Share

บทที่ 6

Author: Me.Daisy
last update Last Updated: 2024-12-22 11:05:16

              "พวกเรากลับบ้านกันดีไหมคะ"

              ชูครีมที่กลับมาแข็งแรงอีกครั้งถามขึ้นตอนเดินเล่นในเมือง  มนสิชาพยักหน้า

              "ไปกันๆ"  ปุยฝ้ายตอบรับเหมือนเด็ก

              บ้านของชูครีมและปุยฝ้ายอยู่ในย่านบ้านคนมีอันจะกิน  เพราะชูครีมทำเงินได้มากจากการต่อสู้กับมอนสเตอร์  ส่วนปุยฝ้ายก็คอยช่วยเพื่อนดูแลบ้าน  บ้านของสองสาวเป็นบ้านเดี่ยวสูงสองชั้น  มีบริเวณเล็กๆให้เดินผ่อนคลายได้  สไตล์โมเดิร์นนั้นแทรกซึมไปทุกอณูของบ้าน  ของทุกอย่างในบ้านเป็นสีขาวดำ   ปุยฝ้ายทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาผ้าเนื้อนิ่ม  เธอเด้งดึ๋งบนโซฟาพักหนึ่งกว่าจะหยุด  วัสดุที่ใช้ทำโซฟาไม่เหมือนในโลกความเป็นจริง    มนสิชานั่งลงตามจึงได้รู้ว่าความนิ่มและสัมผัสแสนสบายนั้นเหมือนอยู่บนปุยเมฆ

              ชูครีมเดินไปหยิบน้ำมาเสิร์ฟ

              "จะดีเหรอที่ให้พี่มาพักอยู่ด้วย"  มนสิชาถาม

              "หอพักของโรงเรียนเตียงแข็งมากเลยนะคะ  แถมยังเสียงดังด้วย  มาอยู่กับพวกเราเถอะค่ะ  บ้านนี้ยังมีที่ว่างอีกเยอะ"   ชูครีมตอบพลางยกน้ำขึ้นดื่ม  กลิ่นมะลิที่เธอลอยไว้หอมกรุ่นอยู่ในน้ำ  ปุยฝ้ายยกน้ำขึ้นดื่มบ้าง

              "น้ำประปาอีกแล้วเหรอ"

              "น้ำกรองต่างหาก"  มนสิชาแย้งหลังชิม

              "พวกเราได้กลิ่นกันไปคนละแบบเลยนะคะ  ทั้งๆที่ชูครีมเอาน้ำแร่มาลอยดอกมะลิแท้ๆ"  เธอถอนหายใจ  ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็แก้ต่อมรับรู้ใครไม่ได้สักที

              "เพราะกินอะไรก็อร่อยแบบนี้ไง  เธอถึงได้ตัวอ้วนขนาดนี้"  ปุยฝ้ายเลือกที่จะล้อเลียนชูครีมเพื่อลบความรู้สึกอิจฉา

              "เปล่านะคะ  ชูครีมอ้วนมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว"  ชูครีมออกโรงปกป้องชั้นไขมันตัวเอง  "ว่าแต่ทำไมต้องว่าชูครีมอ้วนด้วยล่ะคะ  คำก็อ้วนสองคำก็อ้วนเลยนะคะ"

              "ก็อ้วนจริงๆ นี่  จะให้พูดว่าผอมได้ยังไง"

              "คุณมนดูสิคะ  ปากร้ายแล้วยังไม่ยอมขอโทษอีก"

              มนสิชาหัวเราะกับบทสนทนาพวกนั้น 

              "ขอบใจมากนะ  ที่ให้พี่มาอยู่ด้วย"

              "ค่ะ/ไม่เป็นไร"  ชูครีมและปุยฝ้ายพูดพร้อมกัน

              "ว่าแต่นี่ก็เย็นมากแล้ว  ทำไมถึงยังไม่มืดสักทีล่ะ"  มนสิชาถาม

              "ที่นี่สว่างตลอดแหละค่ะ  ท้องฟ้าเป็นสีฟ้ามีก้อนเมฆก็จริง  แต่ถ้าขึ้นไปข้างบนจะเปลี่ยนเป็นสีเหลือง  และไม่มีดวงอาทิตย์ด้วย"  ชูครีมตอบ

