด็กขายหนังสือพิมพ์ตะโกน

              มีคู่รักเดินมาลงชื่อในกระดาษด้วย  อีกหลายคนมองอยู่ห่างๆ  ไม่อยากเสี่ยงโดนลงโทษ  เมื่อมองดูใกล้ๆก็พบว่าจำนวนรายชื่อมีไม่ถึงครึ่งหน้ากระดาษเอสี่  ทั้งที่ต้องใช้คนกว่าครึ่งโรงเรียนถึงมีสิทธิไล่หัวหน้านักเรียนออกจากตำแหน่งได้       ความฝันของพวกเขายังอีกยาวไกล

              อัศวินทิศตะวันออกเดินมาจากไหนไม่รู้  เขาถือไม้ตะบองไว้ในมือ  ทำหน้าโหด  สำรวจความเรียบร้อยในเมือง  คู่รักที่ลงชื่ออยู่จึงรีบผละออกจากเด็กขายหนังสือพิมพ์  ซึ่งกลับมาขายหนังสือพิมพ์เหมือนเดิมอย่างรวดเร็ว

              "วันนี้คุณกิ่งฟ้าจะออกมาพบปะนักเรียนที่ใต้ต้นไทรกลางเมือง  ใครที่สนใจก็ไปถามปัญหาได้นะครับ"  อัศวินหน้าโหดไม่เห็นความผิดสังเกตใดๆ  จึงเอ่ยตามหน้าที่ของตน

              หลายคนฟังแล้วทำหน้ามุ่ย  กรอกตา  หรือสะบัดหน้าไปอีกทาง  อัศวินเห็นปฏิกิริยาแบบนั้นก็ทำท่าขึงขัง  กระแอมเสียงดัง  มีผลให้คนแสดงความไม่พอใจผ่อนคลายท่าที  เมื่อไม่มีธุระแล้วอัศวินจึงเดินกลับ  ผู้คนหลีกทางให้เขาเป็นทิวแถว  สามสาวมองหน้ากัน  เห็นเป็นโอกาสอันดี  จึงเดินไปที่ใต้ต้นไม้เดิม  พวกเธอเดินไปเรื่อยๆ  คิดว่าคงต้องไปนั่งเป็นกลุ่มท้ายๆ  แต่ที่ไหนได้  ไม่มีใครมาฟังการปราศรัยของกิ่งฟ้าเลยแม้แต่คนเดียว  เธอนั่งนิ่งมองคนเดินผ่านไปผ่านมา  ตาแข็งและแดงก่ำอย่างคนอดนอน  มนสิชาจึงเดินเข้าไปหาเธอทันที

              "สวัสดีค่ะคุณมน"  กิ่งฟ้าทักเมื่อเห็นเธอเดินตรงเข้ามา 

ใบหน้าอ่อนล้านั้นยิ้มอย่างโรยแรง

              "สวัสดีค่ะคุณกิ่ง"  มนสิชาตอบอย่างลังเล  มองดูพื้นแล้วกำลังจะนั่งลงไปพร้อมเพื่อนอีกสองคน

              "อย่านั่งบนพื้นเลยค่ะ  คงไม่มีใครมาหรอก  มานั่งด้วยกันบนแท่นนี้เถอะค่ะ"  กิ่งฟ้าเอ่ยอย่างหมดแรง  ไม่ถือตัวอีกต่อไป  "เป็นอย่างไรบ้างค่ะ"

              "มนเจอเพื่อนเก่าสองคนนี้  ก็เลยตามเขาไปอยู่ด้วยอ่ะคะ"  มนสิชาบอก  มีท่าทีเหมือนแก้ตัวนิดๆ  "ขอโทษนะคะ  ที่ไปโดยไม่บอก  ตอนนั้นเมืองวุ่นวายมากเลย"

              "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ  กิ่งคิดว่าคุณมนตายไปแล้วซะอีก     ดีนะคะที่ไม่ต้องสูญเสียความทรงจำไปอีกรอบ"  กิ่งฟ้าตอบอย่างแสนดี  "คุณมนมีอะไรหรือเปล่าคะ  ถึงได้มาที่นี่"

              "มนแค่อยากจะมาขอบคุณคุณกิ่งน่ะคะ  ที่ช่วยให้ที่พักแล้วก็สอนอะไรไว้หลายๆอย่าง"  มนสิชาตอบ