              "แล้วทิศมาจากไหนล่ะ"

              "พวกเราตั้งขึ้นมาเองทั้งนั้นแหละ"  ปุยฝ้ายบอกก่อนเปลี่ยนเรื่อง  "เปลี่ยนชุดแล้วไปเดินเที่ยวกันไหม  ไปดูสวนดอกไม้สวยๆของส่วนกลางกัน" 

              "ไปสิ"  มนสิชาเตรียมลุกขึ้น

              พวกเธอกลับมาสวมชุดนักเรียนกันอีกครั้ง  ในเมืองมีคนเดินพลุกพล่าน  โรงเรียนทิศเหนือเป็นสถานที่ที่สงบสุข  ถ้าไม่นับว่ามีคนต้องเป็นห่วงอยู่ข้างหลัง  การเป็นหนุ่มสาวอยู่ที่นี่ตลอดไปก็ไม่เลวเหมือนกัน  มนสิชาคิดกับตัวเอง  เธอคาดหวังว่าสวนดอกไม้แปลงสวยที่ปุยฝ้ายแนะนำจะสวยและคุ้มค่าให้ไปเยี่ยมชม

              เดินมาราวสิบห้านาทีก็ถึงส่วนกลาง  อาคารเรียนยังคงทำหน้าที่ของมันอยู่เหมือนเดิม

              "สวนนี่เป็นที่ลับนะคะ  ไม่ค่อยมีคนรู้จักหรอก"  ชูครีมบอกแล้วนำทางไปหลังอาคารประชุม  ทางเดินแคบ  มืดและไม่ใช่ทางผ่านไปโรงเรียนทิศไหน  ทำให้ไม่มีใครชอบเดินมาทางนี้นัก  มีเนินเล็กๆก่อนปรากฎเป็นสวนดอกไม้ขนาดใหญ่  สภาพของมันเหี่ยวเฉา  ยืนตายคาต้น  บอกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าครั้งหนึ่งเคยมีสีอะไร

              มนสิชาเด็ดดอกไม้ขึ้นมาดอกหนึ่ง  ตอนแรกกลีบดอกยังชูสวยอยู่  แต่พอดึงออกมา  กลีบก็ร่วงหลุดไป  คราบสีเขียวของลำต้นที่เริ่มเปื่อยติดมือเธอขึ้นมา  หญิงสาวเช็ดมือกับผ้าเช็ดหน้าก่อนเดินตามเพื่อนๆไป

              "อะไรกัน  วันก่อนยังสวยอยู่เลย"  ปุยฝ้ายบ่น 

              ชูครีมเดินไปใต้ต้นไม้ต้นเดียวที่ยังเขียวสดอยู่  ปุยฝ้ายวิ่งตามมาหาชูครีม  ชูครีมเห็นว่าปุยฝ้ายจะต้องแกล้งชนเธอให้ล้มแน่  จึงหลบจากใต้ต้นไม้  แต่ปุยฝ้ายหลบไม่ทัน  ชนเข้ากับต้นไม้โครมใหญ่

              "ว้าย"  ปุยฝ้ายร้องกรี๊ดเสียงดัง  รังผึ้งตกลงมาใส่หัวเธอ  ฝูงผึ้งเกรี้ยวกราดโจมตีเหล่าเด็กสาว  มนสิชาวิ่งหนีไปทางหนึ่ง  ปุยฝ้ายและชูครีมวิ่งไปอีกทางหนึ่ง

              มนสิชาวิ่งไปทางลาด  ทำให้เธอเร่งความเร็วได้ดี  เธอวิ่งเข้าไปในป่าใหญ่  ต้นไม้ทำให้ผึ้งไขว้เขวได้บ้าง  จากนั้นเธอก็เจอบ่อเลี้ยงปลาสวยงาม  หญิงสาวไม่มีเวลาคิด  ดังนั้นเธอจึงโดดลงไปในน้ำ

              โครม!!