              "ถ้าอยากตอบแทน  ก็ทำอะไรสักอย่างสิคะ  ทำให้ทิศ

ตะวันออกกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม"  กิ่งฟ้าน้ำตาซึม  เธอหมดแรง  แต่ยังไม่สามารถปล่อยวางความต้องการของตัวเอง    ไปได้

              ทั้งสามคนส่ายหน้ากับความต้องการของกิ่งฟ้า

              "คุณกิ่งยังไม่เข้าใจจริงๆเหรอคะว่าเหตุการณ์นี้มันเกิดจากอะไร"  ปุยฝ้ายเอ่ยอย่างอดทนไม่ไหว

              "คุณจะบอกว่ากิ่งผิดสินะ"  กิ่งฟ้าอารมณ์เสียทันที  เธอเดินลงส้นกลับศูนย์บังคับบัญชา  "คุณไม่รู้หรอกว่ากิ่งผ่านอะไร  มาบ้าง  กว่าจะได้รับการยอมรับ"

              ตีตี้วิ่งมาดักหน้ากิ่งฟ้าตะโกนโหวกเหวกอีกครั้ง  ข้างหลังเธอมีอัศวินของกิ่งฟ้าวิ่งตามมาอีกขบวนใหญ่  ทุกคนวิ่งมาเป็นแถวอย่างมีระเบียบ

              "กบฏมาอีกแล้วค่ะคุณกิ่ง"  ตีตี้ร้อง  เหลียวหลังกลับไปมอง  เห็นฝูงสุนัขพร้อมกลุ่มกบฏวิ่งเข้ามามากมาย  นักเรียนเริ่มหลบเข้าบ้านพัก  หลายคนโผล่หัวออกมาดูจากหน้าต่าง  ส่วนกลุ่มกบฏใส่ชุดนักเรียน  เดินมาล้อมไว้

              "ผมว่าพวกคุณยอมแพ้ซะดีกว่า  คุณน่าจะละอายใจบ้างนะคุณกิ่งฟ้า"  หัวหน้ากบฏเอ่ยขึ้นเสียงดัง

              "พวกนายต่างหากที่ต้องละอายใจ"  ตีตี้เถียงแทน  "จะมายึดอำนาจจากคนที่ได้อำนาจมาจากประชาชนได้อย่างไร"

              "ไม่ใช่เรื่องของเธอยัยสุนัขรับใช้  ความชอบธรรมไม่มีสำหรับคนที่ขี้โกง"  หัวหน้ากบฏเอ่ย  ก่อนหันไปสั่งสเลฟของลูกน้องนับสิบตัว  เป็นสุนัขท่าทางดุจากหลากหลายพันธุ์    "กัดมัน!"

              อัศวินของกิ่งฟ้าไม่ได้มีท่าทีหวั่นไหว  แม้จำนวนจะเท่ากัน  แต่ก็เป็นที่รู้กันว่าอัศวินของกิ่งฟ้าแข็งแกร่งกว่าหลายเท่า

              "สเลฟจงออกมา"  เหล่าอัศวินเอ่ยพร้อมกัน  จระเข้เผือก  สุนัขจิ้งจอก  เสือ  รวมทั้งสัตว์อีกหลายชนิดที่ตัวโตและดุร้ายกว่าสุนัขออกมา  พวกสุนัขเห็นสัตว์ของกิ่งฟ้าก็ถอยหนี

              เสียงไซเรนดังขึ้นมาทันทีทันใด  เป็นสัญลักษณ์ของมอนสเตอร์ที่ออกมาจากเขตแดนของทิศตะวันออก  นักเรียนที่แอบดูอยู่ตามบ้านเรือนหลบเข้าไปในบ้าน  หลายบ้านปิดกระจกแล้วดูเหตุการณ์ต่อ  ไม่มีอัศวินคนไหนสนใจจะไปจัดการ        มอนสเตอร์  พวกเขายืนประจันหน้าเพื่อดูว่าใครจะเป็นฝ่ายพลั้งเผลอก่อนกัน 