              มนสิชากลั้นหายใจได้แค่หนึ่งนาที  เธอโผล่พ้นน้ำขึ้นมาดูลาดเลา  ฝูงผึ้งบินผ่านไปแล้ว  เธอเตรียมขึ้นจากน้ำ  แต่ขาเธอติดสาหร่าย และขอบบ่อก็ไกลจนเอื้อมไม่ถึง  หญิงสาวพยายามลอยตัวให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้  แต่สาหร่ายก็ถ่วงขาเธอจนต้องร่วงกลับลงไปใต้น้ำอีก  เธอดันตัวขึ้นเหนือน้ำอีกครั้งก่อนตะโกน

              "ช่วยด้วย  ใครก็ได้ช่วยด้วย"

              มนสิชาตะโกนด้วยความหวัง  สองคนนั้นต้องได้ยินแน่ๆ

              ในฝันนี้อะไรๆก็สมจริงไปหมด  แม้แต่ตอนที่เธอจมน้ำก็ไม่มีอากาศให้หายใจจริงๆ  หญิงสาวถีบตัวขึ้นมาได้สำเร็จ  เพียงชั่วครู่ก็จมลงไปใหม่  จากนั้นมนสิชาก็รู้สึกเหนื่อย  หนังตาหย่อนลงจนปิดสนิท  ภาพทุกอย่างดับวูบ  เธอหลับไปทั้งที่อยู่ในน้ำ 

              ขณะเดียวกันปุยฝ้ายและครีมวิ่งมาทางอาคารส่วนกลาง  มีคนเดินเตร็ดเตร่อยู่นิดหน่อย  สองสาวร้องกรี๊ดไปตลอดทางจนคนหันมามอง  พอเห็นว่าเป็นฝูงผึ้งบินตามมา  ฝูงชนก็แตกตื่นหลีกทางให้สองสาวราวกับต้อนรับขบวนพาเหรด

              "เรียกสเลฟเถอะชูครีม"  ปุยฝ้ายเสนอพลางหอบหายใจ

              "สเลฟจงออกมา"  ชูครีมเรียกมังกรน้ำเงินของเธอ  "บลูฮาร์ทพ่นไฟใส่ผึ้งเร็ว"

              มังกรน้ำเงินพ่นไฟตามคำสั่งเจ้านาย  ฝูงผึ้งร่วงลงพื้น  แต่ยังมีบางตัวบินเกาะเกี่ยวใกล้หน้าชูครีมอยู่  มังกรแสนซื่อจึงหันมาเล็งตัวที่อยู่บนหน้าเธอ

              "อย่านะ  ว้ายยย"  ชูครีมร้องอย่างตกใจ  แล้วก็ได้กลิ่นไหม้บนหัว  ไฟสีฟ้ากำลังไหม้หัวเธอนั่นเอง  เด็กสาววิ่งเข้าห้องน้ำแล้วเอาหัวจุ่มลงอ่างล้างหน้า  ปุยฝ้ายวิ่งตามมาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง  เธอหัวเราะจนท้องเกร็งไปหมด

              "กะ..กลับไปตามหามนกันเถอะ"  ปุยฝ้ายพยายามหายใจให้ทันระหว่างที่ยังหยุดหัวเราะไม่ได้

              "เลิกหัวเราะได้หรือยังคะ"  ชูครีมพูดพลางสำรวจหัวตัวเอง กลิ่นไหม้ทำเธอเสียขวัญ

              สองสาวออกตามหามนสิชาโดยกลับไปที่เดิม  เดินเข้าป่า

ไปจนลึก  แต่ไม่เจอร่องรอยของหญิงสาวที่ไหนเลย

              "หรือว่าเธอจะกลับไปแล้วคะ"  ชูครีมถามปุยฝ้าย

              "อย่างแย่ที่สุด  เธอก็แค่ตายเท่านั้นเอง"  ปุยฝ้ายถอนหายใจ  เธอรู้สึกถูกชะตากับมนสิชาแท้ๆ  สองสาวเดินซึมกลับบ้าน

              เช้าวันใหม่มนสิชาลืมตาขึ้นมา  เธออยู่หน้าโรงเรียน  นาฬิกาของโรงเรียนบอกเวลาแปดโมงเช้า  นักเรียนส่วนใหญ่กำลังเดินขึ้นอาคารเรียน  ปุยฝ้ายและชูครีมเดินมาโรงเรียนอย่างเอื่อยๆ  เธอเจอมนสิชาเข้าพอดี  เห็นเธอยืนสำรวจร่างกายตัวเองและทำหน้าแปลกใจ

              "มาอยู่ที่นี่ได้ไงคะ  คุณมน  รู้ไหมพวกเราเป็นห่วงแค่ไหน"  ชูครีมเดินปรี่เข้ามา  เธอมองหน้าปุยฝ้ายแล้วก็พุ่งตัวเข้าไปกอดคอกันสามคน  ก่อนกระโดดเป็นวงกลมอีกครั้ง  "ดีใจนะคะที่กลับมาได้  ว่าแต่หายไปไหนมา"

              "ตอนแรกพี่ไปหลบในบ่อน้ำ  แต่ตอนที่กำลังจมน้ำจู่ๆก็ง่วง  พอตื่นขึ้นมาก็อยู่นี่แล้ว"  มนสิชาตอบ

              "คลื่นสมองของคนเราจะหลับฝันแบบที่เราเห็นโรงเรียนอยู่แบบนี้  แต่ก่อนหน้านั้นจะหลับไม่ฝันไม่เห็นอะไรไปพักหนึ่งหรือเรียกว่าหลับตื้น  แล้วเปลี่ยนไปหลับฝันซึ่งเป็นหลับที่ลึกกว่า แต่ว่าพอเกิดการหลับไม่ฝันทุกครั้งร่างกายในฝันก็จะหายไป  ดังนั้นมนก็เลยไม่ตายยังไงล่ะ"  ปุยฝ้ายอธิบาย  ทำตาปรือแล้วเธอก็ร้องออกมาเบาๆอย่างรู้ตัว จากนั้นก็หายตัวไป

              "อ้าว  ปุยฝ้าย"  มนสิชาเรียกหาเพื่อนที่จากไป

              "เป็นแบบนี้แหละค่ะ  เราไปนั่งเล่นหมากรุกกันดีกว่า"     ชูครีมจูงมือเมื่อเห็นปุยฝ้ายหลับไม่ฝันไปอีกคน

              "แล้วไม่ไปเรียนเหรอ"

              "เข้าเรียนเก้าโมงค่ะ"  ชูครีมตอบ

Me.Daisy

รบกวน กดไลค์ กดแชร์ กดติดตาม และคอมเม้นท์ ให้กำลังใจนักเขียนด้วยนะคะ อยากให้เนื้อเรื่องเป็นยังไง ภาษาให้เป็นแบบไหน หรือชอบงานตรงไหน คอมเม้นท์มาได้นะคะ

| Like
Continue to read this book for free
Scan code to download App

Latest chapter

  • เมืองนิทรา   บทที่ 33 (ตอนจบ)