              "สเลฟทุกตัวจัดการกบฏซะ"  ตีตี้เป็นคนออกคำสั่งแทนกิ่งฟ้า  สุนัขของกบฏส่งเสียงร้องอย่างหวาดกลัวเมื่อเสือตัวหนึ่งขย้ำคอมันจนเลือดออก  จระเข้เผือกจู่โจมใส่ขาหน้าของสุนัขตัวหนึ่งจนขาดสะบั้น  มันวิ่งกะเผลกกลับไปหานาย  เลือดสีแดงไหลหยดไปตามทาง  อีกหลายตัวหนีซะก่อนที่จะทรมานกับความเจ็บปวด

              ฝูงตะขาบตัวยาวกว่าครึ่งเมตรยาตราเข้ามาในเมือง  พื้นสีดำเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลยุบยับ  มีเสียงเท้ากระทบพื้นดังกรอบแกรบน่าขนลุก  ไม่นานเสียงผู้หญิงกรีดร้องดังมาตามทาง  พวกเขาหันไปมองฝูงมอนสเตอร์ที่เป็นตะขาบยักษ์อย่างสยองขวัญ

              "ทุกคนหยุดสู้กันก่อน"  กิ่งฟ้าตะโกนออกคำสั่ง  "จัดการ

มอนสเตอร์  ช่วยเหลือประชาชนก่อน  เรื่องกบฏเอาไว้ทีหลัง"

              "ครับ/ค่ะคุณกิ่ง"  อัศวินตะโกนพร้อมกัน

              "สวิทช์  นายพาคุณกิ่งบินอยู่ดูเหตุการณ์อยู่บนฟ้า"  ตีตี้ออกคำสั่งกับอัศวินคนหนึ่ง

              "ครับผม"  สวิทช์รับคำ  พากิ่งฟ้านั่งบนนกอีกายักษ์ที่สวมบังเหียนไว้แล้วลอยขึ้น

              "หยุดคุณกิ่งฟ้าให้ได้"  หัวหน้าฝ่ายกบฏตะโกน  "ไม่ต้องสนใจมอนสเตอร์  ฆ่าอัศวินฝ่ายตรงข้ามให้หมด"

              ชาวบ้านมองเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง  ทุกคนมองอัศวินอย่างกังวลใจ 

              อัศวินสั่งสเลฟเข้าโจมตีตะขาบ  เสือสเลฟเข้าไปโจมตีตะขาบขนาดกว่าครึ่งเมตร  มันใช้ขาหน้าตะปบหัว  ตะขาบพลิกตัวเพื่อหลบหนี  ใช้ขาคู่มหึมาหนีจากการจับกุมของเสือ  แต่เสือไม่ปล่อยไปง่ายๆ  เข้าไปกัดส่วนหัวของตะขาบอีก  ตะขาบอีกตัวเข้ามารุมเสือ  ปีนตัวเสือขึ้นไปทางขาแล้วกัดเสือเข้า  เจ้าเสือสะดุ้งเล็กน้อยกับความเจ็บ  จากนั้นก็ค่อยๆรู้สึกชาไปทั่วตัว  แล้วก็ขยับไม่ได้อีก  มันนอนนิ่งอยู่บนพื้นเป็นเหยื่อให้ตะขาบโจมตี 

              อัศวินเจ้าของเห็นเหตุการณ์โดยตลอดจึงเรียกสเลฟกลับ  กบฏเห็นเป็นโอกาสจึงสั่งสุนัขของเขาให้โจมตีอัศวินที่ไร้สเลฟ

              "กัดมันทิม"  กบฏสั่ง  ราวกับว่าตะขาบก็รอเวลาเช่นนี้อยู่เช่นกัน  มันจึงจู่โจมอัศวินพร้อมกันหลายตัว  แล้วปีนขึ้นไปตามขาชายหนุ่ม  ชายหนุ่มสะบัดออก  แต่ขาอีกข้างก็มีตะขาบปีนอยู่ดี  ตะขาบที่กัดขาจึงทะลุเข้าไปในผิวหนัง  แล้วสอดตัวเข้าไปในร่างกาย  อัศวินร้องลั่นอย่างเจ็บปวด  ทั้งแสบร้อนไปทั่วกาย  เขาล้มลงนอนดิ้นอยู่บนพื้น  ตะขาบยักษ์ตัวอื่นจึงเจาะเข้าไปในผิวหนังชายหนุ่มอีก  จากนั้นก็ทะลุออกมาทางปากบ้าง  ตามท้องบ้าง  เสียงร้องของอัศวินผู้เคราะห์ร้ายดังเข้าโสตประสาทของทุกคน  ไฟลุกโชนทั่วร่าง  แล้วสลายร่างกายชายหนุ่มจนสิ้น  เขากลับไปที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง

              "หยุดโจมตีอัศวินเดี๋ยวนี้นะ!"  กิ่งฟ้าที่บินอยู่ตะโกนลงมา  "พวกเขากำลังปกป้องทุกคน  พวกนายใจร้ายมากที่โจมตีคนที่กำลังช่วยคนอื่น"

              "ถ้าอย่างนั้นคุณกิ่งฟ้าก็ยอมมอบตัวซะดีๆ  แล้วพวกเราจะยอมวางมือ"  หัวหน้ากบฏเอ่ย  ยิ้มหยัน

              กิ่งฟ้าเงียบไปนาน  อำนาจคือสิ่งที่เธอปรารถนามาเนิ่นนาน  เป็นสิ่งที่พ่อเธอไม่เคยหยิบยื่นให้จนกว่าเขาจะตาย  เธอเลยไขว่คว้าหาอำนาจด้วยมือของตัวเองมาตั้งแต่ยังเด็ก  สิ่งนี้เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเธอ  แต่จะมีประโยชน์อะไร  ถ้าได้อำนาจมาแต่ไม่เหลือใครอยู่ใต้การปกครองของเธอ  กิ่งฟ้าถอนหายใจยืดยาว

              "ฉันตกลง  ถ้านายจะร่วมมือกันจัดการมอนสเตอร์ทั้งหมดนี้"  อัศวินหลายคนมองดูกิ่งฟ้าอย่างประหลาดใจ  พวกเขาติดตามเธอเพราะความเป็นผู้นำของเธอ  แต่ตอนนี้เธอกลับถอนใจง่ายๆ แบบนี้ได้อย่างไร

              "ไม่ได้นะคุณกิ่ง"  อัศวินหลายคนตะโกนขึ้น

              "นี่เป็นคำสั่งสุดท้ายของฉันในฐานะหัวหน้านักเรียนทิศตะวันออก  อัศวินทุกคนจงต่อสู้กับมอนสเตอร์เพื่อรักษานักเรียนทั้งหมดเอาไว้ให้ได้  และจากนี้ไปจงมีหัวหน้านักเรียนคนใหม่ผ่านการเลือกตั้ง"  กิ่งฟ้าประกาศแล้วไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก

              ผ่านไปราวสามชั่วโมง  อัศวินและกบฏร่วมมือกันปราบตะขาบยักษ์จนหมดสิ้น  มีคนบาดเจ็บบ้างแต่ไม่มีใครตายอีก  ชาวเมืองออกมาจากที่ซ่อนแล้วเดินเข้ามารวมตัวกันในเมือง  ช่วยกันเก็บซากมอนสเตอร์ใส่รถเข็น  หัวหน้ากบฏถอดหน้ากากสีดำออก  หน้าตาเขาสะอาดสะอ้าน  ผิวพรรณขาวผ่องตัดกับผมสีน้ำตาลอ่อน

              "ผมหัวหน้ากบฏ  ชื่อนวิน  ขอประกาศว่าตั้งแต่วันนี้ไปเราจะเนรเทศหัวหน้านักเรียนที่ชื่อกิ่งฟ้าออกจากทิศตะวันออก  แล้วเราจะเลือกตั้งหัวหน้านักเรียนคนใหม่ภายในสามวัน  ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหญ่"

              "เดี๋ยวก่อน"  ชายกำยำคนหนึ่งตะโกนมาจากระเบียงบ้าน  "แม้คุณกิ่งจะหลงไปในความมืดบ้าง  แต่พวกเราอยากให้โอกาสเธอ   และที่สำคัญในตอนที่คุณอยากจะเอาชนะเธอ  คุณไม่สนใจด้วยซ้ำว่าชาวบ้านอย่างพวกเราจะเป็นหรือตาย  คุณลอบทำร้ายอัศวินที่ต่อสู้เพื่อพวกเรา  ดังนั้นเราไม่ไว้ใจพวกคุณหรอก"