    หลังจากนั้นอีกหนึ่งเดือน ปุยฝ้ายไปเยี่ยมดนุเดชที่เรือนจำ พวกเขานั่งโต๊ะที่จัดไว้สำหรับให้ญาติมาเยี่ยม ดนุเดชดูโทรมไปถนัดตา ขอบตาดำคล้ำอย่างคนนอนไม่หลับ เขาสวมเสื้อสีน้ำตาล หมดแววคุณหมอไฮโซที่ปุยฝ้ายเคยรู้จัก "พ่อทานข้าวบ้างหรือเปล่าคะ" ปุยฝ้ายพยายามยิ้มให้พ่อ แต่ทำไม่ได้เลย "กินได้บ้างแล้ว" ดนุเดชตอบคอแห้งเป็นผง "เจ้าหน้าที่เขาเข้ามาคุยกับหนูเมื่อวาน บอกข่าวว่าศาลจะทำอะไรกับพวกเราบ้าง" ปุยฝ้ายจั่วหัวไปเท่านั้น ดนุเดชดูไม่สนใจฟังว่าคนอื่นจะทำยังไงกับตน "พ่อต้องได้รับโทษตามกฎหมายค่ะ คนไข้คนอื่นเขาจะไม่เรียกค่าเสียหาย แต่จะไม่มีใครยอมจ่ายค่ารักษาพยาบาล พวกทีมบริหารบอกผ่านคุณย่ามาว่าโรงพยาบาลของเราจะล้มละลาย คุณย่าจะมาจัดการเรื่องขายโรงพยาบาลให้ คุณพ่อไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ" ดนุเดชดูเหม่อลอย ไม่ตอบอะไร "แน่นอนว่าคุณพ่อต้องติดคุก แล้วพวกเราจะโดนฉีดยาสลายเวทมนตร์ ไม่เฉพาะเราสองคน แต่เป็นคนใช้เวทมนตร์ทั้งประเทศจะโดนเหมือนกันหมด" ปุยฝ้ายถอนหายใจ "ปกติเราก็ไม่ได้ใช้เวทมนตร์กันอยู่แล้ว เรื่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 32

    ดนุเดชเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงาน ผู้ถือหุ้น คนไข้ รวมทั้งลูกสาวกดดันให้เขาต้องทำอะไรสักอย่างกับการประท้วงที่หน้าโรงพยาบาล นักข่าวเริ่มมาทำข่าวกันแล้ว เวทมนตร์เป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับคนไทยในเวลานี้ พวกเขามองว่าคนใช้เวทมนตร์เป็นคนไม่ดี แต่สำหรับเขาเวทมนตร์หรืออะไรก็แล้วแต่เป็นสิ่งที่เขาจะทุ่มเทให้ได้เพื่อให้ลูกสาวฟื้นขึ้นมา คำสาปทิ้งร่องรอยไว้ให้ผู้ร่ายคำสาปเสมอ ดนุเดชร่ายเวทมนตร์เก่าแก่อีกครั้ง ตอนนี้เป็นเวลาห้าทุ่ม คนไข้ทุกคนเข้านอนกันหมดแล้ว ดังนั้นตอนนี้ทุกคนกำลังฝัน และฝันก็คือร่องรอยของแต่ละคนที่เขาสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดายที่สุด เขาสาปอีกครั้ง เป็นคำสาปที่ไม่รุนแรงนัก มีผลแค่ทำให้คนไข้ทั้งหนึ่งพันกว่าคนฝันร้าย มนสิชาเป็นหนึ่งในผู้ต้องคำสาป เธอเห็นดวงตะวันถูกเมฆบังจนมืดสนิท ยมบาลตัวสีแดงถือไม้ตะบองที่มีหนามแหลมทั่วทั้งอันมาด้วย เขาร้องเสียงดุร้าย "หยุดก่อน!" มนสิชาวิ่งหนี ชายตัวแดงวิ่งตามเธอมาเพียงสามก้าวก็ถึงตัวเธอ เขาใช้ไม้ตะบองตีหัวเธอ หนามแหลมทะลุเข้าไปในสมอง มนสิชาร้