              "ใช่ๆ"  ชาวบ้านที่เหลือส่งเสียงออกมาในเชิงเห็นด้วย 

              "พวกเราเห็นแล้วว่าคุณกิ่งยังเป็นคุณกิ่งคนเดิม  เห็นความสำคัญของชีวิตมากกว่าอำนาจตัวเอง  ดังนั้นเราอยากให้คุณกิ่งกลับมาปกครองพวกเราเหมือนเดิม  กบฏอย่างพวกนายก็เลิกเสียที  พวกเราขอแค่ให้มีการฟื้นฟูเมืองก็พอแล้ว"

              กิ่งฟ้าน้ำตาไหลเมื่อเห็นว่ายังมีคนที่เข้าข้างเธอ  แม้ว่าเธอจะเคยสกปรกแค่ไหนก็ตาม  ไม่รู้ว่าตัวเองทำเรื่องโง่ๆ ไปได้ยังไง  ยังไงความผิดทุกอย่างก็ไม่ใช่ความลับ  ไม่ช้าหรือเร็วทุกคนก็จะรู้  เธอรู้สึกว่าตัวเองโง่มากที่ใช้กลโกงกับคนอื่น

              "สเลฟจงออกมา"  หัวหน้ากบฏอารมณ์เสีย  จึงประกาศเรียกสเลฟตัวเองออกมา  ที่แท้สเลฟของหัวหน้ากบฏก็เป็นสิงโต  "ฆ่าชายคนนั้นซะ"

              สิงโตร้องคำรามแล้วกระโดดขึ้นหน้าต่างอย่างว่องไว  เพียงแป๊บเดียวก็ขึ้นมาถึงระเบียงบ้าน  กิ่งฟ้าเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างจึงเร่งออกคำสั่ง

              "สวิทช์  พาฉันบินลงไป"

              นกกายักษ์บินลงไปหาชายที่พูดแทนเธอ  นกกายักษ์จิกตาสิงโตก่อนที่มันจะตะครุบเหยื่อ  มันตะปบกลับแต่ไม่โดน  กายักษ์จิกหัวสิงโตแล้วปล่อยลงสู้พื้นเบื้องล่าง  สิงโตกระแทกกับพื้น  มันดิ้นร้องอย่างทรมาน  ก่อนโดนหัวหน้ากบฏเก็บสเลฟกลับไป

              "พวกเราจะกลับมาใหม่"  หัวหน้ากบฏประกาศ  เขาไม่ยอมแพ้  และจะไม่มีวันเลิกล้มเด็ดขาด

              "ไม่ได้  ถ้าครั้งนี้พวกนายไม่ออกไปจากทิศตะวันออก  พวกเราก็ไม่ยอมเหมือนกัน"  ชายร่างกำยำบอก  ชาวเมืองหลายคนออกมาจากบ้านเรือนแล้วรวมตัวกันขับไล่พวกกบฏ

              "ออกไปๆ ๆ ๆ"  พวกเขาตะโกนไล่ซ้ำๆ  หลายคนโยนของใส่พวกเขาด้วย  พวกเขามองกิ่งฟ้าและชาวเมืองทิศตะวันออกอย่างแค้นใจ 

              "กิ่งขอประกาศกันตรงนี้ว่า  กิ่งจะยกเลิกกฎอัยการศึกที่เคยประกาศไป"  เสียงโห่ร้องจากพ่อค้าแม่ค้าดังขึ้นด้วยความยินดี  "และตั้งแต่พรุ่งนี้เราจะใช้เงินที่ได้จากซากมอนสเตอร์มาฟื้นฟูเมืองใหม่"  ชาวบ้านหลายคนตะโกนชื่อกิ่งฟ้าอย่างปลื้มใจ  อัศวินยิ้มตามไปด้วย  "ใครที่ไม่พอใจกิ่ง  สามารถวิจารณ์ได้อย่างอิสระ  กิ่งจะออกมานั่งรับฟังปัญหาของทุกคนเหมือนเดิมอาทิตย์ละครั้งค่ะ"

              ชูครีม  ปุยฝ้ายและมนสิชามองเหตุการณ์ต่างๆอย่างยินดี  ในที่สุดกิ่งฟ้าก็เข้าใจความหมายของการอยู่ร่วมกันอย่างสุจริต  เธอแก้ปัญหาด้วยวิธีการที่ถูกต้อง  และความถูกต้องต้องมาจากการเสียสละ  ไม่ใช่การจะเอาแต่ได้อย่างเดียวเหมือนที่เธอเคยคิดไว้

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 33 (ตอนจบ)

    หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ปุยฝ้ายไปเยี่ยมดนุเดชที่เรือนจำ พวกเขานั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับให้ญาติมาเยี่ยม ดนุเดชดูโทรมไปถนัดตา ขอบตาดำคล้ำอย่างคนนอนไม่หลับ เขาสวมเสื้อสีน้ำตาล หมดแววคุณหมอไฮโซที่ปุยฝ้ายเคยรู้จัก "พ่อทานข้าวบ้างหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายพยายามยิ้มให้พ่อ แต่ทำไม่ได้เลย "กินได้บ้างแล้ว" ดนุเดชตอบคอแห้งเป็นผง "เจ้าหน้าที่เขาเข้ามาคุยกับหนูเมื่อวาน บอกข่าวว่าศาลจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง" ปุยฝ้ายจั่วหัวไปเท่านั้น ดนุเดชดูไม่สนใจฟังว่าคนอื่นจะทำยังไงกับตน "พ่อต้องได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ คนไข้คนอื่นเขาจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่จะไม่มีใครยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกทีมบริหารบอกผ่านคุณย่ามาว่าโรงพยาบาลของเราจะล้มละลาย คุณย่าจะมาจัดการเรื่องขายโรงพยาบาลให้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ดนุเดชดูเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร "แน่นอนว่าคุณพ่อต้องติดคุก แล้วพวกเราจะโดนฉีดยาสลายเวทมนตร์ ไม่เฉพาะเราสองคน แต่เป็นคนใช้เวทมนตร์ทั้งประเทศจะโดนเหมือนกันหมด" ปุยฝ้ายถอนหายใจ "ปกติเราก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กันอยู่แล้ว เรื่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 32

    ดนุเดชเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน ผู้ถือหุ้น คนไข้ รวมทั้งลูกสาวกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับการประท้วงที่หน้าโรงพยาบาล นักข่าวเริ่มมาทำข่าวกันแล้ว เวทมนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในเวลานี้ พวกเขามองว่าคนใช้เวทมนตร์เป็นคนไม่ดี แต่สำหรับเขาเวทมนตร์หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ได้เพื่อให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา คำสาปทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้ร่ายคำสาปเสมอ ดนุเดชร่ายเวทมนตร์เก่าแก่อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม คนไข้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังฝัน และฝันก็คือร่องรอยของแต่ละคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด เขาสาปอีกครั้ง เป็นคำสาปที่ไม่รุนแรงนัก มีผลแค่ทำให้คนไข้ทั้งหนึ่งพันกว่าคนฝันร้าย มนสิชาเป็นหนึ่งในผู้ต้องคำสาป เธอเห็นดวงตะวันถูกเมฆบังจนมืดสนิท ยมบาลตัวสีแดงถือไม้ตะบองที่มีหนามแหลมทั่วทั้งอันมาด้วย เขาร้องเสียงดุร้าย "หยุดก่อน!" มนสิชาวิ่งหนี ชายตัวแดงวิ่งตามเธอมาเพียงสามก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้ไม้ตะบองตีหัวเธอ หนามแหลมทะลุเข้าไปในสมอง มนสิชาร้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 31

    มนสิชาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มอุ่นห่มให้เธอถึงอก มองไปรอบๆห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องพักในโรงพยาบาล กุมภากำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ น้องสาวกรนเบาๆ "กุมภา" มนสิชาเรียกน้องสาวเสียงแหบ กุมภาคิดว่าฝันไปจึงหลับต่อ แต่เมื่อคิดอีกทีว่าเธออยู่กับพี่สาวตามลำพังจึงเปิดตาขึ้นมอง เห็นมนสิชายันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าขาวซีด "พี่มน!" กุมภาเด้งตัวลุกมาหาพี่สาว "พี่มนๆๆ" "จ้ะ พี่เอง" มนสิชายิ้มให้ รู้สึกตัวหนักไปหมด คอก็แห้งผาด "ขอ..น้ำ" กุมภารินน้ำให้พี่สาว มนสิชาดื่มอย่างกระหาย เสียงเธอกลับมาสดชื่นขึ้นเล็กน้อย "พี่รู้ไหมว่าหนูลำบากมากแค่ไหนตอนพี่ไม่ได้สติ ต้องช่วยพ่อทำงาน ต้องมาเฝ้าพี่ และทำงานพิเศษด้วย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะหาค่ารักษาที่ไหนมาจ่ายให้พี่" กุมภาบอกความในใจทั้งหมดกับพี่สาว มนสิชาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องจริงต้องร้ายแรงกว่าที่คุยกับปริญ มนสิชาพยายามจะตอบ แต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา "...โทษ ขอโทษ" เธอจึงร้องไห้ออกมาแทน