  • เมืองนิทรา   บทที่ 31

    มนสิชาลืมตาขึ้นมาอย่างช้าๆ เธอเห็นเพดานสีขาวที่ไม่คุ้นเคย ผ้าห่มอุ่นห่มให้เธอถึงอก มองไปรอบๆห้องก็พบว่าที่นี่เป็นห้องพักในโรงพยาบาล กุมภากำลังนอนหลับอยู่ที่โซฟาใกล้ๆ น้องสาวกรนเบาๆ "กุมภา" มนสิชาเรียกน้องสาวเสียงแหบ กุมภาคิดว่าฝันไปจึงหลับต่อ แต่เมื่อคิดอีกทีว่าเธออยู่กับพี่สาวตามลำพังจึงเปิดตาขึ้นมอง เห็นมนสิชายันตัวลุกขึ้นนั่ง หน้าขาวซีด "พี่มน!" กุมภาเด้งตัวลุกมาหาพี่สาว "พี่มนๆๆ" "จ้ะ พี่เอง" มนสิชายิ้มให้ รู้สึกตัวหนักไปหมด คอก็แห้งผาด "ขอ..น้ำ" กุมภารินน้ำให้พี่สาว มนสิชาดื่มอย่างกระหาย เสียงเธอกลับมาสดชื่นขึ้นเล็กน้อย "พี่รู้ไหมว่าหนูลำบากมากแค่ไหนตอนพี่ไม่ได้สติ ต้องช่วยพ่อทำงาน ต้องมาเฝ้าพี่ และทำงานพิเศษด้วย พวกเรายังไม่รู้เลยว่าจะหาค่ารักษาที่ไหนมาจ่ายให้พี่" กุมภาบอกความในใจทั้งหมดกับพี่สาว มนสิชาคิดอยู่แล้วว่าเรื่องจริงต้องร้ายแรงกว่าที่คุยกับปริญ มนสิชาพยายามจะตอบ แต่ไม่มีเสียงเล็ดรอดออกมา "...โทษ ขอโทษ" เธอจึงร้องไห้ออกมาแทน

  • เมืองนิทรา   บทที่ 30

    สุกฤตเดินเล่นกับเทพทัตในสนามหญ้าของโรงเรียนทิศเหนือ พวกเขายิ้มให้กับนักเรียนที่เดินเข้ามาทักทาย ทั้งสองคนไม่ค่อยจะได้คุยกันมากนักเพราะสุกฤตค่อนข้างเก็บตัว แต่เขาก็แสดงให้เห็นว่าตัวเองเปลี่ยนไปหลังจากที่เทพทัตรับตำแหน่งประธานนักเรียน "ผมอยากให้คุณเทพทัตผลิตเงินให้เยอะขึ้นครับ บอกตามตรงว่าชนชั้นแรงงานไร้ฝีมือค่อนข้างเยอะ แล้วพวกเขาก็ประท้วงกันบ่อยครั้งว่าอยากได้เงินเยอะขึ้น" สุกฤตปรึกษาปัญหาที่เกิดขึ้น "ถ้าผมทำอย่างนั้น เงินจะมีค่าน้อยลง ของทุกอย่างจะแพงขึ้นนะครับ" เทพทัตอธิบายเศรษฐศาสตร์แบบง่ายๆ "แค่ให้คนรู้สึกว่ามีเงินในมือเยอะขึ้น เท่านั้นก็พอแล้วครับ พวกเราก็ค่อยโทษว่าพ่อค้าแม่ค้าขายของกันแพง จนทำให้พวกเขาซื้อของได้น้อยลง แต่ข้อดีคือพวกอสังหาริมทรัพย์ก็จะแพงขึ้นด้วย แต่ละทิศที่ก่อสร้างบ้านขึ้นมาก็จะได้ประโยชน์จากตรงนี้ แถมค่าเช่าก็จะขึ้นได้อีก" สุกฤตเอ่ย "นั่นสินะครับ" เทพทัตหัวเราะอย่างพอใจ "ผมไม่นึกว่าคุณสุกฤตจะมีหัวการค้าขนาดนี้" "ผมเองก็มักจะใช้เวลาใคร่ครวญสิ่งต่างๆเสมอ มันคงเป