  • เมืองนิทรา   บทที่ 30

    สุกฤตเดินเล่นกับเทพทัตในสนามหญ้าของโรงเรียนทิศเหนือ พวกเขายิ้มให้กับนักเรียนที่เดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนักเพราะสุกฤตค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เทพทัตรับตำแหน่งประธานนักเรียน "ผมอยากให้คุณเทพทัตผลิตเงินให้เยอะขึ้นครับ บอกตามตรงว่าชนชั้นแรงงานไร้ฝีมือค่อนข้างเยอะ แล้วพวกเขาก็ประท้วงกันบ่อยครั้งว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น" สุกฤตปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น "ถ้าผมทำอย่างนั้น เงินจะมีค่าน้อยลง ของทุกอย่างจะแพงขึ้นนะครับ" เทพทัตอธิบายเศรษฐศาสตร์แบบง่ายๆ "แค่ให้คนรู้สึกว่ามีเงินในมือเยอะขึ้น เท่านั้นก็พอแล้วครับ พวกเราก็ค่อยโทษว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของกันแพง จนทำให้พวกเขาซื้อของได้น้อยลง แต่ข้อดีคือพวกอสังหาริมทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ละทิศที่ก่อสร้างบ้านขึ้นมาก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ แถมค่าเช่าก็จะขึ้นได้อีก" สุกฤตเอ่ย "นั่นสินะครับ" เทพทัตหัวเราะอย่างพอใจ "ผมไม่นึกว่าคุณสุกฤตจะมีหัวการค้าขนาดนี้" "ผมเองก็มักจะใช้เวลาใคร่ครวญสิ่งต่างๆเสมอ มันคงเป

  • เมืองนิทรา   บทที่ 29

    ย่านการค้าทิศตะวันออกกลับมาคึกคักอีกครั้ง มนสิชาได้โอกาสเดินไปคุยกับแม่ค้าแอปเปิ้ลที่นั่งอยู่ เธอเป็นหญิงร่างท้วมตัวสูง หน้าตาซีเรียส มนสิชาแอบคิดว่าแผงของเธอคงไม่ต้องการใครมาปกป้อง เพราะเธอท่าทางจะปกป้องตัวเองได้แน่ๆ "ลูกละสิบห้าบาทจ้า กรอบหวานทุกลูกเลยนะ" แม่ค้าเอ่ย "เรามาถามเรื่องคนที่ชื่อโอ๊ตน่ะคะ" ปุยฝ้ายถามแทน ชูครีมเดินตามมาทีหลัง เพราะถือของกินพะรุงพะรัง "เขาตื่นไปนานแล้วนี่" แม่ค้าสาวบอก ดูแปลกใจที่มีคนมาถามเรื่องโอ๊ต "ค่ะ เพราะเขาตื่นแล้ว เราเลยอยากได้ข้อมูลของเขาไงคะ" มนสิชาบอก "แล้วแม่ค้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องโอ๊ตด้วย" "ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าก่อนมาที่นี่เขากระโดดให้รถชน พอรู้ตัวอีกทีก็ติดอยู่ในความฝันแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอนาคตและไม่นึกถึงอดีต เขาพอใจที่สามารถเริ่มต้นชีวิตในความฝันใหม่ได้ เคยมาคุยกับฉันว่าจะไม่ตามหาวิธีตื่น แต่แค่สามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็ตื่นขึ้นค่ะ" ทั้งสามคนเงียบฉี่ ต่างคนต่างนึกว่าต้องถามอะไรอีก แต่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status