  • เมืองนิทรา   บทที่ 29

    ย่านการค้าทิศตะวันออกกลับมาคึกคักอีกครั้ง มนสิชาได้โอกาสเดินไปคุยกับแม่ค้าแอปเปิ้ลที่นั่งอยู่ เธอเป็นหญิงร่างท้วมตัวสูง หน้าตาซีเรียส มนสิชาแอบคิดว่าแผงของเธอคงไม่ต้องการใครมาปกป้อง เพราะเธอท่าทางจะปกป้องตัวเองได้แน่ๆ "ลูกละสิบห้าบาทจ้า กรอบหวานทุกลูกเลยนะ" แม่ค้าเอ่ย "เรามาถามเรื่องคนที่ชื่อโอ๊ตน่ะคะ" ปุยฝ้ายถามแทน ชูครีมเดินตามมาทีหลัง เพราะถือของกินพะรุงพะรัง "เขาตื่นไปนานแล้วนี่" แม่ค้าสาวบอก ดูแปลกใจที่มีคนมาถามเรื่องโอ๊ต "ค่ะ เพราะเขาตื่นแล้ว เราเลยอยากได้ข้อมูลของเขาไงคะ" มนสิชาบอก "แล้วแม่ค้าก็เป็นคนเดียวที่รู้เรื่องโอ๊ตด้วย" "ฉันเองก็รู้อะไรไม่มากหรอกค่ะ รู้แค่ว่าก่อนมาที่นี่เขากระโดดให้รถชน พอรู้ตัวอีกทีก็ติดอยู่ในความฝันแล้ว เขาเป็นคนที่ไม่มีอนาคตและไม่นึกถึงอดีต เขาพอใจที่สามารถเริ่มต้นชีวิตในความฝันใหม่ได้ เคยมาคุยกับฉันว่าจะไม่ตามหาวิธีตื่น แต่แค่สามวันที่เขามาอยู่ที่นี่ เขาก็ตื่นขึ้นค่ะ" ทั้งสามคนเงียบฉี่ ต่างคนต่างนึกว่าต้องถามอะไรอีก แต่

  • เมืองนิทรา   บทที่ 28

    วันเลือกตั้งใกล้เข้ามาทุกที นักเรียนทุกคนรอการหาเสียงจากแต่ละทิศอย่างตื่นเต้น เริ่มต้นจากทิศใต้ที่เน้นการศึกษา พวกเขารู้ดีว่านักเรียนที่อยู่ในโรงเรียนปัจจุบันเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาอยู่แล้ว ขณะเดียวกันนักเรียนทุกคนก็รู้ว่าหากอยากเรียนมากๆให้ไปทิศใต้ ดังนั้นจึงไม่สามารถตามหานักเรียนที่สนใจการศึกษาได้มากไปกว่านี้ สุกฤตจึงใช้เรื่องอื่นจูงใจนักเรียนแทน เขาสั่งให้อัศวินลอบไปทิศอื่นเพื่อปิดป้ายประกาศเสนอคูปองกินฟรีตลอดหนึ่งเดือนสำหรับนักเรียนใหม่ เพียงย้ายที่อยู่ไปในทิศใต้ก่อนวันเลือกตั้งเท่านั้น นักเรียนชายร่างท้วมเดินไปดูป้ายอย่างสนใจ พลางกอดคอเพื่อนหุ่นพอๆกับเขาไปด้วย พวกเขาอยู่ทิศตะวันออก ที่นี่ช่างสดใสเมื่อได้ปรับปรุงที่อยู่ใหม่ ส่วนคนที่ย้ายไปก็เริ่มกลับมาบ้างแล้ว "สมุทร นายว่าเราย้ายโรงเรียนกันสักเดือนดีไหม" ลำธารเพื่อนรักเอ่ยให้ฟังด้วยแผนการ "นายหมายถึง ย้ายไปเพื่อรับอาหารฟรีงั้นเหรอ" สมุทรหัวเราะในลำคอ "ก็ไม่มีใครตามมาบังคับให้เราต้องอยู่ที่นั่นตลอดไปนี่นา แถมพวกเรายังเป็นแรงงานไร้ฝีมื

More Chapters
Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status